พลันที่ได้เห็นกำหนดการของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ในการลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีในวันที่ 12 พ.ย. 2558 นี้ (แม้จะถูกอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงพื้นที่เมืองอุบลแซงตัดหน้าไปก่อนช่วงวันหยุดที่ผ่านมา) เพื่อเป็นประธานการประชุมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เพื่อติดตามการดำเนินนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญของรัฐบาล ทั้งมาตรการอัดฉีดเงินให้ตำบลละ 5 ล้าน การเร่งรัดการประมูลงานมูลค่าไม่เกิน 1 ล้านและการอัดฉีดมาตรการปลุกชีพธุรกิจเอสเอ็มอีให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
ซึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเริ่มได้ผล ทำให้ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง ถึงขั้นงานนี้ทำให้ “นายกฯลุงตู่” โกยคะแนนความนิยมจากประชาชนในพื้นที่ไปหลายกระบุง เพราะยังไงกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ถ้าหากประชาชนกินดีอยู่ดี มีเงินทองติดกระเป๋ารับรองรับรัฐบาลได้ใจประชาชนในแผ่นดินดินอีสานอย่างแน่นอน
แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้นายกฯลุงตู่ให้ความสำคัญก็คือ ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นของหน่วยงานรัฐ ซึ่งยังคงเป็นเรื่องท้าทายบรรดาหน่วยงานหรือองค์กรการตรวจสอบปัญหาทุจริตและคอรัปชั่นของรัฐ และยังท้าทายอำนาจของรัฐบาล คสช.อย่างรุนแรง โดยเฉพาะขณะนี้มีกระแสข่าวหนาหูว่า มีหน่วยงานของรัฐอย่างกรมโยธาธิการได้ประเคนงบประมาณก้อนโตให้กับอดีตนักการเมืองขาใหญ่เมืองอุบลฯที่สังกัดพรรคการเมืองใหญ่ โดยถึงขั้นการถลุงงบประมาณของหน่วยงานรัฐอย่างไม่เกรงกลัวการตรวจสอบของรัฐบาล
จึงทำให้คลายข้อสงสัยโดยพลันว่า เหตุใดกีฬาสีของเมืองดอกบัวยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงสักที ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะมี “ท่อน้ำเลี้ยง”คอยสนับสนุนอดีตนักการเมืองพรรคใหญ่ของอุบลราชธานี ยังคงไหลผ่านตลอดไปยังมวลชนในสังกัด โดยไม่มีการตรวจสอบ ทั้งๆ ที่คนในพื้นที่เมืองดอกบัวรู้กันอยู่เต็มอกว่า งบประมาณก้อนโตของหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง ยังถูกโยนให้ “อดีตนักการเมืองพรรคใหญ่ ร่วมๆ 1,000 ล้านบาท ผ่านโครงการลงทุนก่อสร้างต่างๆ ของกรมโยธาธิการ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่ภายใต้จมูกของ “บิ๊กป๊อก” หรือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนั่นเอง
ปัจจุบันอดีตนักการเมืองสังกัดพรรคใหญ่ฝั่งตรงข้ามรัฐบาล คสช. รับงานโครงการก่อสร้างของกรมโยธาธิการกันจนมือระวิง ทำให้ท่อน้ำเลี้ยงจากหน่วยงานของรัฐแห่งนี้ ผ่านไปสู่นักการเมืองใหญ่รายนี้อย่างสะดวกโยธินไร้การตรวจสอบ จึงไม่แปลกใจที่ความตั้งใจของรัฐบาลนายกฯลุงตู่ ที่ต้องการแก้ปัญหาทาง “การเมืองที่มีความขัดแย้งทางด้านกีฬาสีไม่สามารถลดลงได้เลย” ทั้งที่ชาวเมืองอุบลฯส่วนใหญ่รักสงบและต้องการให้รัฐบาลมีมาตรการลงทุนให้เศรษฐกิจดีขึ้น เพราะส่วนใหญ่รู้ดีว่าการเล่นกีฬาสีไม่ทำให้ท้องอิ่ม แต่กีฬาสีจะเป็นเพียงเครื่องมือให้นักการเมืองไต่ไปสู่อำนาจทางการเมืองเท่านั้น
สำหรับพฤติกรรมอดีตนักการเมืองจังหวัดอุบล ที่สังกัดพรรคการเมืองใหญ่รายนี้ ว่ากันว่า มีความฉาวโฉ่ทั้งการวิ่งของบประมาณจากกรมโยธาธิการ ถึงขั้นบุกถึงห้องบิ๊กกรมโยธาฯ เพื่อกดดันขอดึงโครงการและงบประมาณไปยังพื้นที่เมืองอุบลฯ โดยอ้างว่า “คนจากแดนไกล” เคยช่วยเหลือให้ขึ้นนั่งเก้าอี้ใหญ่ในหน่วยงานนี้มาแล้ว จึงต้องมาทวงสัญญาของบมาเข้ากระเป๋าตัวเอง นอกจากนักการเมืองตัวแสบแห่งเมืองดอกบัวที่กล้าบีบบิ๊กของหน่วยงานรัฐ เพื่อของบประมาณเข้ากระเป๋าตัวเองแล้ว ในส่วนงานสร้างหลายโครงการที่ได้รับงานไปแล้ว ยังมีการเล่นแร่แปรธาตุสารพัดวิธี
โดยเฉพาะการก่อสร้างงานผิดแบบ มีการใช้วัสดุก่อสร้างไม่ตรงสเปก เช่น มีการขุดทรายในบริเวณตรงจุดที่จะสร้างเขื่อนกันตลิ่งหรือขุดทรายในบริเวณใกล้เคียงมาสร้างเลย โดยไม่ลงทุนซื้อสักบาท ส่วนการใช้หินมาก่อสร้าง มีระเบิดหินในพื้นที่อุทยานมาก่อสร้าง เรียกได้ว่าอดีตนักการเมืองใหญ่ของเมืองดอกบัวรายนี้ “สุดแสบงาบทั้งดิน อิฐ หิน ปูน ทราย"
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการก่อสร้างเขื่อนริมตลิ่งแม่น้ำมูลหลายจุด จะเลือกก่อสร้างบริเวณด้านหน้าของที่ดินตัวเองอีกต่างหาก” แหล่งข่าวในพื้นที่แฉพฤติกรรมอดีตนักการเมืองอุบลฯตัวแสบรายนี้
การลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีของนายกรัฐมนตรีในวันที่ 12 พ.ย.นี้ นอกจากจะเป็นการติดตามนโยบายการลงทุนของรัฐบาลปกติแล้ว นายกฯลุงตู่ น่าจะเรียกอธิบดีกรมโยธาธิการมาตรวจสอบความจริงดูว่า หน่วยงานของรัฐแห่งนี้ได้ประเคนงบประมาณก้อนโตให้กับอดีตนักการเมืองขาใหญ่ที่มีอิทธิพลประเภทใหญ่คับเมืองดอกบัว จนไม่มีใครกล้าตรวจสอบจริงหรือไม่ และมีการจัดสรรงบประมาณอย่างถูกต้องหรือไม่
ทั้งนี้เพื่อเป็นการติดตามนโยบายของรัฐบาลให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไร้การโกง ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลนายกฯลุงตู่ ไม่ถูกข้อครหาภายหลัง รัฐบาล คสช.เป็นคนต่อท่อน้ำเลี้ยงให้กับอดีตนักการเมืองพรรคใหญ่เสียเอง
ชี้เป้าท่อน้ำเลี้ยงนักการเมืองขาใหญ่ใหญ่เมืองอุบล
ซึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเริ่มได้ผล ทำให้ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง ถึงขั้นงานนี้ทำให้ “นายกฯลุงตู่” โกยคะแนนความนิยมจากประชาชนในพื้นที่ไปหลายกระบุง เพราะยังไงกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ถ้าหากประชาชนกินดีอยู่ดี มีเงินทองติดกระเป๋ารับรองรับรัฐบาลได้ใจประชาชนในแผ่นดินดินอีสานอย่างแน่นอน
แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้นายกฯลุงตู่ให้ความสำคัญก็คือ ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นของหน่วยงานรัฐ ซึ่งยังคงเป็นเรื่องท้าทายบรรดาหน่วยงานหรือองค์กรการตรวจสอบปัญหาทุจริตและคอรัปชั่นของรัฐ และยังท้าทายอำนาจของรัฐบาล คสช.อย่างรุนแรง โดยเฉพาะขณะนี้มีกระแสข่าวหนาหูว่า มีหน่วยงานของรัฐอย่างกรมโยธาธิการได้ประเคนงบประมาณก้อนโตให้กับอดีตนักการเมืองขาใหญ่เมืองอุบลฯที่สังกัดพรรคการเมืองใหญ่ โดยถึงขั้นการถลุงงบประมาณของหน่วยงานรัฐอย่างไม่เกรงกลัวการตรวจสอบของรัฐบาล
จึงทำให้คลายข้อสงสัยโดยพลันว่า เหตุใดกีฬาสีของเมืองดอกบัวยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงสักที ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะมี “ท่อน้ำเลี้ยง”คอยสนับสนุนอดีตนักการเมืองพรรคใหญ่ของอุบลราชธานี ยังคงไหลผ่านตลอดไปยังมวลชนในสังกัด โดยไม่มีการตรวจสอบ ทั้งๆ ที่คนในพื้นที่เมืองดอกบัวรู้กันอยู่เต็มอกว่า งบประมาณก้อนโตของหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง ยังถูกโยนให้ “อดีตนักการเมืองพรรคใหญ่ ร่วมๆ 1,000 ล้านบาท ผ่านโครงการลงทุนก่อสร้างต่างๆ ของกรมโยธาธิการ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่ภายใต้จมูกของ “บิ๊กป๊อก” หรือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนั่นเอง
ปัจจุบันอดีตนักการเมืองสังกัดพรรคใหญ่ฝั่งตรงข้ามรัฐบาล คสช. รับงานโครงการก่อสร้างของกรมโยธาธิการกันจนมือระวิง ทำให้ท่อน้ำเลี้ยงจากหน่วยงานของรัฐแห่งนี้ ผ่านไปสู่นักการเมืองใหญ่รายนี้อย่างสะดวกโยธินไร้การตรวจสอบ จึงไม่แปลกใจที่ความตั้งใจของรัฐบาลนายกฯลุงตู่ ที่ต้องการแก้ปัญหาทาง “การเมืองที่มีความขัดแย้งทางด้านกีฬาสีไม่สามารถลดลงได้เลย” ทั้งที่ชาวเมืองอุบลฯส่วนใหญ่รักสงบและต้องการให้รัฐบาลมีมาตรการลงทุนให้เศรษฐกิจดีขึ้น เพราะส่วนใหญ่รู้ดีว่าการเล่นกีฬาสีไม่ทำให้ท้องอิ่ม แต่กีฬาสีจะเป็นเพียงเครื่องมือให้นักการเมืองไต่ไปสู่อำนาจทางการเมืองเท่านั้น
สำหรับพฤติกรรมอดีตนักการเมืองจังหวัดอุบล ที่สังกัดพรรคการเมืองใหญ่รายนี้ ว่ากันว่า มีความฉาวโฉ่ทั้งการวิ่งของบประมาณจากกรมโยธาธิการ ถึงขั้นบุกถึงห้องบิ๊กกรมโยธาฯ เพื่อกดดันขอดึงโครงการและงบประมาณไปยังพื้นที่เมืองอุบลฯ โดยอ้างว่า “คนจากแดนไกล” เคยช่วยเหลือให้ขึ้นนั่งเก้าอี้ใหญ่ในหน่วยงานนี้มาแล้ว จึงต้องมาทวงสัญญาของบมาเข้ากระเป๋าตัวเอง นอกจากนักการเมืองตัวแสบแห่งเมืองดอกบัวที่กล้าบีบบิ๊กของหน่วยงานรัฐ เพื่อของบประมาณเข้ากระเป๋าตัวเองแล้ว ในส่วนงานสร้างหลายโครงการที่ได้รับงานไปแล้ว ยังมีการเล่นแร่แปรธาตุสารพัดวิธี
โดยเฉพาะการก่อสร้างงานผิดแบบ มีการใช้วัสดุก่อสร้างไม่ตรงสเปก เช่น มีการขุดทรายในบริเวณตรงจุดที่จะสร้างเขื่อนกันตลิ่งหรือขุดทรายในบริเวณใกล้เคียงมาสร้างเลย โดยไม่ลงทุนซื้อสักบาท ส่วนการใช้หินมาก่อสร้าง มีระเบิดหินในพื้นที่อุทยานมาก่อสร้าง เรียกได้ว่าอดีตนักการเมืองใหญ่ของเมืองดอกบัวรายนี้ “สุดแสบงาบทั้งดิน อิฐ หิน ปูน ทราย"
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการก่อสร้างเขื่อนริมตลิ่งแม่น้ำมูลหลายจุด จะเลือกก่อสร้างบริเวณด้านหน้าของที่ดินตัวเองอีกต่างหาก” แหล่งข่าวในพื้นที่แฉพฤติกรรมอดีตนักการเมืองอุบลฯตัวแสบรายนี้
การลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีของนายกรัฐมนตรีในวันที่ 12 พ.ย.นี้ นอกจากจะเป็นการติดตามนโยบายการลงทุนของรัฐบาลปกติแล้ว นายกฯลุงตู่ น่าจะเรียกอธิบดีกรมโยธาธิการมาตรวจสอบความจริงดูว่า หน่วยงานของรัฐแห่งนี้ได้ประเคนงบประมาณก้อนโตให้กับอดีตนักการเมืองขาใหญ่ที่มีอิทธิพลประเภทใหญ่คับเมืองดอกบัว จนไม่มีใครกล้าตรวจสอบจริงหรือไม่ และมีการจัดสรรงบประมาณอย่างถูกต้องหรือไม่
ทั้งนี้เพื่อเป็นการติดตามนโยบายของรัฐบาลให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไร้การโกง ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลนายกฯลุงตู่ ไม่ถูกข้อครหาภายหลัง รัฐบาล คสช.เป็นคนต่อท่อน้ำเลี้ยงให้กับอดีตนักการเมืองพรรคใหญ่เสียเอง