จากครั้งก่อนที่ผมเคยรีวิว Moov X6 แบบยาวเหยียด (ติดตามอ่านได้ที่ http://goo.gl/P2y8Ew และ http://goo.gl/EJLyct ) จนอ่านไม่ไหวไปแล้ว ผมเองก็ใช้ X6 ติดตัวมาตลอด ใส่บ้างลืมบ้าง แต่ก้อยังปกติจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งการทำหน้าที่ของตัว X6 เองก็ยังทำงานได้ปกติเป็นอย่างดี จนรู้สึกว่าคุ้มค่าแล้ว หรือเบื่อแล้วนั่นเอง
ผมเลยได้เสาะหา Gadget ที่มีคุณสมบัติสำคัญคือ ราคาไม่แพงจนเกินไป เนื่องจากงบน้อย(จน) ด้วยความที่ติดใจในบริการของผู้ขาย Moov X6 และได้ทราบว่า มี Smartband รุ่นใหม่เข้ามาขายในรหัส i5 Plus ซึ่งโด่งดังมาก ในตลาด Smartband ระดับกลาง จึงได้ทำการศึกษาข้อมูลจากคนขายในไทยและในเวบไซต์ต่างประเทศ จนพอได้ข้อมูลว่ามีคุณสมบัติที่ดีอยู่หลายอย่าง ซึ่งน่าจะคุ้มค่า ผมจึงใช้พลังความสามารถต่อราคาจากผู้ขายเจ้าเดิม จากราคา 1,290 บาท แบบประกัน 1 เดือน เหลือเพียง 1,200 บาท T_T งกจริงๆ
สั่งซื้อทันทีครับ กลัวเปลี่ยนใจไม่ลดราคา ข้ามวันของก็มาถึงมืออย่างรวดเร็ว บริการเยี่ยมจริงๆ

แกะกล่อง  Moov i5 Plus
หลังจากแกะกล่องไปรษณีย์แล้ว จะพบกับ กล่องกระดาษแข็ง มี Logo Moov อยู่ด้านหน้า ขนาดกล่องกว้าง 12.6 ซ.ม. สูง 14.8 ซ.ม. หนา 3.7 ซ.ม.  ไม่ระบุรุ่นอะไรเลย  ส่วนด้านหลังจะมีข้อมูลผลิตภัณฑ์บอก ข้อมูลบางส่วน รวมทั้งสีด้วยครับ ผมสั่งซื้อสีดำ


จากที่สัมผัส ไม่น่าเชื่อว่าสินค้าราคาพันกว่าบาท จะทำแพ็คเกจหรูขนาดนี้ มีริบบิ้นผ้าเล็กๆ ไว้สำหรับดึงกล่องด้านในออกมา ถูกซีลด้วยสติ๊กเกอร์ใสมาอย่างดีครับ

หลังจากกรีดสติ๊กเกอร์ออก ก็เลื่อนออกมาจะพบกับตัว Moov i5 Plus วางอยู่ในช่องพลาสติกที่อยู่ในกล่องด้านในที่เลื่อนออกมา งานแพ็คเกจ ผมให้ 100 เต็มครับ สวยงาม เกินราคาจริงๆ


สิ่งที่มาในกล่อง ประกอบไปด้วย Moov i5 Plus  กับคู่มือแผ่นพับเล็กๆ ภาษาอังกฤษและจีน รอบนี้ไม่มีภาษาไทยมาให้เหมือน X6 ครับ จะสังเกตุได้ว่า ไม่มีสายชาร์จมาด้วย เนื่องจาก i5 Plus นั้น สามารถแกะออกจากสาย และไปเสียบช่อง USB เพื่อชาร์จได้เลยครับ สะดวกมากๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องสายชาร์จหาย เพราะไม่ต้องใช้ แหล่มเลย

รูปร่างภายนอก
สัมผัสที่ได้จับครั้งแรก รู้สึกว่าสายนั้นจะมีความนิ่มกว่า X6 สัมผัสเหมือนสาย Apple Watch เลยครับเป็นสายยาง ที่ไม่นิ่มมากนัก หนืดๆหน่อย แต่ไม่อมฝุ่นแน่นอนครับ ตัวหน้าจอสีดำเงาวิ้งๆ แบบสัมผัสที่หน้าจอโดยตรง ความละเอียดใกล้เคียง X6 ครับ แต่จะมีขนาดใหญ่กว่า ความสว่างของหน้าจอ สูงกว่า X6 พอสมควรครับ น่าจะสู้แสงแดดได้ดีกว่า การสวมใส่หรือถอดออก ค่อนข้างสะดวกกว่า X6 เพราะสายนิ่มกำลังดี แต่ก็ไม่หลุดในการใช้ชีวิตปกติ เนื่องจากตัวล๊อคสายมีถึง 2 จุดครับ ส่วนนี้ สอบผ่านทุกข้อครับ



มาดูสเปคกันหน่อย
ส่วนนี้ ขอยกมาจากข้อมูลของผู้ขายนะครับ
* วัสดุ : ตัวเรือนพลาสติกด้าน จอสีดำเงา สายยาง TPU แบบด้าน
* รูปทรง : สี่เหลี่ยมผืนผ้า
*  หน้าจอ : OLED ขนาด 128*64 pixel รองรับ Touch Screen
* น้ำหนัก/ขนาด : น้ำหนัก 24 กรัม ยาว 22 ซ.ม. สูง 1.9 ซ.ม. หนา 0.9 ซ.ม.
* ประเภท Battery: Lithium-polymer Battery ความจุ 75 mAh
* ระยะเวลาใช้งานจริง : 5 - 7 days
* ระยะเวลา Standby : 7 - 10 days
* Bluetooth เวอร์ชั่น : Bluetooth 4.0
* การป้องกันน้ำ : YES (Living Waterproof)
* ระดับการป้องกันน้ำ : IP65
* สี : ดำด้าน , แดงสด , น้ำเงิน
* ภาษาที่รองรับ : ภาษาไทย, German, Italian, English, Simplified/Traditional Chinese, Russian, Spanish
* คุณสมบัติ : นับก้าวเดินและระยะทาง , ค้นหาโทรศัพท์ที่เชื่อมต่อในรัศมี,
* ควบคุมกล้องถ่ายรูป, เตือนการนั่งนานเกินกำหนด, แจ้งเตือนข้อความจากโทรศัพท์ ,
* แจ้งเตือนสายเรียกเข้า, คำนวนการใช้พลังงานแคลลอรี่, ติดตามสถานะการนอน, ตั้งปลุก
* รองรับการเชื่อมต่อกับ : iOS7 ขึ้นไป หรือ Android 4.3 ขึ้นไป
ในภาพรวมของ i5 Plus นั้นสเปคส่วนใหญ่เป็นมาตรฐานของ Smartband แบบมีหน้าจอ ยี่ห้ออื่นๆ ที่มีราคาใกล้เคียงกัน รองรับภาษาไทยแล้ว ไม่มีตัววัดหัวใจ (HRM) นะครับ ระยะเวลาการใช้งานที่ได้ประมาณ 5-7 วัน จะแพ้ X6 ที่ใช้ได้เกิน 10 วัน เรื่องการป้องกันน้ำ จากข้อมูลต่างประเทศเป็น IP67 ส่วนยี่ห้อง Moov ระบุเป็น IP65 ผมเชื่อว่าทางผู้ขายเอง คงไม่แนะนำให้เอาไปแช่น้ำใช้งานครับ เลยระบุมาแบบนี้ ส่วนตัวผม คงไม่ลองช่วงนี้นะครับ รอเบื่อและได้ของใหม่ก่อนดีกว่า


ด้านการเชื่อมต่อและแอพลิเคชั่น
เราต้องทำการติดตั้ง Program ชื่อ “Zeroner”  จากเวบไซต์ผู้ขายที่มี QR Code ให้

หรือค้นหาจากชื่อจาก App Store หรือ Play Store  ได้เลยครับ แอพมีขนาดไม่ใหญ่ ประมาณ 7.7 MB

ติดตั้งด้วยเวลาไม่นานก็เสร็จ ผมเองใช้ Android ครับ หลังจากติดตั้งแล้ว สมัครสมาชิกเพื่อเข้าสู่ระบบก่อนนะครับ จากนั้นเข้าไปยังเมนู ที่เป็นขีดๆ มุมบนซ้าย เลือก Device Connection

และกดปุ่ม Search เพื่อทำการค้นหา จะมีรายการอุปกรณ์บลูทูธที่ชื่อ Braceli5-xxxx ให้กดที่อุปกรณ์และเลือก Pair เป็นอันเสร็จเรียบร้อย การเชื่อมต่อนั้นเจอกันง่ายมากครับ ง่ายกว่า X6 พอสมควร หลังจากจับคู่แล้ว จะเข้าไปยังหน้าหลัก ซึ่งจะแบ่งเมนูเป็นกลุ่มๆ ด้านบนจะแบ่งเป็น Sport กับ History  และมีปุ่มกลมๆถัดไป ไว้สลับโหมด Sport, Sleeping และ Autodyne (Remote Shutter) ตัวแอพแสดงผลสวยงาม เข้าใจง่าย ที่สำคัญแอพเสถียรพอสมควรเลยครับ ยังไม่หลุด หรือเด้งออกเองให้พบ


โหมด Sport
จะประกอบไปด้วย Sport และ History ซึ่งSport นั้น จะเป็นข้อมูลแบบ Real-time 4 ชนิด ในวันปัจจุบันตั้งแต่ เที่ยงคืนเป็นต้นมา ประกอบไปด้วย จำนวนก้าว เวลาที่ใช้ ระยะทาง พลังงานที่ใช้

ส่วน History จะเป็นข้อมูล 4 ชนิดเช่นเดียวกับ Sport แต่จะเป็นข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่เราได้ทำการเชื่อมต่อเลยครับ แบ่งเป็นรายสัปดาห์และรายเดือน


โหมด Sleep
จากข้อมูล i5 Plus นั้นจะตั้งการนอนอัตโนมัติหลังจาก 2 ทุ่มขึ้นไปจนถึง 6 โมงเช้า หากไม่มีการขยับตัว แต่หากขยับตัวต่อเนื่องกันเกิน 1 นาที i5Plus จะเข้าโหมดปกติโดยอัตโนมัติ และจะกลับส่โหมดนอนอีก หากไม่มีการขยับตัวต่อเนื่อง ข้อมูลการนอนจะประกอบไปด้วย การหลับลึก, การหลับปกติ, ระยะเวลาที่นอน, เวลาที่ตื่น ส่วน History ก็จะนำข้อมูลที่บันทึกไว้ มาแสดงให้เราดูแบบ Chart เข้าใจง่ายดีครับ


โหมด Autodyne (Remote Shutter)
โหมดนี้จะสั่งให้ Smartphone นั้นเข้าสู่โหมดกล้องโดยอัตโนมัติ และตัว i5 Plus จะเข้าสู่สถานะพร้อมควบคุม การควบคุมการถ่ายถาพ ทำได้โดยกดค้างที่หน้าจอของ i5 Plus ก็จะสั่งให้กล้องถ่ายรูปทันที ฟังก์ชั่นนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปมากๆครับ


การใช้งานหน้าจอสัมผัสของ i5 Plus
จากการทดสอบใช้งาน i5 Plus หน้าจอจะมีการแสดงผลแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ใหญ่ๆ สลับกลุ่มโดยการปัดเลื่อนไปซ้ายหรือขวา และเปลี่ยนฟังก์ชั่นในกลุ่มนั้นๆ โดยการแตะเบาๆที่หน้าจอ
- กลุ่มแรก ประกอบไปด้วย  นาฬิกาที่มีเวลา,วันที่/เดือน ,
- กลุ่มที่สอง ประกอบไปด้วย โหมดการนอน และปิดเครื่อง
- กลุ่มที่สาม ประกอบไปด้วย จำนวนก้าว,เวลาที่ใช้,ระยะทาง,พลังงานที่ใช้

การสั่งให้เมนูกลุ่มที่สองทำงาน โดยเมื่อเลื่อนมาถึงสัญลักษณ์นั้นแล้ว ให้กดค้างจนเครื่องสั่นเบาๆ แสดงว่าทำงานเรียบร้อยแล้ว



การใช้ Gesture Sensor ในการแสดงผล
การพลิกข้อมือของ i5 Plus จะมีท่าเฉพาะของตัวมันเองตามคู่มือ มี 3 จังหวะ วิธีการคือ 1. ยกขึ้นมาดู 2.พลิกข้อมือให้จอหันออกจากตัว 3.พลิกลับมาดู จะแสดงหน้าจอเวลา แต่ผมสารภาพตามตรง ซ้อมอยู่นานเหมือนกันกว่าจะรู้จักและจับจังหวะท่าทางได้เพราะถ้ามุมไม่ได้ Sensor ก็จะไม่ทำงาน ตรงนี้แพ้ X6 ที่สะดวกกว่า ยกขึ้นมาก็แสดงผลเลย


ระยะเวลาการใช้งาน
จากการใช้งานมา 4 วัน แบตลดลงราวๆ ครึ่งนึงซึ่งกะประมาณได้ว่า สามารถใช้ได้มากกว่า 7 วัน เกินกว่าเวลาที่ผู้ขายแจ้งมาแน่นอนครับ การชาร์จนั้น คู่มือแนะนำมาว่าการชาร์จแต่ละครั้ง ควรใช้วลาประมาณ 30 นาทีจนเต็ม เราสามารถถอดตัวจอของ i5 Plus ออกมาจากสายได้เลย แต่จะค่อนข้างแน่นพอสมควรครับ แต่ก็ไม่ได้ลำบากมากนัก แล้วนำไปเสียบกับ Notebook หรือ Adaptor ที่ถอดสายชาร์จ USB ออก ตอนเสียบจะมีสั่นนิดๆ ด้วยครับ ให้รารู้ว่าเริ่มทำการชาร์จแล้ว



การแจ้งเตือนข้อความ
เราต้องกำหนดค่าที่เมนู Message Push โดยแอพเองจะมี Social App มาให้อยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ครบครับ แนะนำให้ตั้งค่า SMS Application เป็น Android System-android ซึ่งจะทำให้สามารถดึง Notify ที่แสดงบน Status bar ของ Smartphone ส่งมาแสดงผลที่ i5 Plus ของเราครับ โดยจะสั่นเตือนและมีไฟกระพริบขึ้นมาด้วย

ส่วน iOS ลองศึกษาจากคู่มือครับ ผมยังหาเครื่องมาลองไม่ได้ หากมีเครื่องให้ยืมลองแล้ว จะมาอัพเดตการตั้งค่าให้นะครับ การแจ้งเตือนข้อความนั้น จะรองรับภาษาไทยแต่ตัวสระจะลอยๆ คล้ายๆ X6 เลยครับ พออ่านเข้าใจได้ โดยสามารถแสดงผลตัวอักษรได้ 2 บรรทัด และแบ่งได้ 2 หน้ากรณีข้อความยาวเกิน หากมีข้อความแสดงขึ้น เราเอานิ้วแต่ะเบาๆที่หน้าจอ เพื่อให้แสดงข้อความหน้าสองครับ


การอัพเกรดแบบ OTA
ที่เมนู Upgrade นั้น เมื่อเข้าไป จะมีการตรวจสอบ แอพเวอร์ชั่นและ i5 Plus Firmware Version ให้โดยอัตโนมัติ ข้อมูลยังเป็น Version ล่าสุด เลยยังไม่ได้ทดสอบ Update Version ครับ


ความรู้สึกหลังการใช้งาน
หากเทียบกับ X6 คู่ใจตัวเดิมนั้น ตัว i5 Plus มีหลายๆ ด้านที่ดีกว่า X6 เกือบทั้งหมด จะสู้ X6 ไม่ได้แค่ Gesture Sensor ที่ i5 Plus ต้องทำท่าถึงจะทำงาน ทำให้ i5 Plus ครองใจผมแทน X6 ตัวเก่าไปแล้ว ส่วนที่เพิ่มขึ้นมาและประทับใจคือหน้าจอสัมผัส ใช้งานง่าย ตอบสนองได้ไว แอพที่รู้สึกได้ชัดเจนว่าค่อนข้างดีกว่า สวยงาม เข้าใจง่าย การตั้งค่าไม่ซับซ้อนมากนัก ส่วนเมนูอื่นๆ ค่อยๆลองใช้งานไปครับ ถ้าจะรีวิวและทำรายละเอียดทั้งหมดจะขี้เกียจอ่านกันซะก่อน

ผลคะแนนรีวิว
แยกเป็นข้อๆนะครับ
ด้านผลิตภัณฑ์     5/5
ด้านการใช้งาน     4.5/5
ด้านความคุ้มค่า     5/5

ขอบคุณที่อ่านครับ

ปัญญานิ่ม