หนองในแท้-เทียม
หนองในแท้ (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยในช่วง 20 -30 ปีก่อน เรียกว่าเป็นพระเอกเลยทีเดียว จวบจนมีโรคเอดส์เข้ามา มีการรณรงค์ให้ใช้ ถุงยางอนามัยมากขึ้น โรคหนองในก็หายหน้าหายตาไปนาน จวบจนช่วงกลาง ปี 2546 เริ่มพบหนองในแท้มากขึ้นพร้อมกับข่าวร้ายที่ตามมาด้วย คือเชื้อนี้ดื้อยากินจนไม่อาจใช้ยากินรักษาได้อีกต่อไป
หนองในแท้ (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถรักษา หายขาดได้ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Neisseria gonorrhoeae สามารถเกิดได้ ทั้งที่อวัยวะสืบพันธุ์ มดลูก ปากมดลูก ช่องท้อง ในช่องปาก ทวารหนัก หรือแม้แต่นัยน์ตาทารกแรกเกิด
สำหรับผู้หญิงบางคนรับเชื้อมาแล้วไม่มีอาการหรือมีตกขาวเล็กน้อย ไปซื้อยากินเองอาการสงบลงทำให้เข้าใจว่าไม่เป็น จะมาทราบอีกครั้งก็เมื่อ มันลามเข้ามดลูก ไปสู่ปีกมดลูก ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน ปีกมดลูกอักเสบ ทำให้เกิดท้องนอกมดลูก หรือเป็นหมันในที่สุด
อาการและการแสดง
ฝ่ายชาย หลังรับเชื้อมา 2 - 5 วันก็จะมีอาการปัสสาวะแสบขัด มีหนองไหล จากท่อปัสสาวะ แต่บางรายอาจรวดเร็วทันตาเห็น ไหลในวันรุ่งขึ้นก็เคยเจอ หรือ บางรายอาจนานเป็นเดือนแล้วจึงค่อยมีอาการก็มี แต่ก็เป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ มักราว 2 - 5 วันนั่นแหละ มีหลายรายยังซื้อยากินเองแล้วอาการสงบไป ผ่านไปเป็นสัปดาห์ มาอีกทีก็เกิดโรคแทรกซ้อน อัณฑะบวมยากต่อการรักษา
หรือบางรายอาจถึงกับเป็นหมันไปก็มี ส่วนฝ่ายหญิง บางรายอาจไม่มีอาการ รับเชื้อมาไว้เฉยๆก็เจอบ่อยๆ จะมาทราบอีกครั้งก็เมื่อชายที่มามีเพศสัมพันธ์ด้วยเกิดการติดเชื้อไป ส่วนคนที่รับเชื้อแล้วมีอาการ อาการที่เป็นก็เช่น ปัสสาวะแสบขัด หรือปัสสาวะ มีเลือด มีเลือดออกเวลามีเพศสัมพันธ์ มีตกขาวสีเหลืองออกเขียวเป็นต้น ส่วนรายที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก เมื่อติดเชื้อก็จะมีอาการคันหรือระคายเคือง ที่ทวารหนัก อาจมีเมือกหรือหนองออกมาทางทวารหนักเช่นเดียวกับในท่อปัสสาวะ
มีคนเข้าใจผิดมากๆหลายราย ที่เข้าใจว่าเวลาไปเที่ยวไม่ใช้อวัยวะสอดใส่ แต่ให้หญิงบริการใช้ปากกับอวัยวะเพศของตนแล้วจะปลอดภัย
คนที่เข้าใจอย่างนี้แสบมาแยะแล้ว เพราะในลำคอของหญิงบริการเหล่านี้ มีเชื้อโรคหนองในแท้อาศัยพักอยู่ เพราะเธอก็ไปใช้ปากให้กับผู้ใช้บริการราย อื่นมาก่อน เมื่อมาใช้ปากกับท่าน เชื้อหนองในเลยกระโดดมาติดอวัยวะของท่าน
แบบนี้มาฉีดยาแยะแล้วนะครับ จะใช้ปากก็ต้องใส่ถุงยางอนามัยนะครับ
การตรวจวินิจฉัย
การตรวจวินิจฉัยไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์ เห็นคนไข้บ่อยๆ
บางครั้งแค่ฟังประวัติและเห็นลักษณะหนองก็บอกได้แล้วว่าใช่หรือไม่ใช่ ส่วนการตรวจยืนยัน คือการเอาหนองมาย้อมเชื้อส่องกล้องดู
นอกจากการวินิจฉัยข้างต้นแล้ว ถ้าตรวจหาเชื้อไม่เจอ แต่สงสัยมากๆ ก็อาจเอาหนองมาเพาะเลี้ยงเชื้อก็ได้ ใช้เวลา 2 - 3 วันก็รู้ผล หรือปัจจุบันจาก น้ำปัสสาวะหรือของเหลวจากปากมดลูกก็อาจนำมาตรวจหา DNA ของเชื้อก็ยังได้
ถ้าไม่รักษา อะไรจะเกิดขึ้น
ถ้าไม่รักษา (หรือรักษาเองอาการสงบไป) เชื้ออาจลามลงอัณฑะทำให้อัณฑะ อักเสบบวมเจ็บเป็นเหตุให้เป็นหมันหรืออาจลามเข้ากระแสเลือด ทำให้เกิดข้ออักเสบ ลิ้นหัวใจอักเสบ หรือแม้แต่เยื่อหุ้มสมองอักเสบได้
อาการแทรกซ้อนสำหรับฝ่ายหญิงคือทำให้เกิดการอักเสบที่อุ้งเชิงกราน หรือปีกมดลูกอักเสบ บางรายเป็นก้อนหนองที่ปีกมดลุกก็เคยมีให้เห็น ทำให้ท่อตีบตันอาจทำให้เป็นท้องนอกมดลูกตามมา หรืออาจเป็นหมันไปเลยก็ได้ ซึ่งจะนำมาสู่ปัญหาสาธารณสุขต่อไป แต่ที่น่าเป็นห่วงกังวลกว่านั้นก็คือ เมื่อท่านติดเชื้อหนองในได้ ท่านก็อาจติดเชื้อ hiv ได้เช่นกัน เพราะเมื่อเธอรับเชื้อหนองในมาได้ เธอก็อาจรับเชื้อ hiv มาด้วยได้เช่นกัน
การรักษา
ในตำรากล่าวถึงยารับประทานหลายตัวสามารถรักษาหนองในแท้ได้ แต่ในทางปฏิบัติจริงเชื้อเหล่านี้ดื้อยา จนไม่อาจใช้เป็นแนวทางรักษาได้แล้ว ต้องใช้ยาฉีดอย่างเดียว ดังนั้นถ้าท่านไปมีเพศสัมพันธ์แล้วมีอาการที่สงสัยว่า
จะเป็นหนองในแท้ อย่ามัวเสียเวลาซื้อยากินเอง มิฉะนั้นเชื้อจะหลบจนท่าน ตายใจว่าหายแล้ว สุดท้ายจะเกิดภาวะแทรกซ้อนจนยากจะเยียวยาได้
หนองในเทียม
หนองในเทียมเป็นหนึ่งในสี่ของโรคที่พบบ่อยในคลินิกกามโรคชาย (หนองในแท้ หนองในเทียม โรคเริม และหูดหงอนไก่) อาจมาเดี่ยวๆ โรคเดียว หรือมาพร้อมกับโรคหนองในแท้ก็ได้ หนองในเทียมส่วน ใหญ่จะรักษาหายด้วยยากิน แต่ก็มีคนไข้ส่วนหนึ่งที่รักษาหายยาก (มีไม่ถึง 10 %) จัดอยู่ในประเภทหนองในเทียมที่รักษายาก เมื่อมีการอักเสบในท่อปัสสาวะ เอาหนองหรือของเหลวจากท่อ ปัสสาวะมาตรวจย้อมแล้วส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ (หรือตรวจด้วยวิธีอื่น) ถ้าไม่พบเชื้อหนองในแท้ (gram negative dipplococci) เราจะจัดให้อยู่ในกลุ่มหนองในเทียม ทั้งหมด เพราะการรักษาไม่ต่างกัน หนองในเทียมมีชื่อภาษาอังกฤษหลายชื่อ เช่น NGU, NSU, PGU แต่ละชื่อมีความแตกต่างกันเล็กน้อย
NGU (Non-Gonococcal Urethritis) ในผู้ชาย เมื่อตรวจหนองแล้ว พบว่ามีการอักเสบ แต่ไม่พบเชื้อหนองในแท้ แต่อาจพบเชื้ออื่นเช่น Chlamydia หรือ ureaplasma หรือเชื้ออื่นๆ
NSU (Non-Specific Urethritis) หมายถึง ท่อปัสสาวะอักเสบ จะไม่พบเชื้อใดๆ อาจอักเสบอาจเกิดจากการสวนท่อปัสสาวะ
เคล็ดจากการมีเพศสัมพันธ์ แพ้ยา แพ้อาหารทะเล หรือเกิดจาก การบาดของผลึกอาหารบางอย่าง
PGU (Post-Gonococcal Urethritis) หมายถึง การอักเสบใน ท่อปัสสาวะหลังรักษาหนองในแท้หายแล้ว
ตัวต้นเหตุ
จากข้อความที่เกริ่นข้างต้นคงพอจะทราบแล้วว่า หนองในเทียมมี ทั้งประเภทที่มีเชื้อและไม่มีเชื้อ ประเภทที่มีเชื้อ ก็มีได้หลายเชื้อ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว หรือเชื้อรา ซึ่งเชื้อส่วนใหญ่ (เกินครึ่ง) ที่ตรวจพบคือเชื้อ Chlamydia trachomatis และ Ureaplasma urealyticum ส่วนโรคเริมหรือพยาธิในช่องคลอด (Trichomanas vaginalis) ก็อาจทำให้เกิดหนองในเทียมได้
ติดมาได้ยังไง
ส่วนใหญ่ติดจากการร่วมเพศ ไม่ว่าจะเป็น ทางปาก ทางช่องคลอด หรือทางทวารหนัก ก็ติดโรคนี้ได้ทั้งสิ้น ผู้ชายหลายคนอาจคิดว่า การให้ผู้หญิงใช้ปากโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยจะไม่ทำให้ติดโรค ถือเป็นความเข้าใจที่ผิด ! นอกจากสาเหตุหลักนี้แล้ว สาเหตุอื่น ที่ทำให้ติดโรคได้เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ การอักเสบของต่อมลูกหมาก เคล็ดจาการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง แพ้ยา หรือแพ้สารอาหารบางอย่าง
นานแค่ไหนถึงมีอาการ
หลังรับเชื้อมาแล้วหนึ่งถึงสามสัปดาห์ หรือบางรายอาจนานเป็นเดือน หนองในเทียมจะเริ่มแสดงอาการ ส่วนหนองในแท้จะแสดงอาการเร็วกว่าหนองในเทียม โดยจะแสดง อาการภายใน 3-4 วัน
มีอาการอะไรบ้าง
ในผู้ชาย อาการมักเกิดหลังติดเชื้อประมาณ 1-3 สัปดาห์ โดยจะมีอาการแสบที่ปลายท่อปัสสาวะ ปัสสาวะแสบขัดเล็กน้อย บางรายอาจคันหรือระคายเคืองท่อปัสสาวะ หรือปวดหน่วงตรงฝี เย็บใกล้ทวารหนัก มีหนองซึม ลักษณะเป็นมูกใสหรือมูกขุ่น (หนองในแท้ หนองจะมีลักษณะข้นกว่า) มีออกเพียงเล็กน้อย ในระยะแรกอาจรู้สึกแสบๆในท่อปัสสาวะ และมีมูกออกเล็กน้อย เฉพาะในช่วงเช้าเท่านั้น ต่อมาจะเริ่มแสดงอาการมากขึ้น ในผู้หญิง มักไม่แสดงอาการ อาจมีเพียงตกขาวผิดปกติ หรือปัสสาวะแสบเล็กน้อยในบางครั้ง เด็กแรกเกิดที่แม่มีเชื้อหนองในเทียม โดยเฉพาะเชื้อ Chlamydia อาจมีอาการตาแดงตาอักเสบหรือปอดบวมได้
หมอตรวจยังไง
สำหรับผู้ชาย นำสารคัดหลั่งจากท่อปัสสาวะมาย้อมสี ส่องดูด้วย กล้องจุลทรรศน์ ถ้ามีสารคัดหลั่งน้อย หมออาจเอาลวดแหย่เข้าไป ในท่อปัสสาวะเพียงตื้นๆ เพื่อเอาสารคัดหลั่งมาตรวจ แต่ถ้าใครมีหนองหรือเมือกให้เห็น ก็เอาแผ่นกระจกป้ายแล้วนำมา ย้อมสี ส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ การตรวจเพียงแค่นี้ก็นับว่าเพียงพอ แล้วสำหรับการวินิจฉัย แต่ถ้ารักษาแล้วยังไม่ดีขึ้นหรือไม่หาย ก็ต้องตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีการอื่น เช่น เพาะเชื้อ ตรวจ PCR เป็นต้น นอกจากนี้หมออาจตรวจปัสสาวะ วิธีนี้เรียกว่า TWO GLASS TEST เพื่อดูว่า การอักเสบลุกลามไปถึงท่อปัสสาวะ ส่วนต้นหรือส่วนโคนแล้วหรือยัง
สำหรับผู้หญิง ตรวจภายในธรรมดาๆโดยเอาสารคัดหลั่งมาตรวจ หาเชื้อหนองในเทียม แต่ปกติแล้ว ผู้หญิงจะตรวจพบยากกว่าผู้ชาย จึงมักนิยมรักษาฝ่ายหญิงไปพร้อมๆ กับฝ่ายชาย (ยากินที่ใช้รักษาเป็นยาชนิดเดียวกับที่ใช้รักษาผู้ชาย) ปัจจุบันในประเทศที่พัฒนาแล้วโดยเฉพาะสหรัฐนิยมตรวจหาเชื้อ Chlamydia trachomatis ด้วยวิธี PCR เป็นการตรวจสารคัดหลั่งจาก ปากมดลูกหรือตรวจจากน้ำปัสสาวะ (ตรวจได้ทั้งชายและหญิง) แต่การตรวจแบบนี้ยังมีราคาแพงและยังไม่เป็นที่แพร่หลายในประเทศ ไทย ส่วนใหญ่วิธีนี้นิยมใช้กันในโรงพยาบาลใหญ่ๆ หรือคลินิกเฉพาะ ทางบางแห่งเท่านั้น ถ้าไม่รักษาจะเกิดอะไรขึ้น ผู้ชาย จะมีโรคแทรกซ้อนตามมา ที่พบบ่อยคือ หนองในลงไข่ อัณฑะอักเสบ ถ้ายังไม่ใส่ใจ ปล่อยทิ้งไว้นาน หรือมัวแต่ซื้อยากินเอง อาจทำให้เป็นหมัน ไม่มีผู้สืบสกุล สูญพันธุ์ได้ (ฮา) โรคอื่นที่อาจตาม มาคือ โรค Reiter's syndrome มีอาการ 3 อย่างร่วมกัน คือ ไขข้ออักเสบ เยื่อบุตาอักเสบ และมีปัสสาวะแสบ ขัด ผู้หญิง เป็นฝ่ายที่น่าสงสาร เพราะอาจไม่รู้ตัวว่ามีเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อ Chlamydia ที่พ่อเจ้าประคุณสามีเอามาฝาก โดยไม่บอก ถ้าทิ้งไว้ไม่รักษา อาจเกิดการอักเสบในอุ้งเชิงกราน ปวดท้องน้อยเรื้อรัง ผลที่ตามมาคือ อาจมีลูกยาก เป็นหมัน หรือท้องนอกมดลูกได้ง่าย ถ้าท้องในมดลูกก็อาจแท้งได้ง่าย ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีการตรวจคัดกรองเชื้อ Chlamydia เป็นประจำ โดยเฉพาะหญิงวัยเจริญพันธุ์ที่อายุน้อยมีความเสี่ยงสูง ที่จะได้รับเชื้อ (โดยไม่แสดงอาการและไม่รู้ตัว)
แล้วจะรักษายังไง
หนองในเทียมใช้ยากินเป็นหลัก และมักต้องกินยาวนาน บางรายอาจ นานถึง 2 - 3 สัปดาห์ ดังนั้นจึงต้องตั้งใจกิน กินให้หมด หมอให้มากิน ไม่ได้ให้มาเก็บ แล้วจะป้องกันตัวเองได้อย่างไร มีสามีหรือภรรยาคนเดียว รักเดียวใจเดียวว่างั้นเถอะ แม้แต่กิ๊กก็อย่าไว้ใจ แสบมาแยะแล้ว ถ้ามีความจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง และทุกช่องทาง ทั้งช่องบนและช่องล่าง ถ้าคุณเป็นโรคหนองในเทียมให้งดการมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้ช้ำมากขึ้น และเพื่อป้องกันการรับเชื้อเพิ่ม อย่าลืมรักษาคู่นอนด้วย มีกี่คน บ้านเล็กบ้านใหญ่ ต้องรักษาให้ครบทุกคน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก the-than.com/health
Report by LIV Capsule
หนองในแท้-เทียม
หนองในแท้ (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยในช่วง 20 -30 ปีก่อน เรียกว่าเป็นพระเอกเลยทีเดียว จวบจนมีโรคเอดส์เข้ามา มีการรณรงค์ให้ใช้ ถุงยางอนามัยมากขึ้น โรคหนองในก็หายหน้าหายตาไปนาน จวบจนช่วงกลาง ปี 2546 เริ่มพบหนองในแท้มากขึ้นพร้อมกับข่าวร้ายที่ตามมาด้วย คือเชื้อนี้ดื้อยากินจนไม่อาจใช้ยากินรักษาได้อีกต่อไป
หนองในแท้ (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถรักษา หายขาดได้ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Neisseria gonorrhoeae สามารถเกิดได้ ทั้งที่อวัยวะสืบพันธุ์ มดลูก ปากมดลูก ช่องท้อง ในช่องปาก ทวารหนัก หรือแม้แต่นัยน์ตาทารกแรกเกิด
สำหรับผู้หญิงบางคนรับเชื้อมาแล้วไม่มีอาการหรือมีตกขาวเล็กน้อย ไปซื้อยากินเองอาการสงบลงทำให้เข้าใจว่าไม่เป็น จะมาทราบอีกครั้งก็เมื่อ มันลามเข้ามดลูก ไปสู่ปีกมดลูก ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน ปีกมดลูกอักเสบ ทำให้เกิดท้องนอกมดลูก หรือเป็นหมันในที่สุด
อาการและการแสดง
ฝ่ายชาย หลังรับเชื้อมา 2 - 5 วันก็จะมีอาการปัสสาวะแสบขัด มีหนองไหล จากท่อปัสสาวะ แต่บางรายอาจรวดเร็วทันตาเห็น ไหลในวันรุ่งขึ้นก็เคยเจอ หรือ บางรายอาจนานเป็นเดือนแล้วจึงค่อยมีอาการก็มี แต่ก็เป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ มักราว 2 - 5 วันนั่นแหละ มีหลายรายยังซื้อยากินเองแล้วอาการสงบไป ผ่านไปเป็นสัปดาห์ มาอีกทีก็เกิดโรคแทรกซ้อน อัณฑะบวมยากต่อการรักษา
หรือบางรายอาจถึงกับเป็นหมันไปก็มี ส่วนฝ่ายหญิง บางรายอาจไม่มีอาการ รับเชื้อมาไว้เฉยๆก็เจอบ่อยๆ จะมาทราบอีกครั้งก็เมื่อชายที่มามีเพศสัมพันธ์ด้วยเกิดการติดเชื้อไป ส่วนคนที่รับเชื้อแล้วมีอาการ อาการที่เป็นก็เช่น ปัสสาวะแสบขัด หรือปัสสาวะ มีเลือด มีเลือดออกเวลามีเพศสัมพันธ์ มีตกขาวสีเหลืองออกเขียวเป็นต้น ส่วนรายที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก เมื่อติดเชื้อก็จะมีอาการคันหรือระคายเคือง ที่ทวารหนัก อาจมีเมือกหรือหนองออกมาทางทวารหนักเช่นเดียวกับในท่อปัสสาวะ
มีคนเข้าใจผิดมากๆหลายราย ที่เข้าใจว่าเวลาไปเที่ยวไม่ใช้อวัยวะสอดใส่ แต่ให้หญิงบริการใช้ปากกับอวัยวะเพศของตนแล้วจะปลอดภัย
คนที่เข้าใจอย่างนี้แสบมาแยะแล้ว เพราะในลำคอของหญิงบริการเหล่านี้ มีเชื้อโรคหนองในแท้อาศัยพักอยู่ เพราะเธอก็ไปใช้ปากให้กับผู้ใช้บริการราย อื่นมาก่อน เมื่อมาใช้ปากกับท่าน เชื้อหนองในเลยกระโดดมาติดอวัยวะของท่าน
แบบนี้มาฉีดยาแยะแล้วนะครับ จะใช้ปากก็ต้องใส่ถุงยางอนามัยนะครับ
การตรวจวินิจฉัย
การตรวจวินิจฉัยไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์ เห็นคนไข้บ่อยๆ
บางครั้งแค่ฟังประวัติและเห็นลักษณะหนองก็บอกได้แล้วว่าใช่หรือไม่ใช่ ส่วนการตรวจยืนยัน คือการเอาหนองมาย้อมเชื้อส่องกล้องดู
นอกจากการวินิจฉัยข้างต้นแล้ว ถ้าตรวจหาเชื้อไม่เจอ แต่สงสัยมากๆ ก็อาจเอาหนองมาเพาะเลี้ยงเชื้อก็ได้ ใช้เวลา 2 - 3 วันก็รู้ผล หรือปัจจุบันจาก น้ำปัสสาวะหรือของเหลวจากปากมดลูกก็อาจนำมาตรวจหา DNA ของเชื้อก็ยังได้
ถ้าไม่รักษา อะไรจะเกิดขึ้น
ถ้าไม่รักษา (หรือรักษาเองอาการสงบไป) เชื้ออาจลามลงอัณฑะทำให้อัณฑะ อักเสบบวมเจ็บเป็นเหตุให้เป็นหมันหรืออาจลามเข้ากระแสเลือด ทำให้เกิดข้ออักเสบ ลิ้นหัวใจอักเสบ หรือแม้แต่เยื่อหุ้มสมองอักเสบได้
อาการแทรกซ้อนสำหรับฝ่ายหญิงคือทำให้เกิดการอักเสบที่อุ้งเชิงกราน หรือปีกมดลูกอักเสบ บางรายเป็นก้อนหนองที่ปีกมดลุกก็เคยมีให้เห็น ทำให้ท่อตีบตันอาจทำให้เป็นท้องนอกมดลูกตามมา หรืออาจเป็นหมันไปเลยก็ได้ ซึ่งจะนำมาสู่ปัญหาสาธารณสุขต่อไป แต่ที่น่าเป็นห่วงกังวลกว่านั้นก็คือ เมื่อท่านติดเชื้อหนองในได้ ท่านก็อาจติดเชื้อ hiv ได้เช่นกัน เพราะเมื่อเธอรับเชื้อหนองในมาได้ เธอก็อาจรับเชื้อ hiv มาด้วยได้เช่นกัน
การรักษา
ในตำรากล่าวถึงยารับประทานหลายตัวสามารถรักษาหนองในแท้ได้ แต่ในทางปฏิบัติจริงเชื้อเหล่านี้ดื้อยา จนไม่อาจใช้เป็นแนวทางรักษาได้แล้ว ต้องใช้ยาฉีดอย่างเดียว ดังนั้นถ้าท่านไปมีเพศสัมพันธ์แล้วมีอาการที่สงสัยว่า
จะเป็นหนองในแท้ อย่ามัวเสียเวลาซื้อยากินเอง มิฉะนั้นเชื้อจะหลบจนท่าน ตายใจว่าหายแล้ว สุดท้ายจะเกิดภาวะแทรกซ้อนจนยากจะเยียวยาได้
หนองในเทียม
หนองในเทียมเป็นหนึ่งในสี่ของโรคที่พบบ่อยในคลินิกกามโรคชาย (หนองในแท้ หนองในเทียม โรคเริม และหูดหงอนไก่) อาจมาเดี่ยวๆ โรคเดียว หรือมาพร้อมกับโรคหนองในแท้ก็ได้ หนองในเทียมส่วน ใหญ่จะรักษาหายด้วยยากิน แต่ก็มีคนไข้ส่วนหนึ่งที่รักษาหายยาก (มีไม่ถึง 10 %) จัดอยู่ในประเภทหนองในเทียมที่รักษายาก เมื่อมีการอักเสบในท่อปัสสาวะ เอาหนองหรือของเหลวจากท่อ ปัสสาวะมาตรวจย้อมแล้วส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ (หรือตรวจด้วยวิธีอื่น) ถ้าไม่พบเชื้อหนองในแท้ (gram negative dipplococci) เราจะจัดให้อยู่ในกลุ่มหนองในเทียม ทั้งหมด เพราะการรักษาไม่ต่างกัน หนองในเทียมมีชื่อภาษาอังกฤษหลายชื่อ เช่น NGU, NSU, PGU แต่ละชื่อมีความแตกต่างกันเล็กน้อย
NGU (Non-Gonococcal Urethritis) ในผู้ชาย เมื่อตรวจหนองแล้ว พบว่ามีการอักเสบ แต่ไม่พบเชื้อหนองในแท้ แต่อาจพบเชื้ออื่นเช่น Chlamydia หรือ ureaplasma หรือเชื้ออื่นๆ
NSU (Non-Specific Urethritis) หมายถึง ท่อปัสสาวะอักเสบ จะไม่พบเชื้อใดๆ อาจอักเสบอาจเกิดจากการสวนท่อปัสสาวะ
เคล็ดจากการมีเพศสัมพันธ์ แพ้ยา แพ้อาหารทะเล หรือเกิดจาก การบาดของผลึกอาหารบางอย่าง
PGU (Post-Gonococcal Urethritis) หมายถึง การอักเสบใน ท่อปัสสาวะหลังรักษาหนองในแท้หายแล้ว
ตัวต้นเหตุ
จากข้อความที่เกริ่นข้างต้นคงพอจะทราบแล้วว่า หนองในเทียมมี ทั้งประเภทที่มีเชื้อและไม่มีเชื้อ ประเภทที่มีเชื้อ ก็มีได้หลายเชื้อ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว หรือเชื้อรา ซึ่งเชื้อส่วนใหญ่ (เกินครึ่ง) ที่ตรวจพบคือเชื้อ Chlamydia trachomatis และ Ureaplasma urealyticum ส่วนโรคเริมหรือพยาธิในช่องคลอด (Trichomanas vaginalis) ก็อาจทำให้เกิดหนองในเทียมได้
ติดมาได้ยังไง
ส่วนใหญ่ติดจากการร่วมเพศ ไม่ว่าจะเป็น ทางปาก ทางช่องคลอด หรือทางทวารหนัก ก็ติดโรคนี้ได้ทั้งสิ้น ผู้ชายหลายคนอาจคิดว่า การให้ผู้หญิงใช้ปากโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยจะไม่ทำให้ติดโรค ถือเป็นความเข้าใจที่ผิด ! นอกจากสาเหตุหลักนี้แล้ว สาเหตุอื่น ที่ทำให้ติดโรคได้เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ การอักเสบของต่อมลูกหมาก เคล็ดจาการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง แพ้ยา หรือแพ้สารอาหารบางอย่าง
นานแค่ไหนถึงมีอาการ
หลังรับเชื้อมาแล้วหนึ่งถึงสามสัปดาห์ หรือบางรายอาจนานเป็นเดือน หนองในเทียมจะเริ่มแสดงอาการ ส่วนหนองในแท้จะแสดงอาการเร็วกว่าหนองในเทียม โดยจะแสดง อาการภายใน 3-4 วัน
มีอาการอะไรบ้าง
ในผู้ชาย อาการมักเกิดหลังติดเชื้อประมาณ 1-3 สัปดาห์ โดยจะมีอาการแสบที่ปลายท่อปัสสาวะ ปัสสาวะแสบขัดเล็กน้อย บางรายอาจคันหรือระคายเคืองท่อปัสสาวะ หรือปวดหน่วงตรงฝี เย็บใกล้ทวารหนัก มีหนองซึม ลักษณะเป็นมูกใสหรือมูกขุ่น (หนองในแท้ หนองจะมีลักษณะข้นกว่า) มีออกเพียงเล็กน้อย ในระยะแรกอาจรู้สึกแสบๆในท่อปัสสาวะ และมีมูกออกเล็กน้อย เฉพาะในช่วงเช้าเท่านั้น ต่อมาจะเริ่มแสดงอาการมากขึ้น ในผู้หญิง มักไม่แสดงอาการ อาจมีเพียงตกขาวผิดปกติ หรือปัสสาวะแสบเล็กน้อยในบางครั้ง เด็กแรกเกิดที่แม่มีเชื้อหนองในเทียม โดยเฉพาะเชื้อ Chlamydia อาจมีอาการตาแดงตาอักเสบหรือปอดบวมได้
หมอตรวจยังไง
สำหรับผู้ชาย นำสารคัดหลั่งจากท่อปัสสาวะมาย้อมสี ส่องดูด้วย กล้องจุลทรรศน์ ถ้ามีสารคัดหลั่งน้อย หมออาจเอาลวดแหย่เข้าไป ในท่อปัสสาวะเพียงตื้นๆ เพื่อเอาสารคัดหลั่งมาตรวจ แต่ถ้าใครมีหนองหรือเมือกให้เห็น ก็เอาแผ่นกระจกป้ายแล้วนำมา ย้อมสี ส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ การตรวจเพียงแค่นี้ก็นับว่าเพียงพอ แล้วสำหรับการวินิจฉัย แต่ถ้ารักษาแล้วยังไม่ดีขึ้นหรือไม่หาย ก็ต้องตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีการอื่น เช่น เพาะเชื้อ ตรวจ PCR เป็นต้น นอกจากนี้หมออาจตรวจปัสสาวะ วิธีนี้เรียกว่า TWO GLASS TEST เพื่อดูว่า การอักเสบลุกลามไปถึงท่อปัสสาวะ ส่วนต้นหรือส่วนโคนแล้วหรือยัง
สำหรับผู้หญิง ตรวจภายในธรรมดาๆโดยเอาสารคัดหลั่งมาตรวจ หาเชื้อหนองในเทียม แต่ปกติแล้ว ผู้หญิงจะตรวจพบยากกว่าผู้ชาย จึงมักนิยมรักษาฝ่ายหญิงไปพร้อมๆ กับฝ่ายชาย (ยากินที่ใช้รักษาเป็นยาชนิดเดียวกับที่ใช้รักษาผู้ชาย) ปัจจุบันในประเทศที่พัฒนาแล้วโดยเฉพาะสหรัฐนิยมตรวจหาเชื้อ Chlamydia trachomatis ด้วยวิธี PCR เป็นการตรวจสารคัดหลั่งจาก ปากมดลูกหรือตรวจจากน้ำปัสสาวะ (ตรวจได้ทั้งชายและหญิง) แต่การตรวจแบบนี้ยังมีราคาแพงและยังไม่เป็นที่แพร่หลายในประเทศ ไทย ส่วนใหญ่วิธีนี้นิยมใช้กันในโรงพยาบาลใหญ่ๆ หรือคลินิกเฉพาะ ทางบางแห่งเท่านั้น ถ้าไม่รักษาจะเกิดอะไรขึ้น ผู้ชาย จะมีโรคแทรกซ้อนตามมา ที่พบบ่อยคือ หนองในลงไข่ อัณฑะอักเสบ ถ้ายังไม่ใส่ใจ ปล่อยทิ้งไว้นาน หรือมัวแต่ซื้อยากินเอง อาจทำให้เป็นหมัน ไม่มีผู้สืบสกุล สูญพันธุ์ได้ (ฮา) โรคอื่นที่อาจตาม มาคือ โรค Reiter's syndrome มีอาการ 3 อย่างร่วมกัน คือ ไขข้ออักเสบ เยื่อบุตาอักเสบ และมีปัสสาวะแสบ ขัด ผู้หญิง เป็นฝ่ายที่น่าสงสาร เพราะอาจไม่รู้ตัวว่ามีเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อ Chlamydia ที่พ่อเจ้าประคุณสามีเอามาฝาก โดยไม่บอก ถ้าทิ้งไว้ไม่รักษา อาจเกิดการอักเสบในอุ้งเชิงกราน ปวดท้องน้อยเรื้อรัง ผลที่ตามมาคือ อาจมีลูกยาก เป็นหมัน หรือท้องนอกมดลูกได้ง่าย ถ้าท้องในมดลูกก็อาจแท้งได้ง่าย ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีการตรวจคัดกรองเชื้อ Chlamydia เป็นประจำ โดยเฉพาะหญิงวัยเจริญพันธุ์ที่อายุน้อยมีความเสี่ยงสูง ที่จะได้รับเชื้อ (โดยไม่แสดงอาการและไม่รู้ตัว)
แล้วจะรักษายังไง
หนองในเทียมใช้ยากินเป็นหลัก และมักต้องกินยาวนาน บางรายอาจ นานถึง 2 - 3 สัปดาห์ ดังนั้นจึงต้องตั้งใจกิน กินให้หมด หมอให้มากิน ไม่ได้ให้มาเก็บ แล้วจะป้องกันตัวเองได้อย่างไร มีสามีหรือภรรยาคนเดียว รักเดียวใจเดียวว่างั้นเถอะ แม้แต่กิ๊กก็อย่าไว้ใจ แสบมาแยะแล้ว ถ้ามีความจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง และทุกช่องทาง ทั้งช่องบนและช่องล่าง ถ้าคุณเป็นโรคหนองในเทียมให้งดการมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้ช้ำมากขึ้น และเพื่อป้องกันการรับเชื้อเพิ่ม อย่าลืมรักษาคู่นอนด้วย มีกี่คน บ้านเล็กบ้านใหญ่ ต้องรักษาให้ครบทุกคน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก the-than.com/health
Report by LIV Capsule