☺ The Side Story ☺ "พันธะเหนือลิขิต"
ตอน.. .. Ibirin's Diary ..
มาเล่าต่อจากกระทู้โน้น.. http://ppantip.com/topic/34433162
“ นั่งเฉยๆ.. “
นายคนนั้น..หน้าก็ไม่หันมามองฉัน ดวงตาเรียวสวยหรี่จับจ้องไปยังพุ่มไม้ไกลตาข้างหน้า พลางบอกฉันเสียงเย็นเรียบ
“ อย่าส่งเสียง ”
ฉันงี้รู้สึกเหมือนถูกตีใส่แสกหน้าเลย ทั้งอายทั้งแค้นอย่างบอกไม่ถูก เลยผุดลุกขึ้นยืน ตอนนั้นมันหมดความอดทนแล้วจริงๆ บอกกับตนเองว่า ต่อให้ต้องถูกทิ้งไว้บนดาวดวงนี้ไปตลอดชีวิต ก็คงยังดีกว่าต้องมาง้อขอความคุ้มครองช่วยเหลือจากนายคนนี้ แล้วให้อีตาบ้านี่ แสดงกิริยาดูถูกไร้มารยาทกับฉันแบบนี้
แต่ขณะที่ฉันจะสะบัดหน้าไปจากตรงนั้น ร่างสูงของเขาก็พุ่งขวับเข้ามาคว้าข้อมือของฉันไว้ แล้วฉุดร่างฉันทะยานขึ้นไปบนต้นไม้สูงกิ่งใบรกครึ้มที่ใกล้ๆ ฉันร้องดังเฮ้ยอย่างตกใจ เขาใช้ท่อนแขนใหญ่โอบคอฉันไว้ อีกมือหนึ่งกดหัวฉันซุกกับอกของเขา พลางก้มศีรษะตัวเองต่ำๆ เพื่อใช้กิ่งใบของต้นไม้ต้นนั้นกำบังพรางตัวจากอะไรบางสิ่งบางอย่าง
ฉันถูกเขากดไว้แน่นแทบหายใจไม่ออก คิดจะดิ้นแต่ก็ท่อนแขนเขาแข็งยิ่งกว่าคีมใหญ่หนีบฉันไว้แน่นจนขยับไม่ได้
“ ชู่ว์ว์…”
เขาห่อปากพ่นลมผ่านไรฟันเบาๆเป็นเชิงสั่งให้ฉันหยุดดิ้น หูข้างหนึ่งของฉันคล้ายกับแว่วยินเสียงสวบสาบบางอย่างดังขึ้นเหนือศีรษะแล้วเคลื่อนผ่านพ้นไป หากแต่หูอีกข้างที่แนบติดกับทรวงอกของเขากลับได้ยินเสียงเต้นของหัวใจเขาชัดเจนกว่า เสียงนั้นมันทำให้หัวใจฉันพลอยเต้นระรัวไปด้วย เพราะราวกับย้ำให้ฉันรู้สึกตัวและถามตัวเองว่า.. นี่ฉันกำลังแนบชิดใกล้เขาถึงเพียงนี้เชียวหรือ ในชีวิตของฉันถือว่าเป็นครั้งแรกเลยนะที่ถูกผู้ชายแปลกหน้ากอดรัดไว้แน่นถึงขนาดนี้
ห้วงเวลานั้นฉันกำลังโกรธจนเลือดขึ้นหน้า จึงไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่าความรู้สึกอาย หากแต่พอเวลาผ่านพ้นนานไป.. เชื่อไหมว่า …คราวใดที่คิดถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น หัวใจฉันก็รู้สึกร้อนผ่าว..เต้นรัวอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ…( ฮิฮิ.. ฉันบ้าไปแล้ว..อย่าหัวเราะฉันสิ )
จนเมื่อเขาคลายแขนหลวมออก ฉันก็ดิ้นโดยแรง สะบัดหลุดจากวงแขนแล้วเงื้อมือหมายจะฟาดเขาสักฉาดให้หายแค้น หากแต่นายคนนั้นกลับรวดเร็วกว่า คว้ามือฉันไว้ทัน
“ ร้ายจริงนะ..ตัวแค่นี้…” เขาทำเสียงหึหึเบาๆในลำคอ สีหน้าแม้ไร้รอยยิ้มแต่มีแววขำอยู่ในดวงตาคมปลาบคู่นั้น
ฉันขึงตาใส่เขาด้วยความโกรธสุดๆ “ นายกล้าดียังไง..ทำกับฉันแบบนี้..”
“ ฉันทำอะไรเธอ.. ? “
“ เก๊าะ..ก้อ….”
“ ก้อ อะไร ? ”
“ ก้อ..ตะกี้นาย..นายรัดฉัน.. บ้าที่สุด..รู้ทั้งรู้ว่าฉันเป็นใคร..นายกล้าล่วงเกินฉัน…คอยดูนะ..ฉันจะ…”
“ หือ..? ”
เขาทำหน้างง พลางอุทานเบาๆ จากนั้นก็เหมือนนึกอะไรออก จึงค่อยถอนใจแล้วส่ายหัวดิกๆ มองฉันเหมือนรู้สึกสมเพชเต็มประดา
“ นี่.. จะบอกอะไรให้.. ฉันคิดอะไรอย่างนั้นกับเด็กอย่างเธอไม่ลงหรอกนะ …”
เด็ก….!
เขาบอกว่าฉันเป็นเด็ก…นี่ฉันอายุสิบแปดแล้วนะจะบอกให้.. (เอ่อ..อีกสามปีที่บอกเกินไป ฉันขอบวกเวลาที่อยู่ในมิติพาวูดอนด้วย)
แต่ก็จริง ตัวฉันคงจะดูเด็กไปจริงๆอย่างเขาบอก ผู้หญิงชาวเอลลาโกจะร่างเล็กมากเมื่อเทียบกับผู้หญิงชาวเมลาเนียล รูปร่างและพัฒนาการของฉันในขณะนี้คงเทียบเท่าเด็กผู้หญิงชาวเมลาเนียลวัยสิบเอ็ดสิบสองปีเท่านั้นเองล่ะมั้ง
ก็ดีไป..ที่รู้ว่าเขาไม่ได้มีเจตนาล่วงเกิน เพียงแต่..ฉันยังคงไม่ชอบสีหน้าเฉยเมยเฉื่อยชา แบบไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาของเขาอยู่ดี
“ ขอบอกซะก่อน อย่าดื้อนักนะ ถ้าไม่เห็นแก่หน้าพี่ชายของเธอ ฉันอยากจับเด็กดื้ออย่างเธอตีก้นสักหลายทีให้หายซน ”
“ เชอะ..ก็ลองดูสิ “
ฉันท้า…เชิดหน้าใส่เขาอย่างลองดี รู้ล่ะ.. ว่าเขาไม่กล้าทำหรอก แม้ว่าในตอนนี้ฉันเริ่มแน่ใจแล้วว่า ชายผู้นี้คงมีฐานะความเป็นมาไม่ธรรมดาแน่ อาจจะเป็นทายาทคนใหญ่คนโตในเมลาเนียลบางคน หรือไม่..ก็อาจมีตำแหน่งการงานสูงในกองทัพคนหนึ่ง แต่ที่แน่ๆซึ่งประจักษ์แก่สายตาฉันแล้วก็คือ… นายขี้เก๊กคนนี้มีฝีมือระดับพระกาฬคนหนึ่งเท่าที่ฉันเคยเจอมาทีเดียวล่ะ
ใช่.. คงทายออกกันแล้วใช่มั้ยว่า..เขาก็คือผู้แทนพระองค์ที่ถูกส่งมารับฉันนั่นเอง
.
☼☼☺☺.. Ibirin's Diary ..☺☺☼☼ (ต่อ)
ตอน.. .. Ibirin's Diary ..
มาเล่าต่อจากกระทู้โน้น.. http://ppantip.com/topic/34433162
“ นั่งเฉยๆ.. “
นายคนนั้น..หน้าก็ไม่หันมามองฉัน ดวงตาเรียวสวยหรี่จับจ้องไปยังพุ่มไม้ไกลตาข้างหน้า พลางบอกฉันเสียงเย็นเรียบ
“ อย่าส่งเสียง ”
ฉันงี้รู้สึกเหมือนถูกตีใส่แสกหน้าเลย ทั้งอายทั้งแค้นอย่างบอกไม่ถูก เลยผุดลุกขึ้นยืน ตอนนั้นมันหมดความอดทนแล้วจริงๆ บอกกับตนเองว่า ต่อให้ต้องถูกทิ้งไว้บนดาวดวงนี้ไปตลอดชีวิต ก็คงยังดีกว่าต้องมาง้อขอความคุ้มครองช่วยเหลือจากนายคนนี้ แล้วให้อีตาบ้านี่ แสดงกิริยาดูถูกไร้มารยาทกับฉันแบบนี้
แต่ขณะที่ฉันจะสะบัดหน้าไปจากตรงนั้น ร่างสูงของเขาก็พุ่งขวับเข้ามาคว้าข้อมือของฉันไว้ แล้วฉุดร่างฉันทะยานขึ้นไปบนต้นไม้สูงกิ่งใบรกครึ้มที่ใกล้ๆ ฉันร้องดังเฮ้ยอย่างตกใจ เขาใช้ท่อนแขนใหญ่โอบคอฉันไว้ อีกมือหนึ่งกดหัวฉันซุกกับอกของเขา พลางก้มศีรษะตัวเองต่ำๆ เพื่อใช้กิ่งใบของต้นไม้ต้นนั้นกำบังพรางตัวจากอะไรบางสิ่งบางอย่าง
ฉันถูกเขากดไว้แน่นแทบหายใจไม่ออก คิดจะดิ้นแต่ก็ท่อนแขนเขาแข็งยิ่งกว่าคีมใหญ่หนีบฉันไว้แน่นจนขยับไม่ได้
“ ชู่ว์ว์…”
เขาห่อปากพ่นลมผ่านไรฟันเบาๆเป็นเชิงสั่งให้ฉันหยุดดิ้น หูข้างหนึ่งของฉันคล้ายกับแว่วยินเสียงสวบสาบบางอย่างดังขึ้นเหนือศีรษะแล้วเคลื่อนผ่านพ้นไป หากแต่หูอีกข้างที่แนบติดกับทรวงอกของเขากลับได้ยินเสียงเต้นของหัวใจเขาชัดเจนกว่า เสียงนั้นมันทำให้หัวใจฉันพลอยเต้นระรัวไปด้วย เพราะราวกับย้ำให้ฉันรู้สึกตัวและถามตัวเองว่า.. นี่ฉันกำลังแนบชิดใกล้เขาถึงเพียงนี้เชียวหรือ ในชีวิตของฉันถือว่าเป็นครั้งแรกเลยนะที่ถูกผู้ชายแปลกหน้ากอดรัดไว้แน่นถึงขนาดนี้
ห้วงเวลานั้นฉันกำลังโกรธจนเลือดขึ้นหน้า จึงไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่าความรู้สึกอาย หากแต่พอเวลาผ่านพ้นนานไป.. เชื่อไหมว่า …คราวใดที่คิดถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น หัวใจฉันก็รู้สึกร้อนผ่าว..เต้นรัวอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ…( ฮิฮิ.. ฉันบ้าไปแล้ว..อย่าหัวเราะฉันสิ )
จนเมื่อเขาคลายแขนหลวมออก ฉันก็ดิ้นโดยแรง สะบัดหลุดจากวงแขนแล้วเงื้อมือหมายจะฟาดเขาสักฉาดให้หายแค้น หากแต่นายคนนั้นกลับรวดเร็วกว่า คว้ามือฉันไว้ทัน
“ ร้ายจริงนะ..ตัวแค่นี้…” เขาทำเสียงหึหึเบาๆในลำคอ สีหน้าแม้ไร้รอยยิ้มแต่มีแววขำอยู่ในดวงตาคมปลาบคู่นั้น
ฉันขึงตาใส่เขาด้วยความโกรธสุดๆ “ นายกล้าดียังไง..ทำกับฉันแบบนี้..”
“ ฉันทำอะไรเธอ.. ? “
“ เก๊าะ..ก้อ….”
“ ก้อ อะไร ? ”
“ ก้อ..ตะกี้นาย..นายรัดฉัน.. บ้าที่สุด..รู้ทั้งรู้ว่าฉันเป็นใคร..นายกล้าล่วงเกินฉัน…คอยดูนะ..ฉันจะ…”
“ หือ..? ”
เขาทำหน้างง พลางอุทานเบาๆ จากนั้นก็เหมือนนึกอะไรออก จึงค่อยถอนใจแล้วส่ายหัวดิกๆ มองฉันเหมือนรู้สึกสมเพชเต็มประดา
“ นี่.. จะบอกอะไรให้.. ฉันคิดอะไรอย่างนั้นกับเด็กอย่างเธอไม่ลงหรอกนะ …”
เด็ก….!
เขาบอกว่าฉันเป็นเด็ก…นี่ฉันอายุสิบแปดแล้วนะจะบอกให้.. (เอ่อ..อีกสามปีที่บอกเกินไป ฉันขอบวกเวลาที่อยู่ในมิติพาวูดอนด้วย)
แต่ก็จริง ตัวฉันคงจะดูเด็กไปจริงๆอย่างเขาบอก ผู้หญิงชาวเอลลาโกจะร่างเล็กมากเมื่อเทียบกับผู้หญิงชาวเมลาเนียล รูปร่างและพัฒนาการของฉันในขณะนี้คงเทียบเท่าเด็กผู้หญิงชาวเมลาเนียลวัยสิบเอ็ดสิบสองปีเท่านั้นเองล่ะมั้ง
ก็ดีไป..ที่รู้ว่าเขาไม่ได้มีเจตนาล่วงเกิน เพียงแต่..ฉันยังคงไม่ชอบสีหน้าเฉยเมยเฉื่อยชา แบบไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาของเขาอยู่ดี
“ ขอบอกซะก่อน อย่าดื้อนักนะ ถ้าไม่เห็นแก่หน้าพี่ชายของเธอ ฉันอยากจับเด็กดื้ออย่างเธอตีก้นสักหลายทีให้หายซน ”
“ เชอะ..ก็ลองดูสิ “
ฉันท้า…เชิดหน้าใส่เขาอย่างลองดี รู้ล่ะ.. ว่าเขาไม่กล้าทำหรอก แม้ว่าในตอนนี้ฉันเริ่มแน่ใจแล้วว่า ชายผู้นี้คงมีฐานะความเป็นมาไม่ธรรมดาแน่ อาจจะเป็นทายาทคนใหญ่คนโตในเมลาเนียลบางคน หรือไม่..ก็อาจมีตำแหน่งการงานสูงในกองทัพคนหนึ่ง แต่ที่แน่ๆซึ่งประจักษ์แก่สายตาฉันแล้วก็คือ… นายขี้เก๊กคนนี้มีฝีมือระดับพระกาฬคนหนึ่งเท่าที่ฉันเคยเจอมาทีเดียวล่ะ
ใช่.. คงทายออกกันแล้วใช่มั้ยว่า..เขาก็คือผู้แทนพระองค์ที่ถูกส่งมารับฉันนั่นเอง
.