What is essential is invisible to the eye…
I’m not so sure I wanna grow up anymore… Growing up is not the problem, forgetting is…
นั่นคือ พวกประโยคที่ชอบมากจากในการ์ตูน คำพูดพวกนี้ยังดังก้องอยู่ในหัวเลยตอนนี้

เป็นการ์ตูนที่ดูแล้วได้อะไรมากมาย แฝงปรัชญาไว้มาก แบบถ้าให้ตีความแบบจริงจัง ทำทั้งวันก้อคงไม่หมด ถ้าไม่ติดว่า หมดตังค์ไปกับงานสัปดาห์หนังสือเยอะแล้ว จะรีบไปซื้อหนังสือมาอ่านทันทีที่ออกจากโรงหนัง อีกอย่างเดือนนี้มีโปรแกรมหนังน่าดูเยอะมากกกกกกอ่ะ ต้องสงวนงบประมาณไว้ดูหนังอีก เอาไว้เดือนหน้าละกัน (ไปสืบราคามาแล้วทั้ง Kinokuniya กะ Asia Books ก้อแพงอยู่ TT แล้วคือไม่มี paperback version ขายอีกด้วย มีแต่แบบปกแข็ง และแบบอื่นที่เป็นเล่มราคาแพงๆ TT) เพลงประกอบและดนตรีในเรื่องเพราะมากๆ เดินเรื่องแบบดูได้เพลินๆ ไม่เร็ว ไม่ช้า แต่รู้สึกว่า เน้นเจ้าชายน้อยได้ “น้อย” เกินไป โผล่มาน้อยไปหน่อยนะ ภาพการ์ตูน computer animation ในเรื่องรู้สึกว่า เฉยๆนะ ไม่น่าสนใจอะไรเป็นพิเศษ แต่ส่วน paper-cut out animation ในเรื่องคือติสต์มากกกกกกกกก อาร์ตมากกกกกกกกก ชอบมากๆ และสำหรับภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องนี้โดยรวมให้ B+ ค่ะ

-    นักบิน – ตัวแทนของมนุษย์ผู้ใหญ่
       ทะเลทรายซาฮาร่า – ตัวแทนของสภาพจิตใจและโลกของตัวละครนักบิน

นักบินคือผู้ใหญ่ที่เหนื่อยล้าเหลือเกิน เค้าขับเครื่องบิน(ดำเนินชีวิต)มานาน และเครื่องบินเสีย(พังกับชีวิตที่เหนื่อยล้า)มาติดอยู่กลางทะเลทรายซาฮาร่า(ติดกับดักแห่งความเป็นผู้ใหญ่ โดยมีสภาพจิตใจไม่ต่างจากทะเลทรายที่อ้างว้าง เปลี่ยวเหงา เดียวดาย) แต่การต้องมาติดอยู่กลางทะเลทราย ก็ทำให้เค้าได้ “พัก” และพบเจอกับเจ้าชายน้อยอีกครั้ง(ความเป็นเด็กในตัวเอง)ที่เพิ่งออกจากดาวเคราะห์ของตัวเองมา  เจ้าชายน้อยขอให้นักบินวาดรูปแกะให้หน่อย ด้วยความหวัง ความใสซื่อ และความคิดแบบเด็กๆว่า จะเอาแกะให้ไปกินเจ้าต้น Baobab บนดาวเคราะห์ของตัวเอง ที่ขึ้นมาเยอะอย่างกะวัชพืช และถ้าปล่อยไว้ ไม่รีบกำจัด มันจะปกคลุมทั่วดาวเคราะห์ดวงเล็กๆของเค้า

-    เจ้าชายน้อย – ตัวแทนแห่งความเยาว์วัย ความบริสุทธิ์ ความไร้เดียงสา
  ดาวเคราะห์ B-612 – ตัวแทนของสภาพจิตใจและโลกของเด็ก
  ต้น Baobab – ตัวแทนของอะไรก็ตามที่เข้ามาในชีวิตเพื่อแทนที่ความเป็นเด็ก ความสดใส ความไร้เดียงสา และถ้าเรายอมรับมันปล่อยมันไว้ มันก็จะลบเลือนความเป็นเด็กในตัวเราไปจนหมดสิ้น

เจ้าชายน้อยเป็นเด็กน้อยบนดาวเคราะห์ดวงน้อย(ตัวแทนโลกในมุมมองของเด็ก อาจจะยังวิสัยทัศน์ไม่กว้างไกลนักก้อจริง สังเกตจากที่ในเรื่องบอกว่า ดาวเคราะห์ดวงนี้เล็กมาก มีขนาดเท่าห้องๆหนึ่งเท่านั้น แต่ก็เปี่ยมล้นด้วยจินตนาการ และความเป็นไปได้มากมาย ตีความจากที่เจ้าชายน้อยสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้ถึงวันละ 44 ครั้งบนดาวของเค้าเอง!) และบนดาวเคราะห์ดังกล่าวที่เค้าจากมานี้เอง มีต้น Baobub เยอะมาก มันพยายามขึ้นมาราวกับวัชพืชร้าย ต้องพยายามกำจัดอย่างนัก แต่ก็ไม่วายขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งตีความได้ว่า มันก็คือสิ่งที่พยายามเข้ามาคุกคามความเป็นเด็กของเจ้าชายน้อย แต่แล้ววันหนึ่ง ก็มีดอกกุหลาบงอกขึ้นมาหนึ่งดอกหนึ่ง

-    ดอกกุหลาบ – ตัวแทนของความรัก

เธอคือความงดงามในชีวิตที่เปลี่ยวเหงาของเจ้าชายน้อยบนดาวเคราะห์ B-612 เธอทำให้ชีวิตของเจ้าชายน้อยมีเป้าหมาย (เค้าต้องคอยดูแลประคบประหงมเธอจนเธอเบ่งบานเป็นดอกไม้ที่งดงาม อีกทั้งยังต้องคอยกำจัดต้น Baobab บนดาวเคราะห์ที่อาจเติบโตแล้วมาบดบังแสงแดด) เธอมีทั้งข้อดีและข้อเสีย บางครั้งเธองี่เง่าและเรียกร้องมากเกินไป เริ่มทำตัวเยอะ จนในที่สุด เค้าก้อเลือกที่จะลาจากเธอไป (เพียงเพื่อที่จะออกวิ่งไปอย่างสุดแรงจนเหนื่อยล้า และท้ายที่สุดก็ทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้กลับมาหาเธออีกครั้ง) สถานการณ์นี้เปรียบเสมือนสถานการณ์ผิดหวังและเหนื่อยล้ากับความรักที่เจ้าชายน้อยต้องเผชิญ

-    พระราชา ตัวแทนของคนบ้าอำนาจ คนเจ้ายศเจ้าอย่าง
       ชายสวมหมวก ตัวแทนของคนหลงตัวเอง บ้าคำชื่นชม
       นักธุรกิจ ตัวแทนของคนเห็นแก่ตัว คนละโมบ คนหน้าเงิน

หลังจากออกจากดาวเคราะห์ เจ้าชายน้อยได้พบเจอตัวละครสามตัวดังกล่าว บนดาวเคราะห์ต่างๆที่เค้าเดินทางไป ซึ่งตัวละครทั้งสามตัวคือ “ตัวแทนของผู้ใหญ่” สามประเภทหลักที่พบเจอได้ในสังคม อย่างตัวละครพระราชา เอาเข้าจริงก็ไม่ได้มีอำนาจครบทุกอย่างอย่างที่โอ้อวดกับเจ้าชายน้อย ชายสวมหมวกที่เป็นเสมือนนักล่าคำชมและเสียงปรบมือ นักธุรกิจที่บ้าบอกับการนับดวงดาว(สิ่งที่มีค่า ซึ่งสำหรับตัวละครตัวนี้ มันก็คือเงิน)

-    หมาจิ้งจอก – ตัวแทนของมิตรภาพ

เมื่อเจ้าชายน้อยมาถึงดาวโลกของเรา เจ้าชายได้มาเจอกับหมาจิ้งจอก และพยายามจะเป็นเพื่อนกับมัน ซึ่งเจ้าหมาจิ้งจอกก็บอกว่า การจะเป็นเพื่อนกัน มันต้องเริ่มจากการทำให้ “เชื่อง” เสียก่อน ไม่งั้นหมาจิ้งจอกตัวนี้ก็ไม่ต่างจากหมาจิ้งจอกตัวอื่นๆในโลกสำหรับเจ้าชายน้อย และเจ้าชายน้อยก็ไม่ต่างจากเด็กผู้ชายคนอื่นๆทั่วๆไปสำหรับหมาจิ้งจอก ที่น่าสังเกต คือ ทำไมผู้แต่งนิยายเลือกว่า เพื่อนต้องเป็นหมาจิ้งจอก ทั้งๆที่โดยมาก หมาจิ้งจอกมักจะเป็นสัญลักษณ์เชิงลบในโลกวรรณกรรม เช่น คนเจ้าเล่ห์ คนเห็นแก่ตัว อะไรประมาณนั้น ทำไมไม่เลือกกระต่าย ซึ่งจะดูเป็นสัญลักษณ์ในเชิงบวกกว่า แต่พอลองคิดตามดูแล้ว คิดว่า คนในโลกจริงๆที่จะมาเป็นเพื่อนกันมันไม่จำเป็นต้องมาใน look แบบกระต่ายน้อยแสนดีแอ๊บแบ๊วหวานแหวว แต่อาจดูเป็นหมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นคนไม่ดี เพราะในเรื่อง เจ้าหมาจิ้งจอกก็เป็นเพื่อนแท้ เพื่อนที่ดีของเจ้าชายน้อยตลอด เห็นได้จากการยอมสอน แนะนำ และปล่อยให้เจ้าชายน้อยเลือกสิ่งที่ดีต่อตัวเจ้าชายน้อยเอง แม้ว่าการเลือกนั้น จะทำให้ตัวหมาจิ้งจอกเองจะต้องเจ็บปวดมากแค่ไหนก้อตาม เพราะนี้คือสิ่งทีเพื่อนแท้ทำต่อกัน โดยเห็นได้จากที่หมาจิ้งจอกสอนเรื่องความรักให้เจ้าชายน้อยเข้าใจ (ฉากที่เจ้าชายน้อยเห็นดอกกุหลาบจำนวนมากมายในสวนกุหลาบบนโลก แล้วรู้สึกเสียใจว่า ไหนดอกกุหลาบบนดาวเคราะห์ที่เค้าจากมาบอกกับเค้าว่า เธอคนคนพิเศษ เธอมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ที่ไหนได้ ทั้งๆที่ก็มีดอกกุหลาบอีกมากมายนับไม่ถ้วน หมาจิ้งจอกจึงสอนว่า ความ Unique นั้นมันไม่ได้อยู่ที่ภายนอก แต่มันอยู่ที่ภายใน ซึ่งก็คือความรู้สึกและการปฏิบัติต่อกันที่ทำให้เราเป็นสิ่งพิเศษต่อกัน และกลายเป็น “สิ่งที่มีเพียงหนึ่งเดียว” ต่อกันในจักรวาล ดังนั้น หมาจิ้งจอกจึงยอมให้เจ้าชายน้อยจากไป ไม่เหนี่ยวรั้งไว้ ให้เค้าได้กลับไปหาดอกกุหลาบอีกครั้ง แม้นั้นจะหมายถึงการต้องจากลาเจ้าหมาจิ้งจอกไปก็ตาม TT เพราะเพื่อนแท้ย่อมเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อกันและกันได้)

-    ดวงดาว – ตัวแทนของสิ่งที่มีค่า

เห็นได้จากว่า ดวงดาวสำหรับตัวละครแต่ละตัวมีความหมายไม่เหมือนกัน เพราะสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน โดยสำหรับตัวละครนักธุรกิจและพวกผู้ใหญ่ที่เป็นลูกจ้างของนักธุรกิจ ดวงดาวก็คือเงิน แต่สำหรับนักบิน ดวงดาวคือเสียงหัวเราะของเจ้าชายน้อย เพราะสิ่งมีค่าของนักบินคือความเยาว์วัยในหัวใจ ซึ่งไม่ว่าใครในวัยไหนก้อสามารถมีได้

ดูจบแล้ว เพื่อนๆคิดยังไงกันบ้างค่ะกับความหมายแฝงและสัญลักษณ์ในการ์ตูนเรื่องนี้