ยืมไอดีเพื่อนมานะ
สวัสดีค่าาาาา ก่อนอื่นขอชี้แจงจุดประสงค์ของการเขียนกระทู้ในครั้งนี้ก่อนนะครัช
1. ทุกสิ่งที่เขียนในกระทู้เป็นเรื่องจริงไม่อิงนิยาย จึงมั่นใจได้ว่า เป็นการแชร์ประสบการณ์จริงล้วนๆ
2. กระทู้นี้เขียนขึ้นมาเพื่อแชร์ประสบการณ์ของการไปใช้ชีวิตตัวคนเดียวในต่างแดน (ที่ผู้ชายหล่อ....ม้ากกกกกกกกกกกกกก)
3. เนื่องจากเป็นเรื่องจริง คำพูดอาจดูรุนแรงบ้างตามสถานการณ์ที่ประสบพบเจอ แต่จะพยายามเปลี่ยนให้มันดูซอฟต์ลง แต่ยังคงอิงอารมณ์เดิม
4. โลกสวยอย่าอ่าน ผมไม่ได้จะบอกว่าผมเข้าใจใจวัฒนธรรมต่างชาติเป็นอย่างดี ผมแค่จะบอกว่าผมพอจะเข้าใจอยู่บ้าง (ครับ...)
5. ไม่ได้มาบอกวิธีจีบฝรั่ง แต่อาจมีบ้างเล็กๆน้อยๆพอกรุบกริบ ส่วนมากจะเป็นในเรื่องของการวางตัวว่าทำยังไงไม่ให้เค้าด่าว่าสาวไทยแรด...
6. ถ้าใช้ภาษาวิบัติหรือคำไม่สุภาพก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ที่ทำไปก็เพื่อเพิ่มอรรธรสในการอ่านเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการทำให้ภาษาวิบัติแต่อย่างใด
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครัชชชช ( กรี๊ดดดด แปะๆๆๆๆ ..... เอฟเฟคเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือมาเอง เนื่องจากไม่มีงบประมาณในการจ้างหน้าม้า 555)
จขกท ขอแทนตัวเองว่า เรา นะครัช จะได้ไม่ดูห่างเหิน (ฮิ้วววว)
เข้าเรื่องเลยละกัน คือเรามีโอกาสได้ไปใช้ชีวิตที่เมกาเป็นเวลาสามเดือน โดยไปในโครงการ work and travel ตอนแรกก็เกือบจะไม่ได้ไปแล้ว เพราะดีกรีความแรดค่อนข้างสูง พ่อแม่เลยเป็นห่วง กลัวว่าถึงเมกาแล้วนอจะโผล่ อิอิ แต่ในที่สุด พ่อแม่ก็ทนแรงรบเร้าที่อยากจะไปแรดในดินแดนแห่งเสรีภาพไม่ไหว เลยต้องยอมจำนนในที่สุด (เย้!)
และแล้ว.... วันแรกของการเดินทางก็เริ่มขึ้น เราบินของไชน่าแอร์ไลร์ + เดลต้า ไชน่าแอร์ไลน์ดีเลย์ไปสองชั่วโมง ดออออกกกกส์! นั่งรอจนเมื่อยก้น เราไปเปลี่ยนเครื่องที่ Amsterdam เป็นครั้งแรกที่ต้องใช้สกิลภาษาอังกฤษที่มีอยู่น้อยนิดเพื่อเอาชีวิตรอดในต่างแดน เอาล่ะครัช ถามเป็นถาม หาเกทไม่เจอ ผมนี่ถามตั้งแต่แม่บ้านยันแอร์โฮสเตสเลยครับว่า เกทนี้อยู่ตรงหนายยยยยย เดินตามตำอธิบายของแอร์โฮสเตสไปสักพัก (ใหญ่ๆ) ก้อมาถึงเกทที่ต้องไปในที่สุด (วิ้วววว เก่งจุง ) หลังจากขึ้นเครื่องแล้ว ต้องใช้เวลาในการบินทั้งหมด 8ชั่วโมง จาก Amsterdam ไปสนามบิน Detroit, Michigan ขอเล่าลัดตอนไปถึง Detroit เลยละกัน เพราะบนเครื่องไม่มีไรมาก ผู้ชายหล่อๆก็นั่งอยู่ไกล ไม่ได้คุย 555 ตอนถึง Detroit ก็ต้องไปต่อแถวเข้าคิวให้เค้าตรวจวีซ่า เค้าแยกเป็นสามแถวคือแถวของ American citizen แถวของกลุ่มคนที่ไม่ต้องใช้วีซ่า กับแถวของคนที่มาจาก a third world country อย่าง จขกท นี่เองล่ะครัช ( ของ จขกท เค้าจะตรวจวีซ่าและเอกสาร พวก ดีเอส แล้วก็ถามคำถามอีกเล็กน้อย ) ของ จขกท โดน ตม ที่ค่อนข้างหนุ่มตรวจ เลยแอบอ่อยนิดนุง หุหุ บทสนทนาเค้าก็ประมาณนี้ครับ ( ถ้าพิมพ์ไรผิดไปอย่าด่านะครัช สกิลอังกฤษแค่พอไปถามซื้อข้าวกินที่เมกาได้ 555)
ตม : hello, can I take a look at your passport please?
จขกท : (วางพาสปอร์ตให้นาง) here you go.
ตม : where are you going?
จขกท : myrtle beach, South Carolina
ตม : where are you going to work at?
จขกท : I'm going to work at North beach plantation hotel as a housekeeper
ตม : when are you planning on going back to your country?
จขกท : August 29th.
ตม : okay, enjoy your travel
จขกท : thank you (ฉีกยิ้มมมมมม ^^')
ฉากต่อไปนี้เด็ดครับ ผมหากระเป๋าไม่เจอครับ ก็ถามพ่อบ้านแม่บ้านแถวนั้นอีกละครับ เค้าก้อบอกให้ไปถามที่เคาท์เตอร์ของเดลต้า เราก็เดินไปจนจะถึงแล้วล่ะครัช ไอ้ ตม อีกคนมาจากไหนไม่รู้ มาถาม
ตม : can I help you?
จขกท : ah, I couldn't find my suitcase, so I'm going to the delta air lines counter to ask for it. (ตรูก้อคิดว่ามันแค่ถามเฉยๆ เพราะหน้าตรูก็ไม่ได้เหมือนพวกลักลอบเข้าเมืองซะหน่อยย! ตอบเสร็จตรูเลยเดินต่อ มันเจือกขึ้นเสียงใส่ตรูและขอดูพาสปอร์ต ไอ้บร้าาา)
ตม : what can I help you? -
-*- (เสียงดุพร้อมแบมือขอพาสปอร์ต)
จขกท : ( ยิ้มสยามและยื่นพาสปอร์ตให้ด้วยมืออันสั่นเทา ^______^'')
ตม : (จ้องๆๆๆ พาสปอร์ต ดูเชี่ยไรไม่รู้ -_-) thank you, that's the delta airlines counter (พูดพร้อมชี้มือไปที่เค้าท์เตอร์ซึ่งตรูเดินเองอีกสามก้าวก็ถึง ไอ้สราสสสส กุกลัววว ช่วยแบบนี้เมิงไม่ต้องช่วยเหอะ ตรูหาเองได้ว้อย)
นั่นคือสิ่งที่อยากพูด แต่นี่คือสิ่งที่พูดออกไป
จขกท : thank you ( พร้อมยิ้มสยามแบบเจื่อนๆ)
หลังจากไปติดต่อกับทางเดลต้าแล้ว เค้าบอกเค้าจะส่งกระเป๋าตามไปให้ที่สนามบินปลายทาง ที่ myrtle beach ในภายหลัง เราก้อ โอเคๆ แล้วก้อนั่งรอต่อเครื่องอีก 10 ชั่วโมง (ตายยยย)
มาถึงความโง่ของเราอีกแล้วสินะ ฉากนี้คือตอนไปซื้อของกินที่สตาร์บัคส์ ซึ่งก้อไม่มีไรให้กินนอกจากกาแฟกับขนมปัง ด้วยความที่อยู่ไทยกินบ่อย ไปต่างแดนวันแรกก้อขอกินไรที่คุ้นเคยก่อนละกัน
ณ ร้านสตาร์บัคส์
จขกท : can I have chocolate frappuccino and that one ( ชี้มือไปที่ขนมปังที่ไม่กล้าพูดชื่อของมัน) please.
คนขาย : what size?
จขกท : เอ่อออ middle size please.
คนขาย : medium?
จขกท : yes, medium size. ( middle size พ่องงสิ อิ จขกท )
และแล้วก้อได้ของที่สั่งด้วยภาษาอังกฤษสไตล์ควายเข้าใจมากินแบบครบถ้วนสมบูรณ์
เอาล่ะ! ได้เวลาบินล้าวววว จขกทขอเล่าตอนลงเมอเดิลบีชเลยละกัน เนื่องจากบนเครื่องก้อได้นั่งกะคนแก่อีกแล้ว -___-
ตอนลงก้อไปสอบถามข้อมูลว่าจะไปที่พักได้ยังไงแล้วก้อไปถามหากระเป๋าเค้าก็บอกว่าเดี๋ยวจะส่งตามไปที่อยู่ในภายหลัง เราก้อกล่าวขอบคุณแล้วก้อนั่งชัทเทิลบัสไปที่พัก เสียไป ดอลกว่าๆเอง นั่งซะอ้อมเมืองเลย 555
ตอนนั่งชัทเทิลบัส ก็มีหนุ่มๆสามคนนั่งข้างๆ แอยฟินนน พวกนางหน้าตาดี 5555 ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าพวกนางมาจากไหนเพราะสำเนียงฟังยากมากกกก ด้วยความที่เรากลัวหลง เลยถือแผนที่ไปบอกคนขับว่า จะลงตรง 7th avenue นะคะ แล้วหนึ่งในหนุ่มๆ พวกนั้นก็เดินเข้ามาข้างหลังแล้วก็จิ้มๆๆ ตรงแผนที่เราว่า yes, 7th avenue too อร้ายยยย แอบฟินน แต่ยังพอเก็บอาการได้จ้าาา คนขับก็พยักหย้าหงึกๆแล้วก็นั่งรอคนมาขึ้นรถต่อ เราก็กลับไปนั่งที่ พวกหนุ่มๆก็ลงไปสูบบุหรี่ ( บุหรี่ไม่ดีแต่คนสูบหล่อ เราให้อภัย ) พอมาถึง 7th avenue เราก็ลง พวกหนุ่มๆก็ลง เอ้าา แล้วตรูจะไปที่พักยังไงอ่ะ? ไหนล่ะ the oasis motel? ด้วยความกลัวว่าจะหลง เราเลยจำใจ(เต็มใจ) เดินไปถามพวกหนุ่มๆ ว่าที่พักเราไปทางไหนพอจะรู้มั้ย พวกนางบอกว่า หนุ่มๆ : we're staying at a motel next to the oasis. That way (ชี้นิ้ว5555)
จขกท : oh, thank you. ( ยิ้มสยามอีกรอบค่ะ 555) this is my first time and first day here, so I don't know anything about this place. (จ้องหน้าด้วยสายตาเขินอาย อิอิ)
หนุ่มๆ หนึ่งในนั้นแหละ : we were lost the first time we got here too, even now we still get lost haha.
จขกท : haha so, where are you from?
หนุ่มๆ : we're from Irland ( ตอบด้วยสำเนียงที่ทำให้ตรูคิดว่ามาจาก oil land 555)
จขกท : I'm (ชื่อ) From Thailand, nice to see all of you. (ยิ้มและยื่นมือนุ่มๆ(มโน) ออกไปจับ)
หนุ่มๆ : ( ทุกคนแนะนำตัวและเชคแฮนด์ตามมารยาท 555) และแล้วก็เดินมาถึงที่พัก เลยบอกพวกนางว่า ไว้เจอกันนะ ไหนๆก็พัก
ใกล้ๆกันว่างๆค่อยมาแฮงเอาท์ด้วยกันเน๊าะ พวกนางก็เซย์เยสสสส ด้วยความยินดีที่จะได้มาแฮงเอาท์กะสาวสวยแบบเรา (หายาแก้มโนให้ จขกท ที) จากนั้นเราก็จากกันและก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย 555555 หรืออาจจะเจอแต่ จขกท จำหน้าไม่ได้ เนื่องจากไอริช ที่พักอยู่แถวนั้นเยอะมากกก ไว้ลงรูปให้ดู ตอนนี้ขอเล่าก่อน อิอิ
หลัวจากเข้าที่พักเคลียร์ของทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเราก็พร้อมลุยค่ะ เปิดแอพแชทกะหนุ่มๆ เราเล่น badoo แล้วก็ tinder นะ ส่วนมากมีแต่คน horny เพราะคนบนเว็บส่วนมากก็หวังเรื่องแบบนั้นอยู่แล้ว ( แต่เราก็ยังเล่น เนื่องจากแรด )
ก็คุยกะหนุ่มคนนึง นางก็ชวนออกไปแฮงเอาท์ ก็เลยตอบว่าโอเคแล้วนางก็ขับรถมารับ ผู้ชายเมกามีความเป็นสุภาพบุรุษค่อนข้างฟสูง (ไม่ได้บอกว่าหนุ่มไทยไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษนะ เราแค่บอกว่าหนุ่มมะกันมีความเป็นสุภาพบุรุษสูงงง ) เค้าจะเปิดประตูรถให้เสมอตอนขึ้น แต่ตอนลงเราเปิดเอง555 นางก็พาไปเลี้ยงข้าว (แมค ไม่ใช่ข้าว 55) เลี้ยงหนัง หลังจากนั้นก็ค่ำละ เพราะตอนเค้ามารับเราก็ประมาณบ่ายสอง ดูหนังเสร็จก็ประมาณหกโมงเย็น นางเลยพาเราไปเดินเล่นที่หาด ช่วงซัมเมอร์คนเยอะมากกก
ก็นั่งคุยกันอยู่ชายหาดจนถึงประมาณสี่ทุ่ม เราเลยบอกว่า อยากกลับแล้ว เพราะดึกแล้ว (เราขอไม่พิมพ์เป็นบทสนทนาเหมือนตอนแรกๆแล้วนะ ขี้เกียจ 555 แต่ขอยืนยันว่าแปลตามคำพูดในเหตุการณ์จริงทุกอย่าง) นางบอกว่า ผมไม่อยากให้คุณกลับเลย คุณไปคุยกับผมต่อที่บ้านผมได้มั้ย ( เราเข้าใจนะว่าแบบนี้ถ้าเราตอบตกลงคือเราพร้อมที่จะมีอะไรกับเค้า เราไม่อยากปฏิเสธเนื่องจากเราก็อยากไปกับเค้าเพราะเค้าหล่อ เราเลยบอกเค้าไปตรงๆว่า ) ฉันไปบ้านคุณได้นะ แต่ฉันไม่พร้อมที่จะมีอะไรกับคุณเพราะทางบ้านฉันเข้มงวดในเรื่องแบบนี้มาก ถ้าคุณโอเคที่จะไม่มีเซ็กส์ ฉันก็โอเคที่จะไปบ้านคุณ นางก็บอก โอเค ชัวร์ หลังจากนั้นก็เลยไปบ้านนาง ก็นอนคุยกันต่อ นางก็เริ่มลวนลามนิดๆแหละ มีกอดๆ ลูบๆ เราก็โอเคแหละ มีจูบบ้างเราก็ยังให้อภัย แต่พอนางเริ่มจะทำมากกว่านั้น เราเลยบอกว่าหยุด แล้วเค้าก็หยุด เรารู้นะว่าเค้าแข็ง เพราะเรามอง ( อะไรแข็งก็ไปคิดเองละกัน ) แต่เค้าก็หยุด เรานับถือฝรั่ง (ส่วนมาก) ในเรื่องนี้ และชื่นชมกฏหมายบ้านเค้าที่คุ้มครองสตีด้วย เพราะถ้ามีการกระทำที่ล่วงละเมิดทางเพศ โทษนี่หนักจริง หลัวจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราก็แค่นอนคุยกันแล้วก็หลับไป อยากฝากสาวไทยทุกคนที่ชอบฝรั่งไว้ ณ จุดนี้ด้วยว่า ไอ้พวกฝรั่งที่มันไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษหรือซักไซร้ที่จะมีเซ็กส์ถึงแม้เราจะไม่อยากมีนี่ มันเลว มันหลอกฟัน มันไร้ซึ่งจรรยาบรรณของการเป็รสุภาพบุรุษ ซึ่งที่นั่นเค้าถือเรื่องนี้มาก จึงอยากให้สาวไทยระวังกันไว้ว่าฝรั่งไม่ใช่เทพเจ้า ถึงหน้ามันจะหล่อ แต่มันก็คน มีดีมีเลวปะปนกันไป จะเลือกก็เลือกให้ดี ถ้าได้ไม่ดีก็ไม่ต้องโทษใคร มันอยู่ที่การวางตัวของเราเองนั่นแหละ เอ้าาาต่อออ ตอนเช้านางก็ไปส่งที่ที่พัก เปิดประตูให้เหมือนเดิม 555 มีถอดรองเท้าปัดทรายออกให้ด้วยนะเอออ แอบเคลิ้มมม 55555 นี่เป็นเรื่องของวันแรกนะครัช (ยาวไปไหน) ไว้คราวหน้าจะมาต่อว่าได้งานแล้วเป็นไงบ้าง เจอปัญหายังไง ได้เพื่อนต่างชาติบ้างมั้ย etc.
ครั้งแรกในดินแดนแห่งเสรีภาพ USA
สวัสดีค่าาาาา ก่อนอื่นขอชี้แจงจุดประสงค์ของการเขียนกระทู้ในครั้งนี้ก่อนนะครัช
1. ทุกสิ่งที่เขียนในกระทู้เป็นเรื่องจริงไม่อิงนิยาย จึงมั่นใจได้ว่า เป็นการแชร์ประสบการณ์จริงล้วนๆ
2. กระทู้นี้เขียนขึ้นมาเพื่อแชร์ประสบการณ์ของการไปใช้ชีวิตตัวคนเดียวในต่างแดน (ที่ผู้ชายหล่อ....ม้ากกกกกกกกกกกกกก)
3. เนื่องจากเป็นเรื่องจริง คำพูดอาจดูรุนแรงบ้างตามสถานการณ์ที่ประสบพบเจอ แต่จะพยายามเปลี่ยนให้มันดูซอฟต์ลง แต่ยังคงอิงอารมณ์เดิม
4. โลกสวยอย่าอ่าน ผมไม่ได้จะบอกว่าผมเข้าใจใจวัฒนธรรมต่างชาติเป็นอย่างดี ผมแค่จะบอกว่าผมพอจะเข้าใจอยู่บ้าง (ครับ...)
5. ไม่ได้มาบอกวิธีจีบฝรั่ง แต่อาจมีบ้างเล็กๆน้อยๆพอกรุบกริบ ส่วนมากจะเป็นในเรื่องของการวางตัวว่าทำยังไงไม่ให้เค้าด่าว่าสาวไทยแรด...
6. ถ้าใช้ภาษาวิบัติหรือคำไม่สุภาพก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ที่ทำไปก็เพื่อเพิ่มอรรธรสในการอ่านเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการทำให้ภาษาวิบัติแต่อย่างใด
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครัชชชช ( กรี๊ดดดด แปะๆๆๆๆ ..... เอฟเฟคเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือมาเอง เนื่องจากไม่มีงบประมาณในการจ้างหน้าม้า 555)
จขกท ขอแทนตัวเองว่า เรา นะครัช จะได้ไม่ดูห่างเหิน (ฮิ้วววว)
เข้าเรื่องเลยละกัน คือเรามีโอกาสได้ไปใช้ชีวิตที่เมกาเป็นเวลาสามเดือน โดยไปในโครงการ work and travel ตอนแรกก็เกือบจะไม่ได้ไปแล้ว เพราะดีกรีความแรดค่อนข้างสูง พ่อแม่เลยเป็นห่วง กลัวว่าถึงเมกาแล้วนอจะโผล่ อิอิ แต่ในที่สุด พ่อแม่ก็ทนแรงรบเร้าที่อยากจะไปแรดในดินแดนแห่งเสรีภาพไม่ไหว เลยต้องยอมจำนนในที่สุด (เย้!)
และแล้ว.... วันแรกของการเดินทางก็เริ่มขึ้น เราบินของไชน่าแอร์ไลร์ + เดลต้า ไชน่าแอร์ไลน์ดีเลย์ไปสองชั่วโมง ดออออกกกกส์! นั่งรอจนเมื่อยก้น เราไปเปลี่ยนเครื่องที่ Amsterdam เป็นครั้งแรกที่ต้องใช้สกิลภาษาอังกฤษที่มีอยู่น้อยนิดเพื่อเอาชีวิตรอดในต่างแดน เอาล่ะครัช ถามเป็นถาม หาเกทไม่เจอ ผมนี่ถามตั้งแต่แม่บ้านยันแอร์โฮสเตสเลยครับว่า เกทนี้อยู่ตรงหนายยยยยย เดินตามตำอธิบายของแอร์โฮสเตสไปสักพัก (ใหญ่ๆ) ก้อมาถึงเกทที่ต้องไปในที่สุด (วิ้วววว เก่งจุง ) หลังจากขึ้นเครื่องแล้ว ต้องใช้เวลาในการบินทั้งหมด 8ชั่วโมง จาก Amsterdam ไปสนามบิน Detroit, Michigan ขอเล่าลัดตอนไปถึง Detroit เลยละกัน เพราะบนเครื่องไม่มีไรมาก ผู้ชายหล่อๆก็นั่งอยู่ไกล ไม่ได้คุย 555 ตอนถึง Detroit ก็ต้องไปต่อแถวเข้าคิวให้เค้าตรวจวีซ่า เค้าแยกเป็นสามแถวคือแถวของ American citizen แถวของกลุ่มคนที่ไม่ต้องใช้วีซ่า กับแถวของคนที่มาจาก a third world country อย่าง จขกท นี่เองล่ะครัช ( ของ จขกท เค้าจะตรวจวีซ่าและเอกสาร พวก ดีเอส แล้วก็ถามคำถามอีกเล็กน้อย ) ของ จขกท โดน ตม ที่ค่อนข้างหนุ่มตรวจ เลยแอบอ่อยนิดนุง หุหุ บทสนทนาเค้าก็ประมาณนี้ครับ ( ถ้าพิมพ์ไรผิดไปอย่าด่านะครัช สกิลอังกฤษแค่พอไปถามซื้อข้าวกินที่เมกาได้ 555)
ตม : hello, can I take a look at your passport please?
จขกท : (วางพาสปอร์ตให้นาง) here you go.
ตม : where are you going?
จขกท : myrtle beach, South Carolina
ตม : where are you going to work at?
จขกท : I'm going to work at North beach plantation hotel as a housekeeper
ตม : when are you planning on going back to your country?
จขกท : August 29th.
ตม : okay, enjoy your travel
จขกท : thank you (ฉีกยิ้มมมมมม ^^')
ฉากต่อไปนี้เด็ดครับ ผมหากระเป๋าไม่เจอครับ ก็ถามพ่อบ้านแม่บ้านแถวนั้นอีกละครับ เค้าก้อบอกให้ไปถามที่เคาท์เตอร์ของเดลต้า เราก็เดินไปจนจะถึงแล้วล่ะครัช ไอ้ ตม อีกคนมาจากไหนไม่รู้ มาถาม
ตม : can I help you?
จขกท : ah, I couldn't find my suitcase, so I'm going to the delta air lines counter to ask for it. (ตรูก้อคิดว่ามันแค่ถามเฉยๆ เพราะหน้าตรูก็ไม่ได้เหมือนพวกลักลอบเข้าเมืองซะหน่อยย! ตอบเสร็จตรูเลยเดินต่อ มันเจือกขึ้นเสียงใส่ตรูและขอดูพาสปอร์ต ไอ้บร้าาา)
ตม : what can I help you? -
-*- (เสียงดุพร้อมแบมือขอพาสปอร์ต)
จขกท : ( ยิ้มสยามและยื่นพาสปอร์ตให้ด้วยมืออันสั่นเทา ^______^'')
ตม : (จ้องๆๆๆ พาสปอร์ต ดูเชี่ยไรไม่รู้ -_-) thank you, that's the delta airlines counter (พูดพร้อมชี้มือไปที่เค้าท์เตอร์ซึ่งตรูเดินเองอีกสามก้าวก็ถึง ไอ้สราสสสส กุกลัววว ช่วยแบบนี้เมิงไม่ต้องช่วยเหอะ ตรูหาเองได้ว้อย)
นั่นคือสิ่งที่อยากพูด แต่นี่คือสิ่งที่พูดออกไป
จขกท : thank you ( พร้อมยิ้มสยามแบบเจื่อนๆ)
หลังจากไปติดต่อกับทางเดลต้าแล้ว เค้าบอกเค้าจะส่งกระเป๋าตามไปให้ที่สนามบินปลายทาง ที่ myrtle beach ในภายหลัง เราก้อ โอเคๆ แล้วก้อนั่งรอต่อเครื่องอีก 10 ชั่วโมง (ตายยยย)
มาถึงความโง่ของเราอีกแล้วสินะ ฉากนี้คือตอนไปซื้อของกินที่สตาร์บัคส์ ซึ่งก้อไม่มีไรให้กินนอกจากกาแฟกับขนมปัง ด้วยความที่อยู่ไทยกินบ่อย ไปต่างแดนวันแรกก้อขอกินไรที่คุ้นเคยก่อนละกัน
ณ ร้านสตาร์บัคส์
จขกท : can I have chocolate frappuccino and that one ( ชี้มือไปที่ขนมปังที่ไม่กล้าพูดชื่อของมัน) please.
คนขาย : what size?
จขกท : เอ่อออ middle size please.
คนขาย : medium?
จขกท : yes, medium size. ( middle size พ่องงสิ อิ จขกท )
และแล้วก้อได้ของที่สั่งด้วยภาษาอังกฤษสไตล์ควายเข้าใจมากินแบบครบถ้วนสมบูรณ์
เอาล่ะ! ได้เวลาบินล้าวววว จขกทขอเล่าตอนลงเมอเดิลบีชเลยละกัน เนื่องจากบนเครื่องก้อได้นั่งกะคนแก่อีกแล้ว -___-
ตอนลงก้อไปสอบถามข้อมูลว่าจะไปที่พักได้ยังไงแล้วก้อไปถามหากระเป๋าเค้าก็บอกว่าเดี๋ยวจะส่งตามไปที่อยู่ในภายหลัง เราก้อกล่าวขอบคุณแล้วก้อนั่งชัทเทิลบัสไปที่พัก เสียไป ดอลกว่าๆเอง นั่งซะอ้อมเมืองเลย 555
ตอนนั่งชัทเทิลบัส ก็มีหนุ่มๆสามคนนั่งข้างๆ แอยฟินนน พวกนางหน้าตาดี 5555 ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าพวกนางมาจากไหนเพราะสำเนียงฟังยากมากกกก ด้วยความที่เรากลัวหลง เลยถือแผนที่ไปบอกคนขับว่า จะลงตรง 7th avenue นะคะ แล้วหนึ่งในหนุ่มๆ พวกนั้นก็เดินเข้ามาข้างหลังแล้วก็จิ้มๆๆ ตรงแผนที่เราว่า yes, 7th avenue too อร้ายยยย แอบฟินน แต่ยังพอเก็บอาการได้จ้าาา คนขับก็พยักหย้าหงึกๆแล้วก็นั่งรอคนมาขึ้นรถต่อ เราก็กลับไปนั่งที่ พวกหนุ่มๆก็ลงไปสูบบุหรี่ ( บุหรี่ไม่ดีแต่คนสูบหล่อ เราให้อภัย ) พอมาถึง 7th avenue เราก็ลง พวกหนุ่มๆก็ลง เอ้าา แล้วตรูจะไปที่พักยังไงอ่ะ? ไหนล่ะ the oasis motel? ด้วยความกลัวว่าจะหลง เราเลยจำใจ(เต็มใจ) เดินไปถามพวกหนุ่มๆ ว่าที่พักเราไปทางไหนพอจะรู้มั้ย พวกนางบอกว่า หนุ่มๆ : we're staying at a motel next to the oasis. That way (ชี้นิ้ว5555)
จขกท : oh, thank you. ( ยิ้มสยามอีกรอบค่ะ 555) this is my first time and first day here, so I don't know anything about this place. (จ้องหน้าด้วยสายตาเขินอาย อิอิ)
หนุ่มๆ หนึ่งในนั้นแหละ : we were lost the first time we got here too, even now we still get lost haha.
จขกท : haha so, where are you from?
หนุ่มๆ : we're from Irland ( ตอบด้วยสำเนียงที่ทำให้ตรูคิดว่ามาจาก oil land 555)
จขกท : I'm (ชื่อ) From Thailand, nice to see all of you. (ยิ้มและยื่นมือนุ่มๆ(มโน) ออกไปจับ)
หนุ่มๆ : ( ทุกคนแนะนำตัวและเชคแฮนด์ตามมารยาท 555) และแล้วก็เดินมาถึงที่พัก เลยบอกพวกนางว่า ไว้เจอกันนะ ไหนๆก็พัก
ใกล้ๆกันว่างๆค่อยมาแฮงเอาท์ด้วยกันเน๊าะ พวกนางก็เซย์เยสสสส ด้วยความยินดีที่จะได้มาแฮงเอาท์กะสาวสวยแบบเรา (หายาแก้มโนให้ จขกท ที) จากนั้นเราก็จากกันและก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย 555555 หรืออาจจะเจอแต่ จขกท จำหน้าไม่ได้ เนื่องจากไอริช ที่พักอยู่แถวนั้นเยอะมากกก ไว้ลงรูปให้ดู ตอนนี้ขอเล่าก่อน อิอิ
หลัวจากเข้าที่พักเคลียร์ของทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเราก็พร้อมลุยค่ะ เปิดแอพแชทกะหนุ่มๆ เราเล่น badoo แล้วก็ tinder นะ ส่วนมากมีแต่คน horny เพราะคนบนเว็บส่วนมากก็หวังเรื่องแบบนั้นอยู่แล้ว ( แต่เราก็ยังเล่น เนื่องจากแรด )
ก็คุยกะหนุ่มคนนึง นางก็ชวนออกไปแฮงเอาท์ ก็เลยตอบว่าโอเคแล้วนางก็ขับรถมารับ ผู้ชายเมกามีความเป็นสุภาพบุรุษค่อนข้างฟสูง (ไม่ได้บอกว่าหนุ่มไทยไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษนะ เราแค่บอกว่าหนุ่มมะกันมีความเป็นสุภาพบุรุษสูงงง ) เค้าจะเปิดประตูรถให้เสมอตอนขึ้น แต่ตอนลงเราเปิดเอง555 นางก็พาไปเลี้ยงข้าว (แมค ไม่ใช่ข้าว 55) เลี้ยงหนัง หลังจากนั้นก็ค่ำละ เพราะตอนเค้ามารับเราก็ประมาณบ่ายสอง ดูหนังเสร็จก็ประมาณหกโมงเย็น นางเลยพาเราไปเดินเล่นที่หาด ช่วงซัมเมอร์คนเยอะมากกก
ก็นั่งคุยกันอยู่ชายหาดจนถึงประมาณสี่ทุ่ม เราเลยบอกว่า อยากกลับแล้ว เพราะดึกแล้ว (เราขอไม่พิมพ์เป็นบทสนทนาเหมือนตอนแรกๆแล้วนะ ขี้เกียจ 555 แต่ขอยืนยันว่าแปลตามคำพูดในเหตุการณ์จริงทุกอย่าง) นางบอกว่า ผมไม่อยากให้คุณกลับเลย คุณไปคุยกับผมต่อที่บ้านผมได้มั้ย ( เราเข้าใจนะว่าแบบนี้ถ้าเราตอบตกลงคือเราพร้อมที่จะมีอะไรกับเค้า เราไม่อยากปฏิเสธเนื่องจากเราก็อยากไปกับเค้าเพราะเค้าหล่อ เราเลยบอกเค้าไปตรงๆว่า ) ฉันไปบ้านคุณได้นะ แต่ฉันไม่พร้อมที่จะมีอะไรกับคุณเพราะทางบ้านฉันเข้มงวดในเรื่องแบบนี้มาก ถ้าคุณโอเคที่จะไม่มีเซ็กส์ ฉันก็โอเคที่จะไปบ้านคุณ นางก็บอก โอเค ชัวร์ หลังจากนั้นก็เลยไปบ้านนาง ก็นอนคุยกันต่อ นางก็เริ่มลวนลามนิดๆแหละ มีกอดๆ ลูบๆ เราก็โอเคแหละ มีจูบบ้างเราก็ยังให้อภัย แต่พอนางเริ่มจะทำมากกว่านั้น เราเลยบอกว่าหยุด แล้วเค้าก็หยุด เรารู้นะว่าเค้าแข็ง เพราะเรามอง ( อะไรแข็งก็ไปคิดเองละกัน ) แต่เค้าก็หยุด เรานับถือฝรั่ง (ส่วนมาก) ในเรื่องนี้ และชื่นชมกฏหมายบ้านเค้าที่คุ้มครองสตีด้วย เพราะถ้ามีการกระทำที่ล่วงละเมิดทางเพศ โทษนี่หนักจริง หลัวจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราก็แค่นอนคุยกันแล้วก็หลับไป อยากฝากสาวไทยทุกคนที่ชอบฝรั่งไว้ ณ จุดนี้ด้วยว่า ไอ้พวกฝรั่งที่มันไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษหรือซักไซร้ที่จะมีเซ็กส์ถึงแม้เราจะไม่อยากมีนี่ มันเลว มันหลอกฟัน มันไร้ซึ่งจรรยาบรรณของการเป็รสุภาพบุรุษ ซึ่งที่นั่นเค้าถือเรื่องนี้มาก จึงอยากให้สาวไทยระวังกันไว้ว่าฝรั่งไม่ใช่เทพเจ้า ถึงหน้ามันจะหล่อ แต่มันก็คน มีดีมีเลวปะปนกันไป จะเลือกก็เลือกให้ดี ถ้าได้ไม่ดีก็ไม่ต้องโทษใคร มันอยู่ที่การวางตัวของเราเองนั่นแหละ เอ้าาาต่อออ ตอนเช้านางก็ไปส่งที่ที่พัก เปิดประตูให้เหมือนเดิม 555 มีถอดรองเท้าปัดทรายออกให้ด้วยนะเอออ แอบเคลิ้มมม 55555 นี่เป็นเรื่องของวันแรกนะครัช (ยาวไปไหน) ไว้คราวหน้าจะมาต่อว่าได้งานแล้วเป็นไงบ้าง เจอปัญหายังไง ได้เพื่อนต่างชาติบ้างมั้ย etc.