[CR] ตะลุยญี่ปุ่น พิชิต Landmark {Tokyo-Kawaguchiko-Kawagoe-Noborito-Naruto-Narita} 8 วัน 6 คืน 30,000 เอาอยู่ [PART 4]


สวัสดีครับ รีวิวนี้เป็นรีวิวต่อจาก PART 3
ติดตาม PART อื่นๆได้ที่
PART 1 http://ppantip.com/topic/34477529
PART 2 http://ppantip.com/topic/34477683
PART 3 http://ppantip.com/topic/34478336

PART 4 : DAY 4 ตะลุยตลาดปลา TSUKIJI – UENO – AKIHABARA – HARAJUKU - SHIBUYA

           เช้าวันที่ 4 วันวาเลนไทน์ (14ก.พ.2558) เป็นเช้าที่รอคอยเพราะพวกเราต้องตื่นเช้า “เช้ามาก” ตีสามเพื่อที่จะเดินไปยังตลาดปลาซึกิจิ แพลนตอนแรกเราแพลนไว้ตื่นเช้าสองวันแบ่งเป็นวันที่ไปกินซูชิได 1 วันและวันที่ไปดูประมูลปลา 1 วัน ส่วนวันนี้ตัดสินใจว่าจะไปกินซูชิได ร้านในตำนานที่คนต่อคิวยาวที่สุดในย่านตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market) สักครั้งในชีวิต

           ไม่รอช้า ตื่นตีสาม ออกจากที่พักเจอเดินฝ่าอากาศที่หนาวเหน็บอุณหภูมิ 1 องศาไปยังตลาดปลา โชคดีที่ที่พักกับตลาดปลาไม่ไกลกันมากเราเลยเดินไป ถ้าใครอยู่ไกลก็สามารถใช้บริการรถแท็กซี่ได้ เพราะถ้าจะเอาแบบได้กินชัวร์รอไม่นานต้องไปแต่เช้ามืดมากๆ และรถไฟใต้ดินรอบแรกก็ยังไม่เปิดจะเปิดก็ราวๆตีห้า ซึ่งพวกเราว่าไม่ทัน ก็เลยเดินไปเรื่อยๆตามแผนที่ที่เตรียมมา

            ไม่นานประมาณตีสี่ก็มาถึงตลาดปลาซึกิจิ และเราก็ต้องมียืนหยุดที่ตรงหน้าร้านซูชิได ฮ่ะ! มีคนมาเร็วกว่าเราอีก ปรากฏว่ามีคนรอยื่นต่อแถวประมาณ 15 คนได้ นับไปนับมาเข้าไปกินไดรอบละ 10 คน
อันนี้ถ่ายตอนออกมาจากร้านแล้วนะ คนเยอะมาก


             พวกเราไปถึงตีสี่ รอบแรกร้านเปิดตีห้าครึ่ง ได้รอบที่ 3 ก็ซักประมาณราวๆ 6 โมงครึ่ง 7 โมงถึงจะได้กิน 555+ ยืนขาแข็งเลยสิครับ อากาศก็หนาว นั่งก็ไม่ได้ ไม่มีที่นั่ง ยืนตากน้ำค้าง 2-3 ชั่วโมง ก็ยังทนเพื่อจะได้ลิ้มรสชาติของซูชิในตำนาน 6.30 น. เราก็ได้คิวเรียกเข้าร้าน Sushi Dai ซึ่งที่นี่มี 2 Course ให้เลือกระหว่าง 4,000 yen (10คำแถม 1 คำ) กับ 2,600 yen (5 คำ) ไม่ต้องถามว่าพวกเราเลือกคอร์สไหน รอมาตั้งนานก็ต้องจัดคอร์สใหญ่สุดใช้ไหม



              เรามาเริ่มกินกันเลย ออร์เดิฟเป็นซุปมิโซะให้ซดร้อนๆ แล้วเชฟก็ค่อยๆบรรจงปั้นซูชิหน้าที่เชฟจัดให้มาทีละคำ จนครบ 10 ชิ้น แล้วเชฟก็จะถามว่าต้องการซูชิแถมหน้าอะไร ด้วยความที่รู้ว่าโอโทโรอร่อยสุด เพราะฉะนั้นของแถมของพวกเราสามคนก็ต้องเป็นโอโทโรสิครับ 555+ เมื่อครบคอร์สดูเหมือนว่ายังไม่หนำใจเลยสั่งแบบอราคราสอีก 3-4 คำ  ที่นี้จุกเลย อิ่มแปร่ สนนราคาค่าเสียหายมื้อนี้จำตัวเลขไม่ได้แต่ประมาณอยู่ที่ 15,000 เยน ก็ถือว่าคุ้มนะ


               หลังจากอิ่มหนำกันเสร็จเราก็เดินดูบรรยากาศโดยรอบตลาดปลาซึกิจิ ก็อยากลองไปสัมผัสบรรยากาศตลาดสด ของสด ขึ้นจากทะเลในตลาดก็เลยไปถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นว่าตลาดสดปิดหรือยัง หรือเปิดหรือยัง ก็ได้คำตอบแบบงงๆจับใจความได้ว่า 9 โมงอะไรซักอย่าง (9 a.m.) เราก็นึกว่าตลาดจะปิดตอน 9 โมง ก็เลยรีบเดินเข้าไปดูในตลาดสด









                สักพักผิดสังเกตเห็นพ่อค้าในตลาดก็มองกัน คนซื้อซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นก็มอง สักพักก็มีเจ้าหน้าที่มาบอกให้เราออกนอกพื้นที่ สอบถามไปสอบถามมาปรากฏว่าเขาไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าก่อนเวลา 9 โมงเช้า เงิบสิครับ 5555+ ก็เลยรีบเดินออกจากตลาด ก็คงต้องจำไว้เป็นบทเรียนว่าถ้ามาตลาดปลาซึกิจิแล้วคิดจะเข้าชมตลาดสดให้มาหลัง 9 โมงเช้า แต่อีกไม่นาน

                  ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2016 หรือปลายๆปี ตลาดแห่งนี้ก็จะกลายเป็นตำนานไปแล้ว เพราะเขาจะย้ายตลาดปลาซึกิจิออกไปอยู่โทโยสุ (Toyosu) ที่เกาะโอไดบะ ก็ถ้าใครมีโอกาสก็ไม่ควรพลาดที่จะมาดูสถานที่เก่าแก่ ตลาดสดขายส่งอาหารทะเลที่มีชื่อเสียงของโตเกียว ก็คงต้องลองมาสักครั้งก่อนที่จะถูกย้ายออกไป

                   หลังจากที่พวกเราเต็มอิ่มกับตลาดปลาซึกิจิแล้ว สถานที่ต่อไปที่เราจะไปก็คืออุเอโนะ เดินทางโดยรถไฟใต้ดิน สาย Hibiya Line จาก TSUKIJI  (H10) ไป UENO (H17) สถานที่แห่งนี้เราจะมาเก็บบรรยากาศของสวนสาธารณะอุเอโนะ รูปปั้นซามูไรคนสุดท้าย ไซโกะ ทากาโมริ (Saigo Takamori)




                   ถ้ามาในช่วงปลายมีนาคม เมษายน จะเป็นช่วงที่พีคที่สุดเพราะต้นไม้ที่เหลือแต่กิ่งก้านนั้นจะมีแต่ดอกซากุระเต็มไปหมด เพราะฉะนั้นช่วงที่ดอกซากุระผลิบาน สวนอุเอโนะแห่งนี้เป็นสวนลำดับต้นๆของนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นที่จะมาชมดอกซากุระบาน

                    หลังจากเดินชมสวนอุเอโนะเสร็จแล้วก็มาเดินสำรวจตึกม่วง Takeya และตลาดอะเมโยโกะ สถานที่ช้อปปิ้งของเหล่าขาช้อป เราใช้เวลาอยู่ที่อุเอโนะครึ่งวัน ได้ของฝากมาเพียบเลยต้องเอาไปเก็บที่ที่พักก่อนตะลุยกันต่อ ขอชี้แจงเรื่องตึกม่วงนิดนึง พอเดินขึ้นจากสถานีอุเอโนะ เดินมาตรงหน้าสวนอุเอโนะ สังเกตง่ายๆ ฝั่งตรงข้ามจะเห็นเด่นสง่าตึกสีม่วงๆใช่เลย เข้าไปช้อปให้กระจุย 5,000 เยนขึ้นไป Free Tax อีกด้วย

                     หลังจากนั้นเราก็มาเดินตลาดอะเมโยโกะเพื่อหาอะไรกินตอนกลางวัน ก็ไปเจอร้านข้าวหน้าต่างๆ ก็เลยแวะกินข้าวกลางวัน ราคาก็ไม่แพง ชามละประมาณ 600 -700 เยน ไปจนถึงหลักพัน  มื้อนี่สนนราคาไปประมาณ 2,100 เยน

                    ช่วงบ่ายเราก็เดินทางไปที่ Akihabara เป็นสถานที่ของเหล่าขาไอที มีห้าง Yodobashi ที่รวบรวมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆมากมาย รวมทั้งมีเลโก้ หุ่น ของเล่นของเด็กๆให้เลือกสรรมากมาย ผู้คนดูพลุกพล่านถึงแม้จะเป็นวันธรรมดาก็ตาม ได้อารมณ์ประมาณสะพานเหล็กบ้านเราแต่ของเราใหญ่กว่ามาก


                     แถวนี้ก็มีของที่พวก 18+ ชอบเหมือนกันนะ ต้องไม่พลาดมาลองดูที่ตึกเขียว POPLIFE แถวๆหลังสถานี ซึ่งข้างในไม่ต้องบอกว่ามีอะไรบ้าง ครบครันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีร้านคาเฟ่กันดั้ม ใครที่ชอบกันดั้มก็ลองมาแวะดูกันนะครับ อีกที่ข้างกันก็เป็นร้านคาเฟ่ของ AKB48 วงนักร้องไอดอลญี่ปุ่นชื่อดัง หลังจากช้อปปิ้งที่ Akihabara เสร็จ พวกเราก็เดินทางต่อไปยังย่านวัยรุ่นคือย่าน Harajuku ที่จะได้พบเห็นสไตล์การแต่งตัวแบบคอร์สเพลย์สไตล์วัยรุ่นญี่ปุ่น


                     ขึ้นจากสถานีมาก็เจอร้านขายทาโกะยากิเลย เห็นคนต่อคิวเยอะก็เลยต้องจัดซะหน่อย เป็นอันว่าเด็ดจริงต้องลอง ใกล้กันนั้นก็มีร้านกาเร็ต (ข้าวโพดคั่ว) จัดโปรโมชั้นรับวันวาเลนไทน์


                     และที่ขาดไม่ได้ต้องเดินมาที่ Takeshita Street ถนนนี้แหล่งรวมของวัยรุ่นมากมาย เพราะวันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ด้วยมั้ง พอตกเย็นก็จะคลาคล่ำไปด้วยฝูงวัยรุ่น ย้ำว่าฝูง เพราะเยอะมาก เดินเบียดเสียดแออัดกันเลยทีเดียว ข้างในก็มีร้านค้าต่างๆมากมายริมสองข้างทาง

                     มีคนรีวิวว่ามาที่นี่ต้องลองชิมเครปญี่ปุ่น เราก็เลยต้องจัดไปตามกระแส ร้านเครปจะอยู่ประมาณกลางๆถนน เดินไปเรื่อยๆ ผ่านหน้าร้าน 100 เยน ไป สังเกตชัดเจนจะมีสองร้านใหญ่ขายแข่งกันอยู่ 2 ฝั่ง ฝั่งสีชมพู กับฝั่งสีฟ้า เลือกเอาตามสบายใจ มีหน้าให้เลือกมากมายตามแบบที่โชว์ไว้ให้ดูพร้อมราคา เวลาสั่งก็แค่จำเบอร์ที่ติดกับรูปที่ต้องการ แล้วก็สั่ง จ่ายเงินรอรับเครปได้เลย ถามว่ารสชาติเป็นยังไง ก็ตอบว่าก็เฉยๆนะก็เหมือนเครปทั่วไป แต่ที่มากกว่าคือไส้ที่ใส่ลงไปดูเยอะกว่า น่ากินกว่า




                      หลังจากนั้นเราก็ไปที่ Shibuya เพื่อไปดูให้เห็นกับตาว่าห้าแยกชิบูย่าที่คนเข้าข้ามกันมากมายเป็นยังไง สถานที่ตามรีวิวที่มองเห็นห้าแยกชัดเจนที่สุดคงหนีไม่พ้นร้านสตาร์บัค แน่นอน เราไปตามรีวิวเลย ขึ้นไปชั้นสอง ส่องๆมองหาวิวริมกระจกที่มองเห็นห้าแยกได้ชัดเจน ตามนั้น
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
                        ชมคลิป บรรยากาศก็ผู้คนพลุกพล่าน พอรถติดไฟแดง คนทั่วทุกสารทิศก็พากันแห่แหนข้ามทางม้าลายกันเป็นว่าเล่นไม่รู้มาจากไหนมากมายเยอะแยะเต็มไปหมด เราใช้เวลาอยู่บนนี้สักพักเพื่อซึมซับบรรยากาศห้าแยกชิบูย่า แล้วก็เดินลงไปสำรวจย่านนี้ดูว่ามีอะไรให้ช้อปปิ้งบ้าง ก็มีสินค้าต่างๆมากมายให้เลือกซื้อ ตั้งแต่ของใช้ยันของกิน ใช้เวลาอยู่ที่นี่สักพักก็เดินทางกลับที่พักเพื่อพักผ่อน

ติดตามย้อนหลังได้ที่
PART 1 http://ppantip.com/topic/34477529
PART 2 http://ppantip.com/topic/34477683
PART 3 http://ppantip.com/topic/34478336
つづく
To be Continued PART 5 http://ppantip.com/topic/34479411
ชื่อสินค้า:   Tokyo, Japan Kawaguchiko Kawagoe Noborito Naruto Narita
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่