"พูดกันตรงๆ ผมเป็นคนที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกับวง BIGBANG และ YG เพราะความผิดพลาดของผมเอง ด้วยเหตุนี้ ผมจึงบอกกับบริษัทและสมาชิกในวงมาหลายปีแล้วว่า ผมไม่สามารถสร้างความเสียหายให้บริษัทและเมมเบอร์ได้อีกต่อไป และผมจะออกจากวงไป
ตอนนี้ผมตัวคนเดียว ทำอะไรคนเดียว การรับคำวิพากษ์วิจารณ์และการถูกตำหนิเป็นเรื่องที่ผมต้องอดทนรับมัน แต่ถ้าผมกลับไปอยู่วงอีกครั้ง ป้ายความผิดพลาดของผมก็จะไปติดอยู่กับเมมเบอร์คนอื่นๆในวงด้วย ผมรู้สึกอับอายและเจ็บปวดใจมาก ผมได้บอกไปนานแล้วว่าจะออกจากวง แต่พอเห็นแฟนๆ หลายคนอยากให้วงกลับมารวมตัวกัน ผมก็รู้สึกเจ็บปวดมากเหมือนกัน"
"ผมอยากจะทำทุกอย่างให้ชัดเจนก่อนที่จะไป มันไม่มีช่องทางให้ผมได้พูดถึงเรื่องนี้เลย และเวลาที่เห็นข้อความจากแฟนๆ ที่อยากให้กลับมารวมกัน หรือเห็นรูปของเมมเบอร์ในวง ผมรู้สึกผิดมาก ความจริงแล้วความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานที่ผมรู้สึกเมื่อดูรูปครอบครัวที่แยกจากกันนั้น มันไม่สามารถอธิบายออกมาได้จริงๆ ถึงแม้ว่าการจากไปแบบเงียบๆ จะดูเหมือนใจร้าย แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้น"
"ณ ตอนนี้ผมไม่ได้ติดต่อกับเมมเบอร์ในวงเลย ผมไม่แน่ใจว่ามันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว แต่รู้สึกว่าตอนนี้ผมสงบนิ่งขึ้นมาบ้างแล้ว (น่าจะทำได้แล้ว) แต่จริงๆ แล้วผมรู้สึกผิดมากเลย เลยยังไม่กล้าที่จะติดต่อไป"
"ผมได้ดูการแสดงของ BIGBANG ในงาน MAMA Awards ปี 2024 ปลายปีที่แล้ว ผมได้ใช้ชีวิตในวัย 20 ปีร่วมกับ BIGBANG มันเป็นช่วงเวลาที่สวยงามมาก แต่ความผิดพลาดของผมทำให้วงได้รับผลกระทบ ผมขอโทษที่ความผิดพลาดของผมทำให้วงได้รับความเสียหายมาก และสมาชิกคนอื่นๆ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ผมจึงตั้งใจว่าผมจะออกจากวง เพราะไม่อยากทำให้พวกเขาได้รับความเสียหายและถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ในช่วงเวลานั้นมี โปรเจ็กต์เพลง Still Life (2022) เข้ามา และผมก็รับเพราะคิดว่า นี่จะเป็นการปรากฏตัวกับผลงานครั้งสุดท้ายของผมกับ BIGBANG ทั้งสำหรับแฟนๆ และสมาชิกในวง"
ท็อปกล่าวถึงช่วงวัย 30 ปีของเขาว่าเป็น"ช่วงเวลาที่สูญเสียไป' ซึ่งเต็มไปด้วย "ความละอายใจ ความเกลียดชังตัวเอง และการทบทวนตัวเองอย่างลึกซึ้ง"
ท็อปเล่าว่า "ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ผมใช้ชีวิตโดยแทบจะไม่ได้เข้าสังคมเลย ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ที่บ้านและในสตูดิโอ ผมจึงทำงานดนตรีในความมืดต่อไป และเหตุผลที่ผมทำเช่นนั้นก็ไม่ใช่เพราะอื่นใด แต่เพราะดนตรีเป็นเพียงที่เดียวที่ผมสามารถหายใจได้ เมื่อผมแต่งเพลงและยืนอยู่หน้าไมโครโฟน ผมคิดว่าผมทำเพลงเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดต่อไป"
"ผมแต่งเพลงมากมายนับไม่ถ้วน โดยเพียงแค่ฟังจากใจที่มืดมนและความขัดแย้งภายในใจของตัวเอง ผมต้องการเยียวยาตัวเองผ่านดนตรี และผมอยากแบ่งปันเพลงนั้นกับแฟนๆ ของผมในทางใดทางหนึ่ง"
ท็อปกล่าวถึงชีวิตในอนาคตของเขาว่า "เป้าหมายหลักของผมคือการสร้างชีวิตที่มั่นคงและสงบสุขมากขึ้น"
"ผมอยากไปถึงจุดที่ตื่นขึ้นมาโดยไม่ต้องโดนโหมกระหน่ำด้วยข่าวในเชิงลบและต้องการสัมผัสถึงชีวิตที่สงบสุขมากขึ้นกว่านี้"
T.O.P อธิบายถึงสาเหตุที่ออกจากวง BIGBANG
"พูดกันตรงๆ ผมเป็นคนที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกับวง BIGBANG และ YG เพราะความผิดพลาดของผมเอง ด้วยเหตุนี้ ผมจึงบอกกับบริษัทและสมาชิกในวงมาหลายปีแล้วว่า ผมไม่สามารถสร้างความเสียหายให้บริษัทและเมมเบอร์ได้อีกต่อไป และผมจะออกจากวงไป
ตอนนี้ผมตัวคนเดียว ทำอะไรคนเดียว การรับคำวิพากษ์วิจารณ์และการถูกตำหนิเป็นเรื่องที่ผมต้องอดทนรับมัน แต่ถ้าผมกลับไปอยู่วงอีกครั้ง ป้ายความผิดพลาดของผมก็จะไปติดอยู่กับเมมเบอร์คนอื่นๆในวงด้วย ผมรู้สึกอับอายและเจ็บปวดใจมาก ผมได้บอกไปนานแล้วว่าจะออกจากวง แต่พอเห็นแฟนๆ หลายคนอยากให้วงกลับมารวมตัวกัน ผมก็รู้สึกเจ็บปวดมากเหมือนกัน"
"ผมอยากจะทำทุกอย่างให้ชัดเจนก่อนที่จะไป มันไม่มีช่องทางให้ผมได้พูดถึงเรื่องนี้เลย และเวลาที่เห็นข้อความจากแฟนๆ ที่อยากให้กลับมารวมกัน หรือเห็นรูปของเมมเบอร์ในวง ผมรู้สึกผิดมาก ความจริงแล้วความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานที่ผมรู้สึกเมื่อดูรูปครอบครัวที่แยกจากกันนั้น มันไม่สามารถอธิบายออกมาได้จริงๆ ถึงแม้ว่าการจากไปแบบเงียบๆ จะดูเหมือนใจร้าย แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้น"
"ณ ตอนนี้ผมไม่ได้ติดต่อกับเมมเบอร์ในวงเลย ผมไม่แน่ใจว่ามันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว แต่รู้สึกว่าตอนนี้ผมสงบนิ่งขึ้นมาบ้างแล้ว (น่าจะทำได้แล้ว) แต่จริงๆ แล้วผมรู้สึกผิดมากเลย เลยยังไม่กล้าที่จะติดต่อไป"
"ผมได้ดูการแสดงของ BIGBANG ในงาน MAMA Awards ปี 2024 ปลายปีที่แล้ว ผมได้ใช้ชีวิตในวัย 20 ปีร่วมกับ BIGBANG มันเป็นช่วงเวลาที่สวยงามมาก แต่ความผิดพลาดของผมทำให้วงได้รับผลกระทบ ผมขอโทษที่ความผิดพลาดของผมทำให้วงได้รับความเสียหายมาก และสมาชิกคนอื่นๆ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ผมจึงตั้งใจว่าผมจะออกจากวง เพราะไม่อยากทำให้พวกเขาได้รับความเสียหายและถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ในช่วงเวลานั้นมี โปรเจ็กต์เพลง Still Life (2022) เข้ามา และผมก็รับเพราะคิดว่า นี่จะเป็นการปรากฏตัวกับผลงานครั้งสุดท้ายของผมกับ BIGBANG ทั้งสำหรับแฟนๆ และสมาชิกในวง"
ท็อปกล่าวถึงช่วงวัย 30 ปีของเขาว่าเป็น"ช่วงเวลาที่สูญเสียไป' ซึ่งเต็มไปด้วย "ความละอายใจ ความเกลียดชังตัวเอง และการทบทวนตัวเองอย่างลึกซึ้ง"
ท็อปเล่าว่า "ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ผมใช้ชีวิตโดยแทบจะไม่ได้เข้าสังคมเลย ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ที่บ้านและในสตูดิโอ ผมจึงทำงานดนตรีในความมืดต่อไป และเหตุผลที่ผมทำเช่นนั้นก็ไม่ใช่เพราะอื่นใด แต่เพราะดนตรีเป็นเพียงที่เดียวที่ผมสามารถหายใจได้ เมื่อผมแต่งเพลงและยืนอยู่หน้าไมโครโฟน ผมคิดว่าผมทำเพลงเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดต่อไป"
"ผมแต่งเพลงมากมายนับไม่ถ้วน โดยเพียงแค่ฟังจากใจที่มืดมนและความขัดแย้งภายในใจของตัวเอง ผมต้องการเยียวยาตัวเองผ่านดนตรี และผมอยากแบ่งปันเพลงนั้นกับแฟนๆ ของผมในทางใดทางหนึ่ง"
ท็อปกล่าวถึงชีวิตในอนาคตของเขาว่า "เป้าหมายหลักของผมคือการสร้างชีวิตที่มั่นคงและสงบสุขมากขึ้น"
"ผมอยากไปถึงจุดที่ตื่นขึ้นมาโดยไม่ต้องโดนโหมกระหน่ำด้วยข่าวในเชิงลบและต้องการสัมผัสถึงชีวิตที่สงบสุขมากขึ้นกว่านี้"