ผมชื่อเกมส์ครับ ผมเป็นคนอ้วนคนนึง ที่มีความสุขกับการกิน เรียกได้ว่าอะไรผ่านหน้าบ้าน ถ้าเป็นอาหาร เรียกใช้บริการเสมอ แม้ไม่หิวก็ตาม
ผมไม่เคยมีแฟนครับ เพราะไม่เคยมั่นใจเลยสักครั้งว่า จะมีคนชอบที่เราอ้วน ลึกๆก็อยากมีเหมือนใครๆ วาเลนไทน์ ลอยกระทง หมดสิทธิ์
ผมก็แค่อยากเดินช็อปปิ้ง เสื้อผ้าแบรนด์ลดราคาตามห้างบ้าง ไซส์ XXL เอว 45 อย่างผม ไม่มีครับ
ผมก็แค่อยากขึ้นรถไฟฟ้ายามเช้า ได้โดยไม่ต้องมีคนจ้องมองว่า มันกำลังมา มันกำลังมา มันกำลังมาแล้วว
ผมก็แค่อยากถ่ายรูปโดยไม่ต้องหามุมกล้อง แปดล้านแปดสิบแปดมุม สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ถ่ายดีกว่า
ผมก็แค่อยากจะชั่งน้ำหนักหน้าเซเว่น โดยไม่ต้องกลัวตาชั่งจะได้ไหม สุดท้ายก็ไม่กล้าทุกทีไป
และสุดท้าย ผมก็แค่อยากจะทำงานตามความฝันที่ไม่ต้องโดนปฏิเสธเรื่อง น้ำหนัก บ้าง ก็เท่านั้น
ข้อสุดท้ายนี่ล่ะครับ ที่ทำให้ผม เสียใจ ท้อแท้ อยู่พักหนึ่ง แต่ก็แค่พักหนึ่งเท่านั้นล่ะครับ
ผมตัดสินใจอีกครั้งกับการปฏิวัติตัวเอง ด้วยการผูกเชือกรองเท้าแน่นๆสู่การวิ่งอีกสักครั้ง ซึ่งทำมาหลายครั้ง แต่ทำได้ครั้งละแค่3วันก็ล้มเลิก แต่คราวนี้ บอกตัวเองว่าต้องทำให้ได้ ต้องผอมให้ได้ ผมเข้าใจครับว่ามันทำยาก ซึ่งมันก็ยากจริงๆ ไอ้การเอาชนะใจตัวเองเนี่ย แต่รู้ไหมครับ ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง ถ้าคนอ้วนอย่างเราสามารถลดน้ำหนักได้ ผอมได้ ในโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่ยากสำหรับเรา อีกแล้ว...
ว่าแล้วก็เริ่มเลยครับ หลังปีใหม่ 58 กลับมาด้วยความอ้วนพี ขุนอาหารมาเยอะ ได้เวลาปฏิวัติ!!!
ผมเริ่มต้นด้วยการแบกก้อนไขมันมหึมา สู่การวิ่งอีกครั้ง 30 นาที กระอักเลยครับ กลับมารู้เรื่อง ปวดขา ปวดเข่าที่สุด
วันที่สอง แทบวิ่งไม่ได้เลยครับ ปวดเข่าจนแบบเดินแทบไม่ได้ สุดท้ายไปหาหมอครับ หมอบอกน้ำหนักตัวเยอะไป ให้เปลี่ยนวิธีออกกำลังกาย ว่ายน้ำดีมั๊ย
ดูหุ่นผมสิครับ ผมจะกล้าไหม ว่ายน้ำ TT
ผมฝืนคำสั่งหมอครับ ซึ่งรู้ดีว่าไม่ควรเลย มันมีความเสี่ยงที่จะทำให้ร่างกายเสียหาย แต่ผมก็ดันทุรังกลับไปวิ่งอีกครั้งหนึ่ง
บอกเลยว่าฝืนร่างกายมาก เพราะทุกก้าวที่วิ่ง ปวดเข้าไปถึงกระดูกส่วนลึกสุด แต่สุดท้าย ผมก็ฝืนได้สำเร็จจนอาการปวดหายไป
ผมวิ่งวันละชั่วโมง โดยไม่หยุดพัก พร้อมกับทานอาหารแบบคำนวณแคลอรี่ อย่างเคร่งครัด
ผ่านไป 1 สัปดาห์ ท้อแท้มากครับ เพราะน้ำหนักไม่หายไปเท่ากับความเหนื่อยยาก เริ่มหาข้อมูลในเฟซบุคครับ มีเพื่อนๆคุยกันเยอะเลย ต้องขอบคุณ
https://www.facebook.com/GoodShapeSaveCost ทำให้ผมรู้สึกไม่เดียวดายลำพัง ได้ถ้อยคำกำลังใจที่ดีมาก อาทิตย์แรกท้อมากเพราะน้ำหนักไม่หายเลย จนมีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่า กว่าเราจะอ้วนได้ใช้เวลาสะสมมากี่ปี จะให้ลดได้ภายในไม่กี่วันได้ยังไง ว่าแล้วจากนั้นผมห่างจากตาชั่งทันที ต่อไปนี้ผมจะไม่ชั่งอีกแล้ว ผมจะทำทุกอย่างให้เป็นกิจวัตรประจำวัน ตื่นตี5 วิ่งทุกวัน ควบคุมอาหาร ทุกวัน
แล้วเวลาก็ผ่านไป 3 เดือนครับ สิ่งที่เกิดขึ้น คือ น้ำหนักตัวหายไป 20 กิโล แต่ก่อนหน้านั้นเสื้อผ้าก็ค่อยๆหลวม แต่ดีใจสุดขีดเมื่อขึ้นชั่งน้ำหนักเนี่ยล่ะครับ
และจนมาบัดนี้ 10เดือนเศษๆ น้ำหนักหายไป 35 กิโล ดีใจ ภูมิใจ อธิบายไม่ได้ แต่มีความสุขทุกทีที่ส่องกระจกดูตัวเอง
จากน้ำหนัก 110 กิโล สู่ 75 กิโล ในส่วนสูง 183 เซ็นติเมตร
เสื้อไซส์XXL ตอนนี้ ไซส์ M กางเกงเอว45 ตอนนี้ 32
ผมชนะทุกข้ออ้างได้แล้วครับ
เมื่อก่อน เพื่อนชวนกินบุฟเฟ่ต์ กินก่อนพรุ่งนี้ค่อยลด / ตอนนี้ ไปเหมือนกัน แต่เลือกกิน ไม่คิดว่าไม่คุ้มที่กินได้ไม่มาก แต่ความคุ้มอยู่ที่ได้ไปกับเพื่อนๆมากกว่า
เมื่อก่อน จะไปวิ่ง ฝนตก โทษฟ้าโทษฝน แอบดีใจไม่ใช่ความผิดเรา / ตอนนี้ ฝนตกเหรอ ฟิตเนสก็ด้ายยย
เมื่อก่อน เห็นเสื้อผ้าลดราคา แอบเสียใจ มีเงินก็ซื้อไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งเข้าร้าน / ตอนนี้ อย่าลดให้เห็นนะ จะซื้อไปถมบ้านเลย 55
เมื่อก่อน ขึ้นรถไฟฟ้า ลิฟท์ รถเมล์ ใจเต้นตุบๆ กลัวคนมอง กลัวคนว่า / ตอนนี้ เย้ เราเหมือนคนทั่วไปแล้ว แจกยิ้มใหญ่เลย
เมื่อก่อน เพื่อนทักทำไมอ้วนจัง / ตอนนี้ ไปทำอะไรมา ผอมมาก ดูดีขึ้น บลาๆๆๆ
เมื่อก่อน ไม่มีใครสนใจเราเลยสักนิด / ตอนนี้ ก็ยังไม่มีเหมือนเดิม เอ้ยย ก็มีบ้างแหล่ะ แหม...
สรุปคือ ใครไม่อ้วนไม่รู้สึกหรอก ว่ามันคือความทุกข์ในหัวใจดีดีนี่เอง และคนอ้วนคนไหนไม่ลองที่จะผอม คุณจะไม่รู้เลยว่า ความสุขสุดๆในชีวิตมันเป็นยังไง ผมเชื่อครับว่า คนอ้วนเมื่อผอม หล่อและสวย ดูดีขึ้นทุกคน และที่สำคัญ คนอ้วนลดความอ้วนได้ ไม่มีอะไรยากไปกว่านี้อีกแล้วในชีวิต!!!
เชื่อตัวเอง ศรัทธาในตัวเอง ว่าคุณก็ทำได้ คุณคนใหม่ รออยู่ อย่าไปรอวันพรุ่งนี้เลยครับ อ่านจบแล้ว เริ่มตั้งแต่วินาทีนี้ได้เลย...
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ
สู้โว๊ยยย!!!!
ปล.เสียดายผมหารูปอ้วนๆไม่ค่อยได้ เพราะตอนอ้วน กลัวการถ่ายรูปมาก รับไม่ได้ที่จะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในกล้อง รูปที่มีด้วยความบังเอิญจริงๆ
พูดคุยกับผมได้นะครับ พร้อมเคียงข้างกันเสมออยู่แล้ววว
https://www.facebook.com/djgamesyanathip
อ้วนแล้วไง!!! ทำไมจะลดไม่ได้ จาก110 กิโล สู่ 75 กิโล ใน10เดือน
ผมไม่เคยมีแฟนครับ เพราะไม่เคยมั่นใจเลยสักครั้งว่า จะมีคนชอบที่เราอ้วน ลึกๆก็อยากมีเหมือนใครๆ วาเลนไทน์ ลอยกระทง หมดสิทธิ์
ผมก็แค่อยากเดินช็อปปิ้ง เสื้อผ้าแบรนด์ลดราคาตามห้างบ้าง ไซส์ XXL เอว 45 อย่างผม ไม่มีครับ
ผมก็แค่อยากขึ้นรถไฟฟ้ายามเช้า ได้โดยไม่ต้องมีคนจ้องมองว่า มันกำลังมา มันกำลังมา มันกำลังมาแล้วว
ผมก็แค่อยากถ่ายรูปโดยไม่ต้องหามุมกล้อง แปดล้านแปดสิบแปดมุม สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ถ่ายดีกว่า
ผมก็แค่อยากจะชั่งน้ำหนักหน้าเซเว่น โดยไม่ต้องกลัวตาชั่งจะได้ไหม สุดท้ายก็ไม่กล้าทุกทีไป
และสุดท้าย ผมก็แค่อยากจะทำงานตามความฝันที่ไม่ต้องโดนปฏิเสธเรื่อง น้ำหนัก บ้าง ก็เท่านั้น
ข้อสุดท้ายนี่ล่ะครับ ที่ทำให้ผม เสียใจ ท้อแท้ อยู่พักหนึ่ง แต่ก็แค่พักหนึ่งเท่านั้นล่ะครับ
ผมตัดสินใจอีกครั้งกับการปฏิวัติตัวเอง ด้วยการผูกเชือกรองเท้าแน่นๆสู่การวิ่งอีกสักครั้ง ซึ่งทำมาหลายครั้ง แต่ทำได้ครั้งละแค่3วันก็ล้มเลิก แต่คราวนี้ บอกตัวเองว่าต้องทำให้ได้ ต้องผอมให้ได้ ผมเข้าใจครับว่ามันทำยาก ซึ่งมันก็ยากจริงๆ ไอ้การเอาชนะใจตัวเองเนี่ย แต่รู้ไหมครับ ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง ถ้าคนอ้วนอย่างเราสามารถลดน้ำหนักได้ ผอมได้ ในโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่ยากสำหรับเรา อีกแล้ว...
ว่าแล้วก็เริ่มเลยครับ หลังปีใหม่ 58 กลับมาด้วยความอ้วนพี ขุนอาหารมาเยอะ ได้เวลาปฏิวัติ!!!
ผมเริ่มต้นด้วยการแบกก้อนไขมันมหึมา สู่การวิ่งอีกครั้ง 30 นาที กระอักเลยครับ กลับมารู้เรื่อง ปวดขา ปวดเข่าที่สุด
วันที่สอง แทบวิ่งไม่ได้เลยครับ ปวดเข่าจนแบบเดินแทบไม่ได้ สุดท้ายไปหาหมอครับ หมอบอกน้ำหนักตัวเยอะไป ให้เปลี่ยนวิธีออกกำลังกาย ว่ายน้ำดีมั๊ย
ดูหุ่นผมสิครับ ผมจะกล้าไหม ว่ายน้ำ TT
ผมฝืนคำสั่งหมอครับ ซึ่งรู้ดีว่าไม่ควรเลย มันมีความเสี่ยงที่จะทำให้ร่างกายเสียหาย แต่ผมก็ดันทุรังกลับไปวิ่งอีกครั้งหนึ่ง
บอกเลยว่าฝืนร่างกายมาก เพราะทุกก้าวที่วิ่ง ปวดเข้าไปถึงกระดูกส่วนลึกสุด แต่สุดท้าย ผมก็ฝืนได้สำเร็จจนอาการปวดหายไป
ผมวิ่งวันละชั่วโมง โดยไม่หยุดพัก พร้อมกับทานอาหารแบบคำนวณแคลอรี่ อย่างเคร่งครัด
ผ่านไป 1 สัปดาห์ ท้อแท้มากครับ เพราะน้ำหนักไม่หายไปเท่ากับความเหนื่อยยาก เริ่มหาข้อมูลในเฟซบุคครับ มีเพื่อนๆคุยกันเยอะเลย ต้องขอบคุณ https://www.facebook.com/GoodShapeSaveCost ทำให้ผมรู้สึกไม่เดียวดายลำพัง ได้ถ้อยคำกำลังใจที่ดีมาก อาทิตย์แรกท้อมากเพราะน้ำหนักไม่หายเลย จนมีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่า กว่าเราจะอ้วนได้ใช้เวลาสะสมมากี่ปี จะให้ลดได้ภายในไม่กี่วันได้ยังไง ว่าแล้วจากนั้นผมห่างจากตาชั่งทันที ต่อไปนี้ผมจะไม่ชั่งอีกแล้ว ผมจะทำทุกอย่างให้เป็นกิจวัตรประจำวัน ตื่นตี5 วิ่งทุกวัน ควบคุมอาหาร ทุกวัน
แล้วเวลาก็ผ่านไป 3 เดือนครับ สิ่งที่เกิดขึ้น คือ น้ำหนักตัวหายไป 20 กิโล แต่ก่อนหน้านั้นเสื้อผ้าก็ค่อยๆหลวม แต่ดีใจสุดขีดเมื่อขึ้นชั่งน้ำหนักเนี่ยล่ะครับ
และจนมาบัดนี้ 10เดือนเศษๆ น้ำหนักหายไป 35 กิโล ดีใจ ภูมิใจ อธิบายไม่ได้ แต่มีความสุขทุกทีที่ส่องกระจกดูตัวเอง
จากน้ำหนัก 110 กิโล สู่ 75 กิโล ในส่วนสูง 183 เซ็นติเมตร
เสื้อไซส์XXL ตอนนี้ ไซส์ M กางเกงเอว45 ตอนนี้ 32
ผมชนะทุกข้ออ้างได้แล้วครับ
เมื่อก่อน เพื่อนชวนกินบุฟเฟ่ต์ กินก่อนพรุ่งนี้ค่อยลด / ตอนนี้ ไปเหมือนกัน แต่เลือกกิน ไม่คิดว่าไม่คุ้มที่กินได้ไม่มาก แต่ความคุ้มอยู่ที่ได้ไปกับเพื่อนๆมากกว่า
เมื่อก่อน จะไปวิ่ง ฝนตก โทษฟ้าโทษฝน แอบดีใจไม่ใช่ความผิดเรา / ตอนนี้ ฝนตกเหรอ ฟิตเนสก็ด้ายยย
เมื่อก่อน เห็นเสื้อผ้าลดราคา แอบเสียใจ มีเงินก็ซื้อไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งเข้าร้าน / ตอนนี้ อย่าลดให้เห็นนะ จะซื้อไปถมบ้านเลย 55
เมื่อก่อน ขึ้นรถไฟฟ้า ลิฟท์ รถเมล์ ใจเต้นตุบๆ กลัวคนมอง กลัวคนว่า / ตอนนี้ เย้ เราเหมือนคนทั่วไปแล้ว แจกยิ้มใหญ่เลย
เมื่อก่อน เพื่อนทักทำไมอ้วนจัง / ตอนนี้ ไปทำอะไรมา ผอมมาก ดูดีขึ้น บลาๆๆๆ
เมื่อก่อน ไม่มีใครสนใจเราเลยสักนิด / ตอนนี้ ก็ยังไม่มีเหมือนเดิม เอ้ยย ก็มีบ้างแหล่ะ แหม...
สรุปคือ ใครไม่อ้วนไม่รู้สึกหรอก ว่ามันคือความทุกข์ในหัวใจดีดีนี่เอง และคนอ้วนคนไหนไม่ลองที่จะผอม คุณจะไม่รู้เลยว่า ความสุขสุดๆในชีวิตมันเป็นยังไง ผมเชื่อครับว่า คนอ้วนเมื่อผอม หล่อและสวย ดูดีขึ้นทุกคน และที่สำคัญ คนอ้วนลดความอ้วนได้ ไม่มีอะไรยากไปกว่านี้อีกแล้วในชีวิต!!!
เชื่อตัวเอง ศรัทธาในตัวเอง ว่าคุณก็ทำได้ คุณคนใหม่ รออยู่ อย่าไปรอวันพรุ่งนี้เลยครับ อ่านจบแล้ว เริ่มตั้งแต่วินาทีนี้ได้เลย...
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ
สู้โว๊ยยย!!!!
ปล.เสียดายผมหารูปอ้วนๆไม่ค่อยได้ เพราะตอนอ้วน กลัวการถ่ายรูปมาก รับไม่ได้ที่จะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในกล้อง รูปที่มีด้วยความบังเอิญจริงๆ
พูดคุยกับผมได้นะครับ พร้อมเคียงข้างกันเสมออยู่แล้ววว
https://www.facebook.com/djgamesyanathip