8 ปีผ่านไป แต่ความประทับใจใน "รักแห่งสยาม" ยังคงไม่ลบเลือน จากกระแสที่มีคนเอามาบอกว่า หักมุม ๆ ก็เข้าไปดูแล้วไม่ผิดหวังจริง ๆ หลานๆ หลายๆ คนที่ไปดูก็คงจะจำความรู้สึกเหวอ แต่จิ้นจิกเบาะกันได้อย่างแน่นอน
.
ลุงเลยวัย "มิว" กับ "โต้ง" มาเยอะพอสมควร มองย้อนกลับไปถึงตัวเองเมื่อหลายสิบปีก่อน เรื่องความรักพวกนี้ยังไม่เข้ามากวนใจลุงเลย อาจจะเพราะบ้านเมือง สภาพสังคม สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป กระบวนการ socialization ในสมัยก่อนกับสมัยนี้ก็แตกต่างกัน ตอนนั้นลุงยังเป็น "เด็กเรียน" อยู่เลย สมัยนั้นลุงแสวงหาอะไรที่เป็น "นามธรรม" มากกว่า นึกแล้วก็ไม่เสียดาย เพราะถ้าสมัยนั้น ลุ่มหลงกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ แบบเดี๋ยวนี้ก็คงจะแย่
.
ดารานำไม่ต้องเอ่ยนามก็ทำหน้าที่ได้ดีกันทุก ๆ คน background เพลง set มาอย่างลงตัว เหมือนว่าถ้าผิดไปจากนี้ ความงดงามแบบนี้คงจะไม่เกิดขึ้น ประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่อง ชายรักชาย ที่ช่วงนั้นยังไม่แพร่หลายมากนัก หลายคน "รับไม่ได้" เมื่อเห็นเด็กชายคนหนึ่ง เอามือโอบเพื่อนไว้ จะด้วยความรู้สึกใดก็ตามแต่ หรือฉากที่ทั้งสอง จูบกันในสวนหลังบ้าน ถามว่าถ้าหนังไม่นำเสนอ เด็ก ๆ ทั่วไป สามารถรับรู้ปรากฏการณ์เหล่านี้ได้หรือไม่ ? ปรากฏการณ์เหล่านี้ ควรจะถูกอธิบายอย่างไรกับเด็ก ๆ ความจริงบางอย่างเป็นเรื่องน่าเจ็บปวด (เหมือนกับในหนัง ที่ กร - สุนีย์ - โต้ง ต้องยอมรับความจริงว่า แตงจะไม่กลับมาอีกแล้ว และจูนก็ไม่ใช่แตง) การปฏิเสธว่าเรื่องพวกนี้ไม่มีอยู่จริง ก็เหมือนกับเรายืนหลับตาอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ แล้วบอกว่า ดวงอาทิตย์ไม่มี แต่แท้จริงแล้วเรากลับสัมผัส ความร้อน ความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์ตลอดเวลา
.
สิ่งที่เราควรจะเก็บเกี่ยวเอาไปจากหนังเรื่องนี้คือ "มิติแห่งความรัก" ในหลาย ๆ มุม ความรักที่ภรรยาให้สามี (ซึ่งบรรทัดฐานทางสังคมคาดหมายแบบนั้น; และกับฉากสุนีย์กินไข่พะโล้ ภาพฉายที่ช้อนกำลังตัดแบ่งไข่พะโล้ ที่มีนัยยะซ่อนอย่างสำคัญ) ความรักที่เพื่อนให้กับเพื่อน ความรักระหว่างพี่น้อง ความรักระหว่างคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน (จูนกับกร) เราทุกคนถูกยึดโยงไว้ด้วยความรักหลาย ๆ แบบ ประโยคอันลือลั่น คือ "ถึงแม้เราจะเป็นแฟนกับนายไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่รักนาย" บางครั้งคนเราก็ทำอะไรตามความรู้สึกของตัวเองไม่ได้มากนัก .. แต่ก็ไม่แน่ เมื่อ 2 คนนี้โตขึ้น เขาอาจจะปรับตัวที่จะ "รักกัน" ได้โดยไม่ทำให้สัมพันธภาพกับคนรอบ ๆ เสียไป
.
ถึงแม้ว่าตัวละครในเรื่องจะมีอดีตที่เจ็บปวด แต่ชีวิตก็คงจะต้องดำเนินต่อไป ชีวิตไม่มีอะไรที่ราบเรียบ ริ้วรอยของกาลเวลา จะช่วยให้เราแข็งแกร่งขึ้น
https://www.facebook.com/Universalreviews/
ครบรอบ 8 ปี ชวนให้คิดถึง "รักแห่งสยาม" รักของคนทุกคน
8 ปีผ่านไป แต่ความประทับใจใน "รักแห่งสยาม" ยังคงไม่ลบเลือน จากกระแสที่มีคนเอามาบอกว่า หักมุม ๆ ก็เข้าไปดูแล้วไม่ผิดหวังจริง ๆ หลานๆ หลายๆ คนที่ไปดูก็คงจะจำความรู้สึกเหวอ แต่จิ้นจิกเบาะกันได้อย่างแน่นอน
.
ลุงเลยวัย "มิว" กับ "โต้ง" มาเยอะพอสมควร มองย้อนกลับไปถึงตัวเองเมื่อหลายสิบปีก่อน เรื่องความรักพวกนี้ยังไม่เข้ามากวนใจลุงเลย อาจจะเพราะบ้านเมือง สภาพสังคม สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป กระบวนการ socialization ในสมัยก่อนกับสมัยนี้ก็แตกต่างกัน ตอนนั้นลุงยังเป็น "เด็กเรียน" อยู่เลย สมัยนั้นลุงแสวงหาอะไรที่เป็น "นามธรรม" มากกว่า นึกแล้วก็ไม่เสียดาย เพราะถ้าสมัยนั้น ลุ่มหลงกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ แบบเดี๋ยวนี้ก็คงจะแย่
.
ดารานำไม่ต้องเอ่ยนามก็ทำหน้าที่ได้ดีกันทุก ๆ คน background เพลง set มาอย่างลงตัว เหมือนว่าถ้าผิดไปจากนี้ ความงดงามแบบนี้คงจะไม่เกิดขึ้น ประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่อง ชายรักชาย ที่ช่วงนั้นยังไม่แพร่หลายมากนัก หลายคน "รับไม่ได้" เมื่อเห็นเด็กชายคนหนึ่ง เอามือโอบเพื่อนไว้ จะด้วยความรู้สึกใดก็ตามแต่ หรือฉากที่ทั้งสอง จูบกันในสวนหลังบ้าน ถามว่าถ้าหนังไม่นำเสนอ เด็ก ๆ ทั่วไป สามารถรับรู้ปรากฏการณ์เหล่านี้ได้หรือไม่ ? ปรากฏการณ์เหล่านี้ ควรจะถูกอธิบายอย่างไรกับเด็ก ๆ ความจริงบางอย่างเป็นเรื่องน่าเจ็บปวด (เหมือนกับในหนัง ที่ กร - สุนีย์ - โต้ง ต้องยอมรับความจริงว่า แตงจะไม่กลับมาอีกแล้ว และจูนก็ไม่ใช่แตง) การปฏิเสธว่าเรื่องพวกนี้ไม่มีอยู่จริง ก็เหมือนกับเรายืนหลับตาอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ แล้วบอกว่า ดวงอาทิตย์ไม่มี แต่แท้จริงแล้วเรากลับสัมผัส ความร้อน ความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์ตลอดเวลา
.
สิ่งที่เราควรจะเก็บเกี่ยวเอาไปจากหนังเรื่องนี้คือ "มิติแห่งความรัก" ในหลาย ๆ มุม ความรักที่ภรรยาให้สามี (ซึ่งบรรทัดฐานทางสังคมคาดหมายแบบนั้น; และกับฉากสุนีย์กินไข่พะโล้ ภาพฉายที่ช้อนกำลังตัดแบ่งไข่พะโล้ ที่มีนัยยะซ่อนอย่างสำคัญ) ความรักที่เพื่อนให้กับเพื่อน ความรักระหว่างพี่น้อง ความรักระหว่างคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน (จูนกับกร) เราทุกคนถูกยึดโยงไว้ด้วยความรักหลาย ๆ แบบ ประโยคอันลือลั่น คือ "ถึงแม้เราจะเป็นแฟนกับนายไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่รักนาย" บางครั้งคนเราก็ทำอะไรตามความรู้สึกของตัวเองไม่ได้มากนัก .. แต่ก็ไม่แน่ เมื่อ 2 คนนี้โตขึ้น เขาอาจจะปรับตัวที่จะ "รักกัน" ได้โดยไม่ทำให้สัมพันธภาพกับคนรอบ ๆ เสียไป
.
ถึงแม้ว่าตัวละครในเรื่องจะมีอดีตที่เจ็บปวด แต่ชีวิตก็คงจะต้องดำเนินต่อไป ชีวิตไม่มีอะไรที่ราบเรียบ ริ้วรอยของกาลเวลา จะช่วยให้เราแข็งแกร่งขึ้น
https://www.facebook.com/Universalreviews/