แชร์ประสบการณ์ ไปทำงาน Work&Travel 2 เดือนครึ่ง ได้เงิน 280,000


สวัสดีค่ะ จะมาแชร์ประสบการณ์การทำงานจากการไป Work&Travel 2015 ครั้งนี้เราไปคนเดียว บินเดี่ยวเลยย แต่เจอเพื่อนคนไทย 4 คนบนเครื่อง
** กระทู้นี้จะเน้นสภาพชีวิตการทำงาน การเป็นอยู่ ตลอดระยะเวลาที่ร่วมโครงการนะค่ะ** ปล. ขอเรียก Work&Travel ว่า WAT

เราจะอธิบายขั้นตอนการไป WAT ตั้งแต่แรกก่อน
1.หาเอเจนท์บริษัท หลักการเลือกของเรา คือ ดูค่าโครงการ ดูงาน ลองคุยกับพี่ๆเค้าดู
2.เมื่อเลือกได้แล้ว พี่เค้าจะสัมภาษณ์เราเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อจะได้วัดระดับภาษา ว่าเราภาษาเท่านี้ เหมาะกับงานที่ไหน คำถามไม่ยากเลย (สำหรับเรานะ) เช่น แนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ เป็นแนวพูดคุยมากกว่า ของเราได้ระดับภาษา Upper Intermediate
3. เลือกงาน > จ่ายค่าจองงาน
        เราตั้งใจเลือกไป รัฐ Florida อยู่แล้วค่ะ เพราะ ตอนเราไปคือช่วง Summer (เดือนพฤษภา – สิงหาคม) เราเลยคิดว่าเมืองทะเลน่าจะทำเงินได้เยอะ น่าจะหา Second Job ได้ง่าย และสาเหตุว่าทำไมต้องเมืองนี้ เพราะ เราตั้งใจว่าจะไปทำงานเก็บเงิน เที่ยว อยู่แล้ว เราเลยหางานที่ได้เรท $9 ขึ้นไปคะ และหวยที่ออกคือเมือง Destin นี่เอง ซึ่งร้านที่เราไปทำชื่อร้าน Fudpucker's Beachside Bar & Grill เป็นร้านอาหารขนาดใหญ่เลยล่ะ โดยตอนแรก พี่เอเจนท์ให้เราเลือกหลายตำแหน่งมากในการทำงานร้านนี้ เช่น Cook Host Groundman  ตอนแรกเราเลือก Cook ค่ะ เพราะเห็นเรทตั้ง $9.5 แต่พอปรึกษาเพื่อนที่เคยไป WAT ปีก่อนๆ แต่ทำงานร้านอื่น เค้าบอกมาว่า งานในครัวต้องใช้มีด โดนของร้อนนะ ด้วยความที่เราไม่เคยทำกับข้าวเลย ที่บ้านซื้อกับข้าวกินตลอด เลยเกิดอาการกลัวค่ะ เลยขอเปลี่ยน ทีนี้มันก็เหลือ Host(พนง.ต้อนรับ) และ Groundman ที่เรทค่าจ้าง $9 เท่ากัน ลืมบอกว่าแต่ละตำแหน่งได้เงินไม่เท่ากัน แต่ด้วยความที่เราไม่เก่งภาษามากนักเราเลยเลือกตำแหน่ง Groundman ถ้าถามว่ารู้มั้ย ตำแหน่งนี้ต้องทำอะไร บอกเลยว่า ไม่!!! 55555 แต่เพื่อนเราบอกว่าเป็นหน้าที่ระหว่าง Cook และ Serve เราก็โอเคทำได้หมด
4.พอเราเลือกงานแล้ว เราก็ต้องนัดวันสัมภาษณ์งานกับนายจ้างที่อเมริกาผ่าน Skype ค่ะ บางงานนายจ้างก็บินมาสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง เขาจะวัดระดับภาษาอังกฤษเรา เขาแค่อยากรู้ว่า คนที่จะมาทำงานกับเขาเป็นคนยังไง หน้าตายังไง ถ้าถามว่ามีคนสัมภาษณ์ไม่ผ่านมั้ย มีค่ะ แต่น้อยมาก ส่วนมากผ่านหมดเพราะตอนเลือกงาน เขาจะระบุไว้อยู่แล้วว่าต้องการเด็กภาษาอังกฤษระดับไหน มีความมั่นใจเข้าไว้ ตั้งสติตอนตอบคำถาม ยังไงก็ผ่าน! ซึ่งคำถามจะเป็นแนวๆเดียวกันทุกงาน เช่น ถามประวัติส่วนตัว เวลาว่างทำอะไร บอกข้อดี/ข้อเสียของตัวเอง เป็นต้น ไม่ยากมากค่ะ ตอนเราสัมภาษณ์เราตอบผิดๆถูกๆ ให้เค้าทวนคำถามบ่อยมาก ยังผ่านเลย5555 เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัว!!! สู้ๆ
5.พอสัมภาษณ์ผ่านแล้ว เราก็ทำการจ่ายเงินค่าโครงการที่เหลือ แต่ถ้าไม่ผ่าน อย่าร้องไห้น้า ยังไงพี่ๆเอเจนท์ก็ช่วยหางานให้เลือกใหม่ที่เหมาะสมกับระดับภาษาของเรา ให้ผ่านจนได้ ไม่ต้องกลัว ยังไงก็ได้ไปค่ะ
6.เริ่มดำเนินการยื่นเรื่องเอกสารต่างๆ เช่น วีซ่า โดยพี่เอเจทน์เค้าจะบอกเราว่าต้องเตรียมอะไรบ้างและช่วยจัดการเรื่องเอกสารให้ ช่วยทำเรื่องขอวีซ่าให้ และทางพี่เอเจนท์ก็ช่วยแนะนำการหาที่พักให้เราด้วยว่าพักที่ไหนใกล้ที่ทำงาน แต่เราหาที่พักเอง ติดต่อกับคนที่นั่นเอง เลยได้ค่าบ้านถูกกว่าคนอื่น แต่กว่าจะหาได้นี่รอนานมาก เพราะช่วงนั้นเด็ก WAT จากประเทศอื่นๆก็เข้ามาเยอะ บ้านเกือบเต็มกันหมด
7.เมื่อพี่เอเจนท์เตรียมเอกสารให้เราครบแล้ว เขาก็วันนัดสัมภาษณ์วีซ่าที่สถานทูตให้ โดยพี่เค้าจะเก็งแนวคำถามให้เรา  ก่อนสัมภาษณ์เรากลัวไม่ผ่านมากกกกก เพราะ ตอนต่อคิว มีคนนึงสัมภาษณ์ แต่เขาพูดไม่ได้เลย ตอบคำถามอะไรไม่ได้สักข้อ สุดท้ายสถานทูตเลยไม่ให้ผ่าน สงสารเขามากแต่เขาพูดไม่ได้จริงๆค่ะ แต่พอถึงคิวเรา ถามน้อยมาก ไม่ถึง2นาที เร็วมากจน งง ว่า เห้ย ผ่านได้แบบง่ายมาก คำถามที่เราโดน เช่น เรียนเกี่ยวกับอะไร (อันนี้ต้องจำให้ได้) อยากไปเที่ยวที่ไหนในอเมริกา เวลาว่างทำอะไร เป็นต้น
8. เย้!! พอมีวีซ่าผ่านแล้ว ขั้นตอนต่อมา หาตั๋วเครื่องบิน เนื่องจาก Florida อยู่ทางใต้อเมริกา ไกลมาก เลยโดนค่าตั๋วไปประมาณ 44,300 ของสายการบิน  American Airlines เราจัดการเรื่องตั๋วเองโดยการโทรไปจองกับ Call Centerของสายการบินนี้ ไม่ได้ผ่านเอเจนท์ที่ไหน
9.พอเอกสารครบ ตั๋วเครื่องบินพร้อม เราก็รอเวลาเดินทางอย่างเดียว Let’s Go!!

มาสรุปรายจ่ายคร่าวๆดีกว่า
1.ค่าโครงการ
2.ค่าวีซ่า 8,100.- (ราคาปี 2015)
3.ค่า Pocket Money 20,000.- (อันนี้ขึ้นอยู่กับเราเอง บางคน 30,000-60,000)
4.ค่าตั๋วเครื่องบิน

        ความจริงแล้วตามกำหนดการเราถึงอเมริกาวันที่ 27 พ.ย. ตอนประมาณ 4 ทุ่ม ค่ะ แต่เราถึงวันที่ 28 ตอนสายๆ เพราะ...หลับจนตกเครื่อง ใช่คะ หลับ!! เรื่องมีอยู่ว่า ตอนขาไป เส้นทางการบินจะเป็นแบบนี้ 1. BKK > Hongkong 2. Hongkong > Dallas/Fort Worth,Texas 3. Dallas/Fort Worth,Texas > Fort Walton Beach,Fl อยากบอกว่า โอ้โห หลายต่อมากค่า ยิ่งเฉพาะเส้น Hongkong > Dallas/Fort Worth,Texas มันคือที่สุดของความทรมาณสำหรับเรา บินประมาณ 16 ชม. ค่ะ แล้วเรามีปัญหาเรื่องปวดหลัง แถมคลื่นไส้ สรุป Jet lag ตลอดการเดินทาง นอนหลับไปไม่ถึง 3 ชม. พอถึง Dallas เพื่อนคนไทยที่เจอบนเครื่อง 4 คน ไปซื้อของกินกัน ส่วนเรารีบดู Gate แล้วไปนอนรอเลยค่ะ เพราะ เพลียมาก ความจริงแล้วเครื่องออกจากที่ Dallas ตอน 2 ทุ่ม แต่ตื่นมาอีกที 3 ทุ่มครึ่ง!! เราแบบ ซวยละ ตกใจมาก รีบไปถามพนง. เค้าบอกเครื่องออกแล้ว ณ ตอนนั้นคือเข้าใจคำว่า ร้องไห้หนักมาก!! สาเหตุคือทางสายการบินเปลี่ยน Gate แต่เราไม่รู้เรื่องเพราะหลับ ส่วนเพื่อนคนไทย 4 คน ไปละจ้า แต่ด้วยความที่ Service เค้าดีจริงๆ ทางสายการบินก็ออกตั๋วให้ใหม่ โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม แต่ต้องรอบินตอน 7 โมงเช้า สรุปได้นอนสนามบินสมใจเลยคะ 1 คืนเต็มๆคนเดียว ฮือ น้ำตาไหล

        พอเราถึง เข้าบ้านพักเรียบร้อยแล้ว ตอนบ่ายเราก็ไปที่ร้านเลยคะ ยื่นเอกสาร อบรมงานวันเดียวกันเลย ตอนแรกนายจ้างถามเราต้องการทำงานกี่วัน ด้วยความหน้าเงิน เราตอบไปเลย Everyday เขาก็ให้นะ เราทำ ตั้งแต่บ่าย 2 – 4 ทุ่ม ซึ่งแปลว่าเราทำงานทุกวันวันละ 8 ชม. ถ้าอยากหยุดก็ให้มาบอกเขาได้ แต่มีเรื่องเซอร์ไพรส์ คือหน้าที่ Groundman  ที่เราเลือก ความจริงแล้วคือ Bathroom Attention เรียกง่ายๆ พนักงานดูแลห้องน้ำ!! นี่เอง บอกก่อนเลย ชีวิตนี้ไม่เคยล้างห้องน้ำ ไม่เคยดูดส้วม แต่ในเมื่อเราเลือกแล้ว เราก็ไม่กลัวขี้แล้วค่ะ ลุย!!

        ที่ร้านจะมีห้องน้ำ 2 ที่ ชั้นบนกับชั้นล่าง โดยหน้าที่ของเราหลักๆเลยคือ 1.กวาดพื้นในห้องน้ำ หน้าห้องน้ำและโซนบาร์ด้านนอก 2.คอยCheckและเติมStockทิชชู่และสบู่ 3.คอยเช็ด ทำความสะอาดเคาน์เตอร์ห้องน้ำ 4.คอยกดชักโครกห้องน้ำ ที่นี่จะใช้ระบบเซนเซอร์ค่ะ แต่บางคนเซนเซอร์ไม่ติดเราก็ต้องคอยกด คอยcheckตลอด มันเป็นสิ่งที่ดีค่ะ ที่เราไม่ต้องล้างห้องน้ำหรือล้างโถส้วม แต่...ฝรั่งค่อนข้างมักง่ายมากกก บางคนอุจจาระแล้วเซนเซอร์ชักโครกไม่ติด เค้าไม่หันกลับมามองนะค่ะ ลุกเลย เพราะฉะนั้น เรานี่แหละ ต้องคอยไล่คอยกด เจอขี้ทุกวันค่ะ จนชิน5555 บางครั้งลูกค้าอุจจาระแล้วส้วมตัน น้ำนอง เรานี่แหละ ดูดส้วม แต่ไม่ยากค่ะ ชินเหมือนเดิม5555 เวลาว่างๆ ไม่มีอะไรทำในห้องน้ำแล้ว เราจะออกไปช่วยบาร์ข้างนอก ร้านนี้จะเปิดบาร์ด้านนอกตอนเย็นประมาณบ่าย 3 – 4 ทุ่ม เราก็ไปช่วยเก็บแก้ว ล้างแก้ว เช็ดโต๊ะ สนุกดีค่ะ ได้พูดคุยกับลูกค้าที่ร้านบ้าง เขามาถามทาง มาคุยเล่นบ้าง คนที่นี่ดี ไม่เหยียดเอเชียเลย มีน้ำใจ Friendly สุภาพกันเกือบหมด ส่วนเรื่องเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน ดีมากเช่นกัน เราสนิทกับ Manager และ เด็กเสิร์ฟ หลายคน เพราะ เวลาพวกเค้ามาเข้าห้องน้ำ ก็จะเจอเราตลอด ก็เลยได้คุยกันบ่อย เกือบทุกคน เราชอบระบบการทำงานของที่นี่มากก ทุกคนใจรักการบริการกันมาก Manager ที่นี่ทำได้ทุกอย่าง เช่น มาสอนเราดูดส้วม ช่วยเราเมื่อเจอเคสหนักๆเกี่ยวกับเรื่องอุจจาระของลูกค้า5555 เวลาร้านยุ่งๆ Manager ก็มาช่วยเด็กเสิร์ฟด้วยนะค่ะ ซึ่งดีมากๆ และใจดีกันทุกคน

        เชคเงินที่นี่จะออกทุก 2 อาทิตย์ เรื่องเซอร์ไพส์ที่สอง คือ พอเชคเงินเดือนออก ปรากฏว่า เรทเงินได้เยอะขึ้น จาก $9 เป็น $9.75 Overtime เรท $14.66 มารู้ทีหลังทางร้านปรับเงินขึ้นให้ทั้งร้าน เพราะว่า ช่วง Summer ลูกค้าเยอะมาก เน้นมากกก รอกันเกือบ 100 คิวคะ (1 ครอบครัว = 1คิว)
        พอเริ่มปรับตัวกับที่นี่ได้ หลังจากนั้น 1 เดือนเราก็เริ่มหางาน2 ช่วงเช้าค่ะ เมืองนี้มีข้อดีตรง หางานง่าย เน้นว่า ง่ายมาก เพราะ เป็นเมืองท่องเที่ยว พักผ่อน งานร้านที่ 2 เป็นงานในครัว หน้าที่ Prep เรียกง่ายๆ ก็คือคนเตรียมอาหาร เราทำงานร้าน Bubba Gump เป็นร้านSeafood เพราะฉะนั้นหน้าที่หลักของเราคือ หั่นผักเตรียมทำสลัด หั่นปลา หั่นกุ้ง หั่นปลาหมึก ผสมแป้งตามสูตรที่นำไปทำอาหารอื่นๆ งานนี้ได้เรท $10 เจ้านายดีเหมือนเดิม ตารางงานจะได้ 3-4 วัน /อาทิตย์ เวลา 08.00 – 14.00 น. และหลังจากนั้นเราก็ไปทำงานร้าน1 ต่อ ฟังแล้วดูเหมือนทำงานแบบ Hardcore นะค่ะ เพราะทำ 08.00 – 22.00 น. แต่เราโชคดี งานไม่หนัก แถมได้เรทเงินดีทั้งคู่เลยค่ะ

        หลังจากอยู่เมกามา 1 เดือนครึ่ง เรากับเพื่อนก็ตัดสินใจลางานทั้งสองที่ ไปเที่ยว 1 อาทิตย์เต็มๆ ตอนขอเจ้านายก็แอบโดนว่าเบาๆ แต่ร่างกายต้องการพักผ่อนจริงๆ เลยตัดสินใจไปเถอะ...อยากไป

        เราเลือกไปเมืองOrlando,Florida เป็นการเที่ยวแบคแพคครั้งแรกในอเมริกาค่ะ เราหาโรงแรมเอง ศึกษาเองหมด ไปถึงก็ถามคนที่นั่นอย่างเดียว คนที่นั่นก็ช่วยเหลือเราดีเหมือนเดิม เราเลือกไปเที่ยว Disney World เข้าทั้ง 4 Parks เลย Parkละ 1 วัน ที่นี่ใหญ่มากกกค่ะ สนุก หลังจากนั้นเราก็ไปเที่ยวเมือง Miami สภาพทะเลที่ Southbeach ไม่แตกต่างกับพัทยาเท่าไหร่ แต่บรรยากาศมันได้มากๆ ความฝันเราคือการได้นอนอาบแดดที่นี่ เรารู้สึกว่าที่นี่และ Florida จริงๆ แล้วเราไปเที่ยว Outlet ค่ะ ไปทีไรกลับมาตัวเบาเลย555 สรุปค่าใช้จ่ายการเที่ยวของการเที่ยวครั้งนี้ เราหมดไป $800 แถมได้นาฬิกามา 2 เสื้อ 1 ตัว ดีงาม
        หลังจากเที่ยวเราก็กลับมาทำงานปกติ งานร้าน1 ก็ทำงานทุกวันเหมือนเดิม ร้าน2 แล้วแต่ตาราง โชคไม่ดีหน่อย ลูกค้าน้อยก็ทำแค่ 2วัน/อาทิตย์ แต่เราโอเคนะ

        ชีวิตประจำวันของเราที่นี่ก็จะเป็นประมาณนี้ค่ะ ตื่น ทำงาน กินข้าว ไปOutlet เที่ยวผับ(อันนี้เกือบทุกอาทิตย์55) ว่ายน้ำ ออกกำลังกาย ไปทะเล เที่ยวนอกเมืองบ้างนิดหน่อย ที่ Destin ที่เที่ยวธรรมชาติสวยเยอะค่ะ มีน้ำตก ภูเขา ล่องแก่ง สวยจริงๆ ทะเลที่นี่ก็สวยมากก ทรายนุ่ม แถมยังสะอาดมากๆๆๆๆเลยด้วย

อมยิ้ม04 (มีต่อ) อมยิ้ม04
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่