ออกตัวก่อนว่ากระทู้แรกนะคะ *ถ้าจัดตัวหนังสืออ่านไม่สะดวก บอกได้ค่ะ
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาบอกเล่าถึงประสบการณ์ที่เราได้ไปร่วมโครงการ work and travel มานะคะ
เราไปมาตอน 31 เมษา 2558 - 19 สิงหาคม 2558 ประมาณเกือบ 4 เดือนเต็ม
โดยรวมประสบการณ์ 2 ประเทศ 3 เมืองเลยนะค้าาา.นั่นก็เพราะขากลับเรา
แวะนิวยอร์ค 4 วัน แวะญี่ปุ่น5 วัน
เอาง่ายๆคือจะเล่า ตั้งแต่เตรียมตัวอยู่บ้าน จนกระทั่งบินลัดฟ้าไปหาโลกใหม่
และถึงบินกลับมาเหยียบแผ่นดินบ้านเกิดอันเป็นที่รัก พอดีเราอยากตั้งกระทู้นานละ คิดอยู่นาน
อยากเก็บไว้อ่านเตือนความทรงจำด้วย และพอดีได้เห็นกระทู้รีวิวน่ารักๆ ที่จขกท ได้เงินกลับมา สองแสนกว่า
อื้อหืออฟินๆและน่าอิจฉามากกก และนั่นคือ work and travel ในฝันที่เราฝันไว้เลยค่ะ เลยมาขอตั้งบ้าง อิอิ แต่ ..
มีแต่สต๊อปตัวโก่งเลย 5555 แต่ในเมื่อสิ่งที่เราตั้งใจอยากได้คือเงินกลับมาเยอะๆ มันแปรเปลี่ยนเป็น
มิตรภาพจากคน 4 เชื้อชาติ ความรัก ความสุข ความสนุก ความผูกพันธ์ ห่วงใยซึ่งกันและกัน
และประสบการณ์ดีๆต่างๆมากมาย ที่คิดว่าเงินมันซื้อไม่ได้
และทุกความรู้สึกมันไม่จบลงแค่ที่อเมริกา แต่พวกเราทุกคนพามันกลับมาไทย และยังคงติดต่อกับทุกคนที่นู้น
และสิ่งทั้งหมดต่อไปนี้ คือประสบการณ์ของเรา ที่เราไปพบเจอและทุกอย่างมันยังติดตราตรึงใจเรา
อยู่ในทุกครั้งที่นึกถึง จึงอยากเล่าให้เพื่อนๆได้รู้มุมน่ารักอีกมุมของการไป work and travel
ปล. หากคุณอยากมีประสบการณ์ดีๆแบบเรา เราตอบไม่ได้หรอกค่ะว่าสิ่งข้างหน้าที่คุณจะก้าวไปสัมผัสจะเป็นยังไง
คุณต้องลองออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆด้วยตัวคุณเอง โดยมีประสบการณ์ของเราเป็นเรื่องราวตัวอย่างแล้วกันนะค้าา
#ถ้าเราใช้ภาษาไทยไม่ถูกเป๊ะ ก็ขออภัยไว้ก่อนนะคะ ถือว่าอ่านเอาความสนุกเนอะ ยังไงแนะนำได้ค่ะ อาจเขียนยาวไปด้วยมั้ง ;p
อ่านกระทู้เรา ก็ต้องได้รู้รายละเอียดชีวิตในแบบของเราใช่มั้ยคะ งั้นขอบอกความจำกัดของตัวเองก่อนนะคะ
- เราเป็นคนไม่ค่อยช็อปปิ้งเท่าไหร่ คงไม่ได้รีวิวของที่ควรซื้อกลับมา
- เราเป็นคนไม่บ้าแบรนเนม เพื่อนฝากซื้อแบรนเนมนี่ ไม่รู้รุ่นไม่รู้อะไรเล้ยยย
ก็เดินๆดูบ้าง แต่ก็หนีไม่พ้น ได้กลับมาบ้างแต่รับรองไม่ฟุ่มเฟือย
- ไปนี่ตั้งใจไปใช้ชีวิตและแวะเที่ยวบ้าง เพราะฉนั้นก็รีวิวทั้งเมกาและญี่ปุ่นแบบไม่ได้ใช้เงินเยอะ
เพราะเป้าหมายคือเก็บเงิน ให้เหลือมาให้แม่ด้วย อยากให้แม่ภูมิใจ
- เป็นคนเสียเงินให้กับของกินแบบไม่ได้คิดเสียดาย เช่นมื้อละพันกว่าก็ซื้อกินได้
แต่ถ้าจะซื้อน้ำหอมสักขวด พันกว่าเช่นกันนี่จะ คิดแล้วคิดอีก3วัน 55555
เราเป็นคนประมาณนี้ ถ้าคุณเป็นประมาณนี้ก็อาจได้เงินเก็บกลับมาแบบเราบ้าง ที่บอกแบบนี้ก่อนเพราะว่า
จุดประสงค์ของการไปเวิคแต่ละคนต่างกัน บางคนก็ทำงานเพื่อเที่ยว เพื่อนเราบางคนเงินไม่พอต้องขอที่บ้าน
ส่วนเราตั้งใจเก็บเงินกลับบ้านบ้างบางส่วน รวมแล้วเราทำงานได้เงินเดือนมาทั้งหมด 3เดือน
ตีเป็น 85,000 บาท (งานเดียวตลอดโครงการ) มีพอกเกตมันนี่ตอนแรก 20,000 รวมมีเงิน 105,000 บาท
ใช้ชีวิตอยู่ในเมกาเกือบ 4 เดือน และเหลือไปเที่ยวนิวยอร์ค 4วัน เที่ยวญี่ปุ่น 5วัน หักลบเที่ยวช็อป
และมีเงินสดกลับมาไทยให้ม๊าและตัวเองใช้ รวมแล้ว 35,000 บาทค่ะ ดูค่าเงินแล้วอาจน้อย แต่ถ้าอ่านดูจบกระทู้แล้ว
เราว่าค่าประสบการณ์ดีๆของเรา มีค่ามหาศาลกว่านะค่ะ หน้ายิ้มพร้อมตายิ้ม
เริ่มแรกเลยนั้น
1. เราก็หาโครงการที่เราจะร่วมไป มีหลายคนบอกเทคนิคเราไว้คือ ให้เราเลือกงานที่อยากจะทำก่อน
แล้วค่อยเลือกรัฐที่จะไป แต่เรานี่เล็งรัฐไว้ก่อนเลยค่ะ555 เอาที่เราได้ยินและรู้จักเลยนะ ฉันจะไป New York บ้างละ
ฉันอยากเจอแสงสีและใช้ชีวิตชิคๆที่นั่น ฉันอยากไป LA รัฐ แคลิฟอเนียบ้างหละ ฉันอยากไปตามรอยคิมทันโอป้า
เอ้ะหรือจะไปฟอลริด้าดี วอชิงตัน ดี.ซีมั้ย นี่ก็มโนไปต่างๆนาๆเลยคะ โดยลืมไปว่า งานยังไม่ได้เลือกเลย 5555
อยากแนะนำว่าให้คิดก่อนดีกว่าคะว่าอยากทำงานอะไร และให้คิดว่าเราต้องอยู่กับมันไป2-3เดือนเลยนะ
เราจะไปกับเพื่อนเรา วาดฝันการใช้ชีวิตใน New York ไว้เสร็จสรรพ
แต่เรามาเปลี่ยนงานเอาวันใกล้ๆสัมภาษณ์ และเราเลยต้องไปทริปนี้คนเดียว เราเลือกไปรัฐสงบๆอารมณ์คันทรี่แทน
ซึ่งตอนแรกเราพยายามเลี่ยงรัฐคันทรี่มาก เรากลัวไปใช้ชีวิตไม่คุ้ม แฟนเราขู่ค่ะว่า "ไปอยู่ตั้งสามสี่เดือนนะ
จะไปนอนมองท้องฟ้าต้นไม้หรอ ไปที่ๆมันได้เที่ยวบ้างหลังเลิกงานสิ จะได้ไม่ต้องตะบี้ตะบันเก็บเงินแล้ว
มาใช้รัวก่อนกลับเพราะตื่นแสงสี 5555 พิ้งอยากให้เกะไปใช้ชีวิต ไปเที่ยวด้วยนะ เลือกไปรัฐที่ไม่คันทรี่ดีกว่าไหม?"
นี่ก็กลัวไม่ค่อยมีที่เที่ยวตามแฟนบอก5555 แต่สุดท้ายการเลือกไปรัฐ มิสซูรี่
เป้าหมายเลยเปลี่ยน คิดสะว่าไปทำงานเก็บเงินเยอะๆดีกว่า เอากลับไปให้แม่ให้ที่บ้านได้ภูมิใจ เลยกะไม่ค่อยเที่ยว
พอบอกเป้าหมายใหม่ นางก็มาพูดกับเราอีกว่า "เกะ.. เก็บเงินอะดี แต่ได้ไปถึงเมกาทั้งที เราต้องไปเรียนรู้ว่าเค้ากินยังไง
อยู่ยังไง อย่าไปแล้วเอาแต่เก็บเงินนะ ใช้ด้วยเพื่อซื้อประสบการณ์ครั้งนึงในชีวิตนะ ไปรัฐนี้ก็ดีจะได้มีเงินเก็บบ้าง"
และนั่นแหละคือต้นกำเนิดของกระทู้นี้
2. เราเลือกโครงการได้แล้วก็คุยรายละเอียดโครงการเลย อะไรยังไงแบบไหน ซึ่ง!! เราเป็นคนเข้าใจอะไรยากมากกก
คือถามทุกอย่าง หลายๆรอบจนกว่าจะเข้าใจ เพื่อนกับแฟนนี่งงยกใหญ่ ว่าเราไม่เข้าใจอะไรว้าาา55555
แต่ทั้งนี้ต้องกราบขอบพระคุณพี่ที่ดูแลเราเค้าอธิบายจนด่าเราในใจไปเป็นร้อยรอบแล้วมั้ง แต่มันคือข้อดีแล้วนะ
เพื่อนๆควรถามรายละเอียดดีๆ ทั้งสภาพแวดล้อมของรัฐที่จะไปและหน้าที่การงาน รวมถึง เรทเงินที่จะได้ค่ะ
3. การเตรียมเอกสารทำพาทสปอทวีซ่า และการเตรียมตัวสัมภาษณ์ พอมาถึงข้อนี้เหมือนสมองเราความจำสั้นสะงั้น5555
แต่ทุกอย่างไม่ยากเลยค่ะ ขอเอกสารต่างๆจากมหาลัยฯเสร็จก็ส่งให้พี่เค้าไปจัดการ ส่วนการสัมภาษณ์วีซ่า
เราตื่นเต้นกลัวไปหม๊ดดด เตรียมตัวอย่างดี ฝึกอ่านฝึกท่อง สารพัด สรุปวันไปสัมภาษณ์เค้าชิวมากค่ะ
คุณฝรั่งที่สัมภาษณ์ให้แนะนำตัว ถามว่าเรียนไหน จะไปไหน รัฐไหน ทำอะไร ประมาณนี้เองค่ะ
(เพื่อนเราบางคนก็ไม่เก่งภาษามากก็ผ่านมาได้นะคะ เพราะฉนั้นอย่าเพิ่งกลัวไปก่อน)
4. พอทุกอย่างเสร็จก็มาเตรียมตัวไป เตรียมตัวสัมภาษณ์งานที่เราเลือกไว้ ละเราจะได้สัมภาษณ์กับนายจ้าง
ที่เค้าบินจากอเมริกามาสัมภาษณ์เองเลย และวันนี้เองที่เราจะได้เจอเพื่อนๆคนไทยที่จะไปเวิคกับเรา
ตอนเข้าไปสัมภาษณ์ก็ตลกดีค่ะ สั่นๆจนฟังเค้าถามไม่เข้าใจ เตรียมคำพูดว่า again please ตลอดอะ 55555
คำถามก็จะอารมณ์ชีวิตส่วนตัวบ้าง ความคาดหวังจากงานบ้าง สุดท้ายเราก็ผ่านค้าาาา
กรี๊ดสิ โอ้ยยย อเมริการอพี่แป้ปปป พี่จะไปโบยบิน 555555 ม๊านี่ดีใจกว่าอีกโทรบอกชาวบ้านโหม๊ดดด
5. มาถึงขั้นตอนการเตรียมแพคกระเป๋าไปอเมริกาาา เรื่องเสื้อผ้าพี่แทบไม่สน พี่แพคของกินล้วนๆ
ที่อยู่ในนั้นเกือบ 40โล 5555 อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ 40โลจริงๆนี่ถ้าไม่เกรงใจ เราแบกข้าวสารไปละอะ
(ซึ่งเพื่อนคนจีนแบกมาด้วย ขำๆดี) เรานี่กลัวผอม กลัวไม่มีไรกิน ถึงขั้นแบกหม้อสุกกี้เล็กๆไปด้วย
นี่คือเรื่องจริง ตอนแฟนเรารู้นางไล่ไปเอาออกเลยค่ะ ม๊าเรานี่บอกอย่าเอาไปเลยลูก แต่นี่แอบค่ะ
แอบแพคไป555555 เรากลัวอาหารไม่ถูกปาก จริงๆคนอ้วนแบบเรานี่กินได้หมด แต่เราไม่ค่อยชอบกินพิซซ่า
ขนมปังหรืออาหารฝรั่งไรมากมายค่ะเราติดข้าว ติดอาหารรสจัด เราเลยไปตระเวนซื้อผงโลโบ้ ผงคนอร์ พริกป่น
พริกไทย น้ำปลา สารพัดค่ะที่เตรียมไป แทบทุกรส จนสามารถไปตั้งอีกกระทู้รีวิวผงโลโบ้ได้เลยค่ะ 55555
กะอยู่โดยอาหารไทยนี่แหละทั้งเดือน เราโชคดีตรงเป็นคนทำกับข้าวเป็น ม๊าเราสอนทำตั้งแต่เด็ก
ให้นึกภาพผู้หญิงตัวกลมๆ วันๆขลุกอยู่แต่ในครัว ทำไปชิมไป นั่นแหละค่ะเรา55555
ที่ขาดไม่ได้เราเตรียมน้ำพริกกุ้งและน้ำพริกปลากรอบที่แม่เราทำนี่แหละ
เอาไป2โล55555 (ไม่บอกชื่อน้ำพริกละกัน เดี๋ยวโดนว่ามาโฆษณาขายของ แฮร่)
คือบอกแล้วชีวิตขาดเผ็ดไม่ได้ พริกป่นกับผงมะนาวนี่จำเป็นมากๆเลยนะ โลโบ้กับผงคนอร์นี่ฮีโร่ชัดๆ
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนี่แพคไปเถอะค่ะ เราขนไปสารพัดรสเป็นลังอะแกะแล้วแพคไปในกระเป๋า55555
และเราเตรียมเสื้อผ้าชุดทำงานไป 2 ตัว กางเกงสีดำ รองเท้าสีดำ นอกนั้นก็เอาแต่ชุดอยู่บ้านไป
ผ้าใบคู่นึง รองเท้าแตะคู่นึง คิดไว้ว่าไปซื้อสวยๆที่นู้นเลยดีกว่า เพราะกะว่าจะไปลดความอ้วนที่เมกาค้าาา
(คิดมาได้ ไปเมืองแห่งชีทเอย ฟาสฟู๊ดเอย) ดูความแตกต่างระหว่างเล่าเรื่องเตรียมอาหาร
กับเสื้อผ้าดูนะคะ 555555 อ๊อออเกือบลืมแล้ว ยาค่ะ !! สำคัญมากกกกก
เราเอาไปแทบจะเป็นตู้ยาสามัญเคลื่อนที่ ที่เมกาจู่ๆเราไม่สบายไปซื้อยาซี้ซั้ว เค้าไม่ขายนะคะ
เตรียมไปเองดีกว่า แก้ไข่ แก้หวัด แก้ไอ ปวดท้อง ท้องเสีย เบตาดีน อะไรก็ว่าไป
โอเคค่ะ แนวหลักการเกร็ดความรู้จบไปละ ซึ่งเราไม่ค่อยถนัดนักแล มาอ่านเรื่องเม้าท์มอยถนัดๆดีกว่า55555
เราเตรียมของทุกอย่างเสร็จสรรพ เอาเงินพอคเกตมันนี่ติดตัวไป 20,000 แต่เพื่อนคนอื่นก็เอาไป
ประมาณ30,000 แล้วแต่คนนะคะ เรามีข้อดีคือ ไม่มีสอบไฟนอล สามารถไปเวิคได้เลย ตั้งแต่ 31 เมษา
ส่วนเพื่อนคนไทยคนอื่นจะตามไป 25 พฤษภา เท่ากับว่า เราต้องไปอยู่คนเดียวที่เมกา 1 เดือน!!!!
(ก็26วันโดยประมาณ) เอาละสิ ความกลัวบังเกิดนิดหน่อย พูดไงละ สื่อสารไงละ อยู่คนเดียวเดือนนึง
แกร่งดังหินผาไปมั้ย จะนอนยังไง เป็นคนกลัวผีขึ้นสมอง กินข้าวคนเดียวคือเรื่องเหงาหงอยมาก
สารพัดจะนึกได้ วิตกนิดๆค่ะ แถมช่วงนั้นเราดันมีปัญหาส่วนตัวหนักมาก สภาพจิตใจเรียกว่าย่ำแย่ขั้นสุด
แต่เราเลือกแล้ว ชีวิตใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น เราสวดภาวนาขอพระคุ้มครองเรา (เราเป็นคริสต์)
มั่นใจในพระมาก ว่านี่คือสิ่งที่พระเตรียมไว้ให้ ก็ไปค่ะ บินเลยค่ะ โชคดีตรงที่ทำงานเรา มีที่พักให้เลย
เราเลือกงาน housekeeping หรือแม่บ้านทำความสะอาดดีๆนี่เอง เราเลือกงานมากตั้งแต่แรก
แต่กลัวสกิลภาษาอังกฤษตัวเองอีก ต่อให้หลายคนบอกว่า
เราก็เรียน Abac กลัวไรภาษาอังกฤษ งื่อออ คนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองต้องเข้าใจนะคะ
ก็เลยเลือกงานนี้แหละ ง่ายๆ (แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด) วันบินไปเมกาก็มาถึง เช้าตรู่ของวันที่ 31 เมษา
ถึงสนามบิน 6โมงเช้า เตรียมบิน 8.30 น. พกพาสปอทเรียบร้อย พร้อมเอกสารที่โครงการเตรียมไว้ให้
นึกว่าจะร้องไห้ ปกติขี้แย แต่ไม่ร้องเลย ใจเราตอนนั้นอยากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่มากๆ
เราต้องบินจากไทย ไปเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง จากฮ่องก็บินยาวสู่อเมริกา เปลี่ยนเครื่องที่รัฐ Dallas อีกครั้ง
ก่อนบินสู่รัฐ Missouri อยากจะร้องไห้ตั้งแต่บนเครื่องละค่ะ คือเมื่อยมากปวดหลังอีก คือเข็ดอะ 5555
พอบินเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกงได้เจอเพื่อนคนไทยคนหนึ่งโครงการเดียวกัน ก็ช่วยกันงมหาทางไปเอากระเป๋าเอย
ต่อเครื่องเอย สนุกดีค่ะ หาไวไฟฟรีใหญ่ เพื่อจะติดต่อบอกม๊า ได้ใช้ภาษาอังกฤษแล้วนะ
หลังก้าวขาออกจากเกทที่สุวรรณภูมิ ก็โบกมือลาภาษาไทยได้เลย สุดท้ายก็แยกกับเพื่อนคนนั้นไป
เราก็มุ่งตรงสู่อเมริกา พอถึงมิสซูรี่ปุ้ป ต้องมาลุ้นแล้วค่ะ ว่าเมเนเจอร์ที่มารับเราที่สนามบินจะน่าตายังไง
เราได้เมลบอกเค้าว่าจะมาถึงเวลานี้นะ และโชคดีของเรามากๆที่เค้าจะมารับ
หลายคนต้องหาบ้านเอง และไปที่ทำงานเอง. ก็ถือว่าเราโชคดี
พิมต่อไม่พอ ต่อด้านล่างนะคะ
แชร์ประสบการณ์ work&travel ที่ Missouri สู่ New York และญี่ปุ่น หวังได้เงินแสนแต่ไม่ได้กลับสุขใจเกินคาดหวัง :)
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาบอกเล่าถึงประสบการณ์ที่เราได้ไปร่วมโครงการ work and travel มานะคะ
เราไปมาตอน 31 เมษา 2558 - 19 สิงหาคม 2558 ประมาณเกือบ 4 เดือนเต็ม
โดยรวมประสบการณ์ 2 ประเทศ 3 เมืองเลยนะค้าาา.นั่นก็เพราะขากลับเราแวะนิวยอร์ค 4 วัน แวะญี่ปุ่น5 วัน
เอาง่ายๆคือจะเล่า ตั้งแต่เตรียมตัวอยู่บ้าน จนกระทั่งบินลัดฟ้าไปหาโลกใหม่
และถึงบินกลับมาเหยียบแผ่นดินบ้านเกิดอันเป็นที่รัก พอดีเราอยากตั้งกระทู้นานละ คิดอยู่นาน
อยากเก็บไว้อ่านเตือนความทรงจำด้วย และพอดีได้เห็นกระทู้รีวิวน่ารักๆ ที่จขกท ได้เงินกลับมา สองแสนกว่า
อื้อหืออฟินๆและน่าอิจฉามากกก และนั่นคือ work and travel ในฝันที่เราฝันไว้เลยค่ะ เลยมาขอตั้งบ้าง อิอิ แต่ ..
มีแต่สต๊อปตัวโก่งเลย 5555 แต่ในเมื่อสิ่งที่เราตั้งใจอยากได้คือเงินกลับมาเยอะๆ มันแปรเปลี่ยนเป็น
มิตรภาพจากคน 4 เชื้อชาติ ความรัก ความสุข ความสนุก ความผูกพันธ์ ห่วงใยซึ่งกันและกัน
และประสบการณ์ดีๆต่างๆมากมาย ที่คิดว่าเงินมันซื้อไม่ได้
และทุกความรู้สึกมันไม่จบลงแค่ที่อเมริกา แต่พวกเราทุกคนพามันกลับมาไทย และยังคงติดต่อกับทุกคนที่นู้น
และสิ่งทั้งหมดต่อไปนี้ คือประสบการณ์ของเรา ที่เราไปพบเจอและทุกอย่างมันยังติดตราตรึงใจเรา
อยู่ในทุกครั้งที่นึกถึง จึงอยากเล่าให้เพื่อนๆได้รู้มุมน่ารักอีกมุมของการไป work and travel
ปล. หากคุณอยากมีประสบการณ์ดีๆแบบเรา เราตอบไม่ได้หรอกค่ะว่าสิ่งข้างหน้าที่คุณจะก้าวไปสัมผัสจะเป็นยังไง
คุณต้องลองออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆด้วยตัวคุณเอง โดยมีประสบการณ์ของเราเป็นเรื่องราวตัวอย่างแล้วกันนะค้าา
#ถ้าเราใช้ภาษาไทยไม่ถูกเป๊ะ ก็ขออภัยไว้ก่อนนะคะ ถือว่าอ่านเอาความสนุกเนอะ ยังไงแนะนำได้ค่ะ อาจเขียนยาวไปด้วยมั้ง ;p
อ่านกระทู้เรา ก็ต้องได้รู้รายละเอียดชีวิตในแบบของเราใช่มั้ยคะ งั้นขอบอกความจำกัดของตัวเองก่อนนะคะ
- เราเป็นคนไม่ค่อยช็อปปิ้งเท่าไหร่ คงไม่ได้รีวิวของที่ควรซื้อกลับมา
- เราเป็นคนไม่บ้าแบรนเนม เพื่อนฝากซื้อแบรนเนมนี่ ไม่รู้รุ่นไม่รู้อะไรเล้ยยย
ก็เดินๆดูบ้าง แต่ก็หนีไม่พ้น ได้กลับมาบ้างแต่รับรองไม่ฟุ่มเฟือย
- ไปนี่ตั้งใจไปใช้ชีวิตและแวะเที่ยวบ้าง เพราะฉนั้นก็รีวิวทั้งเมกาและญี่ปุ่นแบบไม่ได้ใช้เงินเยอะ
เพราะเป้าหมายคือเก็บเงิน ให้เหลือมาให้แม่ด้วย อยากให้แม่ภูมิใจ
- เป็นคนเสียเงินให้กับของกินแบบไม่ได้คิดเสียดาย เช่นมื้อละพันกว่าก็ซื้อกินได้
แต่ถ้าจะซื้อน้ำหอมสักขวด พันกว่าเช่นกันนี่จะ คิดแล้วคิดอีก3วัน 55555
เราเป็นคนประมาณนี้ ถ้าคุณเป็นประมาณนี้ก็อาจได้เงินเก็บกลับมาแบบเราบ้าง ที่บอกแบบนี้ก่อนเพราะว่า
จุดประสงค์ของการไปเวิคแต่ละคนต่างกัน บางคนก็ทำงานเพื่อเที่ยว เพื่อนเราบางคนเงินไม่พอต้องขอที่บ้าน
ส่วนเราตั้งใจเก็บเงินกลับบ้านบ้างบางส่วน รวมแล้วเราทำงานได้เงินเดือนมาทั้งหมด 3เดือน
ตีเป็น 85,000 บาท (งานเดียวตลอดโครงการ) มีพอกเกตมันนี่ตอนแรก 20,000 รวมมีเงิน 105,000 บาท
ใช้ชีวิตอยู่ในเมกาเกือบ 4 เดือน และเหลือไปเที่ยวนิวยอร์ค 4วัน เที่ยวญี่ปุ่น 5วัน หักลบเที่ยวช็อป
และมีเงินสดกลับมาไทยให้ม๊าและตัวเองใช้ รวมแล้ว 35,000 บาทค่ะ ดูค่าเงินแล้วอาจน้อย แต่ถ้าอ่านดูจบกระทู้แล้ว
เราว่าค่าประสบการณ์ดีๆของเรา มีค่ามหาศาลกว่านะค่ะ หน้ายิ้มพร้อมตายิ้ม
เริ่มแรกเลยนั้น
1. เราก็หาโครงการที่เราจะร่วมไป มีหลายคนบอกเทคนิคเราไว้คือ ให้เราเลือกงานที่อยากจะทำก่อน
แล้วค่อยเลือกรัฐที่จะไป แต่เรานี่เล็งรัฐไว้ก่อนเลยค่ะ555 เอาที่เราได้ยินและรู้จักเลยนะ ฉันจะไป New York บ้างละ
ฉันอยากเจอแสงสีและใช้ชีวิตชิคๆที่นั่น ฉันอยากไป LA รัฐ แคลิฟอเนียบ้างหละ ฉันอยากไปตามรอยคิมทันโอป้า
เอ้ะหรือจะไปฟอลริด้าดี วอชิงตัน ดี.ซีมั้ย นี่ก็มโนไปต่างๆนาๆเลยคะ โดยลืมไปว่า งานยังไม่ได้เลือกเลย 5555
อยากแนะนำว่าให้คิดก่อนดีกว่าคะว่าอยากทำงานอะไร และให้คิดว่าเราต้องอยู่กับมันไป2-3เดือนเลยนะ
เราจะไปกับเพื่อนเรา วาดฝันการใช้ชีวิตใน New York ไว้เสร็จสรรพ
แต่เรามาเปลี่ยนงานเอาวันใกล้ๆสัมภาษณ์ และเราเลยต้องไปทริปนี้คนเดียว เราเลือกไปรัฐสงบๆอารมณ์คันทรี่แทน
ซึ่งตอนแรกเราพยายามเลี่ยงรัฐคันทรี่มาก เรากลัวไปใช้ชีวิตไม่คุ้ม แฟนเราขู่ค่ะว่า "ไปอยู่ตั้งสามสี่เดือนนะ
จะไปนอนมองท้องฟ้าต้นไม้หรอ ไปที่ๆมันได้เที่ยวบ้างหลังเลิกงานสิ จะได้ไม่ต้องตะบี้ตะบันเก็บเงินแล้ว
มาใช้รัวก่อนกลับเพราะตื่นแสงสี 5555 พิ้งอยากให้เกะไปใช้ชีวิต ไปเที่ยวด้วยนะ เลือกไปรัฐที่ไม่คันทรี่ดีกว่าไหม?"
นี่ก็กลัวไม่ค่อยมีที่เที่ยวตามแฟนบอก5555 แต่สุดท้ายการเลือกไปรัฐ มิสซูรี่
เป้าหมายเลยเปลี่ยน คิดสะว่าไปทำงานเก็บเงินเยอะๆดีกว่า เอากลับไปให้แม่ให้ที่บ้านได้ภูมิใจ เลยกะไม่ค่อยเที่ยว
พอบอกเป้าหมายใหม่ นางก็มาพูดกับเราอีกว่า "เกะ.. เก็บเงินอะดี แต่ได้ไปถึงเมกาทั้งที เราต้องไปเรียนรู้ว่าเค้ากินยังไง
อยู่ยังไง อย่าไปแล้วเอาแต่เก็บเงินนะ ใช้ด้วยเพื่อซื้อประสบการณ์ครั้งนึงในชีวิตนะ ไปรัฐนี้ก็ดีจะได้มีเงินเก็บบ้าง"
และนั่นแหละคือต้นกำเนิดของกระทู้นี้
2. เราเลือกโครงการได้แล้วก็คุยรายละเอียดโครงการเลย อะไรยังไงแบบไหน ซึ่ง!! เราเป็นคนเข้าใจอะไรยากมากกก
คือถามทุกอย่าง หลายๆรอบจนกว่าจะเข้าใจ เพื่อนกับแฟนนี่งงยกใหญ่ ว่าเราไม่เข้าใจอะไรว้าาา55555
แต่ทั้งนี้ต้องกราบขอบพระคุณพี่ที่ดูแลเราเค้าอธิบายจนด่าเราในใจไปเป็นร้อยรอบแล้วมั้ง แต่มันคือข้อดีแล้วนะ
เพื่อนๆควรถามรายละเอียดดีๆ ทั้งสภาพแวดล้อมของรัฐที่จะไปและหน้าที่การงาน รวมถึง เรทเงินที่จะได้ค่ะ
3. การเตรียมเอกสารทำพาทสปอทวีซ่า และการเตรียมตัวสัมภาษณ์ พอมาถึงข้อนี้เหมือนสมองเราความจำสั้นสะงั้น5555
แต่ทุกอย่างไม่ยากเลยค่ะ ขอเอกสารต่างๆจากมหาลัยฯเสร็จก็ส่งให้พี่เค้าไปจัดการ ส่วนการสัมภาษณ์วีซ่า
เราตื่นเต้นกลัวไปหม๊ดดด เตรียมตัวอย่างดี ฝึกอ่านฝึกท่อง สารพัด สรุปวันไปสัมภาษณ์เค้าชิวมากค่ะ
คุณฝรั่งที่สัมภาษณ์ให้แนะนำตัว ถามว่าเรียนไหน จะไปไหน รัฐไหน ทำอะไร ประมาณนี้เองค่ะ
(เพื่อนเราบางคนก็ไม่เก่งภาษามากก็ผ่านมาได้นะคะ เพราะฉนั้นอย่าเพิ่งกลัวไปก่อน)
4. พอทุกอย่างเสร็จก็มาเตรียมตัวไป เตรียมตัวสัมภาษณ์งานที่เราเลือกไว้ ละเราจะได้สัมภาษณ์กับนายจ้าง
ที่เค้าบินจากอเมริกามาสัมภาษณ์เองเลย และวันนี้เองที่เราจะได้เจอเพื่อนๆคนไทยที่จะไปเวิคกับเรา
ตอนเข้าไปสัมภาษณ์ก็ตลกดีค่ะ สั่นๆจนฟังเค้าถามไม่เข้าใจ เตรียมคำพูดว่า again please ตลอดอะ 55555
คำถามก็จะอารมณ์ชีวิตส่วนตัวบ้าง ความคาดหวังจากงานบ้าง สุดท้ายเราก็ผ่านค้าาาา
กรี๊ดสิ โอ้ยยย อเมริการอพี่แป้ปปป พี่จะไปโบยบิน 555555 ม๊านี่ดีใจกว่าอีกโทรบอกชาวบ้านโหม๊ดดด
5. มาถึงขั้นตอนการเตรียมแพคกระเป๋าไปอเมริกาาา เรื่องเสื้อผ้าพี่แทบไม่สน พี่แพคของกินล้วนๆ
ที่อยู่ในนั้นเกือบ 40โล 5555 อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ 40โลจริงๆนี่ถ้าไม่เกรงใจ เราแบกข้าวสารไปละอะ
(ซึ่งเพื่อนคนจีนแบกมาด้วย ขำๆดี) เรานี่กลัวผอม กลัวไม่มีไรกิน ถึงขั้นแบกหม้อสุกกี้เล็กๆไปด้วย
นี่คือเรื่องจริง ตอนแฟนเรารู้นางไล่ไปเอาออกเลยค่ะ ม๊าเรานี่บอกอย่าเอาไปเลยลูก แต่นี่แอบค่ะ
แอบแพคไป555555 เรากลัวอาหารไม่ถูกปาก จริงๆคนอ้วนแบบเรานี่กินได้หมด แต่เราไม่ค่อยชอบกินพิซซ่า
ขนมปังหรืออาหารฝรั่งไรมากมายค่ะเราติดข้าว ติดอาหารรสจัด เราเลยไปตระเวนซื้อผงโลโบ้ ผงคนอร์ พริกป่น
พริกไทย น้ำปลา สารพัดค่ะที่เตรียมไป แทบทุกรส จนสามารถไปตั้งอีกกระทู้รีวิวผงโลโบ้ได้เลยค่ะ 55555
กะอยู่โดยอาหารไทยนี่แหละทั้งเดือน เราโชคดีตรงเป็นคนทำกับข้าวเป็น ม๊าเราสอนทำตั้งแต่เด็ก
ให้นึกภาพผู้หญิงตัวกลมๆ วันๆขลุกอยู่แต่ในครัว ทำไปชิมไป นั่นแหละค่ะเรา55555
ที่ขาดไม่ได้เราเตรียมน้ำพริกกุ้งและน้ำพริกปลากรอบที่แม่เราทำนี่แหละ
เอาไป2โล55555 (ไม่บอกชื่อน้ำพริกละกัน เดี๋ยวโดนว่ามาโฆษณาขายของ แฮร่)
คือบอกแล้วชีวิตขาดเผ็ดไม่ได้ พริกป่นกับผงมะนาวนี่จำเป็นมากๆเลยนะ โลโบ้กับผงคนอร์นี่ฮีโร่ชัดๆ
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนี่แพคไปเถอะค่ะ เราขนไปสารพัดรสเป็นลังอะแกะแล้วแพคไปในกระเป๋า55555
และเราเตรียมเสื้อผ้าชุดทำงานไป 2 ตัว กางเกงสีดำ รองเท้าสีดำ นอกนั้นก็เอาแต่ชุดอยู่บ้านไป
ผ้าใบคู่นึง รองเท้าแตะคู่นึง คิดไว้ว่าไปซื้อสวยๆที่นู้นเลยดีกว่า เพราะกะว่าจะไปลดความอ้วนที่เมกาค้าาา
(คิดมาได้ ไปเมืองแห่งชีทเอย ฟาสฟู๊ดเอย) ดูความแตกต่างระหว่างเล่าเรื่องเตรียมอาหาร
กับเสื้อผ้าดูนะคะ 555555 อ๊อออเกือบลืมแล้ว ยาค่ะ !! สำคัญมากกกกก
เราเอาไปแทบจะเป็นตู้ยาสามัญเคลื่อนที่ ที่เมกาจู่ๆเราไม่สบายไปซื้อยาซี้ซั้ว เค้าไม่ขายนะคะ
เตรียมไปเองดีกว่า แก้ไข่ แก้หวัด แก้ไอ ปวดท้อง ท้องเสีย เบตาดีน อะไรก็ว่าไป
โอเคค่ะ แนวหลักการเกร็ดความรู้จบไปละ ซึ่งเราไม่ค่อยถนัดนักแล มาอ่านเรื่องเม้าท์มอยถนัดๆดีกว่า55555
เราเตรียมของทุกอย่างเสร็จสรรพ เอาเงินพอคเกตมันนี่ติดตัวไป 20,000 แต่เพื่อนคนอื่นก็เอาไป
ประมาณ30,000 แล้วแต่คนนะคะ เรามีข้อดีคือ ไม่มีสอบไฟนอล สามารถไปเวิคได้เลย ตั้งแต่ 31 เมษา
ส่วนเพื่อนคนไทยคนอื่นจะตามไป 25 พฤษภา เท่ากับว่า เราต้องไปอยู่คนเดียวที่เมกา 1 เดือน!!!!
(ก็26วันโดยประมาณ) เอาละสิ ความกลัวบังเกิดนิดหน่อย พูดไงละ สื่อสารไงละ อยู่คนเดียวเดือนนึง
แกร่งดังหินผาไปมั้ย จะนอนยังไง เป็นคนกลัวผีขึ้นสมอง กินข้าวคนเดียวคือเรื่องเหงาหงอยมาก
สารพัดจะนึกได้ วิตกนิดๆค่ะ แถมช่วงนั้นเราดันมีปัญหาส่วนตัวหนักมาก สภาพจิตใจเรียกว่าย่ำแย่ขั้นสุด
แต่เราเลือกแล้ว ชีวิตใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น เราสวดภาวนาขอพระคุ้มครองเรา (เราเป็นคริสต์)
มั่นใจในพระมาก ว่านี่คือสิ่งที่พระเตรียมไว้ให้ ก็ไปค่ะ บินเลยค่ะ โชคดีตรงที่ทำงานเรา มีที่พักให้เลย
เราเลือกงาน housekeeping หรือแม่บ้านทำความสะอาดดีๆนี่เอง เราเลือกงานมากตั้งแต่แรก
แต่กลัวสกิลภาษาอังกฤษตัวเองอีก ต่อให้หลายคนบอกว่า
เราก็เรียน Abac กลัวไรภาษาอังกฤษ งื่อออ คนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองต้องเข้าใจนะคะ
ก็เลยเลือกงานนี้แหละ ง่ายๆ (แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด) วันบินไปเมกาก็มาถึง เช้าตรู่ของวันที่ 31 เมษา
ถึงสนามบิน 6โมงเช้า เตรียมบิน 8.30 น. พกพาสปอทเรียบร้อย พร้อมเอกสารที่โครงการเตรียมไว้ให้
นึกว่าจะร้องไห้ ปกติขี้แย แต่ไม่ร้องเลย ใจเราตอนนั้นอยากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่มากๆ
เราต้องบินจากไทย ไปเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง จากฮ่องก็บินยาวสู่อเมริกา เปลี่ยนเครื่องที่รัฐ Dallas อีกครั้ง
ก่อนบินสู่รัฐ Missouri อยากจะร้องไห้ตั้งแต่บนเครื่องละค่ะ คือเมื่อยมากปวดหลังอีก คือเข็ดอะ 5555
พอบินเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกงได้เจอเพื่อนคนไทยคนหนึ่งโครงการเดียวกัน ก็ช่วยกันงมหาทางไปเอากระเป๋าเอย
ต่อเครื่องเอย สนุกดีค่ะ หาไวไฟฟรีใหญ่ เพื่อจะติดต่อบอกม๊า ได้ใช้ภาษาอังกฤษแล้วนะ
หลังก้าวขาออกจากเกทที่สุวรรณภูมิ ก็โบกมือลาภาษาไทยได้เลย สุดท้ายก็แยกกับเพื่อนคนนั้นไป
เราก็มุ่งตรงสู่อเมริกา พอถึงมิสซูรี่ปุ้ป ต้องมาลุ้นแล้วค่ะ ว่าเมเนเจอร์ที่มารับเราที่สนามบินจะน่าตายังไง
เราได้เมลบอกเค้าว่าจะมาถึงเวลานี้นะ และโชคดีของเรามากๆที่เค้าจะมารับ
หลายคนต้องหาบ้านเอง และไปที่ทำงานเอง. ก็ถือว่าเราโชคดี
พิมต่อไม่พอ ต่อด้านล่างนะคะ