http://www.naewna.com/politic/columnist/21549
เลิกหลับหูหลับตา ตะแบง
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คYingluckShinawatraตอบโต้การแถลงของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากผู้ก่อให้เกิดความเสียหายในโครงการจำนำข้าว อย่างชัดเจน ครอบคลุม
อ่านแล้ว ก็ได้แต่คิดว่า
คงมีใครสักคน ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง
หรือถ้าไม่เช่นนั้น ก็คงปิดหูปิดตาตัวเอง แล้วตะแบง เพื่อบิดเบือนประเด็น
ลองพิจารณาคำโต้ตอบของยิ่งลักษณ์
1) ยิ่งลักษณ์ เริ่มด้วยวรรคทองว่า “ดิฉันคงไม่อยู่ในฐานะจะเรียกร้องอะไรหลังจากนี้แม้แต่คำว่า “ความเป็นธรรม” เพราะทุกอย่างคงจะดำเนินการไปตามที่รัฐบาลนี้ต้องการ ดิฉันอยากจะขอฝากข้อคิดให้กับพี่น้องประชาชนได้พิจารณาว่า การกระทำแบบนี้หรือที่ คสช. อ้างว่ายึดอำนาจแล้วจะสร้างความปรองดอง ความเป็นธรรม และ หลักนิติธรรมในประเทศนี้ได้”
อ่านแว่บแรกเผลอนึกว่านวนิยายเล่มละ 10 บาท
ถ้าจะปรองดอง จะต้องล้มเลิกคดีให้กัน อย่างนั้นหรือ?
จะต้องล้างผิดให้คดีโกง คดีทุจริต คดีฆ่าคนตาย คดีเผาศาลากลาง ฯลฯ เหมือนที่พรรคเพื่อไทย รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เคยเดินหน้ากฎหมายนิโทษกรรมสุดซอย อย่างนั้นจึงจะปรองดองใช่ไหม?
2)ยิ่งลักษณ์ อ้างว่า “รัฐบาลเลือกใช้วิธีให้กระทรวงการคลังออกคำสั่งให้ดิฉันชำระค่าเสียหายทั้งที่คดีอาญายังไม่เสร็จสิ้น เท่ากับว่ารัฐบาลใช้อำนาจตุลาการแทนศาล และยังเลือกใช้มาตรา 44 คุ้มครองรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่สอบสวนข้อเท็จจริงให้พ้นจากการถูกฟ้องร้องใดๆ จากดิฉันใช่หรือไม่”
การออกคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายทางแพ่งหรือที่เรียกกันว่าค่าสินไหมทดแทน ทำเมื่อมีเจ้าหน้าที่รัฐผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อจนทำให้รัฐ ได้แก่ กระทรวง ทบวง กรม ฯลฯ และประชาชนได้รับเสียหาย ถือว่ากระทำการ “ละเมิดต่อรัฐ”เคยมีการดำเนินการมากว่า 5,000 เรื่อง เช่น คดีเรือขุดเอลลิคอตต์ มีอดีตอธิบดีและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เป็นผู้รับผิดชอบ ค่าเสียหาย 86 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง มีการออกคำสั่งทางปกครองไปตั้งนานนม คดีอาญาเพิ่งจะเสร็จในชั้นศาลฎีกาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาก็ทำกันปกติ ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ต้องคดีอาญาถึงที่สุด เป็นต้น
กรมบัญชีกลางได้รวบรวมข้อมูลพบว่า ปี 2554 มีการออกคำสั่งทางปกครองเรียกค่าสินไหมทดแทน 335 เรื่อง, ปี 2555 มี 117 เรื่อง, ปี 2556 มี 114 เรื่อง, ปี 2557 101 เรื่อง และปี 2558 จนถึงวันนี้ มี 76 เรื่อง หลายเรื่องยุติหลังออกคำสั่งทางปกครอง คือผู้ถูกกล่าวหายอมจ่ายเงิน แต่หลายเรื่องมีการยื่นฟ้องศาลปกครองต่อไป และเกือบทั้งหมด คดีอาญายังไม่ถึงที่สุดในวันที่ออกคำสั่งทางปกครองทั้งสิ้น
จำได้ไหม ช่วงปี 2554-57 ใครเป็นรัฐบาล? ทำเหมือนไม่เคย
เลิกตะแบงเถอะ อายนะ
ส่วนมาตรา 44 ถ้าเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้ง ไปเอาหลักฐานเท็จมาใส่ร้าย ย่อมถือเป็นการกระทำไม่สุจริต ไม่ได้รับการคุ้มครองตามคำสั่ง คสช.ดังกล่าวแน่นอน เพราะคำสั่งระบุไว้ชัดเจนว่าคุ้มครองเฉพาะที่ “ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่และได้กระทําโดยสุจริต”
3) ยิ่งลักษณ์ อ้างว่า “ที่อ้างว่า พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 นั้นใช้มานานกว่า 19 ปี และกว่า 5,000 คดี ดิฉันเห็นว่าเวลาและจำนวนคดีไม่ใช่สาระสำคัญที่จะใช้เป็นข้ออ้าง เพราะเชื่อว่ายังไม่มีคดีไหนเหมือนดิฉันซึ่งเป็นคดีแรกที่นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้งของประชาชนถูกยึดอำนาจ ถูกดำเนินคดี จากนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาเพื่อช่วยเหลือประชาชน จะเป็นเรื่องของการที่ทำให้รัฐต้องเสียหาย และต้องรับผิดชอบทั้งที่คดีอาญายังไม่เสร็จสิ้น”
ถามว่า ที่ผ่านมา มันมีนายกฯ คนไหน ทำโครงการในลักษณะรับซื้อข้าวในราคาแพงกว่าตลาด ทำให้รัฐเสมือนผูกขาดการค้าข้าว เก็บข้าวไว้ในโกดัง แล้วในการระบายก็ขายจีทูจีเก๊ ขายให้เอกชนโดยไม่ต้องประมูล ไม่ต้องแข่งขันราคา ในราคาต่ำกว่าต้นทุนและต่ำกว่าราคาตลาด ได้เงินหมุนกลับมาใช้ในโครงการน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ใครเดือนก็ไม่หยุด ทั้ง ป.ป.ช. สตง. ทีดีอาร์ไอ ส.ส.ฝ่ายค้าน ยังไม่ยับยั้งโครงการ ไม่เปลี่ยนวิธีช่วยชาวนา เสียหายมากกว่า 5 แสนล้านบาท มันมีไหม?
จำนำข้าว ยุคอื่นๆ ที่เขาทำกัน ก็ไม่มีใครทำแบบนี้มันก็เลยไม่มีใครถูกดำเนินคดีแบบนี้
แล้วคดีจำนำข้าวเริ่มมีมาตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร อย่ามาอ้างเสมือนว่าเพิ่งจะมามีคดีหลังรัฐประหาร
4) ยิ่งลักษณ์ อ้างว่า “รัฐบาลต้องตอบกับพี่น้องประชาชนด้วยว่า การที่เลือกใช้วิธีให้กระทรวงการคลังออกคำสั่งให้ดิฉันชำระค่าเสียหายนั้น ประชาชนได้ประโยชน์อย่างไร”
โถ... คิดอย่างไรหนอ ถึงได้ถามกันอย่างนี้
ใครก่อให้เกิดความเสียหายแก่แผ่นดิน แล้วรัฐทวงคืน หากรัฐได้เงินกลับคืนก็ตกเป็นรายได้แผ่นดิน สามารถนำไปใช้จ่ายช่วยเหลือดูแลความทุกข์ร้อนของประชาชน
ถ้าได้เงินค่าสินไหมทดแทนกลับมา 100,000 ล้านบาท สามารถนำไปลงทุนระบบชลประทาน ช่วยเหลือเกษตรกรได้ครอบคลุมหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
จะเอาไปลงทุนทำถนนหนทาง ทำโรงพยาบาล ทำโรงเรียน พัฒนาชนบทได้ตั้งเท่าไหร่
ใครเป็นถึงอดีตนายกฯ คิดไม่ออกจริงๆ หรือ?
มิน่าเล่า ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ถึงได้เคยผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย ซึ่งถูกรู้ทันว่าเปิดช่องให้คนโกงที่ถูกยึดทรัพย์ไปสามารถเรียกเงินคืนจากแผ่นดิน นั่นก็เพราะนึกไม่ออกใช่ไหมว่าประเทศชาติจะเสียหายอะไร? ผลประโยชน์ชาติอยู่ตรงไหน?
5) ยิ่งลักษณ์ อ้างว่า “อะไรที่เรียกว่าสร้างความเสียหายต่อรัฐอย่างร้ายแรง ทั้งๆที่โครงการรับจำนำข้าวได้จ่ายเงินตรงถึงมือชาวนาผ่าน ธกส. ทุกบาททุกสตางค์”
อันนี้ ไม่รู้จริงๆ หรือโง่ หรือแกล้งถาม
จ่ายเงินค่าข้าวให้ชาวนา แล้วข้าวไปไหน เอาไปขายต่ออย่างถูกต้องหรือเปล่า?
ขาดทุนเพื่อชาวนาไม่มีใครว่า แต่ขาดทุนเพราะโกง ใครๆ ก็เจ็บใจ
ก็ที่อ้างกันว่า โครงการจำนำข้าวช่วยทำให้ชาวนาขายข้าวในเงินเพิ่มจากการขายในตลาดปกติปีละประมาณ 1.4 แสนล้านบาท แต่โครงการจำนำข้าวแบบยิ่งลักษณ์ขาดทุนปีละมากกว่า2 แสนล้านบาท
พูดง่ายๆ ว่า ยอมเสียเงินแผ่นดินปีละ 2 แสนกว่าล้าน เพื่อให้ชาวนามีเงินเพิ่มแค่ 1.4 แสนล้าน???
ถ้าจ่ายเงินอุดหนุนรายได้แก่ชาวนาโดยตรง ชาวนาจะได้มากกว่าเท่าตัว เงินหมุนเวียนต่อระบบเศรษฐกิจก็จะยิ่งมหาศาลกว่าเดิม ส่งออกข้าวไม่เสียหาย แถมรัฐไม่ต้องแบกภาระบริหารจัดการสต๊อกข้าวที่เน่า เสื่อม ถ่วงราคาข้าวในตลาดอยู่จนถึงวันนี้ แต่ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ยอมเลือกวิธีการช่วยชาวนาที่ทำให้ชาวนาได้ผลประโยชน์สูงสุดและรัฐมีภาระต้นทุนต่ำสุด เพราะจะไม่มีข้าวเก็บเข้าโกดัง เปิดช่องให้เกิดการทุจริตกัน ใช่หรือไม่?
เลิกหลับหูหลับตาตะแบงเสียทีเถิด
อาจจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจง่ายๆ ลองให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ออกทีวีสด โดยมีฝ่ายอัยการ หรือ ป.ป.ช. หรือ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.ที่เปิดโปงเรื่องนี้เป็นผู้ซักถาม เพื่อให้ชี้แจงต่อประชาชนอย่างไม่ต้องมีโพย ไม่ต้องมีลูกจ้างคอยเขียนคำตอบโต้ให้หลังฉาก จะได้หรือไม่?
สารส้ม
คุณสารส้ม ว่าไง ผมก็ว่าตาม เพราะคุณเขียนได้ดีมาก มีเหตุและผล สอดรับ กันทุกประเด็น
ขอบคุณมากครับ ที่ทำให้ตาสว่างขึ้นเยอะ
..ฝันเห็นมดแดงตีฉิ่ง เจ้าลิงนั้นตีระฆัง คางคกเคาะกาละมัง เกิดเสียงดัง ช่วยกันบรรเลง...เลิกหลับหูหลับตา ตะแบง (โจ ขิง)
เลิกหลับหูหลับตา ตะแบง
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คYingluckShinawatraตอบโต้การแถลงของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากผู้ก่อให้เกิดความเสียหายในโครงการจำนำข้าว อย่างชัดเจน ครอบคลุม
อ่านแล้ว ก็ได้แต่คิดว่า
คงมีใครสักคน ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง
หรือถ้าไม่เช่นนั้น ก็คงปิดหูปิดตาตัวเอง แล้วตะแบง เพื่อบิดเบือนประเด็น
ลองพิจารณาคำโต้ตอบของยิ่งลักษณ์
1) ยิ่งลักษณ์ เริ่มด้วยวรรคทองว่า “ดิฉันคงไม่อยู่ในฐานะจะเรียกร้องอะไรหลังจากนี้แม้แต่คำว่า “ความเป็นธรรม” เพราะทุกอย่างคงจะดำเนินการไปตามที่รัฐบาลนี้ต้องการ ดิฉันอยากจะขอฝากข้อคิดให้กับพี่น้องประชาชนได้พิจารณาว่า การกระทำแบบนี้หรือที่ คสช. อ้างว่ายึดอำนาจแล้วจะสร้างความปรองดอง ความเป็นธรรม และ หลักนิติธรรมในประเทศนี้ได้”
อ่านแว่บแรกเผลอนึกว่านวนิยายเล่มละ 10 บาท
ถ้าจะปรองดอง จะต้องล้มเลิกคดีให้กัน อย่างนั้นหรือ?
จะต้องล้างผิดให้คดีโกง คดีทุจริต คดีฆ่าคนตาย คดีเผาศาลากลาง ฯลฯ เหมือนที่พรรคเพื่อไทย รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เคยเดินหน้ากฎหมายนิโทษกรรมสุดซอย อย่างนั้นจึงจะปรองดองใช่ไหม?
2)ยิ่งลักษณ์ อ้างว่า “รัฐบาลเลือกใช้วิธีให้กระทรวงการคลังออกคำสั่งให้ดิฉันชำระค่าเสียหายทั้งที่คดีอาญายังไม่เสร็จสิ้น เท่ากับว่ารัฐบาลใช้อำนาจตุลาการแทนศาล และยังเลือกใช้มาตรา 44 คุ้มครองรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่สอบสวนข้อเท็จจริงให้พ้นจากการถูกฟ้องร้องใดๆ จากดิฉันใช่หรือไม่”
การออกคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายทางแพ่งหรือที่เรียกกันว่าค่าสินไหมทดแทน ทำเมื่อมีเจ้าหน้าที่รัฐผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อจนทำให้รัฐ ได้แก่ กระทรวง ทบวง กรม ฯลฯ และประชาชนได้รับเสียหาย ถือว่ากระทำการ “ละเมิดต่อรัฐ”เคยมีการดำเนินการมากว่า 5,000 เรื่อง เช่น คดีเรือขุดเอลลิคอตต์ มีอดีตอธิบดีและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เป็นผู้รับผิดชอบ ค่าเสียหาย 86 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง มีการออกคำสั่งทางปกครองไปตั้งนานนม คดีอาญาเพิ่งจะเสร็จในชั้นศาลฎีกาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาก็ทำกันปกติ ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ต้องคดีอาญาถึงที่สุด เป็นต้น
กรมบัญชีกลางได้รวบรวมข้อมูลพบว่า ปี 2554 มีการออกคำสั่งทางปกครองเรียกค่าสินไหมทดแทน 335 เรื่อง, ปี 2555 มี 117 เรื่อง, ปี 2556 มี 114 เรื่อง, ปี 2557 101 เรื่อง และปี 2558 จนถึงวันนี้ มี 76 เรื่อง หลายเรื่องยุติหลังออกคำสั่งทางปกครอง คือผู้ถูกกล่าวหายอมจ่ายเงิน แต่หลายเรื่องมีการยื่นฟ้องศาลปกครองต่อไป และเกือบทั้งหมด คดีอาญายังไม่ถึงที่สุดในวันที่ออกคำสั่งทางปกครองทั้งสิ้น
จำได้ไหม ช่วงปี 2554-57 ใครเป็นรัฐบาล? ทำเหมือนไม่เคย
เลิกตะแบงเถอะ อายนะ
ส่วนมาตรา 44 ถ้าเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้ง ไปเอาหลักฐานเท็จมาใส่ร้าย ย่อมถือเป็นการกระทำไม่สุจริต ไม่ได้รับการคุ้มครองตามคำสั่ง คสช.ดังกล่าวแน่นอน เพราะคำสั่งระบุไว้ชัดเจนว่าคุ้มครองเฉพาะที่ “ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่และได้กระทําโดยสุจริต”
3) ยิ่งลักษณ์ อ้างว่า “ที่อ้างว่า พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 นั้นใช้มานานกว่า 19 ปี และกว่า 5,000 คดี ดิฉันเห็นว่าเวลาและจำนวนคดีไม่ใช่สาระสำคัญที่จะใช้เป็นข้ออ้าง เพราะเชื่อว่ายังไม่มีคดีไหนเหมือนดิฉันซึ่งเป็นคดีแรกที่นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้งของประชาชนถูกยึดอำนาจ ถูกดำเนินคดี จากนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาเพื่อช่วยเหลือประชาชน จะเป็นเรื่องของการที่ทำให้รัฐต้องเสียหาย และต้องรับผิดชอบทั้งที่คดีอาญายังไม่เสร็จสิ้น”
ถามว่า ที่ผ่านมา มันมีนายกฯ คนไหน ทำโครงการในลักษณะรับซื้อข้าวในราคาแพงกว่าตลาด ทำให้รัฐเสมือนผูกขาดการค้าข้าว เก็บข้าวไว้ในโกดัง แล้วในการระบายก็ขายจีทูจีเก๊ ขายให้เอกชนโดยไม่ต้องประมูล ไม่ต้องแข่งขันราคา ในราคาต่ำกว่าต้นทุนและต่ำกว่าราคาตลาด ได้เงินหมุนกลับมาใช้ในโครงการน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ใครเดือนก็ไม่หยุด ทั้ง ป.ป.ช. สตง. ทีดีอาร์ไอ ส.ส.ฝ่ายค้าน ยังไม่ยับยั้งโครงการ ไม่เปลี่ยนวิธีช่วยชาวนา เสียหายมากกว่า 5 แสนล้านบาท มันมีไหม?
จำนำข้าว ยุคอื่นๆ ที่เขาทำกัน ก็ไม่มีใครทำแบบนี้มันก็เลยไม่มีใครถูกดำเนินคดีแบบนี้
แล้วคดีจำนำข้าวเริ่มมีมาตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร อย่ามาอ้างเสมือนว่าเพิ่งจะมามีคดีหลังรัฐประหาร
4) ยิ่งลักษณ์ อ้างว่า “รัฐบาลต้องตอบกับพี่น้องประชาชนด้วยว่า การที่เลือกใช้วิธีให้กระทรวงการคลังออกคำสั่งให้ดิฉันชำระค่าเสียหายนั้น ประชาชนได้ประโยชน์อย่างไร”
โถ... คิดอย่างไรหนอ ถึงได้ถามกันอย่างนี้
ใครก่อให้เกิดความเสียหายแก่แผ่นดิน แล้วรัฐทวงคืน หากรัฐได้เงินกลับคืนก็ตกเป็นรายได้แผ่นดิน สามารถนำไปใช้จ่ายช่วยเหลือดูแลความทุกข์ร้อนของประชาชน
ถ้าได้เงินค่าสินไหมทดแทนกลับมา 100,000 ล้านบาท สามารถนำไปลงทุนระบบชลประทาน ช่วยเหลือเกษตรกรได้ครอบคลุมหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
จะเอาไปลงทุนทำถนนหนทาง ทำโรงพยาบาล ทำโรงเรียน พัฒนาชนบทได้ตั้งเท่าไหร่
ใครเป็นถึงอดีตนายกฯ คิดไม่ออกจริงๆ หรือ?
มิน่าเล่า ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ถึงได้เคยผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย ซึ่งถูกรู้ทันว่าเปิดช่องให้คนโกงที่ถูกยึดทรัพย์ไปสามารถเรียกเงินคืนจากแผ่นดิน นั่นก็เพราะนึกไม่ออกใช่ไหมว่าประเทศชาติจะเสียหายอะไร? ผลประโยชน์ชาติอยู่ตรงไหน?
5) ยิ่งลักษณ์ อ้างว่า “อะไรที่เรียกว่าสร้างความเสียหายต่อรัฐอย่างร้ายแรง ทั้งๆที่โครงการรับจำนำข้าวได้จ่ายเงินตรงถึงมือชาวนาผ่าน ธกส. ทุกบาททุกสตางค์”
อันนี้ ไม่รู้จริงๆ หรือโง่ หรือแกล้งถาม
จ่ายเงินค่าข้าวให้ชาวนา แล้วข้าวไปไหน เอาไปขายต่ออย่างถูกต้องหรือเปล่า?
ขาดทุนเพื่อชาวนาไม่มีใครว่า แต่ขาดทุนเพราะโกง ใครๆ ก็เจ็บใจ
ก็ที่อ้างกันว่า โครงการจำนำข้าวช่วยทำให้ชาวนาขายข้าวในเงินเพิ่มจากการขายในตลาดปกติปีละประมาณ 1.4 แสนล้านบาท แต่โครงการจำนำข้าวแบบยิ่งลักษณ์ขาดทุนปีละมากกว่า2 แสนล้านบาท
พูดง่ายๆ ว่า ยอมเสียเงินแผ่นดินปีละ 2 แสนกว่าล้าน เพื่อให้ชาวนามีเงินเพิ่มแค่ 1.4 แสนล้าน???
ถ้าจ่ายเงินอุดหนุนรายได้แก่ชาวนาโดยตรง ชาวนาจะได้มากกว่าเท่าตัว เงินหมุนเวียนต่อระบบเศรษฐกิจก็จะยิ่งมหาศาลกว่าเดิม ส่งออกข้าวไม่เสียหาย แถมรัฐไม่ต้องแบกภาระบริหารจัดการสต๊อกข้าวที่เน่า เสื่อม ถ่วงราคาข้าวในตลาดอยู่จนถึงวันนี้ แต่ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ยอมเลือกวิธีการช่วยชาวนาที่ทำให้ชาวนาได้ผลประโยชน์สูงสุดและรัฐมีภาระต้นทุนต่ำสุด เพราะจะไม่มีข้าวเก็บเข้าโกดัง เปิดช่องให้เกิดการทุจริตกัน ใช่หรือไม่?
เลิกหลับหูหลับตาตะแบงเสียทีเถิด
อาจจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจง่ายๆ ลองให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ออกทีวีสด โดยมีฝ่ายอัยการ หรือ ป.ป.ช. หรือ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.ที่เปิดโปงเรื่องนี้เป็นผู้ซักถาม เพื่อให้ชี้แจงต่อประชาชนอย่างไม่ต้องมีโพย ไม่ต้องมีลูกจ้างคอยเขียนคำตอบโต้ให้หลังฉาก จะได้หรือไม่?
สารส้ม
คุณสารส้ม ว่าไง ผมก็ว่าตาม เพราะคุณเขียนได้ดีมาก มีเหตุและผล สอดรับ กันทุกประเด็น
ขอบคุณมากครับ ที่ทำให้ตาสว่างขึ้นเยอะ