ผมได้ยินชื่อ เจมส์ ดีน ครั้งแรกจากแว่นตารุ่นหนึ่ง พอทราบอยู่เลาๆว่าเขาเป็นนักแสดงชื่อดังในอดีต เสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่ม แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขามีชื่อเสียงขนาดไหนกัน ถึงมีการนำชื่อมาเรียกแว่นตา จนเมื่อสืบค้นข้อมูลก็ยิ่งประหลายใจเข้าไปใหญ่ เพราะเขาแสดงหนังไปเพียง 8 เรื่อง ได้รับบทนำแค่ 3 เรื่อง ก่อนจะลาโลกไป โดยทิ้งสไตล์การแต่งตัวอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อ กางเกงยีนส์ รองเท้า หมวก แว่นตา ที่เขาสวมใส่ ทรงผมที่เขาตัด เอาไว้ มันได้รับความนิยมแพร่หลายไปในยุคนั้น ซํ้ายังฮิตข้ามเวลามาจนถึงยุคปัจจุบัน
Life คือภาพยนตร์ชีวประวัติที่จะพาคุณไปทำความรู้จักดาวรุ่งตลอดกาลของวงการฮอลลีวู้ดคนนี้ หนังเล่าผ่านมุมมองของ เดนนิส สต็อค ช่างภาพหนุ่มฟรีแลนซ์ที่ตาแหลมดูออกว่า เจมส์ ดีน เป็นนักแสดงหนุ่มที่มีแววจะโด่งดังในอนาคต โดยผู้ที่มารับบทเป็น เจมส์ ได้แก่ เดน เดอฮาน นักแสดงหนุ่มรูปหล่อจาก The Amazing Spider Man 2 ส่วนผู้รับบท เดนนิส สต็อค เป็น โรเบิร์ต แพททินสัน นักแสดงหนุ่มหน้าตาดี เอ็ดเวิร์ด แห่ง Vampire Twilight
หนังเล่าถึงช่วงที่ เจมส์ ดีน เริ่มจะเป็นที่จับตามองในวงการฮอลลีวู้ด เดนนิส สต็อค ช่างภาพซึ่งกำลังประสบปัญหาในชีวิตหลายด้านมองเห็นอะไรบางอย่างในตัว เจมส์ เข้าเสนอที่จะถ่ายภาพชุดของนักแสดงหนุ่มลงใน นิตยสาร Life แต่การทำงานก็ไม่ได้ราบรื่น แม้ เจมส์ จะมีพรสวรรค์ติดตัวเรื่องการแสดง ทว่าในแง่การใช้ชีวิตหรือเข้าสังคมกลับไม่เอาไหนเลย
เดนนิส เริ่มท้อใจกับอารมณ์ศิลปินของ เจมส์ ที่ทั้ง เอาแต่ใจ เย่อหยิ่ง ปากเสีย ไร้วินัย ขาดความเคารพผู้อื่น กระทั่งการพบกันที่ไทม์สแควร์ในวันฝนพรำ เดนนิส ถ่ายภาพ เจมส์ เดินสูบบุหรี่ โดยหารู้ไม่ว่าภาพดังกล่าวจะกลายมาเป็นภาพที่ทรงอิทธิพลที่สุดภาพหนึ่งของโลก วั้นนั้นเองคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ เดนนิส มีไฟขึ้นมาอีกครั้ง เขาเปลี่ยนใจยอมเดินทางไปบ้านเกิดของ เจมส์ ดีน ซึ่งครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ เจมส์ ได้กลับบ้าน
บทหนังราบเรียบเกินไปหน่อย ให้อารมณ์กึ่งสารคดี จึงออกจะแห้งแล้ง น่าเบื่อสำหรับคนที่ไม่ได้เป็นแฟนของ เจมส์ ดีน สิ่งที่หนังทำได้ได้ดีคือโปรดักชั่น การพาคนดูย้อนกลับไปดูวีถีชีวิตของผู้คนในปี50 ยุคการเปลี่ยนผ่านระหว่างภาพขาวดำไปสู่ภาพสี เครื่องแต่งกายวินเทจสวยๆ อุปกรณ์ประกอบฉากสุดคลาสสิก มีหลายจุดที่หนังเสียดสีวงการบันเทิงในสมัยนั้น ผู้กำกับนำภาพชุด นักแสดงอารมณ์บูด ของ เดนนิส สต็อค มาเป็นโจทย์ จากนั้นก็ร้อยเรียงเรื่องราวผ่านภาพถ่ายทีละใบ ซึ่งการนำเสนอแบบนี้ค่อนข้างทื่อไปหน่อย ขณะที่ เดน เดอฮาน ถูกวางบุคคลิกให้เหมือน เจมส์ ชนิดเป็นรายการก็อปปี้โชว์บวกรายการตามติดชีวิต เจมส์ ดีน ทำให้ภาพรวมของหนังขาดความบันเทิง กลายเป็นเพียงอนุสรณ์รำลึกถึง เจมส์ เท่านั้น
ส่วนที่หนังทำได้ดีไม่ใช่การนำเสนอชีวิตของ เจมส์ แต่กลับเป็นชีวิตของ เดนนิส ในวงการช่างภาพถือว่าเขาเป็นดาวรุ่งเช่นกัน เดนนิส อยากเป็นศิลปิน ถ่ายภาพชุดสร้างสรรค์ออกมาเป็นงานศิลปะ มีงานนิทรรศการภาพของตัวเอง มากกว่าเป็นตากล้องฝูงลิงข้างพรมแดงหรือช่างภาพประจำกองถ่ายหนัง งานของเขาไม่เหมือนกับ เจมส์ ดีน ที่เป็นนักแสดงซึ่งสามารถควบคุมสิ่งต่างๆได้มากกว่า ถึงเจมส์จะถูกผู้จัดการกับเจ้าของค่ายกดดันเขาก็ไม่ยี่หระ ด้วยความแตกต่างไม่เหมือนใคร เจมส์ ไม่ใส่ใจชื่อเสียงเงินทอง ตรงนี้สวนทางกับ เดนนิส ที่อยากประสบความสำเร็จในเส้นทางที่ตัวเองเลือก เขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ภาพ ภายใต้ภาวะที่เต็มไปด้วยข้อจำกัด ควบคุมอะไรไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็น นายแบบ สภาพอากาศ ตารางวเลา ตลอดจนการเลือกภาพลงนิตยสาร
การแสดง โรเบิร์ต แพททินสัน เด่นกว่า เดน เดอฮาน แม้ว่าบุคคลิกของเขาจะเหมือน เดนนิส สต็อค ตัวจริงน้อยกว่า แต่เขานำเสนอมุมมอง ความคิด และอารมณ์ของตัวละครได้ยอดเยี่ยม เพียงชุดสูทกับกล้องไลก้าในมือก็ทำให้ผู้ชมเชื่อว่าเขาเป็นช่างภาพจริงๆ ด้าน เดน เดอฮาน สะท้อนนิสัยติสต์แตกของ เจมส์ ออกมาได้ดีพอใช้ แต่ความพยายามจะเหมือนตัวจริงมากเกินไป ทำให้เขาไม่ค่อยได้แสดงฝีมือนัก แค่ทำหน้าเซ็งๆ พูดจาอู้อี้หลังม่านควันบุหรี่ตลอดเวลาก็กลายเป็น เจมส์ ดีน แล้ว ดูฉาบฉวยไป นักแสดงคนอื่นที่อยากพูดถึงคือ เบน คิงส์ลี่ย์ ในบท แจ็ค วอร์เนอร์ เจ้าของค่ายหนังวอร์เนอร์บราเธอร์ส การแสดงของเขาทำให้ แจ็ค เป็นตัวละครที่ดูมีชีวิตชีวาที่สุดในเรื่อง
Life ไม่ใช่หนังที่พูดถึงมิตรภาพของ เจมส์ กับ เดนนิส เสียทีเดียว เราไม่อาจรู้เลยว่า เจมส์ คิดว่า เดนนิส เป็นเพื่อนหรือไม่ หรือ เดนนิส มองว่า เจมส์ เป็นเพื่อนของเขาไหม คล้ายกับว่าทั้งคู่ต่างคนต่างกำลังทำงานของตัวเองอยู่ เจมส์ แสดง เดนนิส ถ่ายภาพ สิ่งที่เรารู้คือลึกๆแล้ว เจมส์ เป็นนักแสดงหนุ่มที่โดดเดี่ยว มีสเน่ห์ อ้างว้าง และเท่ห์ที่สุดคนหนึ่งในโลก
คะแนน 6.5/10
โดย นกไซเบอร์
เครดิต
https://www.facebook.com/cyberbirdmovie
ตัวอย่างหนัง
http://movie.bugaboo.tv/watch/212051/?link=4
รีวิวหนัง : Life ดาวรุ่งตลอดกาล
ผมได้ยินชื่อ เจมส์ ดีน ครั้งแรกจากแว่นตารุ่นหนึ่ง พอทราบอยู่เลาๆว่าเขาเป็นนักแสดงชื่อดังในอดีต เสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่ม แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขามีชื่อเสียงขนาดไหนกัน ถึงมีการนำชื่อมาเรียกแว่นตา จนเมื่อสืบค้นข้อมูลก็ยิ่งประหลายใจเข้าไปใหญ่ เพราะเขาแสดงหนังไปเพียง 8 เรื่อง ได้รับบทนำแค่ 3 เรื่อง ก่อนจะลาโลกไป โดยทิ้งสไตล์การแต่งตัวอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อ กางเกงยีนส์ รองเท้า หมวก แว่นตา ที่เขาสวมใส่ ทรงผมที่เขาตัด เอาไว้ มันได้รับความนิยมแพร่หลายไปในยุคนั้น ซํ้ายังฮิตข้ามเวลามาจนถึงยุคปัจจุบัน
Life คือภาพยนตร์ชีวประวัติที่จะพาคุณไปทำความรู้จักดาวรุ่งตลอดกาลของวงการฮอลลีวู้ดคนนี้ หนังเล่าผ่านมุมมองของ เดนนิส สต็อค ช่างภาพหนุ่มฟรีแลนซ์ที่ตาแหลมดูออกว่า เจมส์ ดีน เป็นนักแสดงหนุ่มที่มีแววจะโด่งดังในอนาคต โดยผู้ที่มารับบทเป็น เจมส์ ได้แก่ เดน เดอฮาน นักแสดงหนุ่มรูปหล่อจาก The Amazing Spider Man 2 ส่วนผู้รับบท เดนนิส สต็อค เป็น โรเบิร์ต แพททินสัน นักแสดงหนุ่มหน้าตาดี เอ็ดเวิร์ด แห่ง Vampire Twilight
หนังเล่าถึงช่วงที่ เจมส์ ดีน เริ่มจะเป็นที่จับตามองในวงการฮอลลีวู้ด เดนนิส สต็อค ช่างภาพซึ่งกำลังประสบปัญหาในชีวิตหลายด้านมองเห็นอะไรบางอย่างในตัว เจมส์ เข้าเสนอที่จะถ่ายภาพชุดของนักแสดงหนุ่มลงใน นิตยสาร Life แต่การทำงานก็ไม่ได้ราบรื่น แม้ เจมส์ จะมีพรสวรรค์ติดตัวเรื่องการแสดง ทว่าในแง่การใช้ชีวิตหรือเข้าสังคมกลับไม่เอาไหนเลย
เดนนิส เริ่มท้อใจกับอารมณ์ศิลปินของ เจมส์ ที่ทั้ง เอาแต่ใจ เย่อหยิ่ง ปากเสีย ไร้วินัย ขาดความเคารพผู้อื่น กระทั่งการพบกันที่ไทม์สแควร์ในวันฝนพรำ เดนนิส ถ่ายภาพ เจมส์ เดินสูบบุหรี่ โดยหารู้ไม่ว่าภาพดังกล่าวจะกลายมาเป็นภาพที่ทรงอิทธิพลที่สุดภาพหนึ่งของโลก วั้นนั้นเองคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ เดนนิส มีไฟขึ้นมาอีกครั้ง เขาเปลี่ยนใจยอมเดินทางไปบ้านเกิดของ เจมส์ ดีน ซึ่งครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ เจมส์ ได้กลับบ้าน
บทหนังราบเรียบเกินไปหน่อย ให้อารมณ์กึ่งสารคดี จึงออกจะแห้งแล้ง น่าเบื่อสำหรับคนที่ไม่ได้เป็นแฟนของ เจมส์ ดีน สิ่งที่หนังทำได้ได้ดีคือโปรดักชั่น การพาคนดูย้อนกลับไปดูวีถีชีวิตของผู้คนในปี50 ยุคการเปลี่ยนผ่านระหว่างภาพขาวดำไปสู่ภาพสี เครื่องแต่งกายวินเทจสวยๆ อุปกรณ์ประกอบฉากสุดคลาสสิก มีหลายจุดที่หนังเสียดสีวงการบันเทิงในสมัยนั้น ผู้กำกับนำภาพชุด นักแสดงอารมณ์บูด ของ เดนนิส สต็อค มาเป็นโจทย์ จากนั้นก็ร้อยเรียงเรื่องราวผ่านภาพถ่ายทีละใบ ซึ่งการนำเสนอแบบนี้ค่อนข้างทื่อไปหน่อย ขณะที่ เดน เดอฮาน ถูกวางบุคคลิกให้เหมือน เจมส์ ชนิดเป็นรายการก็อปปี้โชว์บวกรายการตามติดชีวิต เจมส์ ดีน ทำให้ภาพรวมของหนังขาดความบันเทิง กลายเป็นเพียงอนุสรณ์รำลึกถึง เจมส์ เท่านั้น
ส่วนที่หนังทำได้ดีไม่ใช่การนำเสนอชีวิตของ เจมส์ แต่กลับเป็นชีวิตของ เดนนิส ในวงการช่างภาพถือว่าเขาเป็นดาวรุ่งเช่นกัน เดนนิส อยากเป็นศิลปิน ถ่ายภาพชุดสร้างสรรค์ออกมาเป็นงานศิลปะ มีงานนิทรรศการภาพของตัวเอง มากกว่าเป็นตากล้องฝูงลิงข้างพรมแดงหรือช่างภาพประจำกองถ่ายหนัง งานของเขาไม่เหมือนกับ เจมส์ ดีน ที่เป็นนักแสดงซึ่งสามารถควบคุมสิ่งต่างๆได้มากกว่า ถึงเจมส์จะถูกผู้จัดการกับเจ้าของค่ายกดดันเขาก็ไม่ยี่หระ ด้วยความแตกต่างไม่เหมือนใคร เจมส์ ไม่ใส่ใจชื่อเสียงเงินทอง ตรงนี้สวนทางกับ เดนนิส ที่อยากประสบความสำเร็จในเส้นทางที่ตัวเองเลือก เขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ภาพ ภายใต้ภาวะที่เต็มไปด้วยข้อจำกัด ควบคุมอะไรไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็น นายแบบ สภาพอากาศ ตารางวเลา ตลอดจนการเลือกภาพลงนิตยสาร
การแสดง โรเบิร์ต แพททินสัน เด่นกว่า เดน เดอฮาน แม้ว่าบุคคลิกของเขาจะเหมือน เดนนิส สต็อค ตัวจริงน้อยกว่า แต่เขานำเสนอมุมมอง ความคิด และอารมณ์ของตัวละครได้ยอดเยี่ยม เพียงชุดสูทกับกล้องไลก้าในมือก็ทำให้ผู้ชมเชื่อว่าเขาเป็นช่างภาพจริงๆ ด้าน เดน เดอฮาน สะท้อนนิสัยติสต์แตกของ เจมส์ ออกมาได้ดีพอใช้ แต่ความพยายามจะเหมือนตัวจริงมากเกินไป ทำให้เขาไม่ค่อยได้แสดงฝีมือนัก แค่ทำหน้าเซ็งๆ พูดจาอู้อี้หลังม่านควันบุหรี่ตลอดเวลาก็กลายเป็น เจมส์ ดีน แล้ว ดูฉาบฉวยไป นักแสดงคนอื่นที่อยากพูดถึงคือ เบน คิงส์ลี่ย์ ในบท แจ็ค วอร์เนอร์ เจ้าของค่ายหนังวอร์เนอร์บราเธอร์ส การแสดงของเขาทำให้ แจ็ค เป็นตัวละครที่ดูมีชีวิตชีวาที่สุดในเรื่อง
Life ไม่ใช่หนังที่พูดถึงมิตรภาพของ เจมส์ กับ เดนนิส เสียทีเดียว เราไม่อาจรู้เลยว่า เจมส์ คิดว่า เดนนิส เป็นเพื่อนหรือไม่ หรือ เดนนิส มองว่า เจมส์ เป็นเพื่อนของเขาไหม คล้ายกับว่าทั้งคู่ต่างคนต่างกำลังทำงานของตัวเองอยู่ เจมส์ แสดง เดนนิส ถ่ายภาพ สิ่งที่เรารู้คือลึกๆแล้ว เจมส์ เป็นนักแสดงหนุ่มที่โดดเดี่ยว มีสเน่ห์ อ้างว้าง และเท่ห์ที่สุดคนหนึ่งในโลก
คะแนน 6.5/10
โดย นกไซเบอร์
เครดิต https://www.facebook.com/cyberbirdmovie
ตัวอย่างหนัง http://movie.bugaboo.tv/watch/212051/?link=4