สรุปเทรนด์ภาพรวมของ Fast IT กับเทคโนโลยีระบบเครือข่ายที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน จากงาน Cisco Night Academy #5: Enterprise Network: Switch to Fast IT
สำหรับในงานสัมมนาครั้งนี้ทาง Cisco ได้ออกมาอัพเดตเทคโนโลยีต่างๆ ที่น่าสนใจที่เริ่มมีการใช้งานในระบบเครือข่ายขององค์กร ในขณะที่มีการแนะแนวทางของแต่ละองค์กรในการศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับระบบเครือข่ายองค์กร ไม่ว่าจะเป็น WAN, LAN และ Wireless LAN ซึ่งทางทีมงาน TechTalkThai ก็ขอสรุปเอาไว้ดังนี้ครับ
Credit: ShutterStock.com
Cisco Fast Mobility
เรากำลังเข้าสู่ยุคของ Internet of Everythings (IoE) หรือที่ผู้ผลิตรายอื่นเรียกว่า Internet of Things (IoT) กันนั่นเอง โดยทาง Cisco ได้นำเสนอตัวเลขสถิติที่น่าสนใจเอาไว้ดังต่อไปนี้
-99% ของอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านจะสามารถจะเชื่อมต่อกับ Internet ได้ ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น ทีวี หลอดไฟ เครื่องซักผ้า รถยนต์ และอื่นๆ
-ผู้ใช้งานแต่ละคนจะมีการใช้งานอุปกรณ์เฉลี่ยคนละ 2.5 ชิ้น
-Traffic การใช้งานของเครือข่ายจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าจากปัจจุบัน
-Wi-Fi จะเป็น 50% ของช่องทางในการเชื่อมต่อเครือข่าย
ด้วยตัวเลขการทำนายเหล่านี้ ระบบเครือข่ายจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อตอบรับอนาคตให้ได้ ทั้งในแง่ของความง่าย, ความฉลาดของระบบ, สถาปัตยกรรมแบบ Mobile/Cloud และการ Programmable ได้ของอุปกรณ์และระบบต่างๆ
จากเทรนด์เหล่านี้ บางท่านอาจจะยังไม่เห็นภาพว่าโลกเรากำลังจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทาง Cisco จึงได้ยกตัวอย่างของหลอดไฟที่สามารถต่อ Internet ได้ และจ่ายไฟผ่าน PoE ได้เลย เป็นระบบ Smart Lighting สำหรับใช้ควบคุมการเปิดปิด, เลือกสี, ตั้งเวลา หรือควบคุมไฟจากระยะไกล โดยตอนนี้มาตรฐาน PoE เริ่มพัฒนาไปถึง Ultra PoE ที่จ่ายไฟได้ถึง 60W ก็ทำให้รองรับอุปกรณ์ได้หลากหลายมากขึ้น และทำให้ในอนาคตการทำ Internet of Things เข้าใกล้ความจริงเข้ามาด้วยเช่นกัน
Internet of Things นั้นเป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยให้ชีวิตของคนเราดีขึ้นในหลายๆ แง่มุม แต่ในทางกลับกัน การที่เทคโนโลยีและการเชื่อมต่อต่างๆ สามารถเข้าถึงได้ทุกส่วนของชีวิตเรานั้น ระบบรักษาความปลอดภัยของ Internet of Things ก็ยิ่งต้องมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นตามไปด้วยเช่นกันเพื่อปกป้องผู้ใช้งานอย่างเราๆ จากการโจมตีที่มีหลายช่องทาง
การติดต่อสื่อสารที่เปลี่ยนไป กับระบบ Unified Communications Management Platform
อีกสิ่งหนึ่งที่ Cisco มองว่าจะเป็นอีกการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ก็คือการติดต่อสื่อสาร รูปแบบของการติดต่อสื่อสารนั้นจะกลายไปเป็นแบบ Unified Communication โดยรวมเอาการติดต่อสื่อสารหลากหลายรูปแบบเข้ามาไว้ด้วยกันเป็นระบบเดียว ทำให้สามารถใช้ Voice, Video และ Text ได้อย่างครบถ้วนในแต่ละการติดต่อสื่สาร ในขณะที่ยังคงตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยและการรักษาความลับขององค์กรได้เหนือกว่าการใช้บริการฟรีอย่างบริการ Chat บนโทรศัพท์มือถือที่ไม่ปลอดภัยแต่ยังเป็นนิยมใช้งานในปัจจุบัน
การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับการติดต่อสื่อสารในองค์กร มีดังนี้
-Voice and Video Call Processing คุณภาพเสียงและภาพจะกลายเป็นระดับ HD และมีความปลอดภัยในการสื่อสาร
-Mobility and Pricing สามารถทำการติดต่อสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายได้หลากหลายรูปแบบจากทุกที่ ด้วยเบอร์กลางส่วนตัวเบอร์เดียว และสื่อสารกันภายในองค์กรได้ง่ายได้
-Choice of Endpoints and Virtual Meeting Room ใช้อุปกรณ์ได้หลากหลายทั้งโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ, Video Conference, ระบบประชุม Online หรือห้องสำหรับใช้ในการประชุมโดยเฉพาะ โดยไม่รู้สึกถึงความแตกต่างในความยากในการใช้งาน
-Management สามารถบริหารจัดการแก้ไขการตั้งค่า, การย้ายโต๊ะของพนักงาน, การเพิ่มเบอร์ใหม่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย และดูแลรักษาได้ง่ายกว่าระบบโทรศัพท์แบบเดิมๆ และมีรายงานสำหรับการใช้งานระบบโทรศัพท์เพื่อปรับแต่งการติดต่อสื่อสารให้มีค่าใช้จ่ายน้อยลงได้
-Redundant สามารถทำ Redundancy ของระบบติดต่อสื่อสารได้ ทำให้มีความทนทานสูงยิ่งกว่าระบบโทรศัพท์หรือติดต่อสื่อสารแบบเดิมๆ
-Security การถูกดักฟังเกิดขึ้นได้ยากขึ้น เพราะข้อมูลที่ใช้ในการสื่อสารนั้นจะมีการเข้ารหัสเอาไว้ ต่างจากระบบ Analog แบบเดิมที่ไม่สามารถทำการเข้ารหัสได้
-Scalability แก้ปัญหาเบอร์โทรศัพท์เต็มได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องติดข้อจำกัดทางด้าน Hardware แบบเดิมๆ
ที่ Cisco เองนั้นจะมีระบบแบบ Hot-Seat คือพนักงานแต่ละคนสามารถเลือกโต๊ะผ่านระบบจอ Touch Screen ได้เลยในทุกๆ วันที่มาทำงาน และเบอร์โทรศัพท์ก็จะตามไปที่โต๊ะนั้นอัตโนมัติ ช่วยให้สามารถลดขนาดของ Office ได้ รวมถึงช่วยให้การติดต่อสื่อสารเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสาร และการเช่าพื้นที่ของออฟฟิศได้ทันที
IT ต้องปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจดีขึ้น
แนวโน้มใหม่ที่น่าสนใจคือ 35% ของงบประมาณ IT ในองค์กรนั้น จะถูกเปลี่ยนกลายเป็นงบประมาณจากแผนกต่างๆ ในองค์กรแทน เพื่อให้พนักงานในแผนกต่างๆ สามารถเลือกนำ IT มาใช้ในการทำงานให้ดีขึ้นตามหน้าที่ของตนเองได้ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงลักษณะนี้ก็จะช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงในการทำธุรกิจให้ดีขึ้นและยืดหยุ่นมากขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้โทรศัพท์มือถือหรือ Smartphone นี้ก็จะกลายมาเป็นช่องทางหลักที่ใช้ในการทำธุรกิจ และการตอบโจทย์ Internet of Things รวมถึงการปรับปรุงให้ธุรกิจดีขึ้นได้ในทุกๆ อุตสาหกรรม ดังนี้
-ทำให้การทำงานง่ายขึ้น
-ลดการทำงาน Manual ลง
-มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจในระหว่างการทำงานมากขึ้น และคาดการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น
-สามารถทำการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ด้วยข้อมูลที่มีอยู่ได้ง่ายขึ้น
-เพิ่มศักยภาพในการให้บริการลูกค้าทั้งภายในและภายนอกองค์กร
-เพิ่มยอดขายสินค้าและบริการ
-ตรวจสอบปัญหาในการทำงานที่เกิดขึ้นได้
-สามารถสร้างบริการแผนที่ภายในอาคารได้
-สามารถสร้างประสบการณ์แบบ Interactive ได้
-สามารถประยุกต์ใช้ในเชิงการตลาด เช่น การทำ Facebook Wi-Fi Login, การทำ Customer Data Analytics, การตรวจสอบตำแหน่งของผู้ใช้งาน และวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น
-การรับรู้ว่าใครทำอะไรภายใน Wi-Fi ขององค์กร และนำเสนอ Promotion ต่างๆ เพื่อเพิ่มยอดขายได้ตามตำแหน่งที่ผู้ใช้งานเดินทาง
ใช้ข้อมูล Location ของผู้เชื่อมต่อระบบเครือข่ายเป็นหัวใจของการทำการตลาด Cisco มี CMX ที่ทำหน้าที่เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานระบบ Wi-Fi ขององค์กร ว่าใช้จากตรงไหน, เข้าเว็บอะไร, ใช้เครื่องอะไร, ค่ายไหน และเลือกตำแหน่งการติดตั้ง Digital Signage หรือตั้งโฆษณาต่างๆ ให้ตรงตำแหน่งได้มากขึ้น รวมถึงยังใช้ BLE ได้ด้วย โดยระบบลักษณะนี้มีใช้งานในห้างใหญ่ๆ รวมถึงมหาวิทยาลัยในไทยที่มีการนำตารางเรียนตารางสอนมาผูกกับระบบ Wi-Fi รายคน หรือแม้แต่ในโรงพยาบาลก็สามารถทำระบบนัดหมายและแจ้งตำแหน่งต่างๆ ในรพ.ได้
-ห้างร้านต่างๆ สามารถทำการวิเคราะห์ข้อมูลและเลือกนำเสนอโฆษณาตามแต่ละสาขาให้ดีขึ้น
-เจ้าของอาคารรู้ว่าผู้ใช้งานเดินทางไปที่ไหน และหยุดยืนอยู่ตรงตำแหน่งไหนบ่อย ทำให้องค์กรตัดสินใจได้ว่าควรติดโฆษณาหรือเพิ่มลดที่นั่งหรือป้ายโฆษณาอะไรที่ตรงไหน
-ติดตามช่วงเวลาที่มีคนเยอะในแต่ละวัน และสถานที่
-รู้ข้อมูลว่ามีลูกค้าคนใดที่กลับเข้ามาบ่อยๆ และนำเสนอบริการ Customer Loyalty ได้ดีขึ้น
-สามารถทำ Social Network Analytics เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจาก Social Network และเว็บไซต์ต่างๆ หาการสนทนาที่เกี่ยวข้องกับ Cisco เพื่อใช้งาน
-Facebook Wi-Fi เป็นทางเลือกที่โรงแรมนิยมใช้มาก เพราะจะช่วยโปรโมทธุรกิจได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
-ระบบ Location-based Wi-Fi สำหรับใช้สร้างบริการแผนที่, การวิเคราะห์ทิศทางการเดินภายในอาคาร
เมื่อภายในระบบเครือข่ายมีการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเครือข่ายมากขึ้น การบริหารจัดการสำหรับระบบ IT ภายในองค์กรก็จะต้องถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่
-การบริหารจัดการผู้ใช้งานที่มาเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย
-การบริหารจัดการการเชื่อมต่อไปยังบริการ Cloud ในการใช้ทำงาน
-การบริหารจัดการอุปกรณ์ที่มาเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย ทั้ง Endpoint และ Sensor
Cisco มีระบบ One Management ติดตามผู้ใช้งาน และสร้าง Policy กลางได้สำหรับผู้ใช้งานแต่ละคน ทำให้การดูแลรักษาระบบเป็นไปได้ง่ายขึ้น, ปลอดภัยยิ่งขึ้น และลดค่าใช้จ่ายลงได้
แนวทางการลงทุนระบบ IT ขององค์กรที่ Ford
Ford มีโรงงานผลิตรถทั่วโลก สองปีก่อนทาง Ford ได้ยกเลิกระบบเครือข่ายระหว่างสาขา และทำการเปลี่ยนมาใช้ Cloud เป็นหลัก โดยภายในองค์กรก็ใช้ Wi-Fi ในการเชื่อมต่อทุกระบบในโรงงานเข้าด้วยกัน รวมถึงมีระบบ Asset Tracking ที่ช่วยติดตามข้อมูลต่างๆ ในแต่ละโรงงาน และทำ Risk Management ได้ดีขึ้น รวมถึงมีการรวบรวมข้อมูล Workflow ต่างๆ ให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น
แนวทางการลงทุนระบบ IT ของ Uber
ที่ Uber นี้จะมีการติดตามทุกอุปกรณ์ที่ทำการเชื่อมต่อกับระบบของ Uber อยู่เสมอ เพื่อให้สามารถติดตามเหตุการณ์ต่างๆ ทางด้านความปลอดภัยได้อยู่ตลอด และสามารถลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นลงได้ โดยมีการทำ Data Mining สำหรับวิเคราะห์ Transaction ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพื่อ Optimize รายรับให้ดีขึ้นได้ เช่น การจัดโปรโมชั่นตามเส้นทางที่เป็นที่นิยม เพื่อเพิ่มรายได้ให้ทั้งผู้ขับรถและ Uber อีกทั้งยังมีการทำ BYOD หรือ CYOD สำหรับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ผู้ขับรถต้องการใช้งานและนำมาเชื่อมต่อกับระบบของ Uber เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย
แนวทางการใช้งาน BLE Beacons ในองค์กร
การใช้ Beacons ภายในห้างสรรพสินค้านั้นเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีวัตถุประสงค์ในการติดตาม Location ของผู้ใช้งาน, การส่งข้อมูลโปรโมชั่นต่างๆ ให้กับลูกค้า และการให้บริการแผนที่ภายในอาคาร โดยตอนนี้ Bluetooth version 4 หรือ BLE นี้ประหยัดไฟกว่าเวอร์ชั่นเก่าๆ มาก รวมถึงยังสามารถรับส่งข้อมูลได้มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายยิ่งขึ้น ในขณะที่แนวโน้มของผู้ใช้งานเองก็เริ่มที่จะเปิด Bluetooth เอาไว้ตลอดเวลากันมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับผู้ที่สนใจระบบ BLE และ Beacon นี้ ทาง Cisco เองก็มีระบบสำเร็จรูปเพื่อให้องค์กรต่างๆ ลองทดสอบได้ ใครสนใจก็สามารถติดต่อ Cisco ไปได้เลยนะครับ
ยังมีต่อ
ที่มา :
https://www.techtalkthai.com/cisco-night-academy-5-fast-it-summary/
สรุปเทรนด์ภาพรวมของ Fast IT กับเทคโนโลยีระบบเครือข่ายที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน จากงาน Cisco Night Academy #5
สำหรับในงานสัมมนาครั้งนี้ทาง Cisco ได้ออกมาอัพเดตเทคโนโลยีต่างๆ ที่น่าสนใจที่เริ่มมีการใช้งานในระบบเครือข่ายขององค์กร ในขณะที่มีการแนะแนวทางของแต่ละองค์กรในการศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับระบบเครือข่ายองค์กร ไม่ว่าจะเป็น WAN, LAN และ Wireless LAN ซึ่งทางทีมงาน TechTalkThai ก็ขอสรุปเอาไว้ดังนี้ครับ
Credit: ShutterStock.com
Cisco Fast Mobility
เรากำลังเข้าสู่ยุคของ Internet of Everythings (IoE) หรือที่ผู้ผลิตรายอื่นเรียกว่า Internet of Things (IoT) กันนั่นเอง โดยทาง Cisco ได้นำเสนอตัวเลขสถิติที่น่าสนใจเอาไว้ดังต่อไปนี้
-99% ของอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านจะสามารถจะเชื่อมต่อกับ Internet ได้ ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น ทีวี หลอดไฟ เครื่องซักผ้า รถยนต์ และอื่นๆ
-ผู้ใช้งานแต่ละคนจะมีการใช้งานอุปกรณ์เฉลี่ยคนละ 2.5 ชิ้น
-Traffic การใช้งานของเครือข่ายจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าจากปัจจุบัน
-Wi-Fi จะเป็น 50% ของช่องทางในการเชื่อมต่อเครือข่าย
ด้วยตัวเลขการทำนายเหล่านี้ ระบบเครือข่ายจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อตอบรับอนาคตให้ได้ ทั้งในแง่ของความง่าย, ความฉลาดของระบบ, สถาปัตยกรรมแบบ Mobile/Cloud และการ Programmable ได้ของอุปกรณ์และระบบต่างๆ
จากเทรนด์เหล่านี้ บางท่านอาจจะยังไม่เห็นภาพว่าโลกเรากำลังจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทาง Cisco จึงได้ยกตัวอย่างของหลอดไฟที่สามารถต่อ Internet ได้ และจ่ายไฟผ่าน PoE ได้เลย เป็นระบบ Smart Lighting สำหรับใช้ควบคุมการเปิดปิด, เลือกสี, ตั้งเวลา หรือควบคุมไฟจากระยะไกล โดยตอนนี้มาตรฐาน PoE เริ่มพัฒนาไปถึง Ultra PoE ที่จ่ายไฟได้ถึง 60W ก็ทำให้รองรับอุปกรณ์ได้หลากหลายมากขึ้น และทำให้ในอนาคตการทำ Internet of Things เข้าใกล้ความจริงเข้ามาด้วยเช่นกัน
Internet of Things นั้นเป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยให้ชีวิตของคนเราดีขึ้นในหลายๆ แง่มุม แต่ในทางกลับกัน การที่เทคโนโลยีและการเชื่อมต่อต่างๆ สามารถเข้าถึงได้ทุกส่วนของชีวิตเรานั้น ระบบรักษาความปลอดภัยของ Internet of Things ก็ยิ่งต้องมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นตามไปด้วยเช่นกันเพื่อปกป้องผู้ใช้งานอย่างเราๆ จากการโจมตีที่มีหลายช่องทาง
การติดต่อสื่อสารที่เปลี่ยนไป กับระบบ Unified Communications Management Platform
อีกสิ่งหนึ่งที่ Cisco มองว่าจะเป็นอีกการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ก็คือการติดต่อสื่อสาร รูปแบบของการติดต่อสื่อสารนั้นจะกลายไปเป็นแบบ Unified Communication โดยรวมเอาการติดต่อสื่อสารหลากหลายรูปแบบเข้ามาไว้ด้วยกันเป็นระบบเดียว ทำให้สามารถใช้ Voice, Video และ Text ได้อย่างครบถ้วนในแต่ละการติดต่อสื่สาร ในขณะที่ยังคงตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยและการรักษาความลับขององค์กรได้เหนือกว่าการใช้บริการฟรีอย่างบริการ Chat บนโทรศัพท์มือถือที่ไม่ปลอดภัยแต่ยังเป็นนิยมใช้งานในปัจจุบัน
การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับการติดต่อสื่อสารในองค์กร มีดังนี้
-Voice and Video Call Processing คุณภาพเสียงและภาพจะกลายเป็นระดับ HD และมีความปลอดภัยในการสื่อสาร
-Mobility and Pricing สามารถทำการติดต่อสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายได้หลากหลายรูปแบบจากทุกที่ ด้วยเบอร์กลางส่วนตัวเบอร์เดียว และสื่อสารกันภายในองค์กรได้ง่ายได้
-Choice of Endpoints and Virtual Meeting Room ใช้อุปกรณ์ได้หลากหลายทั้งโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ, Video Conference, ระบบประชุม Online หรือห้องสำหรับใช้ในการประชุมโดยเฉพาะ โดยไม่รู้สึกถึงความแตกต่างในความยากในการใช้งาน
-Management สามารถบริหารจัดการแก้ไขการตั้งค่า, การย้ายโต๊ะของพนักงาน, การเพิ่มเบอร์ใหม่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย และดูแลรักษาได้ง่ายกว่าระบบโทรศัพท์แบบเดิมๆ และมีรายงานสำหรับการใช้งานระบบโทรศัพท์เพื่อปรับแต่งการติดต่อสื่อสารให้มีค่าใช้จ่ายน้อยลงได้
-Redundant สามารถทำ Redundancy ของระบบติดต่อสื่อสารได้ ทำให้มีความทนทานสูงยิ่งกว่าระบบโทรศัพท์หรือติดต่อสื่อสารแบบเดิมๆ
-Security การถูกดักฟังเกิดขึ้นได้ยากขึ้น เพราะข้อมูลที่ใช้ในการสื่อสารนั้นจะมีการเข้ารหัสเอาไว้ ต่างจากระบบ Analog แบบเดิมที่ไม่สามารถทำการเข้ารหัสได้
-Scalability แก้ปัญหาเบอร์โทรศัพท์เต็มได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องติดข้อจำกัดทางด้าน Hardware แบบเดิมๆ
ที่ Cisco เองนั้นจะมีระบบแบบ Hot-Seat คือพนักงานแต่ละคนสามารถเลือกโต๊ะผ่านระบบจอ Touch Screen ได้เลยในทุกๆ วันที่มาทำงาน และเบอร์โทรศัพท์ก็จะตามไปที่โต๊ะนั้นอัตโนมัติ ช่วยให้สามารถลดขนาดของ Office ได้ รวมถึงช่วยให้การติดต่อสื่อสารเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสาร และการเช่าพื้นที่ของออฟฟิศได้ทันที
IT ต้องปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจดีขึ้น
แนวโน้มใหม่ที่น่าสนใจคือ 35% ของงบประมาณ IT ในองค์กรนั้น จะถูกเปลี่ยนกลายเป็นงบประมาณจากแผนกต่างๆ ในองค์กรแทน เพื่อให้พนักงานในแผนกต่างๆ สามารถเลือกนำ IT มาใช้ในการทำงานให้ดีขึ้นตามหน้าที่ของตนเองได้ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงลักษณะนี้ก็จะช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงในการทำธุรกิจให้ดีขึ้นและยืดหยุ่นมากขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้โทรศัพท์มือถือหรือ Smartphone นี้ก็จะกลายมาเป็นช่องทางหลักที่ใช้ในการทำธุรกิจ และการตอบโจทย์ Internet of Things รวมถึงการปรับปรุงให้ธุรกิจดีขึ้นได้ในทุกๆ อุตสาหกรรม ดังนี้
-ทำให้การทำงานง่ายขึ้น
-ลดการทำงาน Manual ลง
-มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจในระหว่างการทำงานมากขึ้น และคาดการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น
-สามารถทำการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ด้วยข้อมูลที่มีอยู่ได้ง่ายขึ้น
-เพิ่มศักยภาพในการให้บริการลูกค้าทั้งภายในและภายนอกองค์กร
-เพิ่มยอดขายสินค้าและบริการ
-ตรวจสอบปัญหาในการทำงานที่เกิดขึ้นได้
-สามารถสร้างบริการแผนที่ภายในอาคารได้
-สามารถสร้างประสบการณ์แบบ Interactive ได้
-สามารถประยุกต์ใช้ในเชิงการตลาด เช่น การทำ Facebook Wi-Fi Login, การทำ Customer Data Analytics, การตรวจสอบตำแหน่งของผู้ใช้งาน และวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น
-การรับรู้ว่าใครทำอะไรภายใน Wi-Fi ขององค์กร และนำเสนอ Promotion ต่างๆ เพื่อเพิ่มยอดขายได้ตามตำแหน่งที่ผู้ใช้งานเดินทาง
ใช้ข้อมูล Location ของผู้เชื่อมต่อระบบเครือข่ายเป็นหัวใจของการทำการตลาด Cisco มี CMX ที่ทำหน้าที่เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานระบบ Wi-Fi ขององค์กร ว่าใช้จากตรงไหน, เข้าเว็บอะไร, ใช้เครื่องอะไร, ค่ายไหน และเลือกตำแหน่งการติดตั้ง Digital Signage หรือตั้งโฆษณาต่างๆ ให้ตรงตำแหน่งได้มากขึ้น รวมถึงยังใช้ BLE ได้ด้วย โดยระบบลักษณะนี้มีใช้งานในห้างใหญ่ๆ รวมถึงมหาวิทยาลัยในไทยที่มีการนำตารางเรียนตารางสอนมาผูกกับระบบ Wi-Fi รายคน หรือแม้แต่ในโรงพยาบาลก็สามารถทำระบบนัดหมายและแจ้งตำแหน่งต่างๆ ในรพ.ได้
-ห้างร้านต่างๆ สามารถทำการวิเคราะห์ข้อมูลและเลือกนำเสนอโฆษณาตามแต่ละสาขาให้ดีขึ้น
-เจ้าของอาคารรู้ว่าผู้ใช้งานเดินทางไปที่ไหน และหยุดยืนอยู่ตรงตำแหน่งไหนบ่อย ทำให้องค์กรตัดสินใจได้ว่าควรติดโฆษณาหรือเพิ่มลดที่นั่งหรือป้ายโฆษณาอะไรที่ตรงไหน
-ติดตามช่วงเวลาที่มีคนเยอะในแต่ละวัน และสถานที่
-รู้ข้อมูลว่ามีลูกค้าคนใดที่กลับเข้ามาบ่อยๆ และนำเสนอบริการ Customer Loyalty ได้ดีขึ้น
-สามารถทำ Social Network Analytics เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจาก Social Network และเว็บไซต์ต่างๆ หาการสนทนาที่เกี่ยวข้องกับ Cisco เพื่อใช้งาน
-Facebook Wi-Fi เป็นทางเลือกที่โรงแรมนิยมใช้มาก เพราะจะช่วยโปรโมทธุรกิจได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
-ระบบ Location-based Wi-Fi สำหรับใช้สร้างบริการแผนที่, การวิเคราะห์ทิศทางการเดินภายในอาคาร
เมื่อภายในระบบเครือข่ายมีการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเครือข่ายมากขึ้น การบริหารจัดการสำหรับระบบ IT ภายในองค์กรก็จะต้องถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่
-การบริหารจัดการผู้ใช้งานที่มาเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย
-การบริหารจัดการการเชื่อมต่อไปยังบริการ Cloud ในการใช้ทำงาน
-การบริหารจัดการอุปกรณ์ที่มาเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย ทั้ง Endpoint และ Sensor
Cisco มีระบบ One Management ติดตามผู้ใช้งาน และสร้าง Policy กลางได้สำหรับผู้ใช้งานแต่ละคน ทำให้การดูแลรักษาระบบเป็นไปได้ง่ายขึ้น, ปลอดภัยยิ่งขึ้น และลดค่าใช้จ่ายลงได้
แนวทางการลงทุนระบบ IT ขององค์กรที่ Ford
Ford มีโรงงานผลิตรถทั่วโลก สองปีก่อนทาง Ford ได้ยกเลิกระบบเครือข่ายระหว่างสาขา และทำการเปลี่ยนมาใช้ Cloud เป็นหลัก โดยภายในองค์กรก็ใช้ Wi-Fi ในการเชื่อมต่อทุกระบบในโรงงานเข้าด้วยกัน รวมถึงมีระบบ Asset Tracking ที่ช่วยติดตามข้อมูลต่างๆ ในแต่ละโรงงาน และทำ Risk Management ได้ดีขึ้น รวมถึงมีการรวบรวมข้อมูล Workflow ต่างๆ ให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น
แนวทางการลงทุนระบบ IT ของ Uber
ที่ Uber นี้จะมีการติดตามทุกอุปกรณ์ที่ทำการเชื่อมต่อกับระบบของ Uber อยู่เสมอ เพื่อให้สามารถติดตามเหตุการณ์ต่างๆ ทางด้านความปลอดภัยได้อยู่ตลอด และสามารถลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นลงได้ โดยมีการทำ Data Mining สำหรับวิเคราะห์ Transaction ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพื่อ Optimize รายรับให้ดีขึ้นได้ เช่น การจัดโปรโมชั่นตามเส้นทางที่เป็นที่นิยม เพื่อเพิ่มรายได้ให้ทั้งผู้ขับรถและ Uber อีกทั้งยังมีการทำ BYOD หรือ CYOD สำหรับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ผู้ขับรถต้องการใช้งานและนำมาเชื่อมต่อกับระบบของ Uber เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย
แนวทางการใช้งาน BLE Beacons ในองค์กร
การใช้ Beacons ภายในห้างสรรพสินค้านั้นเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีวัตถุประสงค์ในการติดตาม Location ของผู้ใช้งาน, การส่งข้อมูลโปรโมชั่นต่างๆ ให้กับลูกค้า และการให้บริการแผนที่ภายในอาคาร โดยตอนนี้ Bluetooth version 4 หรือ BLE นี้ประหยัดไฟกว่าเวอร์ชั่นเก่าๆ มาก รวมถึงยังสามารถรับส่งข้อมูลได้มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายยิ่งขึ้น ในขณะที่แนวโน้มของผู้ใช้งานเองก็เริ่มที่จะเปิด Bluetooth เอาไว้ตลอดเวลากันมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับผู้ที่สนใจระบบ BLE และ Beacon นี้ ทาง Cisco เองก็มีระบบสำเร็จรูปเพื่อให้องค์กรต่างๆ ลองทดสอบได้ ใครสนใจก็สามารถติดต่อ Cisco ไปได้เลยนะครับ
ยังมีต่อ
ที่มา : https://www.techtalkthai.com/cisco-night-academy-5-fast-it-summary/