เนื่องจากอาทิตย์ก่อน ผมกับแฟนได้คบกันมา 1 ปีถ้วน แต่เรายังไม่ได้มีโอกาสได้เจอกันเป็นเรื่องเป็นราว
ของขวัญที่เราตกลงจะแลกกันก็ยังไม่ได้ให้ยุ่งๆทั้งคู่ และวันพรุ่งนี้เป็นวันที่เราจะได้เจอกัน \(>_<)/ผมจึงอยากทำของหวานอร่อยๆ(?)ให้แฟนทาน
หลังจากลองเปิดเนตดูก็เจอเมล่อนบิงซู แบบเกาหลี น่ารักดี ดูทำไม่ยาก จึงจัดการซื้อเมล่อน นมสด ที่ตักเมล่อน และอื่นๆ แต่....ข้าวของพวกนั้นมันกลายเป็นเมล่อนบิงซูน้ำกะทิ ขนมหวานไทยฟิวชั่นกับเกาหลีไปได้อย่างไร
ขอเชิญรับชมได้เลยครับ
1) เริ่มจากการไม่ต้องถ่ายรูปเมล่งเมล่อน และอุปกรณ์ทั้งหมด (ลืมเห็นๆ)
ตัดภาพมาที่เมล่อนครึ่งลูก หงายโชว์เมล็ดแบบนี้เลยครับ
2) ไม่อยากให้แฟนเป็นไส้ติ่ง ต้องคว้านเมล็ดออกครับ ช้อนโต๊ะกินข้าวนี่แหละ ใกล้ตัวที่สุด
(จริงๆ แค่ตักนิดเดียวก็ออกหมดแล้ว ใช้คำว่าคว้านซะ ฮาราคีรี)
3) เมล่อนที่โดนช้อนโต๊ะจ้วง ออกมาแบบนี้
4) ถ้าคุณใช้มีดหั่นเมล่อนเป็นชิ้นๆ มันจะไม่บิงซูครับ ต้องใช้ไอเท็มเสริม ด้วยเงิน 35 บาท เมล่อนจะบิงซูทันที ที่ตักสีหวานมากก สังเกตว่าจะมีสองด้าน ผมใช้ด้านที่ใหญ่กว่าครับ
5) ตักยังไงให้กลม? ไม่รู้เหมือนกันครับ เพิ่งรู้จากคุณป้าฝรั่งในยูทูปสดๆเลย แกสอนดี ดูแปปเดียวเป็นเลย
ที่เห็นอีกครึ่งลูกทำไว้แล้ว เพราะว่าตอนแรกกะทำแค่ครึ่งลูก แล้วอีกครึ่ง ตัดแบ่งชิ้นๆ ทำน้ำกะทิราด แต่คิดไปคิดมา หลายขั้นตอนเกิน จึงจัดการเอาสองเมนูยำรวมกันซะเลย
(วาร์ปไปหาป้าครับ :
https://youtu.be/zfD8tUjWnRc )
6) Press Down, Turn and Perfect Circle เหมือนคำป้าสอนครับ จึ๊กๆๆ แล้วจะเหลือแบบนี้ครับ สมัยเด็กๆนี่ถ้าเป็นเปลือกส้มโอได้เอามาทำเป็นหมวกแน่นอน
7) บิงซูสุดๆ! แหว่งซะไม่มี ป้ารู้ป้าโกรธตาย
เอาเป็นว่า ได้มาเนื้อเมล่อน เกือบกลม 1 จานครับ
8) จากนั้นผมนำเนื้อ และ เปลือกทั้งสองซีก แรพให้มิดชิด และนำเข้าตู้เย็น
9) ต่อไปทำน้ำกะทิกันครับ มีแต่เตาไฟฟ้า จัดไป เห็นตาชั่งด้านหลังใช่มั้ยครับ ไม่ได้ใช้นะครับ ตั้งไว้อย่างงั้นแหละครับ ส่วนผสมอยากใส่เท่าไรก็ใส่ครับ
10) สรุป นมส่ง นมสดที่ซื้อมาก็ ไม่ได้ถึงเมล่อน เอาเป็นพวกนี้แทน
ของที่มีอยู่ในตู้
น้ำตาลโตนด, กะทิ และน้ำตาลทรายไม่ขัดสี
11) จะโยนน้ำตาลลงไปทั้งก้อนก็กลัวโหดไป หยิบมาสามสี่ชิ้น หั่นๆๆๆ ให้มันละลายง่ายๆ
เสร็จแล้วถ่ายรูปออกมาเหมือนกุ้งแห้งสับซะอย่างงั้น
12) เปิดเตาแล้วเทกะทิเลยครับ อย่ารอช้า ดึกแล้วฮะ
13) ส่วนผสมก็มีอยู่เท่านั้น คนๆๆให้น้ำตาลโตนดละลาย แล้วค่อยใส่น้ำตาลทรายไม่ขัดสีตามลงไปครับ (อันนี้แล้วแต่คนนะครับ ผมใส่เพราะรู้สึกมันหอมกว่า)
14) และแล้วก็ได้ทุกอย่างที่ต้องการ แต่เพราะผมกับแฟนจะเจอกันพรุ่งนี้ คืนนี้แช่ทุกอย่างในตู้เย็นก่อนครับ พรุ่งนี้ซื้อน้ำแข็งมาแล้วค่อย จัดเรียงสวยๆ แล้วก็หม่ำ (ตัดจบดื้อๆเลย!)
จบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณที่ติดตามครับ
ลองทำดู ขนมไทยฟิวชั่น เมล่อนบิงซูน้ำกะทิ?
ของขวัญที่เราตกลงจะแลกกันก็ยังไม่ได้ให้ยุ่งๆทั้งคู่ และวันพรุ่งนี้เป็นวันที่เราจะได้เจอกัน \(>_<)/ผมจึงอยากทำของหวานอร่อยๆ(?)ให้แฟนทาน
หลังจากลองเปิดเนตดูก็เจอเมล่อนบิงซู แบบเกาหลี น่ารักดี ดูทำไม่ยาก จึงจัดการซื้อเมล่อน นมสด ที่ตักเมล่อน และอื่นๆ แต่....ข้าวของพวกนั้นมันกลายเป็นเมล่อนบิงซูน้ำกะทิ ขนมหวานไทยฟิวชั่นกับเกาหลีไปได้อย่างไร
ขอเชิญรับชมได้เลยครับ
1) เริ่มจากการไม่ต้องถ่ายรูปเมล่งเมล่อน และอุปกรณ์ทั้งหมด (ลืมเห็นๆ)
ตัดภาพมาที่เมล่อนครึ่งลูก หงายโชว์เมล็ดแบบนี้เลยครับ
2) ไม่อยากให้แฟนเป็นไส้ติ่ง ต้องคว้านเมล็ดออกครับ ช้อนโต๊ะกินข้าวนี่แหละ ใกล้ตัวที่สุด
(จริงๆ แค่ตักนิดเดียวก็ออกหมดแล้ว ใช้คำว่าคว้านซะ ฮาราคีรี)
3) เมล่อนที่โดนช้อนโต๊ะจ้วง ออกมาแบบนี้
4) ถ้าคุณใช้มีดหั่นเมล่อนเป็นชิ้นๆ มันจะไม่บิงซูครับ ต้องใช้ไอเท็มเสริม ด้วยเงิน 35 บาท เมล่อนจะบิงซูทันที ที่ตักสีหวานมากก สังเกตว่าจะมีสองด้าน ผมใช้ด้านที่ใหญ่กว่าครับ
5) ตักยังไงให้กลม? ไม่รู้เหมือนกันครับ เพิ่งรู้จากคุณป้าฝรั่งในยูทูปสดๆเลย แกสอนดี ดูแปปเดียวเป็นเลย
ที่เห็นอีกครึ่งลูกทำไว้แล้ว เพราะว่าตอนแรกกะทำแค่ครึ่งลูก แล้วอีกครึ่ง ตัดแบ่งชิ้นๆ ทำน้ำกะทิราด แต่คิดไปคิดมา หลายขั้นตอนเกิน จึงจัดการเอาสองเมนูยำรวมกันซะเลย
(วาร์ปไปหาป้าครับ : https://youtu.be/zfD8tUjWnRc )
6) Press Down, Turn and Perfect Circle เหมือนคำป้าสอนครับ จึ๊กๆๆ แล้วจะเหลือแบบนี้ครับ สมัยเด็กๆนี่ถ้าเป็นเปลือกส้มโอได้เอามาทำเป็นหมวกแน่นอน
7) บิงซูสุดๆ! แหว่งซะไม่มี ป้ารู้ป้าโกรธตาย
เอาเป็นว่า ได้มาเนื้อเมล่อน เกือบกลม 1 จานครับ
8) จากนั้นผมนำเนื้อ และ เปลือกทั้งสองซีก แรพให้มิดชิด และนำเข้าตู้เย็น
9) ต่อไปทำน้ำกะทิกันครับ มีแต่เตาไฟฟ้า จัดไป เห็นตาชั่งด้านหลังใช่มั้ยครับ ไม่ได้ใช้นะครับ ตั้งไว้อย่างงั้นแหละครับ ส่วนผสมอยากใส่เท่าไรก็ใส่ครับ
10) สรุป นมส่ง นมสดที่ซื้อมาก็ ไม่ได้ถึงเมล่อน เอาเป็นพวกนี้แทน
ของที่มีอยู่ในตู้
น้ำตาลโตนด, กะทิ และน้ำตาลทรายไม่ขัดสี
11) จะโยนน้ำตาลลงไปทั้งก้อนก็กลัวโหดไป หยิบมาสามสี่ชิ้น หั่นๆๆๆ ให้มันละลายง่ายๆ
เสร็จแล้วถ่ายรูปออกมาเหมือนกุ้งแห้งสับซะอย่างงั้น
12) เปิดเตาแล้วเทกะทิเลยครับ อย่ารอช้า ดึกแล้วฮะ
13) ส่วนผสมก็มีอยู่เท่านั้น คนๆๆให้น้ำตาลโตนดละลาย แล้วค่อยใส่น้ำตาลทรายไม่ขัดสีตามลงไปครับ (อันนี้แล้วแต่คนนะครับ ผมใส่เพราะรู้สึกมันหอมกว่า)
14) และแล้วก็ได้ทุกอย่างที่ต้องการ แต่เพราะผมกับแฟนจะเจอกันพรุ่งนี้ คืนนี้แช่ทุกอย่างในตู้เย็นก่อนครับ พรุ่งนี้ซื้อน้ำแข็งมาแล้วค่อย จัดเรียงสวยๆ แล้วก็หม่ำ (ตัดจบดื้อๆเลย!)
จบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณที่ติดตามครับ