เมื่อวานนี้มี Fire ball สว่างวาบทั่วฟ้าเป็นข่าวน่าสนใจในวงการดาราศาสตร์
วันนี้ก็เป็นวันสำคัญวันนึงในอดีตของวงการดาราศาสตร์เหมือนกัน
วันนี้ เมื่อ 58 ปีก่อน "ไลก้า" สุนัขตัวแรกที่ได้ไปโคจรรอบโลก ถูกส่งขึ้นไปกับยาน "สปุตนิก 2" โดยทีมดาราศาสตร์ของสหภาพโซเวียต จากสุนัขพันธุ์ทาง 3 ตัว ที่ถูกเลือกให้เข้าโครงการฝึก ด้วยเหตุผลว่าสุนัขพันธุ์ทางสุนัขที่มีความสามารถในการทนต่อสภาพแวดล้อม โดยรอบ และเอาตัวรอดเก่ง ใจสู้กว่าสุนัขสายพันธุ์แท้ จากรายงานของโซเวียตที่ปรากฏกล่าวว่า มันได้สิ้นใจอย่างสงบหลังจากทำภารกิจได้ 4 วัน เป็นสิ่งมีชีวิตตัวแรกที่ตายในอวกาศอีกด้วย และกลายเป็นฮีโร่ของวงการดาราศาสตร์
ชื่อเดิมของไลก้า ถูกเรียกว่า คุดยาฟก้า(อ่านอย่างงี้รึเปล่านะ) แปลว่า เจ้าหยอย และเจ้าหยอยไม่ใช่หมาพันธุ์ทางธรรมดา เป็นหมาจรจัดที่ถูกเก็บมาเข้าโครงการ เพื่อนอีก 2 ตัวก็เช่นกัน หลังจากแถลงข่าวทักทายมวลชน หยอยก็ไปเห่าใส่ไมค์ ทำให้ได้ชื่อใหม่โดย อัตโนมัติว่า "ไลก้า"
ก่อนจะถูกส่งขึ้นไปกับสปุตนิก 2 ยาซดอฟสกี้ นักวิทยาศาสตร์คนนึงในทีมรุ้สึกสงสารเจ้าหมาข้างถนนตัวนี้ เพราะเวลาของมันบนโลกเหลือน้อยเต็มที่ เขาได้นำไลก้ากลับบ้าน ไปเล่นกับลูกๆของเค้า ให้ไลก้าได้สัมผัสความสุขของหมาเป็นครั้งสุดท้าย ในวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันปล่อยยาน
"ไลก้าก็เข้าไปในกระสวยอย่างเงียบๆ และสง่าผ่าเผย" อย่างที่เคยฝึกมา
มันต้องใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตในกระสวยเล็กๆ แคบๆ ถูกล่ามติดไว้กับที่และมีเยลลี่อาหารหมาไว้ดำรงชีวิต โชคร้ายที่เกิดปัญหาก่อนการเดินทาง กระสวยมีปัญหา และอากาศหนาวมาก ทำให้ไลก้าต้องติดอยู่ในนั้นก่อนเดินทางจริงเป็นเวลา 3 วัน ก่อนถึงวันที่ 3 พฤศจิกา สปุตนิค 2 ก็พาไลก้าจากโลกไปตลอดกาล รายงานของโซเวียตกล่าวว่ามันจากไปอย่างสงบ คลื่นหัวใจปกติ ไม่กดดัน ไม่เครียดอะไร ก่อนยานสปุตนิก 2 จะตกลงมากลับสู่พื้นโลกหลังจากนั้นอีก 5 เดือน (เมษา พ.ศ. 2501)
เมื่อเดือน ตุลาคม ปี 2002 หลังโซเวียตล่มสลาย มีนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียออกมาเปิดเผยความจริงอันมืดมนของไลก้าว่า
แท้จริงแล้วไลก้าไม่ได้ตายหลังออกไปทำภารกิจได้ 4 วัน
มันตายตั้งแต่ 6-7 ชม.แรกที่ถูกปล่อยยานแล้ว เพราะเกิดอาการช๊อค ความร้อนสูง
จากที่อ่านมาหลายแหล่งข่าวสรุปได้ว่า ตามปกติหลังการทดสอบแรงเหวี่ยงจะมีคนมาคอยดูแลปลอบไลก้า แต่เมื่อถูกส่งไปนอกโลกเพียงลำพังทำให้มันเกิดอาการตกใจมากจนชีพจรเต้นเร็ว ขึ้น 3 เท่าของปกติ (อ่านของภาษาไทยบางก็บอกว่าเต้นช้าลง) ยังไม่ทันจะหายตกใจ สปุตนิก 2 ก็เกิดปัญหาเรื่องความร้อนพุ่งขึ้นสูงกว่าปกติ ทำให้ไลก้าถูกอบร้อนตายในยานสปุตนิก
จากสุนัขพันธุ์ทางที่เกิดข้างถนน เตร็ดเตร่เอาตัวรอดในกรุงมอสโค และจบชีวิตลงอย่างโดดเดี่ยวในอวกาศ......
การตายของไลก้าทำให้ทราบว่าสิ่งมีชีวิตสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในสภาวะไร้ น้ำหนัก
และให้ข้อมูลพื้นฐานว่าสิ่งมีชีวิตตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมในอวกาศอย่างไร
การเสียสละชีวิตของไลก้าทำให้วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าขึ้น ปี 1959 หลังการปล่อยยานสปุตนิก 2 สองปี สุนัขรุ่นต่อไปที่ถูกส่งออกไปอวกาศอย่าง เบลก้า และ สเตรลก้า กับยานสปุตนิก 5 สามารถกลับมายังพื้นโลกได้ เป็นครั้งแรกที่ Mission Complete หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ สเตรลก้าคลอดลูกมา 6 ตัว ทางการโซเวียตได้มอบ 1 ในลูกของฮีโร่อวกาศให้แก่ แจกเกอลีน เคเนดี้ ท่านผู้หญิงหมายเลข 1 ของอเมริกาในสมัยนั้น และหลังจากสปุตนิก 5 ใน 2 ปีให้หลัง ยูริ เอ กาการิน ชาวโซเวียตก็ได้กลายเป็น มนุษย์คนแรกที่ได้ไปท่องอวกาศ
อนุสาวรีย์ของไลก้าตั้งอยู่ใกล้ศูนย์ค้นคว้าวิจัยทางการทหาร ในกรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย เป็นรูปไลก้า ยืนอยุ่บนจรวดที่มีหัวจรวดคล้ายรูปมือ
การตายของไลก้านอกจากจะให้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ยังกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวเรื่องสิทธิการคุ้มครองสัตว์ หลังจากเวลาผ่านไป 58 ปี ยังคงมีศิลปินหลายคนที่ยังคงวาดรูปเพื่ออุทิศให้ไลก้าได้กลับบ้าน.....
การ์ตูนเรื่องนี้เองก็ถ่ายทอดผ่านมุมมองของไลก้าได้อย่างน่าสนใจ (น่าจะเป็นนักวาดชาวไทยด้วยหละมั๊งคะ ไม่แน่ใจ)
ลองอ่านดู มี 2 ep อ่าน 8-9 ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.webtoons.com/th/thriller/the-vault-of-horror-a-collection-of-nightmares/list?title_no=563
เมื่อปี 1999 บริษัทพัฒนาซอฟแวร์และเกมส์ของญี่ปุ่น Quintet ได้สร้างเกมส์ท่องอวกาศขึ้นมาเกมส์หนึ่งซึ่งพอร์ทลงเกมส์คอนโซล แพลตฟอร์ม Play Station รุ่นแรก ชื่อว่าเกมส์ "Planet laika" ซึ่งตั้งชื่อตาม เจ้าไลก้านั่นเอง
นอกจากทางด้านศิลปะที่มีคนเขียนถึงไลก้าแล้ว ในด้านดนตรีก็มีวงดนตรีหลายวงที่เขียนเพลงถึงไลก้า สุนัขที่กล้าหาญที่สุดในประวัติศาสตร์ เช่นวง Kill Hannah ในเพลง Laika

ท่อนสุดท้ายของเพลงกล่าวว่า
" ฉันรู้ว่าเธอเหงาขนาดไหนในที่ที่ไกลออกไป
ในขณะที่คนอื่นกำลังแสร้งทำเป็นว่าจดจำเธอ
ฉันจะทำให้เธอภูมิใจ ไลก้า นั้นเธอกำลังกลับบ้านใช่มั๊ย
ไลก้า...กลับมาบ้านเถอะนะ"
ไม่นานมานี้ก็มี MV ของวง Ten to twelve เพลง ไม่มีที่มา กำกับโดย พ่อยอร์ช จากเพจสุนัขเซเลป Gluta (และถังแก๊ส เอ้ย กอลลั่ม)
ถ่ายทอดอารมณ์ของสุนัขที่ถูกทิ้ง "ก็เหมือนถูกส่งไปนอกโลก"
แม้ความจริงที่ไลก้าเผชิญจะโหดร้าย และจบแย่กว่าเฉาก๊วยมากนัก แต่สีหน้าของพระเอกเอ็มวีและความรู้สึกที่ได้ชม ก็คงทำให้เรานึกถึงไลก้ามากขึ้น

แม้การเสียสละของไลก้าจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้วิทยาศาสตร์กาลอวกาศขยับขยายขอบเขตขึ้นไปอีกซักหน่อย แต่สำหรับคนที่ใกล้ชิดและเป็นส่วนหนึ่งของช่วงชีวิตไลก้าอย่าง Oleg Georgievich Gazenko อดีต Director ของ สถาบันวิจัยชีวการแพทย์แห่งกรุงมอสโค หนึ่งในกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ดูแลเรื่องสัตว์ที่จะส่งไปในอวกาศของโซเวียต ผู้ซึ่งถูกเลือกให้ดูแลไลก้าในภารกิจ สปุตนิก 2 กล่าวในปี 1998 ว่า
"การทำงานกับสัตว์ทำให้พวกเราทรมานใจอย่างมาก เราปฏิบัติต่อพวกมันราวกับเด็กที่พูดไม่ได้
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกเสียใจมากเท่านั้น
เราไม่น่าทำอย่างนั้นเลย เราไม่ได้รู้อะไรมากขึ้นเท่าไหร่ ไม่คุ้มค่ากับการตายของไลก้าเลย"
หากมีข้อมูลใดผิดพลาด ยินดีรับฟังและแก้ไขค่ะ
แด่ สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่ถูกอุทิศเพื่อวิทยาศาสตร์
3 Nov วันที่ "ไลก้า หมาข้างถนน" กลายเป็นฮีโร่ของวงการดาราศาสตร์
วันนี้ก็เป็นวันสำคัญวันนึงในอดีตของวงการดาราศาสตร์เหมือนกัน
วันนี้ เมื่อ 58 ปีก่อน "ไลก้า" สุนัขตัวแรกที่ได้ไปโคจรรอบโลก ถูกส่งขึ้นไปกับยาน "สปุตนิก 2" โดยทีมดาราศาสตร์ของสหภาพโซเวียต จากสุนัขพันธุ์ทาง 3 ตัว ที่ถูกเลือกให้เข้าโครงการฝึก ด้วยเหตุผลว่าสุนัขพันธุ์ทางสุนัขที่มีความสามารถในการทนต่อสภาพแวดล้อม โดยรอบ และเอาตัวรอดเก่ง ใจสู้กว่าสุนัขสายพันธุ์แท้ จากรายงานของโซเวียตที่ปรากฏกล่าวว่า มันได้สิ้นใจอย่างสงบหลังจากทำภารกิจได้ 4 วัน เป็นสิ่งมีชีวิตตัวแรกที่ตายในอวกาศอีกด้วย และกลายเป็นฮีโร่ของวงการดาราศาสตร์
ชื่อเดิมของไลก้า ถูกเรียกว่า คุดยาฟก้า(อ่านอย่างงี้รึเปล่านะ) แปลว่า เจ้าหยอย และเจ้าหยอยไม่ใช่หมาพันธุ์ทางธรรมดา เป็นหมาจรจัดที่ถูกเก็บมาเข้าโครงการ เพื่อนอีก 2 ตัวก็เช่นกัน หลังจากแถลงข่าวทักทายมวลชน หยอยก็ไปเห่าใส่ไมค์ ทำให้ได้ชื่อใหม่โดย อัตโนมัติว่า "ไลก้า"
ก่อนจะถูกส่งขึ้นไปกับสปุตนิก 2 ยาซดอฟสกี้ นักวิทยาศาสตร์คนนึงในทีมรุ้สึกสงสารเจ้าหมาข้างถนนตัวนี้ เพราะเวลาของมันบนโลกเหลือน้อยเต็มที่ เขาได้นำไลก้ากลับบ้าน ไปเล่นกับลูกๆของเค้า ให้ไลก้าได้สัมผัสความสุขของหมาเป็นครั้งสุดท้าย ในวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันปล่อยยาน
"ไลก้าก็เข้าไปในกระสวยอย่างเงียบๆ และสง่าผ่าเผย" อย่างที่เคยฝึกมา
มันต้องใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตในกระสวยเล็กๆ แคบๆ ถูกล่ามติดไว้กับที่และมีเยลลี่อาหารหมาไว้ดำรงชีวิต โชคร้ายที่เกิดปัญหาก่อนการเดินทาง กระสวยมีปัญหา และอากาศหนาวมาก ทำให้ไลก้าต้องติดอยู่ในนั้นก่อนเดินทางจริงเป็นเวลา 3 วัน ก่อนถึงวันที่ 3 พฤศจิกา สปุตนิค 2 ก็พาไลก้าจากโลกไปตลอดกาล รายงานของโซเวียตกล่าวว่ามันจากไปอย่างสงบ คลื่นหัวใจปกติ ไม่กดดัน ไม่เครียดอะไร ก่อนยานสปุตนิก 2 จะตกลงมากลับสู่พื้นโลกหลังจากนั้นอีก 5 เดือน (เมษา พ.ศ. 2501)
เมื่อเดือน ตุลาคม ปี 2002 หลังโซเวียตล่มสลาย มีนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียออกมาเปิดเผยความจริงอันมืดมนของไลก้าว่า
แท้จริงแล้วไลก้าไม่ได้ตายหลังออกไปทำภารกิจได้ 4 วัน
มันตายตั้งแต่ 6-7 ชม.แรกที่ถูกปล่อยยานแล้ว เพราะเกิดอาการช๊อค ความร้อนสูง
จากที่อ่านมาหลายแหล่งข่าวสรุปได้ว่า ตามปกติหลังการทดสอบแรงเหวี่ยงจะมีคนมาคอยดูแลปลอบไลก้า แต่เมื่อถูกส่งไปนอกโลกเพียงลำพังทำให้มันเกิดอาการตกใจมากจนชีพจรเต้นเร็ว ขึ้น 3 เท่าของปกติ (อ่านของภาษาไทยบางก็บอกว่าเต้นช้าลง) ยังไม่ทันจะหายตกใจ สปุตนิก 2 ก็เกิดปัญหาเรื่องความร้อนพุ่งขึ้นสูงกว่าปกติ ทำให้ไลก้าถูกอบร้อนตายในยานสปุตนิก
จากสุนัขพันธุ์ทางที่เกิดข้างถนน เตร็ดเตร่เอาตัวรอดในกรุงมอสโค และจบชีวิตลงอย่างโดดเดี่ยวในอวกาศ......
การตายของไลก้าทำให้ทราบว่าสิ่งมีชีวิตสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในสภาวะไร้ น้ำหนัก
และให้ข้อมูลพื้นฐานว่าสิ่งมีชีวิตตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมในอวกาศอย่างไร
การเสียสละชีวิตของไลก้าทำให้วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าขึ้น ปี 1959 หลังการปล่อยยานสปุตนิก 2 สองปี สุนัขรุ่นต่อไปที่ถูกส่งออกไปอวกาศอย่าง เบลก้า และ สเตรลก้า กับยานสปุตนิก 5 สามารถกลับมายังพื้นโลกได้ เป็นครั้งแรกที่ Mission Complete หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ สเตรลก้าคลอดลูกมา 6 ตัว ทางการโซเวียตได้มอบ 1 ในลูกของฮีโร่อวกาศให้แก่ แจกเกอลีน เคเนดี้ ท่านผู้หญิงหมายเลข 1 ของอเมริกาในสมัยนั้น และหลังจากสปุตนิก 5 ใน 2 ปีให้หลัง ยูริ เอ กาการิน ชาวโซเวียตก็ได้กลายเป็น มนุษย์คนแรกที่ได้ไปท่องอวกาศ
อนุสาวรีย์ของไลก้าตั้งอยู่ใกล้ศูนย์ค้นคว้าวิจัยทางการทหาร ในกรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย เป็นรูปไลก้า ยืนอยุ่บนจรวดที่มีหัวจรวดคล้ายรูปมือ
การตายของไลก้านอกจากจะให้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ยังกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวเรื่องสิทธิการคุ้มครองสัตว์ หลังจากเวลาผ่านไป 58 ปี ยังคงมีศิลปินหลายคนที่ยังคงวาดรูปเพื่ออุทิศให้ไลก้าได้กลับบ้าน.....
การ์ตูนเรื่องนี้เองก็ถ่ายทอดผ่านมุมมองของไลก้าได้อย่างน่าสนใจ (น่าจะเป็นนักวาดชาวไทยด้วยหละมั๊งคะ ไม่แน่ใจ)
ลองอ่านดู มี 2 ep อ่าน 8-9 ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อปี 1999 บริษัทพัฒนาซอฟแวร์และเกมส์ของญี่ปุ่น Quintet ได้สร้างเกมส์ท่องอวกาศขึ้นมาเกมส์หนึ่งซึ่งพอร์ทลงเกมส์คอนโซล แพลตฟอร์ม Play Station รุ่นแรก ชื่อว่าเกมส์ "Planet laika" ซึ่งตั้งชื่อตาม เจ้าไลก้านั่นเอง
นอกจากทางด้านศิลปะที่มีคนเขียนถึงไลก้าแล้ว ในด้านดนตรีก็มีวงดนตรีหลายวงที่เขียนเพลงถึงไลก้า สุนัขที่กล้าหาญที่สุดในประวัติศาสตร์ เช่นวง Kill Hannah ในเพลง Laika
ท่อนสุดท้ายของเพลงกล่าวว่า
" ฉันรู้ว่าเธอเหงาขนาดไหนในที่ที่ไกลออกไป
ในขณะที่คนอื่นกำลังแสร้งทำเป็นว่าจดจำเธอ
ฉันจะทำให้เธอภูมิใจ ไลก้า นั้นเธอกำลังกลับบ้านใช่มั๊ย
ไลก้า...กลับมาบ้านเถอะนะ"
ไม่นานมานี้ก็มี MV ของวง Ten to twelve เพลง ไม่มีที่มา กำกับโดย พ่อยอร์ช จากเพจสุนัขเซเลป Gluta (และถังแก๊ส เอ้ย กอลลั่ม)
ถ่ายทอดอารมณ์ของสุนัขที่ถูกทิ้ง "ก็เหมือนถูกส่งไปนอกโลก"
แม้ความจริงที่ไลก้าเผชิญจะโหดร้าย และจบแย่กว่าเฉาก๊วยมากนัก แต่สีหน้าของพระเอกเอ็มวีและความรู้สึกที่ได้ชม ก็คงทำให้เรานึกถึงไลก้ามากขึ้น
แม้การเสียสละของไลก้าจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้วิทยาศาสตร์กาลอวกาศขยับขยายขอบเขตขึ้นไปอีกซักหน่อย แต่สำหรับคนที่ใกล้ชิดและเป็นส่วนหนึ่งของช่วงชีวิตไลก้าอย่าง Oleg Georgievich Gazenko อดีต Director ของ สถาบันวิจัยชีวการแพทย์แห่งกรุงมอสโค หนึ่งในกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ดูแลเรื่องสัตว์ที่จะส่งไปในอวกาศของโซเวียต ผู้ซึ่งถูกเลือกให้ดูแลไลก้าในภารกิจ สปุตนิก 2 กล่าวในปี 1998 ว่า
"การทำงานกับสัตว์ทำให้พวกเราทรมานใจอย่างมาก เราปฏิบัติต่อพวกมันราวกับเด็กที่พูดไม่ได้
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกเสียใจมากเท่านั้น
เราไม่น่าทำอย่างนั้นเลย เราไม่ได้รู้อะไรมากขึ้นเท่าไหร่ ไม่คุ้มค่ากับการตายของไลก้าเลย"
หากมีข้อมูลใดผิดพลาด ยินดีรับฟังและแก้ไขค่ะ
แด่ สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่ถูกอุทิศเพื่อวิทยาศาสตร์