ก่อนอื่นขอตั้งนามสมมติกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
4 คน
แฟนเรา เอ
น้องชายของแฟนเรา บี
เด็กที่มาหลอกแฟนเรา แพร
ตร.ที่รับจำนำรถ ลุงหนวด
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ 6 เดือนก่อน
แพรได้ติดต่อผ่านน้องบี ว่าขอเช่ารถของเอ ไปให้ลุงหนวด
ซึ่งลุงหนวดเนี่ยจะเอาไปให้เมียน้อยใช้
โดยทำสัญญาเช่าเป็นระยะเวลา 6 เดือน
สัญญาจะสิ้นสุดในวันที่ 1 พฤศจิกายน 56 ที่ผ่านมา
ปกติแฟนเราปล่อยรถส่วนตัวให้เช่าบ่อยๆอยู่แล้ว บวกกับช่วงนั้นแม่แฟนป่วยหนักมาก
จำเป็นต้องใช้เงินมากในการรักษา นอนรพ.ทุกเดือน นอนรพ.ครั้งนึงก็เฉียดแสน เลยยอมตกลงให้เช่ารถ เพื่อจะได้นำเงินส่วนนี้มารักษาแม่ด้วย
แพรได้ทำสัญญาเช่าระหว่างแพรกับลุงหนวดเป็นลายลักษณ์อักษร
แต่ที่แพรได้ตกลงกับแฟนเราคือ จ่ายค่าเช่ารถเป็นงวดๆ ทุกเดือน
ปรากฏว่าผ่านไป 1 เดือน ไม่มีการจ่ายค่าเช่ารถตามสัญญา แฟนเราเลยทวงไปทางแพร
แพรบอกว่าทางตำรวจเขามีปัญหา ตอนนี้มีการตรวจสอบบัญชีของทางตำรวจ ทำให้ไม่สามารถเบิกเงินออกจากบัญชีจำนวนทีละมากๆได้ ให้รอก่อนสักอาทิตย์สองอาทิตย์ แต่ก็ไม่ได้ ด้วยความที่แพรเป็นเพื่อนของน้องเอ เอก็บอกว่าเจอแพรที่ ม. เป็นประจำ อยู่หอเดียวกันด้วย ก็เจอหน้าเกือบทุกวัน ทำให้วางใจในระดับนึง เลยไม่จี้อะไรมาก
ต่อมาเดือนที่2 ก็ยังไม่มีการจ่ายค่าเช่ารถใดๆ ทางเราก็ได้ติดต่อกลับไปหาแพรอีก
แพรตอบกลับมาว่าเกิดความผิดพลาดตอนทำสัญญากับลุงหนวด คือสัญญานั้นลุงหนวดเป็นคนเขียนขึ้นมา และในสัญญาระบุไว้ว่าจะจ่ายค่าเช่ารถเป็นเงินก้อนทีเดียวเลยเมื่อครบ 6 เดือน
และแพรได้นำสัญญาฉบับนั้นมาให้แฟนเรา ในสัญญามีลายเซ็นของแพรกับของลุงหนวด
บวกกับช่วงนั้นแม่แฟนเริ่มทรุดหนัก ต้องเข้าๆออกๆเปลี่ยนโรงบาลทุกๆเดือน แฟนเลยปล่อยๆไปบ้างเพราะสัญญาออกมาแบบนั้นแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ก็ติดต่อทางแพรตลอด และแพรก็ไม่เคยติดต่อไม่ได้
เดือนที่3 แฟนเราเริ่มไม่โอเคกับสัญญา บวกกับรถเลยกำหนดเช็คระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องมานานแล้ว เลยขอรถคืน ขอยกเลิกสัญญา แต่ทางแพรบอกว่าตำรวจไม่ยอม และแพรเองก็ร้อนเงิน ต้องใช้เงินไปจ่ายค่าลงทะเบียนเรียน แพรเลยขอต่อรองด้วยการเอารถของแพร แต่รถเป็นชื่อของแม่สามีแพร มาจำนำกับแฟนเรา เป็นเงินจำนวน 130,000 บาท แพรมาอ้อนวอนกับแฟนเรา ทำตัวน่าสงสาร บอกไม่งั้นก็ต้องดร๊อปเรียน ไหนจะค่ใช้จ่ายของลูกแพรอีก (แพรมีลูกแล้ว1คน) แฟนเราก็เลยสงสาร ใจอ่อนยอมให้จำนำไป ทั้งๆที่เดือนนี้เป็นเดือนที่แม่แฟนอาการทรุดหนักมากๆแล้ว ต้องนอนรพ.ทั้งเดือน อาการเริ่มไม่ค่อยดีแล้ว แต่ด้วยความเห็นใจ และเห็นเป็นเพื่อนน้องชาย เลยยอมปล่อยเงินจำนวนนั้นให้แพรไป ทั้งๆที่ตัวเองก็ต้องใช้เงินรักษาแม่
พอต้นเดือนต่อมา เดือนที่4 แม่ของแฟนก็เสียชีวิตลง เดือนนี้ทั้งเดือนเลยไม่ค่อยได้ตามเรื่องรถสักเท่าไหร่ แต่ก็ติดต่อหาแพรตลอด ก็ติดต่อได้ แต่ไม่เคยได้เงิน และมีการอ้างปัดนู้นปัดนี้ ยื่อให้รอเวลาครบสัญญามาตลอด
จนเดือนที่5 แฟนได้พยายามขอรถคืน แต่ก็ไม่สำเร็จตามเคย แพรบอกว่าตำรวจไม่สะดวกเอาคืนตอนนี้ อีกอย่างอีกเดือนเดียวก็จะครบตามกำหนดสัญญาแล้ว ให้รอถึงตอนนั้นเลย
พอครบตามกำหนดสัญญาวันที่ 1 พฤศจิกายน วันที่หมดสัญญา ติดต่อหาแพร แพรบอกว่าอยู่กทม. เดี๋ยวกำลังจะขึ้นมาเคลีย
พอวันที่ 2 แพรไม่มาตามที่บอก แฟนเลยไปแจ้งความที่สน. ทางร้อยเวรได้โทรไปคุยกับลุงหนวด เราถึงได้ทราบความจริงว่า ที่จริงแล้วแพรไม่ได้เอารถแฟนเราไปให้ลุงหนวดเช่าแต่อย่างใด ความจริงคือแพรเอารถไปจำนำกับลุงหนวดในราคา 80,000 บาท ซึ่งลุงหนวดก็ไม่ยอมปล่อยรถคืนให้แฟนเรา บอกว่ามันเป็นเรื่องของแฟนเรากับแพร ลุงหนวดไม่สนว่าแพรไปเอารถแฟนเรามาด้วยวิธีใด รู้อย่างเดียวคือลุงหนวดรับจำนำรถแฟนเราจากแพรไว้ และต้องนำเงิน 80,000 มาคืนถึงจะยอมปล่อยรถมาให้ และสัญญาเช่ารถระหว่างแพรกับลุงหนวดที่แพรเอามาให้แฟนเรา แพรก็เป็นคนปลอมขึ้นมา ลุงหนวดไม่ได้เป็นคนเซ็น และไม่รู้เรื่อง
สรุปแพรเอารถแฟนเราไปจำนำที่ลุงหนวด 80,000 บาท
และเอารถตัวเองมาจำนำที่แฟนเราอีก 130,000 บาท
เราควรทำยังไงดีค่ะ ?
ลุงหนวดมีสิทธิรับจำนำรถ โดยที่ผู้จำนำไม่ใช่เจ้าของรถได้ด้วยหรอคะ?
แต่ในกรณีของแฟนเราที่รับจำนำรถจากแพรโดยที่รถเป็นชื่อแม่สามีแพรนั้น คือแม่สามีของนางรับรู้และทางเราก็ได้คุยกับแม่สามีนางแล้ว แต่ในสัญญามีแค่แพรกับเราเซ็นแค่สองคน
เราไม่รู้ว่าสามารถเอาหน้านางมาลงได้รึเปล่า
กลัวนางจะฟ้องกลับฐานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ตอนนี้นางปิดเฟส ปิดทุกอย่างหนีไปแล้ว ได้ข่าวว่าหนีไปใช้ชีวิตอยู่ใน กทม. เคยหลอกยืมเงินเพื่อน หลอกเอาเพื่อนไปอ้างกับคนอื่นเพื่อรับหิ้วโทรศัพท์จากต่างประเทศ ทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว รับรองว่าถ้านางหนีไปอยู่กรุงเทพ นางก็ต้องทำคนอื่นๆอีก
นางเคยบอกตอนนี้นางเลิกกับสามีเก่าที่มีลูกด้วยกันแล้ว และนางมีสามีใหม่แล้ว แต่เป็นเมียน้อยเขา นางกำลังไปขายตัวเพื่อหาเงินมาใช้หนี้แฟนเรา (อันนี้แพรพูดกับแฟนเราเอง) สามีใหม่นางจะเดินทางขึ้นมาเคลียด้วย สามีนางจะเคลียหนี้เคลียสิ้นให้ละจะพาไปอยู่กทม.ด้วย จะซิ้อบ้าน ซื้อรถให้ ตอนนี้เราว่านางมโนเอาเองละแหละ
โดนหลอกเอารถไปจำนำกับตำรวจ
4 คน
แฟนเรา เอ
น้องชายของแฟนเรา บี
เด็กที่มาหลอกแฟนเรา แพร
ตร.ที่รับจำนำรถ ลุงหนวด
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ 6 เดือนก่อน
แพรได้ติดต่อผ่านน้องบี ว่าขอเช่ารถของเอ ไปให้ลุงหนวด
ซึ่งลุงหนวดเนี่ยจะเอาไปให้เมียน้อยใช้
โดยทำสัญญาเช่าเป็นระยะเวลา 6 เดือน
สัญญาจะสิ้นสุดในวันที่ 1 พฤศจิกายน 56 ที่ผ่านมา
ปกติแฟนเราปล่อยรถส่วนตัวให้เช่าบ่อยๆอยู่แล้ว บวกกับช่วงนั้นแม่แฟนป่วยหนักมาก
จำเป็นต้องใช้เงินมากในการรักษา นอนรพ.ทุกเดือน นอนรพ.ครั้งนึงก็เฉียดแสน เลยยอมตกลงให้เช่ารถ เพื่อจะได้นำเงินส่วนนี้มารักษาแม่ด้วย
แพรได้ทำสัญญาเช่าระหว่างแพรกับลุงหนวดเป็นลายลักษณ์อักษร
แต่ที่แพรได้ตกลงกับแฟนเราคือ จ่ายค่าเช่ารถเป็นงวดๆ ทุกเดือน
ปรากฏว่าผ่านไป 1 เดือน ไม่มีการจ่ายค่าเช่ารถตามสัญญา แฟนเราเลยทวงไปทางแพร
แพรบอกว่าทางตำรวจเขามีปัญหา ตอนนี้มีการตรวจสอบบัญชีของทางตำรวจ ทำให้ไม่สามารถเบิกเงินออกจากบัญชีจำนวนทีละมากๆได้ ให้รอก่อนสักอาทิตย์สองอาทิตย์ แต่ก็ไม่ได้ ด้วยความที่แพรเป็นเพื่อนของน้องเอ เอก็บอกว่าเจอแพรที่ ม. เป็นประจำ อยู่หอเดียวกันด้วย ก็เจอหน้าเกือบทุกวัน ทำให้วางใจในระดับนึง เลยไม่จี้อะไรมาก
ต่อมาเดือนที่2 ก็ยังไม่มีการจ่ายค่าเช่ารถใดๆ ทางเราก็ได้ติดต่อกลับไปหาแพรอีก
แพรตอบกลับมาว่าเกิดความผิดพลาดตอนทำสัญญากับลุงหนวด คือสัญญานั้นลุงหนวดเป็นคนเขียนขึ้นมา และในสัญญาระบุไว้ว่าจะจ่ายค่าเช่ารถเป็นเงินก้อนทีเดียวเลยเมื่อครบ 6 เดือน
และแพรได้นำสัญญาฉบับนั้นมาให้แฟนเรา ในสัญญามีลายเซ็นของแพรกับของลุงหนวด
บวกกับช่วงนั้นแม่แฟนเริ่มทรุดหนัก ต้องเข้าๆออกๆเปลี่ยนโรงบาลทุกๆเดือน แฟนเลยปล่อยๆไปบ้างเพราะสัญญาออกมาแบบนั้นแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ก็ติดต่อทางแพรตลอด และแพรก็ไม่เคยติดต่อไม่ได้
เดือนที่3 แฟนเราเริ่มไม่โอเคกับสัญญา บวกกับรถเลยกำหนดเช็คระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องมานานแล้ว เลยขอรถคืน ขอยกเลิกสัญญา แต่ทางแพรบอกว่าตำรวจไม่ยอม และแพรเองก็ร้อนเงิน ต้องใช้เงินไปจ่ายค่าลงทะเบียนเรียน แพรเลยขอต่อรองด้วยการเอารถของแพร แต่รถเป็นชื่อของแม่สามีแพร มาจำนำกับแฟนเรา เป็นเงินจำนวน 130,000 บาท แพรมาอ้อนวอนกับแฟนเรา ทำตัวน่าสงสาร บอกไม่งั้นก็ต้องดร๊อปเรียน ไหนจะค่ใช้จ่ายของลูกแพรอีก (แพรมีลูกแล้ว1คน) แฟนเราก็เลยสงสาร ใจอ่อนยอมให้จำนำไป ทั้งๆที่เดือนนี้เป็นเดือนที่แม่แฟนอาการทรุดหนักมากๆแล้ว ต้องนอนรพ.ทั้งเดือน อาการเริ่มไม่ค่อยดีแล้ว แต่ด้วยความเห็นใจ และเห็นเป็นเพื่อนน้องชาย เลยยอมปล่อยเงินจำนวนนั้นให้แพรไป ทั้งๆที่ตัวเองก็ต้องใช้เงินรักษาแม่
พอต้นเดือนต่อมา เดือนที่4 แม่ของแฟนก็เสียชีวิตลง เดือนนี้ทั้งเดือนเลยไม่ค่อยได้ตามเรื่องรถสักเท่าไหร่ แต่ก็ติดต่อหาแพรตลอด ก็ติดต่อได้ แต่ไม่เคยได้เงิน และมีการอ้างปัดนู้นปัดนี้ ยื่อให้รอเวลาครบสัญญามาตลอด
จนเดือนที่5 แฟนได้พยายามขอรถคืน แต่ก็ไม่สำเร็จตามเคย แพรบอกว่าตำรวจไม่สะดวกเอาคืนตอนนี้ อีกอย่างอีกเดือนเดียวก็จะครบตามกำหนดสัญญาแล้ว ให้รอถึงตอนนั้นเลย
พอครบตามกำหนดสัญญาวันที่ 1 พฤศจิกายน วันที่หมดสัญญา ติดต่อหาแพร แพรบอกว่าอยู่กทม. เดี๋ยวกำลังจะขึ้นมาเคลีย
พอวันที่ 2 แพรไม่มาตามที่บอก แฟนเลยไปแจ้งความที่สน. ทางร้อยเวรได้โทรไปคุยกับลุงหนวด เราถึงได้ทราบความจริงว่า ที่จริงแล้วแพรไม่ได้เอารถแฟนเราไปให้ลุงหนวดเช่าแต่อย่างใด ความจริงคือแพรเอารถไปจำนำกับลุงหนวดในราคา 80,000 บาท ซึ่งลุงหนวดก็ไม่ยอมปล่อยรถคืนให้แฟนเรา บอกว่ามันเป็นเรื่องของแฟนเรากับแพร ลุงหนวดไม่สนว่าแพรไปเอารถแฟนเรามาด้วยวิธีใด รู้อย่างเดียวคือลุงหนวดรับจำนำรถแฟนเราจากแพรไว้ และต้องนำเงิน 80,000 มาคืนถึงจะยอมปล่อยรถมาให้ และสัญญาเช่ารถระหว่างแพรกับลุงหนวดที่แพรเอามาให้แฟนเรา แพรก็เป็นคนปลอมขึ้นมา ลุงหนวดไม่ได้เป็นคนเซ็น และไม่รู้เรื่อง
สรุปแพรเอารถแฟนเราไปจำนำที่ลุงหนวด 80,000 บาท
และเอารถตัวเองมาจำนำที่แฟนเราอีก 130,000 บาท
เราควรทำยังไงดีค่ะ ?
ลุงหนวดมีสิทธิรับจำนำรถ โดยที่ผู้จำนำไม่ใช่เจ้าของรถได้ด้วยหรอคะ?
แต่ในกรณีของแฟนเราที่รับจำนำรถจากแพรโดยที่รถเป็นชื่อแม่สามีแพรนั้น คือแม่สามีของนางรับรู้และทางเราก็ได้คุยกับแม่สามีนางแล้ว แต่ในสัญญามีแค่แพรกับเราเซ็นแค่สองคน
เราไม่รู้ว่าสามารถเอาหน้านางมาลงได้รึเปล่า
กลัวนางจะฟ้องกลับฐานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ตอนนี้นางปิดเฟส ปิดทุกอย่างหนีไปแล้ว ได้ข่าวว่าหนีไปใช้ชีวิตอยู่ใน กทม. เคยหลอกยืมเงินเพื่อน หลอกเอาเพื่อนไปอ้างกับคนอื่นเพื่อรับหิ้วโทรศัพท์จากต่างประเทศ ทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว รับรองว่าถ้านางหนีไปอยู่กรุงเทพ นางก็ต้องทำคนอื่นๆอีก
นางเคยบอกตอนนี้นางเลิกกับสามีเก่าที่มีลูกด้วยกันแล้ว และนางมีสามีใหม่แล้ว แต่เป็นเมียน้อยเขา นางกำลังไปขายตัวเพื่อหาเงินมาใช้หนี้แฟนเรา (อันนี้แพรพูดกับแฟนเราเอง) สามีใหม่นางจะเดินทางขึ้นมาเคลียด้วย สามีนางจะเคลียหนี้เคลียสิ้นให้ละจะพาไปอยู่กทม.ด้วย จะซิ้อบ้าน ซื้อรถให้ ตอนนี้เราว่านางมโนเอาเองละแหละ