Hello everybody
สวัสดีค่าา เราเพิ่งกลับมาจาก Work and Travel มาหมาดๆ ตอนแรกกะว่าจะไม่รีวิวแล้วล่ะแต่เพื่อนๆบอก เฮ้ยยย แกมีของดีอ่ะ รีวิวให้รุ่นน้องที่จะไปหน่อยเถ๊อะะะ นั่นล่ะค่ะคือที่มาของการรีวิวในครั้งนี้ แถ่น แถ้นนน เริ่มกันเลยเนาะ
ย้อนกลับไปตอนที่มีความคิดที่จะไป Work and Travel คือพื่อนสนิทชวนค่ะ แล้วอาทิตย์ต่อมาก็เข้าไปสอบถามที่ศูนย์ใหญ่เลย ก่อนหน้านั้นเราก็หาข้อมูลเกี่ยวกับการไปมาเยอะแล้วล่ะ ทั้งรีวิวทางตรง ทางอ้อม รวมทั้งเข้าไปดูในหน้าเว็บไซต์ของAgentต่างๆ บทสรุปเลยคือเราเลือกไปกับ Acadex เข้าไปปรึกษาที่ศูนย์ใหญ่ราชเทวีก็จะมีTestความสามารถด้านภาษาอังกฤษของเรารอบที่1 แล้วก็ตกลงใจสมัครวันนั้นเลย
ตอนแรกเราเลือกงานสวนสนุก Dollywood ที่รัฐ Tennessee เพราะชอบธรรมชาติและคิดว่าน่าจะมีกิจกรรมอะไรให้ทำเยอะ แต่ว่าต่อมาทางสวนสนุกประสบปัญหาไฟไหม้ส่วนหนึงจากเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่จึงเป็นเหตให้ต้องเปลี่ยนงาน
เอาล่ะทีนี้มันคือจุดเริ่มต้นของเรืองราวทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นต่อไปค่ะ
งานที่เลือกไปคือ Sunsations,Kill Devil hills ที่รัฐ North Carolina ดูจากโลเคชั่นแล้วเป็นเมืองติดทะเล และน่าจะสงบดี ลืมบอกไปว่าจุดหมายสำคัญของเราที่อยากไป Work and Travel คือการไปฝึกภาษาและการหาประสบกาณ์ใหม่ๆที่หาไม่ได้ในประเทศไทย สิ่งที่ได้กลับมามันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มซึ่งจะเล่าไปเรื่อยๆนะคะ
หลังจากเลิกงานได้ก็รอประมาณ 2เดือนจึงได้คิวนัดสัมภาษณ์กับนายจ้าง การสัมภาษณ์ของเราคือผ่าน Skype เป็นตวแทนนายจ้างมาสัมภาษณ์เราอีกทีซึ่งตรงนี้ง่ายมากๆ เป็นประโยคสนทนาพื้นฐานเลยค่ะ แล้วก็ผ่านไปได้ด้วยดี รอรับใบ Job Offer และเตรียมตัวสัมภาษณ์วีซ่ากันค่ะ
ในการสัมภาษณ์วีซ่า J1 นั้น บอกเลยว่าง่ายยิ่งกว่าการสัมภาษณ์กับนายจ้างอีกค่ะ แค่เราตอบคำถามให้ได้และพูดรู้เรื่องแค่นี้ก็ผ่านฉลุยยย
การเตรียมของ
ให้เราเตรียมสิ่งที่สำคัญสำหรับเราจริงๆไป เช่นเสื้อผ้า แต่ไม่ต้องเยอะมากเพราะที่อเมริกาก็หาซื้อง่ายเหมือนกัน ถ้าไปเมืองติดทะเลแนะนำเลยว่าติดชุดว่าpน้ำมาด้วยนะจ๊ะ ที่เราวางแผนในการใช้ชีวิตเลยคือ ทำอาหารกินเองเลยเตรียมเครื่องปรุงต่างๆ และมาม่าไป 1กระเป๋าเต็มๆ
ในที่สุดก็ถึงเวลาเดินทางงงง การผจญภัยของเราเริ่มต้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยฝากชีวิตไว้กับสายการบิน American Airlines ช่วงนี้ขอเล่ารวบๆนะคะ นี่เป็นการขึ้นเครื่องบินไปต่างแดนโดยไม่มีพ่อแม่ครั้งแรกของเรา ทุกอย่างดูตื่นเต้นไปหมด 5555 เส้นทางการบินของเรามีดังนี้
BKK-ต่อเครื่องNRT-ต่อเครื่องORD-ORF การเดินทางในครั้งนี้เราประทับใจ Japan Airlinesมากที่สุด ที่ได้ใช้บริการเพราะว่าตัวของ American Airlines นั้นอยู่ในกลุ่มพัธมิตรการบินเดียวกับ Japan Airlines นั่นก็คือกลุ่ม Oneworld และ American Airlines ไม่ได้มี Baseการบินอยู่ในประเทศไทยจึงใช้การ Code Shared กับ Japan Airlines
สรุปประสบการณ์บนเครื่องบิน
-การนั่งเครื่องบินเป็นเวลานานๆ มันเมื่อยมากก
-อาหารบนเครื่องอร่อย นี่ถึงกับเฝ้ารอเวลาที่จะเสิร์ฟอีกที 5555
-การเข้าห้องน้ำเป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องอายที่จะขอทางเดินออกจากที่นั่งถ้าเรานั่งด้านใน
-พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินพร้อมที่จะบริการเสมอ และต้องให้เกียรติเขาด้วย
-พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ของ JAL และ AA มีความต่างกันโดยสิ้นเชิง (แต่ความใส่ใจไม่ต่างนะ)
พอถึงสนามบิน ORF (Norfolk Airport) ก็ติดต่อให้ All friends ซึ่งเป็นผู้ติดต่อประสานงานฝั่งอเมริกามารับ เขาก็พาไปส่งที่ที่พักของ All friends วันแรกเสียค่าที่พักไป $30 สำหรับ1คืน/1คน เพราะตอนที่เราไปถึงก็เกือบเที่ยงคืนแล้วเดินทางไปบ้านพักที่จองไว้เลยไม่ได้ ก็เลยได้เจอเพื่อนคนไทยอีก1คนที่ที่พัก เพื่อนไปเมืองเดียวกันพอดีเลยได้ไปที่พักพร้อมกัน ตรงนี้เสียค่ารถไปคนละ $70 หลังจากนั้นเพื่อนคนไทยที่เจอกันก็กลายเป็นเพื่อนที่ไปมาหาสู่กันบ่อยๆเลย
Work and Travel 2017 งานดี คนดี แฟนดี๊ดี--
Hello everybody
สวัสดีค่าา เราเพิ่งกลับมาจาก Work and Travel มาหมาดๆ ตอนแรกกะว่าจะไม่รีวิวแล้วล่ะแต่เพื่อนๆบอก เฮ้ยยย แกมีของดีอ่ะ รีวิวให้รุ่นน้องที่จะไปหน่อยเถ๊อะะะ นั่นล่ะค่ะคือที่มาของการรีวิวในครั้งนี้ แถ่น แถ้นนน เริ่มกันเลยเนาะ
ย้อนกลับไปตอนที่มีความคิดที่จะไป Work and Travel คือพื่อนสนิทชวนค่ะ แล้วอาทิตย์ต่อมาก็เข้าไปสอบถามที่ศูนย์ใหญ่เลย ก่อนหน้านั้นเราก็หาข้อมูลเกี่ยวกับการไปมาเยอะแล้วล่ะ ทั้งรีวิวทางตรง ทางอ้อม รวมทั้งเข้าไปดูในหน้าเว็บไซต์ของAgentต่างๆ บทสรุปเลยคือเราเลือกไปกับ Acadex เข้าไปปรึกษาที่ศูนย์ใหญ่ราชเทวีก็จะมีTestความสามารถด้านภาษาอังกฤษของเรารอบที่1 แล้วก็ตกลงใจสมัครวันนั้นเลย
ตอนแรกเราเลือกงานสวนสนุก Dollywood ที่รัฐ Tennessee เพราะชอบธรรมชาติและคิดว่าน่าจะมีกิจกรรมอะไรให้ทำเยอะ แต่ว่าต่อมาทางสวนสนุกประสบปัญหาไฟไหม้ส่วนหนึงจากเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่จึงเป็นเหตให้ต้องเปลี่ยนงาน
เอาล่ะทีนี้มันคือจุดเริ่มต้นของเรืองราวทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นต่อไปค่ะ
งานที่เลือกไปคือ Sunsations,Kill Devil hills ที่รัฐ North Carolina ดูจากโลเคชั่นแล้วเป็นเมืองติดทะเล และน่าจะสงบดี ลืมบอกไปว่าจุดหมายสำคัญของเราที่อยากไป Work and Travel คือการไปฝึกภาษาและการหาประสบกาณ์ใหม่ๆที่หาไม่ได้ในประเทศไทย สิ่งที่ได้กลับมามันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มซึ่งจะเล่าไปเรื่อยๆนะคะ
หลังจากเลิกงานได้ก็รอประมาณ 2เดือนจึงได้คิวนัดสัมภาษณ์กับนายจ้าง การสัมภาษณ์ของเราคือผ่าน Skype เป็นตวแทนนายจ้างมาสัมภาษณ์เราอีกทีซึ่งตรงนี้ง่ายมากๆ เป็นประโยคสนทนาพื้นฐานเลยค่ะ แล้วก็ผ่านไปได้ด้วยดี รอรับใบ Job Offer และเตรียมตัวสัมภาษณ์วีซ่ากันค่ะ
ในการสัมภาษณ์วีซ่า J1 นั้น บอกเลยว่าง่ายยิ่งกว่าการสัมภาษณ์กับนายจ้างอีกค่ะ แค่เราตอบคำถามให้ได้และพูดรู้เรื่องแค่นี้ก็ผ่านฉลุยยย
การเตรียมของ
ให้เราเตรียมสิ่งที่สำคัญสำหรับเราจริงๆไป เช่นเสื้อผ้า แต่ไม่ต้องเยอะมากเพราะที่อเมริกาก็หาซื้อง่ายเหมือนกัน ถ้าไปเมืองติดทะเลแนะนำเลยว่าติดชุดว่าpน้ำมาด้วยนะจ๊ะ ที่เราวางแผนในการใช้ชีวิตเลยคือ ทำอาหารกินเองเลยเตรียมเครื่องปรุงต่างๆ และมาม่าไป 1กระเป๋าเต็มๆ
ในที่สุดก็ถึงเวลาเดินทางงงง การผจญภัยของเราเริ่มต้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยฝากชีวิตไว้กับสายการบิน American Airlines ช่วงนี้ขอเล่ารวบๆนะคะ นี่เป็นการขึ้นเครื่องบินไปต่างแดนโดยไม่มีพ่อแม่ครั้งแรกของเรา ทุกอย่างดูตื่นเต้นไปหมด 5555 เส้นทางการบินของเรามีดังนี้
BKK-ต่อเครื่องNRT-ต่อเครื่องORD-ORF การเดินทางในครั้งนี้เราประทับใจ Japan Airlinesมากที่สุด ที่ได้ใช้บริการเพราะว่าตัวของ American Airlines นั้นอยู่ในกลุ่มพัธมิตรการบินเดียวกับ Japan Airlines นั่นก็คือกลุ่ม Oneworld และ American Airlines ไม่ได้มี Baseการบินอยู่ในประเทศไทยจึงใช้การ Code Shared กับ Japan Airlines
สรุปประสบการณ์บนเครื่องบิน
-การนั่งเครื่องบินเป็นเวลานานๆ มันเมื่อยมากก
-อาหารบนเครื่องอร่อย นี่ถึงกับเฝ้ารอเวลาที่จะเสิร์ฟอีกที 5555
-การเข้าห้องน้ำเป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องอายที่จะขอทางเดินออกจากที่นั่งถ้าเรานั่งด้านใน
-พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินพร้อมที่จะบริการเสมอ และต้องให้เกียรติเขาด้วย
-พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ของ JAL และ AA มีความต่างกันโดยสิ้นเชิง (แต่ความใส่ใจไม่ต่างนะ)
พอถึงสนามบิน ORF (Norfolk Airport) ก็ติดต่อให้ All friends ซึ่งเป็นผู้ติดต่อประสานงานฝั่งอเมริกามารับ เขาก็พาไปส่งที่ที่พักของ All friends วันแรกเสียค่าที่พักไป $30 สำหรับ1คืน/1คน เพราะตอนที่เราไปถึงก็เกือบเที่ยงคืนแล้วเดินทางไปบ้านพักที่จองไว้เลยไม่ได้ ก็เลยได้เจอเพื่อนคนไทยอีก1คนที่ที่พัก เพื่อนไปเมืองเดียวกันพอดีเลยได้ไปที่พักพร้อมกัน ตรงนี้เสียค่ารถไปคนละ $70 หลังจากนั้นเพื่อนคนไทยที่เจอกันก็กลายเป็นเพื่อนที่ไปมาหาสู่กันบ่อยๆเลย