รักแห่งสยาม

กระทู้คำถาม
ใครชอบชอบตัวละครในรักแห่งสยามคนใหนบ้างคะ
รักแห่งสยาม เป็นภาพยนตร์ไทย กำกับโดย ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล นำแสดงโดย สินจัย เปล่งพานิช, เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี, มาริโอ้ เมาเร่อ และ วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรัก และการค้นหาตัวตน ผ่านมุมมองของเด็กชายสองคน โดยมีสยามสแควร์เป็นสถานที่เชื่อมโยงเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งการถ่ายทำเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากสยามสแควร์เป็นสถานที่ซึ่งมีผู้คนพลุกพล่านเป็นอุปสรรคต่อการถ่ายทำ
การประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์ก่อนการออกฉาย นำเสนอว่าเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับความรักใส ๆ ของวัยรุ่นหญิงชาย แต่เมื่อภาพยนตร์ออกฉายจริง กลับมีเนื้อหาเกี่ยวกับความสับสนในจิตใจของวัยรุ่นชาย รวมถึงมีฉากล่อแหลม ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ส่วนเสียงตอบรับในด้านกลยุทธ์ในการประชาสัมพันธ์นั้นก่อให้เกิดข้อถกเถียงทั้งในแง่บวกและแง่ลบ
ภาพยนตร์ออกฉายเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 โดยทำรายได้ในสัปดาห์แรก 18.5 ล้านบาท และปิดรายได้รวมที่ 42 ล้านบาท นอกจากนั้นยังมีการฉายในฉบับ “Director's Cut” มีความยาวประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ ที่โรงภาพยนตร์เฮาส์ อาร์ซีเอ และจากกระแสตอบรับที่ดีของภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงมีกิจกรรมเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบและทีมงาน เช่น รอบพิเศษ ที่โรงภาพยนตร์สกาลา สยามสแควร์ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2550 และ การจัดคอนเสิร์ตรอบพิเศษ ชื่อว่า "Nokia Music Presents The Love of Siam Special Greeting" ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
รักแห่งสยามสามารถคว้ารางวัลใหญ่ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจาก 5 สถาบันหลักคือ รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์, รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง, สตาร์พิกส์อวอร์ด, คมชัดลึก อวอร์ด และสตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ดส รวมทั้งรางวัลอื่นอีกมากโต้งและมิวเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเด็ก โดยบ้านของทั้งสองอยู่ตรงข้ามกัน มิวอยู่กับอาม่าเพราะพ่อและแม่ของเขาต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด ส่วนโต้งอยู่กับกร และ สุนีย์ พ่อและแม่ของเขา รวมถึงแตง พี่สาว ต่อมากรต้องไปทำงานที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงถือโอกาสพาครอบครัวไปเที่ยวด้วย แต่แตงขอไปเที่ยวต่อกับเพื่อน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้แตงหลงไปในป่าและหายตัวไป กรจึงรู้สึกเสียใจและเริ่มดื่มเหล้าอย่างหนักมาตั้งแต่บัดนั้น ไม่นานต่อมาครอบครัวของโต้งซึ่งเหลือเพียงสามคนได้ย้ายบ้านออกไป และไม่กี่เดือนหลังจากนั้น อาม่าของมิวได้ล้มป่วยลงและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
เวลาผ่านไป โต้ง เด็กชายชั้น ม.6 ได้คบโดนัท เป็นแฟน แต่ด้วยความห่างไกลกัน โดนัทจึงเริ่มสงสัยว่าโต้งอาจไม่รักเธอแล้ว ในขณะที่ มิว เด็กชายวัยเดียวกัน ผู้มีพรสวรรค์ทางดนตรีก็กำลังทุ่มเทความรักให้กับเสียงเพลงและวงดนตรีออกัสของตัวเอง มิวไม่เคยได้สัมผัสกับความรักมานานแสนนาน ตั้งแต่อาม่าตายจากไป แม้เพลงแรกของวงจะเป็นที่รู้จัก แต่เมื่อพี่อ๊อด โปรดิวเซอร์ได้เสนองานให้แต่งเพลงรัก จึงเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่มิวต้องแต่งเพลงนี้เพื่อนำไปเสนอกับค่ายเพลงใหญ่ ในเวลาเดียวกับที่ หญิง เพื่อนบ้านของมิวก็คอยให้กำลังใจและแอบมองมิวอยู่ห่าง ๆ แต่มิวก็ไม่เคยรับรู้ความรู้สึกที่หญิงมีต่อตัวเองเลย
วันหนึ่ง ขณะที่โต้งกำลังหาซื้อซีดีวงออกัสที่ร้าน ดี.เจ.สยาม เขาได้พบกับมิวอีกครั้ง หลังจากที่ขาดการติดต่อกันมานาน ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มก่อตัวขึ้น มิวแนะนำโต้งให้รู้จักกับ จูน คนดูแลวงดนตรีของมิวที่หน้าตาและบุคลิกเหมือนกับแตง พี่สาวของโต้งที่หายตัวไป โต้งจึงคิดแผนให้แม่จ้างจูนปลอมตัวเป็นแตงเพื่อมารักษาอาการติดเหล้าให้กับพ่อ
การเข้ามาของจูนทำให้ครอบครัวโต้งดีขึ้น ในขณะที่เพลงรักของมิวก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้น ความฝันของวงออกัสที่จะได้ออกอัลบั้มเริ่มใกล้เข้ามาทุกที แต่เมื่อสุนีย์จัดงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของแตง ทำให้ความสัมพันธ์ของมิวและโต้งใกล้ชิดมากขึ้นจนเกินเลย จนถึงขั้นจูบกัน สุนีย์เห็นพอดี วันต่อมาจึงต้องเข้ามาตักเตือนมิว และห้ามไม่ให้โต้งไปบ้านมิวอีก เมื่อกรรู้เรื่องเข้า ทำให้เขากับสุนีย์ต้องทะเลาะกัน
ด้วยปัญหาข้างต้น โต้งจึงเริ่มหันไปสูบบุหรี่ กินเหล้ากับเพื่อน ในขณะที่มิวหายตัวไปในวันออดิชั่น สร้างความเสียหายให้กับวง จนโปรดิวเซอร์ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนนักร้องนำ เพราะได้จองคิวคอนเสิร์ตในวันคริสต์มาสไว้แล้ว แต่เอกซ์ เพื่อนสนิทของมิวได้เสนอตัวที่จะเป็นคนไปบอกมิวเอง โดยมีจูนช่วยอีกแรง
ทางฝั่งครอบครัวโต้ง สุนีย์สังเกตว่ากรไอเป็นเลือด จึงรีบพากรส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่ากรเสียตับไปมาก ในระหว่างที่กรรักษาตัวอยู่นี้ จูนได้บอกความจริงเกี่ยวกับครอบครัวให้สุนีย์รู้ และได้อยู่ดูแลกร ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้อยู่กับสุนีย์และกร ส่วนเอกซ์ได้ขอร้องให้มิวกลับมาร้องเพลงอีกครั้ง
ในวันคอนเสิร์ต มิวได้กลับมาร้องเพลงให้ออกัส ขณะเดียวกัน โต้งได้มาที่สยามสแควร์ตามคำชวนของโดนัท และ ณ ที่นั่น โต้งได้บอกเลิกโดนัท และตัดสินใจไปดูคอนเสิร์ตของออกัสพร้อมกับหญิง
หลังคอนเสิร์ตจบ โต้งได้พบกับมิวอีกครั้ง และมอบของขวัญวันคริสต์มาสให้ เมื่อโต้งกลับมาที่บ้าน โต้งพบว่าจูนไม่ได้กลับมาอีกแล้ว เพราะเธอรู้ว่า ถึงครอบครัวของโต้งไม่มีแตงอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องจมปลักอยู่กับความทุกข์ ส่วนมิวเองก็รู้สึกตื้นตันกับของขวัญที่โต้งให้
ตัวละคร[แก้]



ทีมนักแสดงจากรักแห่งสยาม จากซ้ายไปขวา อธิชา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์, วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล, เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, สินจัย เปล่งพานิช และมาริโอ้ เมาเร่อ
โต้ง แสดงโดย มาริโอ้ เมาเร่อ (โอ้) และ จิรายุ ละอองมณี (เก้า) (แสดงเป็นโต้งตอนเด็ก) : เด็กชายวัยรุ่นชั้น ม.6 อายุ 17 ปี หน้าตาดี เรียนอยู่โรงเรียนกรุงเทพวิทยาลัย และเคยเรียนอยู่ที่โรงเรียนเซนต์นิโคลัสกับมิว เพื่อนที่อยู่บ้านตรงข้ามกัน มีแฟนชื่อโดนัท เป็นเด็กวัยรุ่นทั่วไป ที่ใช้เวลาไปกับการเรียนและอยู่กับเพื่อน แต่กำลังมีความสับสนกับการเลือกทางเดินในชีวิต โต้งมีปมความเจ็บปวดในวัยเด็กคือ พี่สาวที่ชื่อ แตง ได้หายตัวไปตอนไปเที่ยวที่เชียงใหม่[3]
มิว แสดงโดย วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล (พิช) และ อาทิตย์ นิยมกุล (หนักแน่น) (แสดงเป็นมิวตอนเด็ก) : มิวเป็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับโต้งที่มีพรสวรรค์ทางด้านดนตรี เขาก่อตั้งวงดนตรีกับเพื่อนชื่อวงออกัส ซึ่งมิวอาศัยอยู่กับอาม่าตามลำพัง แต่เมื่ออาม่าถึงแก่กรรม จึงทำให้มิวอยู่คนเดียว
หญิง แสดงโดย กัญญา รัตนเพชร (ตาล) : เป็นเพื่อนบ้านของมิวที่แอบหลงรักมิวอยู่ แต่มิวไม่รู้ สุดท้ายแล้วหญิงเป็นตัวละครที่แสดงให้เห็นถึง การกระทำที่ทำให้คนรักมีความสุข[4]
โดนัท แสดงโดย อธิชา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์ (เบสท์) : โดนัทเป็นแฟนของโต้ง ที่มีความสวยที่เรียกว่า สวยเลือกได้ เป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ จากหลายโรงเรียน แต่แล้วโดนัทเริ่มไม่มั่นใจความสัมพันธ์กับโต้งที่ทำตัวเย็นชาใส่
สุนีย์ แสดงโดย สินจัย เปล่งพานิช (นก) : สุนีย์มีอาชีพเป็นอาจารย์[5] เป็นแม่ของโต้งที่แบกรับภาระของครอบครัวเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียลูกสาวอย่างแตงและการติดเหล้าของกร ผู้เป็นสามี และเหลือโต้งลูกชายที่เคี่ยวเข็ญเป็นพิเศษ
จูน แสดงโดย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ (พลอย) : จูนเป็นผู้ดูแลวงดนตรี ที่มีหน้าตาเหมือนกับพี่สาวของโต้งที่หายไป จูนได้รับการจ้างวานให้ทำหน้าที่มาเยียวยาอาการป่วยของกร
กร แสดงโดย ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี (กบ) : กรมีอาชีพเป็นสถาปนิก[5] เป็นพ่อของโต้ง กรจมทุกข์กับอดีตที่สูญเสียแตงลูกสาวไป นำไปสู่อาการติดเหล้าและความจำเลอะเลือน
อ๊อด แสดงโดย พงศ์นรินทร์ อุลิศ (จ๋อง) : อ๊อดเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับวงออกัส วงที่มิวอยู่ ได้ให้โจทย์กับมิวให้แต่งเพลงรักเพื่อเป็นจุดขายให้กับอัลบั้ม
อาม่า แสดงโดย พิมพ์พรรณ บูรณพิมพ์ (ติ่ง) : อาม่าที่เพิ่งสูญเสียสามี (อากง) ไป อยู่กับมิวด้วยกันกับคนรับใช้อีกหนึ่งคน อาม่าเป็นคนสอนมิวเล่นเปียโน
วงออกัส : เป็นวงดนตรีที่มีสมาชิก 11 คน นอกจากมิวที่เป็นนักร้องนำแล้ว ยังมีอีก 10 คน คือ ชานน ริกุลสุรกาน (นน; ในเรื่องแสดงเป็น เอกซ์), ปฐมวรรธน์ วันสุขประเสริฐ (นายน์; ในเรื่องแสดงเป็น ปิงปอง), อรรถนันต์ ปิยเศรษฐ์ (แวน), ชโลธร ชมจันทร์ (เอ็ม), นภันต์ธนัชย์ พ่วงออมสิน (ต่อ), ภาสกร วิรุฬห์ทรัพย์ (เพชร; ในเรื่องแสดงเป็น อ้วน), ณฐพงษ์ นวศีลวัตร์ (อ๋อง), สุวพัชร ทรงเสี่ยงไชย (แมค), วัชริศ อวศิริพงษ์ (อาร์ม) และวรปรัชญ์ เดชขจรวุฒิ (ไมค์) [6]
งานสร้างภาพยนตร์[แก้]

ที่มาและการทำงานช่วงแรก[แก้]


ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องรักแห่งสยาม
ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล หรือมะเดี่ยว ผู้กำกับภาพยนตร์และเขียนบทภาพยนตร์ เริ่มเขียนบทครั้งแรกตอนสมัยเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมะเดี่ยวเองมีความคุ้นเคยกับสยามสแควร์ เนื่องด้วยเป็นสถานที่ที่ไปเป็นประจำ ได้เห็นคู่รัก วัยรุ่นมากมาย แม้กระทั่งคนวัยทำงานหรือครอบครัวก็ตาม จึงเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนบทและใช้สยามสแควร์เป็นฉากหลังของภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ใช้เวลาถึง 4 ปีในการเขียนบท[7] ซึ่งตัวละคร เรื่องราว ต่างๆ มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของตัวผู้กำกับเอง เขาหยิบยกเรื่องของพ่อแม่ พี่สาว และเรื่องส่วนตัว ขึ้นและขยายเรื่องส่วนตัวไปสู่เรื่องสากลที่คนทั่วไปร่วมรับรู้ได้[8] จนประมาณปี 2548 ชูเกียรติและสุกัญญา วงศ์สถาปัตย์ พยายามหาเงินทุนเพื่อสร้างหนัง ถึงขนาดไปขายหนังที่ฮ่องกง ก่อนที่นายทุนจะให้เงินมาแต่งบต่ำมาก ชูเกียรติกลัวจะเสียบทไป จึงพับโครงการไว้และไปทำ 13 เกมสยอง ก่อน จนนายทุนยอมให้ทำในที่สุด[9] โดยให้งบเริ่มต้นที่ 15 ล้านบาท แล้วไปปิดที่ 17 ล้านบาท ซึ่งงบค่อนข้างไปลงอยู่ที่ฉากคอนเสิร์ต และค่าตัวนักแสดงนำ[2]
ภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มเตรียมงานถ่ายทำช่วงกลางปี 2549[8] และเริ่มถ่ายทำเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2549[10]โดยฉากแรกที่ถ่ายคือที่ร้านขายต่างหูบริเวณสยามสแควร์[11] ปิดกล้องวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2550[12] ใช้เวลาถ่ายทำเกือบ 5 เดือน หลังจากนั้นจึงเป็นงานในส่วนของงานหลังการถ่าย อย่างเช่น ตัดต่อ การลงเสียง เป็นต้น[8]
สถานที่ถ่ายทำและบรรยากาศ[แก้]


ฉากหลังส่วนใหญ่ของเรื่องถ่ายทำที่สยามสแควร์
ฉากหลังส่วนใหญ่ของเรื่องถ่ายทำที่สยามสแควร์ ซึ่งการถ่ายทำมีความยากลำบากในการควบคุมปัจจัยภายนอกและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ความชุลมุนวุ่นวายของผู้คนที่แวะเวียนผ่านเข้ามาทำกิจกรรมในสยาม บ้างก็เดินผ่าน หรือมุงดู และยังมีเสียงรบกวนต่างๆ รอบด้านที่ ทำให้การถ่ายทำค่อนข้างเป็นไปอย่างยากลำบาก อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าบริเวณสยามสแควร์ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เช่น ร้านเปี๊ยก ดีเจสยาม เป็นต้น[13]
ฉากที่ถ่ายทำยากฉากหนึ่ง คือ ฉากบริเวณลานน้ำพุเซ็นเตอร์พอยต์ที่โต้งบอกเลิกกับโดนัท ซึ่งต้องถ่ายทำในช่วงเวลา 18.00-19.00 น. อันเป็นช่วงที่มีผู้คนพลุกพล่าน อีกทั้งมีเสียงดังจากจอเช็คเกอร์สกรีน ทำให้ทีมงานและนักแสดงไม่มีสมาธิ[7]
ฉากโรงเรียนซึ่งในเรื่องคือโรงเรียนชื่อ "เซนต์นิโคลัส" เป็นโรงเรียนที่สมมติขึ้นมา ซึ่งเป็นโรงเรียนเดียวกับที่ตัวเอกและเพื่อนในภาพยนตร์สั้นเรื่อง "12" (หนังภาคก่อนเรื่อง 13 เกมสยอง) จากภาพยนตร์เรื่องก่อนของผู้กำกับ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล โดยใช้สถานที่ถ่ายทำคือ โรงเรียนอัสสัมชัญและโรงเรียนเซนต์จอห์น[14]
ส่วนช่วงเวลาและบรรยากาศของเรื่องนี้ เป็นช่วงฤดูหนาว ในช่วงวันคริสต์มาส วันปีใหม่ ซึ่งมีบรรยากาศและการตกแต่งร้านค้าต่างๆ ที่ประดับประดาไปด้วยไฟ และถ่ายในช่วงนั้นจริงๆ ทั้งที่สยามสแควร์และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ส่วนคอนเสิร์ตในช่วงท้ายเรื่อง จัดที่ลานดิสคัฟเวอรีพลาซ่า ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี[7] นอกจากนี้สิ่งที่ผู้กำกับตั้งใจใส่บรรยากาศอีกอย่างหนึ่งคือ ความเป็นคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศในช่วงคริสต์มาส ฉากเล่นละครตอนพระกุมารประสูติ การสวดก่อนอาหาร และคอนเสิร์ตที่จัดในช่วงเทศกาลคริสต์มาส รวมถึงชื่อโรงเรียนเซนต์นิโคลัส ที่เป็นชื่อจริงของ ‘ซานตาคลอส’ [15]
การคัดเลือกนักแสดง[แก้]


เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ (พลอย) รับบทเป็น แตง และ จูน
นักแสดงหน้าใหม่ทั้ง 4 คนได้ผ่านการทดสอบบทโดยส่วนใหญ่มาจากโมเดลลิ่ง อย่างอธิชา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์ (เบสท์), กัญญา รัตนเพชร (ตาล)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่