เตรียมตัวพบแดนสังหารใต้น้ำ
เตรียมตัวพบนักล่าที่คนไม่ค่อยรู้จัก
วันนี้ทะเลจะถูกเปลื่ยนเป็นสีแดง
15 สัตว์ทะเลโคตรโหดโลกไม่ลืม
15.barracuda
จอมเชือดแห่งท้องทะเลยุคนี้ มันออกล่าเป็นฝูง ความยาว อาจยาวได้ถึง 7 ฟุต หนา 30 เซนติเมตร
มีรูปร่างผอมบาง เพื่อความรวดเร็วในการสังหารใต้น้ำ ด้วยประสิทธิภาพสูง
มีรายงานว่าบาราคูดาขนาดใหญ่ อาจฉีดแขนมนุษย์เป็นชิ้นๆ ด้วยพลังอันไม่อาจประมาท
พวกมันกำเนิดในยุคอีโอซีน56 ล้าน ปีก่อน และสืบสายพันธ์มาถึงปัจจุบัน
14.sea scorpion
นักล่าทะเลน่าสยดสยอง ปกครองท้องทะเลด้วยความเลือดเย็น Jaekelopterus คืออสุรกายในหมู่แมงป่องทะเล เป็นญาติกับแมงดาทะเลในปัจจุบัน แต่มีขนาดที่ใหญ่โต และอันตรายกว่าหลายเท่าตัว ปีศาจแห่งยุคออร์โดวิเชียน ตัวนี้ เคลื่องที่ได้ใวมากที่เดียว
13.Cameroceras trentonense
ถ้าแมงป่องทะเลคือปีศาจละก็ ออร์โธโคนอย่างคาเมโลซีราสนั้น คงเป็นยมทูตดีๆนี่เอง ถึงจะเคลื่อนที่ไม่ว่องใวดุจ
พวกฉลามและหมึกในยุคต่อมา แต่ก็ชดเชยด้วยร่างเกราะม
มา ยาว 6 เมตร ที่ถึงจะเคลื่อนที่ได้ไม่เร็ว พละกำลังก็พอบนขยี้เหยื่อตัวเล็กๆ
จนเป็นเศษสวะได้ แมลงป่องทะเลเองยามสู้ออร์โธโคน ก็ไม่ต่างจากกุ้งที่จะสู้หมึกกระมัง ครองทะเลในยุคออร์โดวิเชียนเช่นกัน....
12. colossal squid
หมึกโคลอลซัล หรือหมึกยักษ์อาร์คติค ครอบครองโลกไต้ทะเล ในฐานะสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลักที่ใหญ่ที่สุด บนดาวเคราะห์ดวงนี้
ด้วยความยาวรวมหนวดเกิน 40 ฟุต และน้ำหนักตัว เกือบตัน ทำให้สามารถต่อกรได้แม้ฉลามจอมโหด คาดว่าเป็นที่มาตำนานคราเคน
ดวงตาที่ใหญ่ถึง 12-16 นิ้ว ทำให้มันน่าจะดูน่ากลัวมากไต้น้ำที่เดียว มีคู่ปรับคือวาฬสเปิร์ม ที่มีแรงกัดทรงพลัง
และเป็นหนึ่งในไม่กี่สิ่งมีชีวิตบนโลก ที่ล้มหมึกโคลอสซัลในน้ำลึกได้ หนวดใหญ่ทรงพลังสามารถสร้างแผลให้วาฬ
10.Liopleurodon
เป็นสัตว์โบราณที่ถูกประเมินขนาดเวอร์เกินไปที่สุดตัวหนึ่ง ในสารคดีของ BBC ถึงกับบอกว่ามันอาจมีขนาด 150 ตัน และยาว 25 เมตร
แท้จริงนั่นน่าเป็นขนาดของโมซาซอรร่างยักษ์มากกว่า ลีโอเพลโลดอน แท้จริงมีความยาว 5-7 เมตร หนัก 1-2.5 ตัน และขามีลักษนะคล้ายครีบ ที่ทำให้พุ่งแหวกน้ำได้ว่องใว กระโหลกศีรษะที่ใหญ่ และฟันคมยาว แปลว่ามันอันตรายเอามากๆ ถึงปอดอาจพัฒนาไม่เท่าซอลท์วอเตอร์ก็เถอะ อยู่ยุคจูราสซิก
9.Atlantic blue marlin
ราชันย์อำมหิตแห่งแอตแลนติก ผู้ตัดท้องทะเลเป็นช่วงๆ ด้วยปากอันคมกริบ แอตแลนติกเป็นบ้างของสัตว์น้ำนับล้านชนิด แต่ที่น่ากลัวอันดับต้นๆ ของคงไม่พ้น ปลานักล่าที่ว่องใวที่สุดตัวหนึ่งในแอตแลนติก แอตแลนติก บลู มาร์ลิน ราชันย์แห่งปลาดาบ
มันสามารถพุ่งได้ด้วยความเร็วมากกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปากที่คล้ายคมดาบ จะฉีกร่างเหยื่อเป็นท่อนๆ หนรือใช้การโจมตีกระทันหัน ทำให้
ตกใจจนช็อก มาร์ลินชนิดนี้กินมาร์ลินขาว ทูน่า และสค;bดเป็นอาหาร มีแค่มาร์โกและเกรทไวท์เท่านั้น ที่สามารถหยุดเจ้าทะเลติดสปิดตัวนี้ได้
8.short fin mako
ความเร็วคือพลังทำลาย แล้วถ้าความเร็วรวมกับประสาทชั้นยอดได้ละ จะน่ากลัวแค่ใหน
ฉลามมาโก นักล่าผู้ว่องไวเป็นที่สุด
ฉลามมาโกครีบสั้น มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Isurus oxyrinchus ถือเป็นญาติใกล้ชิดกับฉลามขาว
มันเป็นนักล่า ที่มีเมตาบอลึซึมสูง และว่องไว มีพลังการล่า ที่น่ากลัว มันสามารถว่ายน้ำในเวลาปกติได้ 35 km ต่อชั่วโมง เป็นระยะทางใกลๆ
แต่เมื่อมันเร่งความเร็วเต็มกำลัง มันก็สามารถเร่งได้สูงกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างสบาย
ขนาด ฉลามมาโกตัวผู้ทั่วไปจะยาวประมาณ 2 เมตร ส่วนฉลามตัวเมียจะยาว 2.6 เมตร
ในสภาพที่เหมาะสม เจ้านักล่าแห่งทะเลลึกตัวนี้ อาจยาวได้ร่วมสี่เมตร(ยาวกว่ารถเก๋งทั้งคัน เอากับมันซิ) และหนักร่วม 500 กิโลกรัม
จัดว่ามีขนาดที่ใหญ่ และทรงพลังอย่างมาก สำหรับฉลามด้วยกัน
ฉลามมาโกเป็นนักล่าที่น่ากลัว มันสามารถเดินทางในทะเลได้ใกลถึงสองพันกิโลเมตร(ใกลกว่าเดินทางทั่วประเทศไทยซะอีกนะ!)
ล่าเต่าทะเล แมวน้ำ หรือปลากระดูกแข็งกินเป็นของว่างแม้แต่ปลาดาบหรือหมึกก็ไม่อาจรอดชีวิต จากคมเขี้ยวอันแหลมคมของนักล่าใต้
ฉลามมาโกจะกินอาหารขั้นต่ำ 3 % ของน้ำหนักตัวต่อวัน และสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ คือ ความเร็ว และฟันที่คมกริบในปาก
ฉลามมาโกตัวที่เร็วจริงๆ อาจพุ่งได้ด้วยความเร็วร่วม 70 ไมล์ ต่อชั่วโมง ซึ่งที่ความเร็วระดับนี้ มันจะเร็วกว่าเรือดำน้ำทุกลำบนโลก!
ความน่ากลัวอีกอย่าง คือฟันที่คมกริบคล้ายใบมีด สามารถหั่นเนึ้อได้ไม่แพ้มีดหั่นสเต็ก
บางคนอาจบอกว่า 70 ไมล์ต่อชั่วโมง ไม่เห็นจะน่าประทับใจ
ท่านกำลังประมาทความเร็วระดับนี้มากไปแล้วครับ 70 ไมล์ต่อชั่วโมง แปลว่าจะเร็ว 112.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
หรือประมาณ 31.11 เมตรต่อวินาที ประสาทของมนุษย์กว่าจะมองเห๋็นแล้วเคลื่อนใหว ใช้เวลาเฉื่อย 0.35 วิ
ซึ่งนั่นหมายความว่ามาโกพุ่งไปแล้วร่วมสิบเมตร แถมยิ่งมีความเร็วสูง พลังทำลายที่เกิดจากการปะทะก็จะมากตามไปด้วย
ด้วยความเร็วมากกว่า 30 เมตรต่อวินาที บวกกับแรงปะทะจากน้ำหนักตัว 500 กิโลกรัม นั้งอาจสร้างพลังงานจลน์ได้ร่วม 500,000 จูล
ซึ่งนั่นหมายถึงพลังงานจลน์เทียบเท่า ระเบิด tnt 120 กิโลกรัม พระเจ้า อะไรจะปานนั่น(ระเบิด tnt 1 กิโลกรัมให้พลังงาน 4200 จูลนะครับ)
พลังเทียบเท่า tnt 120 กิโลกรัม นั่นหมายถึงมันชนเรือแตกได้ง่ายๆเลยนะนั่น
มาโก จะออกลูกครั้งละ 4-18 ตัว โดยแต่ละตัวอาจมีความยาวถึง 70 เซนติเมตรในปีถัดมา
และจะเจริญพันธ์เมื่ออายุ 18 เดือน อายุขัยของพวกมันอยู่ที่ 25 ปี
สัตว์ตระกูลฉลามทุกชนิดมีความสามารถด้านประสาทสัมผัสที่น่ากลัว มาโกอาจได้ยินเสียงในระยะสามกิโลเมตร
ได้กลิ่นเลือดจากร่างเหยื่อในระยะ500เมตร ในระยะสองร้อยเมตร ฉลามสามารถจับคลื่นการสั่นสะเทือนของน้ำได้ มาโกถือเป็นฉลามที่สายตาดี และมองเห็นภาพเป็นแบบกล้องสามมิติด้วยนะ
7. eletric eel
ยินดีต้อนรับ ราชาแห่งปลาผู้มีอาวุธล้ำยุค ยินดีต้อนรับ ปลาไหลไฟฟ้า Electrophorus electricus
เป็นสัตว์ที่ใหญ่และทรงพลังที่สุดในตระกูลปลาไฟฟ้าทุกสายพันธ์ มีรายงานการพบขนาดยาวกว่า 2 เมตร
และหนักกว่า 20 กิโลกรัม สำหรับปลาไหลไฟฟ้าตัวโตเต็มวัย มันสามารถช็อตได้แรงกว่า 500 โวลต์
และปล่อยได้มากกว่า 1 แอมแปร์ เป็นปกติร่างกาย(เคยมีรายงานการช็อตรุนแรงกว่า 800 โวลต์)
ซึ่งเจ้าตัวนี้ยาวได้สูงสุดถึง 2.4 เมตร ใช้ไฟฟ้าในรูปแบบ teaser ใช้ฆ่าเหยื่อและไล่ศัตรู ตอนเป็นตัวอ่อนมันจะกินสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
ตอนโตเต็มวัยนั้น มันจะล่าปลาต่างๆ ปลาใหลไฟฟ้ามีอวัยวะที่เป็นกล้ามเนึ้อคล้ายเซลล์เรียกว่า electrolocation หนึ่งเซลลให้พลัง 0.15
โวลต์ มันจะใช้พลังเพียงเล็กน้อยในการค้นหา แต่พลังเต็มที่จะใช้ในการสังหาร
กล้ามเนึ้อของปลาไหลไฟฟ้า สามารถตรวจจับแรงกระเพื่อมของน้ำได้ดีเยี่ยม
และสามารถปล่อยไฟฟ้าออกไปหยุดยั้งการเคลื่อนใหวของเหยื่อในน้ำได้ในเวลา 10-15 มิลลิวินาที!หลังจากการตรวจจับ
เครื่องช็อตไฟฟ้าจะปล่อยได้ราว 19+ ครั้งของการช็อตต่อวิ แต่เจ้าปลาใหลของเราปล่อยได้ 400+ ครั้งของการช็อตต่อวินาที
นั่นหมายความว่าเจ้าปลาใหลไฟฟ้าอาจสั่งการกล้ามเนึ้อหลายส่วนในร่างกายให้ทำงานได้ในแทบจะขณะเดียวกัน
นี่คือความลับของหนึ่งการโจมตีที่น่ากลัวที่สุดในโลกธรรมชาติ ความเร็วที่เหนือกว่าประสาทสั่งการของผู้ถูกจู่โจม!(จะบอกว่าโจมตีเร็วกว่าความคิดก็ได้)
การโจมตีด้วยไฟฟ้าจะตัดประสาทสัมผัสของเหยื่อในทันที และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมมันอันตราย เพราะกว่าคุณจะรับรู้ เจ้านักล่าก็ช็อตคุณให้เป็นอัมพาตไปแล้ว........... นอกจากนั้นไฟฟ้าของมันยังเป็นเรดาร์ธรรมชาติให้กับนักล่าจอมโหด ในน้ำที่แสนขุ่นมั่ว
ในสภาพออกซิเจนต่ำ บางครั้งเจ้าสุดยอดนักล่าเอง ก็จะขึ้นมาที่ผิวน้ำ เพื่อรับออกซิเจนเพิ่มเติม
แม้แต่จระเข้ยังไม่อยากยุ่งกับราชันย์นักล่าตนนี้ เพราะโอกาสแลกชีวิตไปด้วยกันมีสูงมาก
ไฟฟ้า 800 โวลต์ แม้แต่ม้าเทศตัวใหญ่ๆ อาจถูกฆ่าง่ายดาย ในอนาคตเราอาจใช้องค์ความรู้ด้านนี้ ทำ gmo เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวภาพก็ได้นะ...
6.tiger shark
มาเจอของจอมโหดแห่งอ่าวไทย ฆ่าสิงโตทะเล เต่าทะเล หรือแม้แต่ฉลามด้วยกันกินได้!
ปลาฉลามเสือเมื่อโตเต็มที่มีขนาดประมาณ 5 เมตร แต่ตัวที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบคือ 7.5 เมตร น้ำหนักหนักที่สุดคือ 807.4 กิโลกรัม พบกระจายว่ายหากินอยู่ทั่วไปในน่านน้ำเขตอบอุ่นทั่วโลก มีพฤติกรรมชอบหากินตามแนวปะการังหรือบริเวณใกล้ชายฝั่ง หรือบริเวณปากแม่น้ำ โดยอาศัยตั้งแต่ระดับผิวน้ำจนถึงความลึก 140 เมตร ปกติมักอยู่ลำพังเพียงตัวเดียวและหากินในเวลากลางคืน ว่ายน้ำได้คล่องแคล่วว่องไวมาก และเดินทางใกลนับพันกิโลเมตร
ปลาฉลามเสือได้ชื่อว่าเป็นปลาที่กินไม่เลือกเหมือนเช่นปลาฉลามขาว (Carcharodon carcharias) เพราะมักเจอสิ่งที่ไม่ใช่อาหารในกระเพาะเสมอ ๆ เช่น ยางรถยนต์, กระป๋องน้ำ, เศษไม้ หรือ พลาสติก ซึ่งล้วนแต่เป็นขยะที่มนุษย์โยนทิ้งลงทะเลทั้งสิ้น
ปลาฉลามเสือ เป็นปลาที่ออกลูกเป็นตัว ในระยะเวลาตั้งท้องนานเกือบหนึ่งปี สามารถตกลูกได้ตลอดทั้งปี โดยเฉลี่ยจะตกลูกครั้งละ 10-82 ตัว ลูกปลาแรกเกิดมีความยาวประมาณ 51.76 เซนติเมตร เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้ 4-6 ปี อายุขัยโดยเฉลี่ย 12 ปี แต่อายุในสถานที่เลี้ยงมักจะมีอายุเพียงสั้น ๆ ไม่เกิน 2 เดือนเท่านั้น
ปลาฉลามเสือ นับได้ว่าเป็นปลาฉลามอีกชนิดหนึ่งที่มีอันตรายต่อมนุษย์ เพราะมีนิสัยดุร้ายและมีพฤติกรรมการกินที่ไม่เลือก ในพื้นที่ทะเลของไทยนับได้ว่าเป็นปลาฉลามที่อาจทำร้ายมนุษย์หรือนักดำน้ำได้ร่วมกับ ปลาฉลามหัวบาตร (Carcharhinus leucas) และ ปลาฉลามครีบดำ (C. melanopterus) โดยสถานที่ ๆ มีรายงานปลาฉลามเสือทำร้ายนักดำน้ำหรือนักโต้คลื่นมากที่สุด คือ ฮาวาย เชื่อว่าเกิดจากเหตุที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว จึงทำให้ปลาฉลามเสือเห็นกระดานโต้คลื่นผิดไปเป็นแมวน้ำซึ่งเป็นอาหาร กอรปกับการที่มีเต่าทะเลซึ่งเป็นอาหารอีกอย่างหนึ่งกระจายพันธุ์สูงด้วย
15 อันดับ สัตว์น้ำโคตรโหดโลกไม่ลืม
เตรียมตัวพบนักล่าที่คนไม่ค่อยรู้จัก
วันนี้ทะเลจะถูกเปลื่ยนเป็นสีแดง
15 สัตว์ทะเลโคตรโหดโลกไม่ลืม
15.barracuda
จอมเชือดแห่งท้องทะเลยุคนี้ มันออกล่าเป็นฝูง ความยาว อาจยาวได้ถึง 7 ฟุต หนา 30 เซนติเมตร
มีรูปร่างผอมบาง เพื่อความรวดเร็วในการสังหารใต้น้ำ ด้วยประสิทธิภาพสูง
มีรายงานว่าบาราคูดาขนาดใหญ่ อาจฉีดแขนมนุษย์เป็นชิ้นๆ ด้วยพลังอันไม่อาจประมาท
พวกมันกำเนิดในยุคอีโอซีน56 ล้าน ปีก่อน และสืบสายพันธ์มาถึงปัจจุบัน
14.sea scorpion
นักล่าทะเลน่าสยดสยอง ปกครองท้องทะเลด้วยความเลือดเย็น Jaekelopterus คืออสุรกายในหมู่แมงป่องทะเล เป็นญาติกับแมงดาทะเลในปัจจุบัน แต่มีขนาดที่ใหญ่โต และอันตรายกว่าหลายเท่าตัว ปีศาจแห่งยุคออร์โดวิเชียน ตัวนี้ เคลื่องที่ได้ใวมากที่เดียว
13.Cameroceras trentonense
ถ้าแมงป่องทะเลคือปีศาจละก็ ออร์โธโคนอย่างคาเมโลซีราสนั้น คงเป็นยมทูตดีๆนี่เอง ถึงจะเคลื่อนที่ไม่ว่องใวดุจ
พวกฉลามและหมึกในยุคต่อมา แต่ก็ชดเชยด้วยร่างเกราะม
จนเป็นเศษสวะได้ แมลงป่องทะเลเองยามสู้ออร์โธโคน ก็ไม่ต่างจากกุ้งที่จะสู้หมึกกระมัง ครองทะเลในยุคออร์โดวิเชียนเช่นกัน....
12. colossal squid
หมึกโคลอลซัล หรือหมึกยักษ์อาร์คติค ครอบครองโลกไต้ทะเล ในฐานะสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลักที่ใหญ่ที่สุด บนดาวเคราะห์ดวงนี้
ด้วยความยาวรวมหนวดเกิน 40 ฟุต และน้ำหนักตัว เกือบตัน ทำให้สามารถต่อกรได้แม้ฉลามจอมโหด คาดว่าเป็นที่มาตำนานคราเคน
ดวงตาที่ใหญ่ถึง 12-16 นิ้ว ทำให้มันน่าจะดูน่ากลัวมากไต้น้ำที่เดียว มีคู่ปรับคือวาฬสเปิร์ม ที่มีแรงกัดทรงพลัง
และเป็นหนึ่งในไม่กี่สิ่งมีชีวิตบนโลก ที่ล้มหมึกโคลอสซัลในน้ำลึกได้ หนวดใหญ่ทรงพลังสามารถสร้างแผลให้วาฬ
10.Liopleurodon
เป็นสัตว์โบราณที่ถูกประเมินขนาดเวอร์เกินไปที่สุดตัวหนึ่ง ในสารคดีของ BBC ถึงกับบอกว่ามันอาจมีขนาด 150 ตัน และยาว 25 เมตร
แท้จริงนั่นน่าเป็นขนาดของโมซาซอรร่างยักษ์มากกว่า ลีโอเพลโลดอน แท้จริงมีความยาว 5-7 เมตร หนัก 1-2.5 ตัน และขามีลักษนะคล้ายครีบ ที่ทำให้พุ่งแหวกน้ำได้ว่องใว กระโหลกศีรษะที่ใหญ่ และฟันคมยาว แปลว่ามันอันตรายเอามากๆ ถึงปอดอาจพัฒนาไม่เท่าซอลท์วอเตอร์ก็เถอะ อยู่ยุคจูราสซิก
9.Atlantic blue marlin
ราชันย์อำมหิตแห่งแอตแลนติก ผู้ตัดท้องทะเลเป็นช่วงๆ ด้วยปากอันคมกริบ แอตแลนติกเป็นบ้างของสัตว์น้ำนับล้านชนิด แต่ที่น่ากลัวอันดับต้นๆ ของคงไม่พ้น ปลานักล่าที่ว่องใวที่สุดตัวหนึ่งในแอตแลนติก แอตแลนติก บลู มาร์ลิน ราชันย์แห่งปลาดาบ
มันสามารถพุ่งได้ด้วยความเร็วมากกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปากที่คล้ายคมดาบ จะฉีกร่างเหยื่อเป็นท่อนๆ หนรือใช้การโจมตีกระทันหัน ทำให้
ตกใจจนช็อก มาร์ลินชนิดนี้กินมาร์ลินขาว ทูน่า และสค;bดเป็นอาหาร มีแค่มาร์โกและเกรทไวท์เท่านั้น ที่สามารถหยุดเจ้าทะเลติดสปิดตัวนี้ได้
8.short fin mako
ความเร็วคือพลังทำลาย แล้วถ้าความเร็วรวมกับประสาทชั้นยอดได้ละ จะน่ากลัวแค่ใหน
ฉลามมาโก นักล่าผู้ว่องไวเป็นที่สุด
ฉลามมาโกครีบสั้น มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Isurus oxyrinchus ถือเป็นญาติใกล้ชิดกับฉลามขาว
มันเป็นนักล่า ที่มีเมตาบอลึซึมสูง และว่องไว มีพลังการล่า ที่น่ากลัว มันสามารถว่ายน้ำในเวลาปกติได้ 35 km ต่อชั่วโมง เป็นระยะทางใกลๆ
แต่เมื่อมันเร่งความเร็วเต็มกำลัง มันก็สามารถเร่งได้สูงกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างสบาย
ขนาด ฉลามมาโกตัวผู้ทั่วไปจะยาวประมาณ 2 เมตร ส่วนฉลามตัวเมียจะยาว 2.6 เมตร
ในสภาพที่เหมาะสม เจ้านักล่าแห่งทะเลลึกตัวนี้ อาจยาวได้ร่วมสี่เมตร(ยาวกว่ารถเก๋งทั้งคัน เอากับมันซิ) และหนักร่วม 500 กิโลกรัม
จัดว่ามีขนาดที่ใหญ่ และทรงพลังอย่างมาก สำหรับฉลามด้วยกัน
ฉลามมาโกเป็นนักล่าที่น่ากลัว มันสามารถเดินทางในทะเลได้ใกลถึงสองพันกิโลเมตร(ใกลกว่าเดินทางทั่วประเทศไทยซะอีกนะ!)
ล่าเต่าทะเล แมวน้ำ หรือปลากระดูกแข็งกินเป็นของว่างแม้แต่ปลาดาบหรือหมึกก็ไม่อาจรอดชีวิต จากคมเขี้ยวอันแหลมคมของนักล่าใต้
ฉลามมาโกจะกินอาหารขั้นต่ำ 3 % ของน้ำหนักตัวต่อวัน และสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ คือ ความเร็ว และฟันที่คมกริบในปาก
ฉลามมาโกตัวที่เร็วจริงๆ อาจพุ่งได้ด้วยความเร็วร่วม 70 ไมล์ ต่อชั่วโมง ซึ่งที่ความเร็วระดับนี้ มันจะเร็วกว่าเรือดำน้ำทุกลำบนโลก!
ความน่ากลัวอีกอย่าง คือฟันที่คมกริบคล้ายใบมีด สามารถหั่นเนึ้อได้ไม่แพ้มีดหั่นสเต็ก
บางคนอาจบอกว่า 70 ไมล์ต่อชั่วโมง ไม่เห็นจะน่าประทับใจ
ท่านกำลังประมาทความเร็วระดับนี้มากไปแล้วครับ 70 ไมล์ต่อชั่วโมง แปลว่าจะเร็ว 112.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
หรือประมาณ 31.11 เมตรต่อวินาที ประสาทของมนุษย์กว่าจะมองเห๋็นแล้วเคลื่อนใหว ใช้เวลาเฉื่อย 0.35 วิ
ซึ่งนั่นหมายความว่ามาโกพุ่งไปแล้วร่วมสิบเมตร แถมยิ่งมีความเร็วสูง พลังทำลายที่เกิดจากการปะทะก็จะมากตามไปด้วย
ด้วยความเร็วมากกว่า 30 เมตรต่อวินาที บวกกับแรงปะทะจากน้ำหนักตัว 500 กิโลกรัม นั้งอาจสร้างพลังงานจลน์ได้ร่วม 500,000 จูล
ซึ่งนั่นหมายถึงพลังงานจลน์เทียบเท่า ระเบิด tnt 120 กิโลกรัม พระเจ้า อะไรจะปานนั่น(ระเบิด tnt 1 กิโลกรัมให้พลังงาน 4200 จูลนะครับ)
พลังเทียบเท่า tnt 120 กิโลกรัม นั่นหมายถึงมันชนเรือแตกได้ง่ายๆเลยนะนั่น
มาโก จะออกลูกครั้งละ 4-18 ตัว โดยแต่ละตัวอาจมีความยาวถึง 70 เซนติเมตรในปีถัดมา
และจะเจริญพันธ์เมื่ออายุ 18 เดือน อายุขัยของพวกมันอยู่ที่ 25 ปี
สัตว์ตระกูลฉลามทุกชนิดมีความสามารถด้านประสาทสัมผัสที่น่ากลัว มาโกอาจได้ยินเสียงในระยะสามกิโลเมตร
ได้กลิ่นเลือดจากร่างเหยื่อในระยะ500เมตร ในระยะสองร้อยเมตร ฉลามสามารถจับคลื่นการสั่นสะเทือนของน้ำได้ มาโกถือเป็นฉลามที่สายตาดี และมองเห็นภาพเป็นแบบกล้องสามมิติด้วยนะ
7. eletric eel
ยินดีต้อนรับ ราชาแห่งปลาผู้มีอาวุธล้ำยุค ยินดีต้อนรับ ปลาไหลไฟฟ้า Electrophorus electricus
เป็นสัตว์ที่ใหญ่และทรงพลังที่สุดในตระกูลปลาไฟฟ้าทุกสายพันธ์ มีรายงานการพบขนาดยาวกว่า 2 เมตร
และหนักกว่า 20 กิโลกรัม สำหรับปลาไหลไฟฟ้าตัวโตเต็มวัย มันสามารถช็อตได้แรงกว่า 500 โวลต์
และปล่อยได้มากกว่า 1 แอมแปร์ เป็นปกติร่างกาย(เคยมีรายงานการช็อตรุนแรงกว่า 800 โวลต์)
ซึ่งเจ้าตัวนี้ยาวได้สูงสุดถึง 2.4 เมตร ใช้ไฟฟ้าในรูปแบบ teaser ใช้ฆ่าเหยื่อและไล่ศัตรู ตอนเป็นตัวอ่อนมันจะกินสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
ตอนโตเต็มวัยนั้น มันจะล่าปลาต่างๆ ปลาใหลไฟฟ้ามีอวัยวะที่เป็นกล้ามเนึ้อคล้ายเซลล์เรียกว่า electrolocation หนึ่งเซลลให้พลัง 0.15
โวลต์ มันจะใช้พลังเพียงเล็กน้อยในการค้นหา แต่พลังเต็มที่จะใช้ในการสังหาร
กล้ามเนึ้อของปลาไหลไฟฟ้า สามารถตรวจจับแรงกระเพื่อมของน้ำได้ดีเยี่ยม
และสามารถปล่อยไฟฟ้าออกไปหยุดยั้งการเคลื่อนใหวของเหยื่อในน้ำได้ในเวลา 10-15 มิลลิวินาที!หลังจากการตรวจจับ
เครื่องช็อตไฟฟ้าจะปล่อยได้ราว 19+ ครั้งของการช็อตต่อวิ แต่เจ้าปลาใหลของเราปล่อยได้ 400+ ครั้งของการช็อตต่อวินาที
นั่นหมายความว่าเจ้าปลาใหลไฟฟ้าอาจสั่งการกล้ามเนึ้อหลายส่วนในร่างกายให้ทำงานได้ในแทบจะขณะเดียวกัน
นี่คือความลับของหนึ่งการโจมตีที่น่ากลัวที่สุดในโลกธรรมชาติ ความเร็วที่เหนือกว่าประสาทสั่งการของผู้ถูกจู่โจม!(จะบอกว่าโจมตีเร็วกว่าความคิดก็ได้)
การโจมตีด้วยไฟฟ้าจะตัดประสาทสัมผัสของเหยื่อในทันที และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมมันอันตราย เพราะกว่าคุณจะรับรู้ เจ้านักล่าก็ช็อตคุณให้เป็นอัมพาตไปแล้ว........... นอกจากนั้นไฟฟ้าของมันยังเป็นเรดาร์ธรรมชาติให้กับนักล่าจอมโหด ในน้ำที่แสนขุ่นมั่ว
ในสภาพออกซิเจนต่ำ บางครั้งเจ้าสุดยอดนักล่าเอง ก็จะขึ้นมาที่ผิวน้ำ เพื่อรับออกซิเจนเพิ่มเติม
แม้แต่จระเข้ยังไม่อยากยุ่งกับราชันย์นักล่าตนนี้ เพราะโอกาสแลกชีวิตไปด้วยกันมีสูงมาก
ไฟฟ้า 800 โวลต์ แม้แต่ม้าเทศตัวใหญ่ๆ อาจถูกฆ่าง่ายดาย ในอนาคตเราอาจใช้องค์ความรู้ด้านนี้ ทำ gmo เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวภาพก็ได้นะ...
6.tiger shark
มาเจอของจอมโหดแห่งอ่าวไทย ฆ่าสิงโตทะเล เต่าทะเล หรือแม้แต่ฉลามด้วยกันกินได้!
ปลาฉลามเสือเมื่อโตเต็มที่มีขนาดประมาณ 5 เมตร แต่ตัวที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบคือ 7.5 เมตร น้ำหนักหนักที่สุดคือ 807.4 กิโลกรัม พบกระจายว่ายหากินอยู่ทั่วไปในน่านน้ำเขตอบอุ่นทั่วโลก มีพฤติกรรมชอบหากินตามแนวปะการังหรือบริเวณใกล้ชายฝั่ง หรือบริเวณปากแม่น้ำ โดยอาศัยตั้งแต่ระดับผิวน้ำจนถึงความลึก 140 เมตร ปกติมักอยู่ลำพังเพียงตัวเดียวและหากินในเวลากลางคืน ว่ายน้ำได้คล่องแคล่วว่องไวมาก และเดินทางใกลนับพันกิโลเมตร
ปลาฉลามเสือได้ชื่อว่าเป็นปลาที่กินไม่เลือกเหมือนเช่นปลาฉลามขาว (Carcharodon carcharias) เพราะมักเจอสิ่งที่ไม่ใช่อาหารในกระเพาะเสมอ ๆ เช่น ยางรถยนต์, กระป๋องน้ำ, เศษไม้ หรือ พลาสติก ซึ่งล้วนแต่เป็นขยะที่มนุษย์โยนทิ้งลงทะเลทั้งสิ้น
ปลาฉลามเสือ เป็นปลาที่ออกลูกเป็นตัว ในระยะเวลาตั้งท้องนานเกือบหนึ่งปี สามารถตกลูกได้ตลอดทั้งปี โดยเฉลี่ยจะตกลูกครั้งละ 10-82 ตัว ลูกปลาแรกเกิดมีความยาวประมาณ 51.76 เซนติเมตร เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้ 4-6 ปี อายุขัยโดยเฉลี่ย 12 ปี แต่อายุในสถานที่เลี้ยงมักจะมีอายุเพียงสั้น ๆ ไม่เกิน 2 เดือนเท่านั้น
ปลาฉลามเสือ นับได้ว่าเป็นปลาฉลามอีกชนิดหนึ่งที่มีอันตรายต่อมนุษย์ เพราะมีนิสัยดุร้ายและมีพฤติกรรมการกินที่ไม่เลือก ในพื้นที่ทะเลของไทยนับได้ว่าเป็นปลาฉลามที่อาจทำร้ายมนุษย์หรือนักดำน้ำได้ร่วมกับ ปลาฉลามหัวบาตร (Carcharhinus leucas) และ ปลาฉลามครีบดำ (C. melanopterus) โดยสถานที่ ๆ มีรายงานปลาฉลามเสือทำร้ายนักดำน้ำหรือนักโต้คลื่นมากที่สุด คือ ฮาวาย เชื่อว่าเกิดจากเหตุที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว จึงทำให้ปลาฉลามเสือเห็นกระดานโต้คลื่นผิดไปเป็นแมวน้ำซึ่งเป็นอาหาร กอรปกับการที่มีเต่าทะเลซึ่งเป็นอาหารอีกอย่างหนึ่งกระจายพันธุ์สูงด้วย