ter]
วันนี้อ่านหนังสือจบอีกเล่ม "Low cost marketing"
พอดีกับช่วงนี้ กำลังตั้งใจสร้างธุรกิจอยู่
แต่ด้วยความที่งบของเราไม่เยอะ การตัดสินใจใช้เงินทุกบาทจึงจำเป็นอย่างยิ่ง
หนังสือเล่มนี้ช่วยชี้ทางให้เห็นในเรื่องที่ไม่เคยรู้
หลังจากที่อ่านหนังสือเล่มนี้จบ มีหลายไอเดียเลยที่สามารถนำไปปรับใช้ในธุรกิจได้จริงๆ
จึงนำบทความที่ผมชอบมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านไปด้วยกัน
- เพ้อเจ้อรึเปล่า มันอยู่ที่ว่าคุณลงมือทำมันจริงๆ จังๆ รึเปล่า ถ้าคิดฝันอย่างเดียวแต่ไม่ลงมือทำอะไรเลย แน่นอนครับ มันเรียกว่าเพ้อเจ้อ
- หลายกิจการเริ่มต้นสร้างภาพลักษณ์ให้ดูเชื่อว่าเป็นมืออาชีพ ทั้งๆ ที่ภายในเป็นแค่มือสมัครเล่น
- เมื่อสั่งสมประสบการณ์มากพอ ความเป็นมืออาชีพเราไม่ต้องสร้างภาพเองหรอกครับ ลูกค้าเค้าจะเป็นคนมอบตำแหน่งนั้นให้เราเอง
- คิดเร็ว ทำเร็ว เพราะสุดท้ายถ้าเราไม่ทำ เดี๋ยวก็ต้องมีคนอื่นทำอยู่ดี
- การสร้างความแตกต่าง คือหนทางของคน Low cost
- ในแนวทางของ Low cost marketing คุณต้องหาจุดขายของคุณให้เจอ
- ไอเดียที่ดีที่สุดอาจหยุดแค่ในหัว ถ้าเรามัวแต่กลัวการนำเสนอ
- สร้างความมีตัวตนของกิจการหรือตัวคุณ ทั้ง online และ offline ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
- เอาเวลาไปหาลูกค้า ไม่ใช่รอเวลาให้ลูกค้ามาหาเรา
- งานที่ไม่ถนัดควรจ้างผู้เชี่ยวชาญให้มาช่วย
- ตั้งสมมติฐานไว้เสมอว่า ช่องทางการโฆษณากิจการของเราโดยไม่ใช้เงินนั้นมีอยู่จริง แล้วเมื่อเจอช่องทางนั้นแล้ว รีบคว้าโอกาสนั้นไว้
- ไอเดียบางอย่างที่เรารู้ว่ามันยอดเยี่ยมในความรู้สึกของเรา จงตัดสินใจทำในทันที
- ถ้าคุณอยากให้สินค้าของคุณดัง และเพิ่มคุณค่าในตราสินค้า คุณต้องไม่แค่ทำตัวเป็นผู้ซื้อมาขายไป
- อย่าคิดแต่จะดัง ระวังและให้คิดเรื่องตั้งรับรอไว้ด้วย
- ฝึกเล่าเรื่องราวของธุรกิจของคุณให้ดูไหลลื่น น่าสนใจในทุกช่องทาง
เท่าที่เขียนมาเป็นแค่ไม่กี่เปอร์เซนต์ของเนื้อหาดีๆ สำหรับคนที่อยากทำ Marketing แบบใช้เงินน้อย หรือแทบไม่ต้องใช้เลย แต่ทุกวิธ๊ Make sense สามารถนำไปใช้ได้จริง
มีหลายข้อที่ไม่ได้เขียนลงมาในนี้
เล่มนี้แนะนำสำหรับคนที่กำลังมีแผนที่จะทำธุรกิจ เริ่มต้นให้ใช้สมองก่อน
อย่างที่พี่ชายที่ผมเคารพชอบพูด "ปัญหานำทุน"
[CR] แชร์บทความในหนังสือ "Low cost marketing"
วันนี้อ่านหนังสือจบอีกเล่ม "Low cost marketing"
พอดีกับช่วงนี้ กำลังตั้งใจสร้างธุรกิจอยู่
แต่ด้วยความที่งบของเราไม่เยอะ การตัดสินใจใช้เงินทุกบาทจึงจำเป็นอย่างยิ่ง
หนังสือเล่มนี้ช่วยชี้ทางให้เห็นในเรื่องที่ไม่เคยรู้
หลังจากที่อ่านหนังสือเล่มนี้จบ มีหลายไอเดียเลยที่สามารถนำไปปรับใช้ในธุรกิจได้จริงๆ
จึงนำบทความที่ผมชอบมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านไปด้วยกัน
- เพ้อเจ้อรึเปล่า มันอยู่ที่ว่าคุณลงมือทำมันจริงๆ จังๆ รึเปล่า ถ้าคิดฝันอย่างเดียวแต่ไม่ลงมือทำอะไรเลย แน่นอนครับ มันเรียกว่าเพ้อเจ้อ
- หลายกิจการเริ่มต้นสร้างภาพลักษณ์ให้ดูเชื่อว่าเป็นมืออาชีพ ทั้งๆ ที่ภายในเป็นแค่มือสมัครเล่น
- เมื่อสั่งสมประสบการณ์มากพอ ความเป็นมืออาชีพเราไม่ต้องสร้างภาพเองหรอกครับ ลูกค้าเค้าจะเป็นคนมอบตำแหน่งนั้นให้เราเอง
- คิดเร็ว ทำเร็ว เพราะสุดท้ายถ้าเราไม่ทำ เดี๋ยวก็ต้องมีคนอื่นทำอยู่ดี
- การสร้างความแตกต่าง คือหนทางของคน Low cost
- ในแนวทางของ Low cost marketing คุณต้องหาจุดขายของคุณให้เจอ
- ไอเดียที่ดีที่สุดอาจหยุดแค่ในหัว ถ้าเรามัวแต่กลัวการนำเสนอ
- สร้างความมีตัวตนของกิจการหรือตัวคุณ ทั้ง online และ offline ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
- เอาเวลาไปหาลูกค้า ไม่ใช่รอเวลาให้ลูกค้ามาหาเรา
- งานที่ไม่ถนัดควรจ้างผู้เชี่ยวชาญให้มาช่วย
- ตั้งสมมติฐานไว้เสมอว่า ช่องทางการโฆษณากิจการของเราโดยไม่ใช้เงินนั้นมีอยู่จริง แล้วเมื่อเจอช่องทางนั้นแล้ว รีบคว้าโอกาสนั้นไว้
- ไอเดียบางอย่างที่เรารู้ว่ามันยอดเยี่ยมในความรู้สึกของเรา จงตัดสินใจทำในทันที
- ถ้าคุณอยากให้สินค้าของคุณดัง และเพิ่มคุณค่าในตราสินค้า คุณต้องไม่แค่ทำตัวเป็นผู้ซื้อมาขายไป
- อย่าคิดแต่จะดัง ระวังและให้คิดเรื่องตั้งรับรอไว้ด้วย
- ฝึกเล่าเรื่องราวของธุรกิจของคุณให้ดูไหลลื่น น่าสนใจในทุกช่องทาง
เท่าที่เขียนมาเป็นแค่ไม่กี่เปอร์เซนต์ของเนื้อหาดีๆ สำหรับคนที่อยากทำ Marketing แบบใช้เงินน้อย หรือแทบไม่ต้องใช้เลย แต่ทุกวิธ๊ Make sense สามารถนำไปใช้ได้จริง
มีหลายข้อที่ไม่ได้เขียนลงมาในนี้
เล่มนี้แนะนำสำหรับคนที่กำลังมีแผนที่จะทำธุรกิจ เริ่มต้นให้ใช้สมองก่อน
อย่างที่พี่ชายที่ผมเคารพชอบพูด "ปัญหานำทุน"
https://www.facebook.com/TravellersTrade/?ref=hl