( Antelope Canyon , Arizona CA)
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาเขียนเกี่ยวกับการไป work & travel ตั้งแต่เริ่มสมัครเลย อยากให้เป็นประโยชน์ต่อน้องๆ รุ่นหลังที่จะไปกัน ได้ประโยชน์มากมั้ยไม่รู้ ก็ลองมาอ่านกันดูนะคะ
1. เลือกเอเจนซี่
ปัญหาโลกแตกของเด็กเวิร์คทุกคน เพราะคงจะได้ยินกันมามากว่า เอเจนนี้ดี เอเจนนี่ไม่ดี บางทีงงแตก เอเจนเดียวกันเสิร์จเน็ตมา มีแบบด่าแบบชิหายวายวอด กะชมแบบตัวลอย ทั้งนี้อยากให้ทุกคนพิจารณาว่าของแบบนี้ขึ้นอยู่กับ 'ดวง' ล้วนๆ ใช่แล้วอ่านไม่ผิดค่ะ ดวง ใครได้ดีก็ดีไป ใครซวยก็ซวยไปจริงๆ ค่ะ
โดยเกณฑ์ของเราในการมองหาเอเจน คือเราดูที่วันเริ่มงานค่ะ เพราะเราไปตอนปี 4 แล้วติดโปรเจคจบที่กินระยะเวลาจนหมดเดือนพฤษภา เราเลยต้องมาหาเอเจนที่มีงานที่อนุญาตให้เราเริ่มงานช้าได้ค่ะ
ทั้งนี้อีก 1 ข้อที่อยากให้พิจารณาก่อนเลือกเอเจนคือ ปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดไม่ได้เกิดจากเอเจนไทย แต่มักจะมาจากเอเจนฝั่งเมกา แต่เอเจนไทยก็มีส่วนว่าเค้าจะช่วยเหลือเราแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นลองไปหาชื่อเอเจนเมกาที่โดนหมายหัว ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงไปค่ะ พร้อมแล้วก็ไปค่ะ
(เอเจนที่กล่าวมาในที่นี้เป็นเอเจนที่เราได้เข้าไปประสบพบเจอมากะตัว คือมีประสบการณ์ ทั้งนี้ลองใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ เพราะอันนี้เป็นความเห็นของเราคนเดียว และยังมีเอเจนอีกมากที่ไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้ ซึ่งยังไงก็ลองหาข้อมูลเพิ่มดูนะคะ อันนี้เราเริ่มมองหาประมาณช่วงเดือนตุลาค่ะ)
Acadex
พี่เบิ้ม ใครจะไปเวิ้คแล้วไม่รู้จักเอเจนนี้คงจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าสนใจที่นี่คือก็เข้าไปทดสอบวัดระดับได้เลย เราไปตรงสาขารถไฟฟ้าราชเทวีค่ะ สถานที่ก็ดีงาม มีแบ่งห้องสัมภาษณ์เป็นสัดส่วน คะแนนวัดระดับก็จะเป็น 1-10 เรียงไปค่ะ
ที่นี่ก็จะแบ่งเป็นโปรแกรมหลายแบบ หลายราคาค่ะ แบบธรรมดา ก็จะมีส่วนลดให้ถ้าเราสมัครเร็ว 5,000-8,000 ว่ากันไป ซึ่งโปรแกรมที่เราสนใจเป็น premium จ้า แต่ประเด็นคือ โปรแกรม premium เนี่ย ไม่ได้ส่วนลด สนน ราคาที่ 69,900 ประมาณนี้ และบังคับซื้อตั๋วเครื่องบิน ซึ่งราคาตั๋วปกติไปที่นี่ก็ 50,000 แล้ว แล้วบังคับซื้อเราก็กลัวว่ามันจะเลยเถิดไปอีก เราเลยตัดสินใจ โบกมือลากับ acadex ค่ะ
ปล. ราคานี้ของที่นี่ยังไม่รวมค่า visa อีก 8,000 นะแจ๊ะ ทั้งนี้เป็นโปรในปีที่เราไปนะคะ โปรก้เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี
American Learning
อันนี้พี่สาวเราไปค่ะ ตอนพี่สาวเราไปค่อนข้างดีนะคะ ราคาทั่วไป ใส่ใจ มีเสื้อให้ใส่ไปเป็นแก๊งค์ น่ารักๆ ตอนไป เมืองไหนคนไปเยอะ แบบพี่เราไป sixflag ก็มีคนเดินทางไปด้วย มีคนไปเยี่ยมประมาณนี้ แต่พอมาถึงตอนเรา เราหาข้อมูลแล้วแพงค่ะ งานไม่ตรงใจ555555 โบกมือลากันไป
Click
อันนี้เพื่อนที่ไปด้วยกันกับเรา มีเพื่อนที่ไปด้วยกันแนะนำมาว่าดี (งงมั้ย?) ลองหาข้อมูลในเน็ตแล้วความเห็นค่อนข้างยับเยิน แต่มีงานในเมืองที่เราสนใจ (เมืองเดียวกะ acadex นั่นแล) แต่ว่าคุยไปคุยมาสรุปคือ ตำแหน่งงานที่ต้องไปทำไม่ถูกใจ เลยไม่ได้ไป
ปล. อันนี้ไม่ชัวร์แต่เหมือนไม่บังคับซื้อตั๋วนะ
Higher Education
อันนี้เพื่อนเราไปมาบอกว่าดี แล้วก็มีมาตั้งบูทที่ ม เราด้วย (ที่โบชัวมีแผนที่เมกาสวยๆ) เลยไปสอบ เราไปสอบที่ศูนย์ธรรมศาสตร์ (ได้ยินว่าปิดไปแล้วหรือเปล่า) ไปถึงเค้าจะมี presentation + บรรยาย ฟังแล้วแบบ หูย มันดีค่ะ ต่อจากนั้นเป็นข้อสอบ ข้อสอบเป็นแบบข้อเขียนให้เราวงๆ กาๆ ไม่ยาก ส่วนใหญ่ก็คอนเวอ มีคำถามทั่วไปด้วย แต่ที่ไม่ดีคือ ไม่มีคนคุมสอบไม่มีใครสนใจ ลอกกันบาน ความเห็นเรานะ เราว่าอย่าไปลอกกันเลย มันไม่ซีเรียส ถือซะว่าเป็นการวัดระดับตัวเราไป เราจะได้ประเมินความสามารถทางภาษาของเราได้ว่าเราเหมาะกับงานแบบไหน
ปล. ที่นี่ไม่บังคับซื้อตั๋ว แต่ไม่มีงานไหนเลยที่ให้เริ่มตอนเดือนมิถุนาได้ เลยไม่ได้เลือก
I4g
อันนี้ข้อเสนอดี แบบราคงราคา อะไรโอเคหมดเลยสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ค่ะ โทรไปสอบถามข้อมูลแล้วก็เค้าจะนัดวันเราสัมภาษณ์ มีงานในเมืองที่เราสนใจด้วย แต่ตำแหน่งไม่โอเค ส่วนงานอื่นๆ คือมีให้เลือกน้อยมาก แบบสิบกว่ายี่สิบกว่าเอง เขาบอกเราว่าเน้นดูแลแบบครอบครัว คนที่สัมภาษณ์ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของมาคุยเองเลยค่ะ (เดา)
IEO
อันนี้เป็นเอเจนที่เราไปเอง ค่อนข้างดีในความคิดเรานะ อย่างแรกคือ เค้าให้เราจ่ายรอบแรกก่อน 5,000 แต่เรายังไม่ต้องจ่ายที่เหลือจนกว่าเราจะได้งานจริงๆ ซึ่งต่างจากที่อื่นที่พอเราจ่ายรอบแรกแล้ว เราต้องจ่ายส่วนที่เหลือในเดือนถัดไปทันที อย่างสอง ราคาทั้งหมด 62,000 รวม visa และไม่บังคับซื้อตั๋วเครื่องบิน ซึ่งเป็นแบบที่เราตามหา เราเลยพอใจมั่กกก + งานก็ไม่แย่ มีงานให้เลือกเยอะดี อีกทั้งพอเราจ่ายเงินจองแล้ว พี่เค้าก็เอางานมาเสนอให้เราก่อนจะนำงานลงหน้าเว็บจริง
ปล. เพื่อนเราห่างๆ คนนึงเจอเรื่องไม่ดี พี่เจ้าหน้าที่ลืมแจ้งเมลล์ให้กับเอเจนที่เมกา ทำให้เอเจนที่เมกา เข้าใจผิดคิดว่าไม่ไปแล้ว ตัดชื่อออก กว่าจะมารู้ตัวก็ไม่ทันแล้ว และปี4 ดังนั้น จิกค่ะ มีไรก็ถามไว้ก่อน ต้องทำไรต่อ แล้วไงต่อ เสียเงินไปแล้วค่ะ อย่าเสียผลประโยชน์
London House
ท่าด๊า อันนี้คือ 1 เดียวผู้เดียวที่คนที่สนใจอยากไป Work & Travel ที่ Disneyland จะต้องกับเอเจนนี้ที่เดียวเท่านั้นนะคะ โดยไม่ใช่ว่าจะโต้งๆ ขอเข้าไปสมัครได้น้า เค้าจะมีจัด โร้ดโชว์ค่ะ ก็จะมีวันเวลาสถานที่บอก ซึ่งเราต้องโทรไปสำรองที่นั่ง ซึ่งในงานเมื่อเราฟังสัมนาเสร็จอะไรเสร็จ เค้าจะแจกเอกสารให้เพื่อให้เราใช้ในการสมัครไปอีกที ที่นี่ดูเกรดนะคะ แต่ไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ เราจองโร้ดโชว์แต่ไม่ได้ทำในขั้นตอนอื่นๆ ค่ะ เพราะวันไปโร้ดโชว์เราลืมเอาใบเกรดไปจ้าาา ละบวกกับงานมันเริ่มเร็วเราเลยไม่ได้ไปต่อ คิดซะว่าไม่มีบุญ แต่คือเพื่อนเราที่ไป จริงๆ คือเค้าจะมีส่งไป 2 รอบ รอบแรกเป็นช่วง พค อีกรอบก็ 2 มิถุนา ตอนนั้นเราได้ยินว่ามันเลือกไม่ได้เลยไม่อยากเสี่ยง เค้าสัมค่อนข้างซีเรียสนะคะ ที่นี่จะชอบคนที่กระตือรือร้นตามสไตล์ของดีสนีย์อ่ะค่ะ แล้วเหมือนเพื่อนเราบอกตอนมันไปสัม ทุกคนเลือกแต่อยากไปทำ merchandise คือขายสินค้า คนสัมเค้าเลยบูดๆ อ่ะค่ะ แล้วเหมือนให้เพื่อนเราเปลี่ยนงานตรงนั้นเลย แบบออกมาบอกว่า ถ้าใครเลือก merchandise มาก็ให้เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น
OEG
นี่ก็ดัง แต่อันนี้เราไม่ได้ลงลึก เนื่องจากสไตล์ไม่ตรงกัน อย่างแรกเค้าให้เราจ่ายก่อน 8,000 ก่อนจะทำอะไรทั้งหมด และส่วนนี้ไม่ได้คืน เราคิดว่าสัก 5,000 ก็พอแล้ว อันนี้แพงไป แล้วสอบสัมภาษณ์กับเอเจนไม่ผ่าน ไม่ได้คืนนะ อย่างสองคือ การเลือกงาน ที่เราฟังมา คือเค้าให้เลือกงานพร้อมกันทีเดียว ใครจะจ่ายก่อนหลังไม่เกี่ยว ซึ่งเราไม่ค่อยชอบระบบแบบนี้ เราเลยไม่ได้ดูที่นี่ต่อค่ะ
คำแนะนำจากเรานะคะ
1. ลองดูงานก่อนคร่าวๆ เอาให้มีงานที่ตรงกับความต้องการเราหรีอเปล่า ถ้ามันไม่มีในหน้าเว็บก็ลองสอบถามเค้าได้ว่ามันมีมั้ย บางทีงานเค้าไมไ่ด้ลง แต่เคยมีมาก่อนก็อาจจะมี
2. ราคาที่ถาม รวม visa ยังบางที่ไม่รวม ไม่บอก แลดูเหมือนจะราคาถูก แต่ไปฟันค่า visa แทน
3. บังคับซื้อตั๋วเครื่องบินมั้ย สำหรับเราคิดว่าอันนี้สำคัญ เพราะตั๋วเครื่องบินนี่คือด่านสุดท้าย ส่วนใหญ่จะซื้อหลังจากสัมวีซ่าเสร็จ คือพร้อมไปละอะ ละตอนนั้นถ้าเอเจนจะเอาเท่าไหร่ ก็ต้องจ่าย มันเหมือนจะเป็นการโกงทางอ้อมไงไม่รู้ เราคิดงี้เพราะมีคนในกรุ้ปที่เราเห็น เค้าโดนไปเป็นแสนค่ะ ย้ำ แสนค่ะ ทั้งนี้แล้วแต่วิจารณญาณส่วนบุคคลนะคะ (ล่าสุดรุ่นน้องเรา แปดแสน เอิ่ม.. อันนั้นละค่ะ เจ้านั้นล่ะค่ะ เรื่องนี้เค้าขึ้นชื่อ สรุปตอนหลังเค้าก็แก้ไขนะคะ บอกว่าน้องเค้าเลือกสต๊อปหลายที่เกินไป)
2. เลือกงาน
อย่างที่บอกตอนแรก เราเลือกงานโดยคำนึงจากว่างานไหนให้เราเริ่มได้ตอนมิถุนาเป็นหลักค่ะ (งานส่วนใหญ่ให้เริ่ม พ.ค. ค่ะ) สำหรับคนอื่นๆ ก็แล้วแต่นะคะ อยากไปเมืองไหนก็เลือกเมืองนั้น แต่อย่าไปคิดว่าแบบเอ้ยยย อยากเที่ยวฝั่งนิวยอร์ค ต้องไปอยู่แถวนิวยอร์คจิ จริงๆ ก็ไม่ถึงกับขนาดนั้นก็ได้ค่ะเพราะตั๋วเครื่องบินในประเทศถูกๆ มีเยอะ + หลังจากจบงานแล้วถ้าเป็นปี 4 แบบเรา เที่ยวต่อได้อีกเดือน มีเวลาเยอะแยะชิวววว
อันนี้เราจะมาเม้ง เอเจนเรานิดนึงค่ะ ตอนแรกเราเลือกงานสวนน้ำในเมืองหนึ่งไป เนื่องจากงานโอเคเบย รับจำนวนมากถึง 50 ตำแหน่ง!!! ไม่หลุดแน่ บวกกับสอบถามแล้วสมัครแค่ 20 คนเอง ยังไงได้ สบายๆ ละเริ่มงานช้าได้ดั้ว ค่าบ้านโอเค นู่นนี่นั่นโอเคไปหมด สมัครจ้ะ
สรุป เจ้า 50 ตำแหน่งคือ ตำแหน่งทั่วโลกค่ะคุณ คนไทยก็ 2-3 คนนะคะ ไลฟ์การ์ดกันไป เราเซ็งมาก แต่ก็ทำไรไม่ได้ เพราะฉะนั้น ตอนจะไปก็ถามนิสนึง นี่ยอดคนไทยอย่างเดียวปะคะ หรือรวมชาติอื่นด้วย จะได้ไม่นก
ต่อๆ ซึ่งเวลาเราเลือกงานไปแล้วก็สัมภาษณ์กะเอเจนเมกาค่ะ ซึ่งไม่ใช่ว่าทุกงานในเอเจนที่ไทยจะมีเอเจนเมกาที่เดียวกันนะคะ มันจะปนๆ กันไปค่ะ ละโควต้ารับงาน แบบที่เดียวกันเช่น Sixflag โควต้าในการรับคนก็จะแตกต่างกันไปตามความใหญ่ของเอเจนที่ไทยด้วยนะคะ เหมือนเอเจนนี้รับโควต้า sixflag 10 คน อีกเอเจนอาจจะแค่5 ลองดูๆ กันไปค่ะ
เวลาเราเลือกงานแล้วจากนั้นก็จะมีสัมงานกับ เอเจนเมกาค่ะ เป็นสัมกับชาวต่างชาติ อย่างกรณีของเราพองานแรกเราไม่ได้ ตอนเลือกงานครั้งที่ 2 เค้าจะให้เราเลือกค่ะว่าไปกะเอเจนเดิมมั้ย ถ้าเดิมก็ไม่ต้องสัมใหม่ ละก็จะมีลิสงานมาให้ค่ะ ว่ามีงานอะไรอยู่ในเอเจนเมกาอันนี้บ้าง
ปล. เอเจนเมกาเราคือ spirit ค่ะ เพิ่งมาได้ยินทีหลังว่า ช้า ก็แอบหวั่นใจ แต่ช้าละชัวนะคะ ของเราคือเอกสารมาตรงเวลา ไม่ตกหล่น ไม่มีปัญหาอะไรเลย ดูแลดีมากๆ
งานแต่ละแบบมันก็แตกต่างกันไปนะคะ ยังไงอ่านรายละเอียดงานให้ดีๆ ไปจะได้ไม่ช๊อค ของเราเลือก prep cook ไป ไปถึงจริงๆ ล้างจานอย่างเดียวเท่านั้นค่ะ ข้อดีของงานในครัวคือ ของกินไม่มีขาดแน่นอน ถ้าเทียบงานโรงแรมก็คือ ของใช้ไม่มีขาด แต่คือที่เราไปทำมีเพื่อนชาติอื่นที่ทำแม่บ้าน ข้อเสียคือโดนแย่งทิป คือแขกจะทิ้งทิปไว้ให้ก่อน บางทีพวกเมเนอเจอร์ตัวดี ก็แอบเข้าไปเอาทิปก่อน กว่าเราจะไปเรียงห้องทำความสะอาดทิปก็ไม่อยู่แล้ว ทางที่ดีคือพอเรารู้เลขห้องที่เราต้องทำมาวันนี้แล้ว ก็ไปเก็บทิปก่อนเลยแล้วค่อยมาไล่ทำ ลองหาพวกประสบการณ์การไปทำงานในนั้น สถานที่นั้นหรือตำแหน่งนั้นก็ได้ค่ะ อย่างที่ที่เราไปทำงาน เค้ารับเด็กเวิ้คจากไทย เราเป็นรุ่นแรกค่ะ
คำแนะนำจากเรา
1. ตอนเลือกงานให้ดูงานที่เราอยากทำก่อน เป็นตำแหน่งที่เราทำละแฮปปี้ เพราะเราต้องไปทำ 3 เดือนเลยนะคะ บางคนไม่เคยมีประสบการณ์ไปเป็นลูกจ้างมาก่อน ก็อาจจะเกือบตายได้ เพราะมันลำบากมากจริงๆ ค่ะ ไม่ว่าอยู่ที่เมืองไทยคุณจะรวยร้อยล้าน เป็นลูกสุดที่รัก เป็นหมอ เป็นอะไรแต่พอไปถึงในสายตาของเค้า คุณเป็นตามตำแหน่งที่คุณมาค่ะ เค้าไม่สนว่าคุณจะยังไง ถ้าตกลงมาทำงานแล้วเราต้องทำงานให้เต็มที่
2. ถามไว้หน่อยก็ดีค่ะว่า เอเจนเมกาคืออะไรงานนี้ เผื่อไปตรงกับเอเจนที่เค้าว่ามีปัญหา เราจะได้เตรียมใจแล้วรับมือถูก หรือถ้ารู้ว่าเป็นเอเจนที่มีแนวโน้มจะมีปัญหาสูง คือมีทุกปี ก็หลีกเลี่ยงไปเลยค่ะ
3.ส่วนตัวคิดว่าอย่าเลือกงานที่คนไทยไปทำกันเยอะ พี่สาวเราไป sixflag คนไทย 50 กว่าคนได้ตอนรุ่นพี่เราไปนะคะ ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเลย งานที่เราไปทำมีคนไทยแค่ 6 คน สนิทกันจริงๆ มี 4 คน แต่ได้เพื่อนต่างชาติมาเยอะมาก ได้พูดภาษาอังกฤษทุกวัน คือรู้ด้วยตัวเองเลยว่าได้พัฒนา
[CR] รีวิว work & travel เริ่มต้น เดินทาง และเที่ยวหลังงานจบ
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาเขียนเกี่ยวกับการไป work & travel ตั้งแต่เริ่มสมัครเลย อยากให้เป็นประโยชน์ต่อน้องๆ รุ่นหลังที่จะไปกัน ได้ประโยชน์มากมั้ยไม่รู้ ก็ลองมาอ่านกันดูนะคะ
1. เลือกเอเจนซี่
ปัญหาโลกแตกของเด็กเวิร์คทุกคน เพราะคงจะได้ยินกันมามากว่า เอเจนนี้ดี เอเจนนี่ไม่ดี บางทีงงแตก เอเจนเดียวกันเสิร์จเน็ตมา มีแบบด่าแบบชิหายวายวอด กะชมแบบตัวลอย ทั้งนี้อยากให้ทุกคนพิจารณาว่าของแบบนี้ขึ้นอยู่กับ 'ดวง' ล้วนๆ ใช่แล้วอ่านไม่ผิดค่ะ ดวง ใครได้ดีก็ดีไป ใครซวยก็ซวยไปจริงๆ ค่ะ
โดยเกณฑ์ของเราในการมองหาเอเจน คือเราดูที่วันเริ่มงานค่ะ เพราะเราไปตอนปี 4 แล้วติดโปรเจคจบที่กินระยะเวลาจนหมดเดือนพฤษภา เราเลยต้องมาหาเอเจนที่มีงานที่อนุญาตให้เราเริ่มงานช้าได้ค่ะ
ทั้งนี้อีก 1 ข้อที่อยากให้พิจารณาก่อนเลือกเอเจนคือ ปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดไม่ได้เกิดจากเอเจนไทย แต่มักจะมาจากเอเจนฝั่งเมกา แต่เอเจนไทยก็มีส่วนว่าเค้าจะช่วยเหลือเราแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นลองไปหาชื่อเอเจนเมกาที่โดนหมายหัว ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงไปค่ะ พร้อมแล้วก็ไปค่ะ
(เอเจนที่กล่าวมาในที่นี้เป็นเอเจนที่เราได้เข้าไปประสบพบเจอมากะตัว คือมีประสบการณ์ ทั้งนี้ลองใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ เพราะอันนี้เป็นความเห็นของเราคนเดียว และยังมีเอเจนอีกมากที่ไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้ ซึ่งยังไงก็ลองหาข้อมูลเพิ่มดูนะคะ อันนี้เราเริ่มมองหาประมาณช่วงเดือนตุลาค่ะ)
Acadex
พี่เบิ้ม ใครจะไปเวิ้คแล้วไม่รู้จักเอเจนนี้คงจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าสนใจที่นี่คือก็เข้าไปทดสอบวัดระดับได้เลย เราไปตรงสาขารถไฟฟ้าราชเทวีค่ะ สถานที่ก็ดีงาม มีแบ่งห้องสัมภาษณ์เป็นสัดส่วน คะแนนวัดระดับก็จะเป็น 1-10 เรียงไปค่ะ
ที่นี่ก็จะแบ่งเป็นโปรแกรมหลายแบบ หลายราคาค่ะ แบบธรรมดา ก็จะมีส่วนลดให้ถ้าเราสมัครเร็ว 5,000-8,000 ว่ากันไป ซึ่งโปรแกรมที่เราสนใจเป็น premium จ้า แต่ประเด็นคือ โปรแกรม premium เนี่ย ไม่ได้ส่วนลด สนน ราคาที่ 69,900 ประมาณนี้ และบังคับซื้อตั๋วเครื่องบิน ซึ่งราคาตั๋วปกติไปที่นี่ก็ 50,000 แล้ว แล้วบังคับซื้อเราก็กลัวว่ามันจะเลยเถิดไปอีก เราเลยตัดสินใจ โบกมือลากับ acadex ค่ะ
ปล. ราคานี้ของที่นี่ยังไม่รวมค่า visa อีก 8,000 นะแจ๊ะ ทั้งนี้เป็นโปรในปีที่เราไปนะคะ โปรก้เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี
American Learning
อันนี้พี่สาวเราไปค่ะ ตอนพี่สาวเราไปค่อนข้างดีนะคะ ราคาทั่วไป ใส่ใจ มีเสื้อให้ใส่ไปเป็นแก๊งค์ น่ารักๆ ตอนไป เมืองไหนคนไปเยอะ แบบพี่เราไป sixflag ก็มีคนเดินทางไปด้วย มีคนไปเยี่ยมประมาณนี้ แต่พอมาถึงตอนเรา เราหาข้อมูลแล้วแพงค่ะ งานไม่ตรงใจ555555 โบกมือลากันไป
Click
อันนี้เพื่อนที่ไปด้วยกันกับเรา มีเพื่อนที่ไปด้วยกันแนะนำมาว่าดี (งงมั้ย?) ลองหาข้อมูลในเน็ตแล้วความเห็นค่อนข้างยับเยิน แต่มีงานในเมืองที่เราสนใจ (เมืองเดียวกะ acadex นั่นแล) แต่ว่าคุยไปคุยมาสรุปคือ ตำแหน่งงานที่ต้องไปทำไม่ถูกใจ เลยไม่ได้ไป
ปล. อันนี้ไม่ชัวร์แต่เหมือนไม่บังคับซื้อตั๋วนะ
Higher Education
อันนี้เพื่อนเราไปมาบอกว่าดี แล้วก็มีมาตั้งบูทที่ ม เราด้วย (ที่โบชัวมีแผนที่เมกาสวยๆ) เลยไปสอบ เราไปสอบที่ศูนย์ธรรมศาสตร์ (ได้ยินว่าปิดไปแล้วหรือเปล่า) ไปถึงเค้าจะมี presentation + บรรยาย ฟังแล้วแบบ หูย มันดีค่ะ ต่อจากนั้นเป็นข้อสอบ ข้อสอบเป็นแบบข้อเขียนให้เราวงๆ กาๆ ไม่ยาก ส่วนใหญ่ก็คอนเวอ มีคำถามทั่วไปด้วย แต่ที่ไม่ดีคือ ไม่มีคนคุมสอบไม่มีใครสนใจ ลอกกันบาน ความเห็นเรานะ เราว่าอย่าไปลอกกันเลย มันไม่ซีเรียส ถือซะว่าเป็นการวัดระดับตัวเราไป เราจะได้ประเมินความสามารถทางภาษาของเราได้ว่าเราเหมาะกับงานแบบไหน
ปล. ที่นี่ไม่บังคับซื้อตั๋ว แต่ไม่มีงานไหนเลยที่ให้เริ่มตอนเดือนมิถุนาได้ เลยไม่ได้เลือก
I4g
อันนี้ข้อเสนอดี แบบราคงราคา อะไรโอเคหมดเลยสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ค่ะ โทรไปสอบถามข้อมูลแล้วก็เค้าจะนัดวันเราสัมภาษณ์ มีงานในเมืองที่เราสนใจด้วย แต่ตำแหน่งไม่โอเค ส่วนงานอื่นๆ คือมีให้เลือกน้อยมาก แบบสิบกว่ายี่สิบกว่าเอง เขาบอกเราว่าเน้นดูแลแบบครอบครัว คนที่สัมภาษณ์ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของมาคุยเองเลยค่ะ (เดา)
IEO
อันนี้เป็นเอเจนที่เราไปเอง ค่อนข้างดีในความคิดเรานะ อย่างแรกคือ เค้าให้เราจ่ายรอบแรกก่อน 5,000 แต่เรายังไม่ต้องจ่ายที่เหลือจนกว่าเราจะได้งานจริงๆ ซึ่งต่างจากที่อื่นที่พอเราจ่ายรอบแรกแล้ว เราต้องจ่ายส่วนที่เหลือในเดือนถัดไปทันที อย่างสอง ราคาทั้งหมด 62,000 รวม visa และไม่บังคับซื้อตั๋วเครื่องบิน ซึ่งเป็นแบบที่เราตามหา เราเลยพอใจมั่กกก + งานก็ไม่แย่ มีงานให้เลือกเยอะดี อีกทั้งพอเราจ่ายเงินจองแล้ว พี่เค้าก็เอางานมาเสนอให้เราก่อนจะนำงานลงหน้าเว็บจริง
ปล. เพื่อนเราห่างๆ คนนึงเจอเรื่องไม่ดี พี่เจ้าหน้าที่ลืมแจ้งเมลล์ให้กับเอเจนที่เมกา ทำให้เอเจนที่เมกา เข้าใจผิดคิดว่าไม่ไปแล้ว ตัดชื่อออก กว่าจะมารู้ตัวก็ไม่ทันแล้ว และปี4 ดังนั้น จิกค่ะ มีไรก็ถามไว้ก่อน ต้องทำไรต่อ แล้วไงต่อ เสียเงินไปแล้วค่ะ อย่าเสียผลประโยชน์
London House
ท่าด๊า อันนี้คือ 1 เดียวผู้เดียวที่คนที่สนใจอยากไป Work & Travel ที่ Disneyland จะต้องกับเอเจนนี้ที่เดียวเท่านั้นนะคะ โดยไม่ใช่ว่าจะโต้งๆ ขอเข้าไปสมัครได้น้า เค้าจะมีจัด โร้ดโชว์ค่ะ ก็จะมีวันเวลาสถานที่บอก ซึ่งเราต้องโทรไปสำรองที่นั่ง ซึ่งในงานเมื่อเราฟังสัมนาเสร็จอะไรเสร็จ เค้าจะแจกเอกสารให้เพื่อให้เราใช้ในการสมัครไปอีกที ที่นี่ดูเกรดนะคะ แต่ไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ เราจองโร้ดโชว์แต่ไม่ได้ทำในขั้นตอนอื่นๆ ค่ะ เพราะวันไปโร้ดโชว์เราลืมเอาใบเกรดไปจ้าาา ละบวกกับงานมันเริ่มเร็วเราเลยไม่ได้ไปต่อ คิดซะว่าไม่มีบุญ แต่คือเพื่อนเราที่ไป จริงๆ คือเค้าจะมีส่งไป 2 รอบ รอบแรกเป็นช่วง พค อีกรอบก็ 2 มิถุนา ตอนนั้นเราได้ยินว่ามันเลือกไม่ได้เลยไม่อยากเสี่ยง เค้าสัมค่อนข้างซีเรียสนะคะ ที่นี่จะชอบคนที่กระตือรือร้นตามสไตล์ของดีสนีย์อ่ะค่ะ แล้วเหมือนเพื่อนเราบอกตอนมันไปสัม ทุกคนเลือกแต่อยากไปทำ merchandise คือขายสินค้า คนสัมเค้าเลยบูดๆ อ่ะค่ะ แล้วเหมือนให้เพื่อนเราเปลี่ยนงานตรงนั้นเลย แบบออกมาบอกว่า ถ้าใครเลือก merchandise มาก็ให้เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น
OEG
นี่ก็ดัง แต่อันนี้เราไม่ได้ลงลึก เนื่องจากสไตล์ไม่ตรงกัน อย่างแรกเค้าให้เราจ่ายก่อน 8,000 ก่อนจะทำอะไรทั้งหมด และส่วนนี้ไม่ได้คืน เราคิดว่าสัก 5,000 ก็พอแล้ว อันนี้แพงไป แล้วสอบสัมภาษณ์กับเอเจนไม่ผ่าน ไม่ได้คืนนะ อย่างสองคือ การเลือกงาน ที่เราฟังมา คือเค้าให้เลือกงานพร้อมกันทีเดียว ใครจะจ่ายก่อนหลังไม่เกี่ยว ซึ่งเราไม่ค่อยชอบระบบแบบนี้ เราเลยไม่ได้ดูที่นี่ต่อค่ะ
คำแนะนำจากเรานะคะ
1. ลองดูงานก่อนคร่าวๆ เอาให้มีงานที่ตรงกับความต้องการเราหรีอเปล่า ถ้ามันไม่มีในหน้าเว็บก็ลองสอบถามเค้าได้ว่ามันมีมั้ย บางทีงานเค้าไมไ่ด้ลง แต่เคยมีมาก่อนก็อาจจะมี
2. ราคาที่ถาม รวม visa ยังบางที่ไม่รวม ไม่บอก แลดูเหมือนจะราคาถูก แต่ไปฟันค่า visa แทน
3. บังคับซื้อตั๋วเครื่องบินมั้ย สำหรับเราคิดว่าอันนี้สำคัญ เพราะตั๋วเครื่องบินนี่คือด่านสุดท้าย ส่วนใหญ่จะซื้อหลังจากสัมวีซ่าเสร็จ คือพร้อมไปละอะ ละตอนนั้นถ้าเอเจนจะเอาเท่าไหร่ ก็ต้องจ่าย มันเหมือนจะเป็นการโกงทางอ้อมไงไม่รู้ เราคิดงี้เพราะมีคนในกรุ้ปที่เราเห็น เค้าโดนไปเป็นแสนค่ะ ย้ำ แสนค่ะ ทั้งนี้แล้วแต่วิจารณญาณส่วนบุคคลนะคะ (ล่าสุดรุ่นน้องเรา แปดแสน เอิ่ม.. อันนั้นละค่ะ เจ้านั้นล่ะค่ะ เรื่องนี้เค้าขึ้นชื่อ สรุปตอนหลังเค้าก็แก้ไขนะคะ บอกว่าน้องเค้าเลือกสต๊อปหลายที่เกินไป)
2. เลือกงาน
อย่างที่บอกตอนแรก เราเลือกงานโดยคำนึงจากว่างานไหนให้เราเริ่มได้ตอนมิถุนาเป็นหลักค่ะ (งานส่วนใหญ่ให้เริ่ม พ.ค. ค่ะ) สำหรับคนอื่นๆ ก็แล้วแต่นะคะ อยากไปเมืองไหนก็เลือกเมืองนั้น แต่อย่าไปคิดว่าแบบเอ้ยยย อยากเที่ยวฝั่งนิวยอร์ค ต้องไปอยู่แถวนิวยอร์คจิ จริงๆ ก็ไม่ถึงกับขนาดนั้นก็ได้ค่ะเพราะตั๋วเครื่องบินในประเทศถูกๆ มีเยอะ + หลังจากจบงานแล้วถ้าเป็นปี 4 แบบเรา เที่ยวต่อได้อีกเดือน มีเวลาเยอะแยะชิวววว
อันนี้เราจะมาเม้ง เอเจนเรานิดนึงค่ะ ตอนแรกเราเลือกงานสวนน้ำในเมืองหนึ่งไป เนื่องจากงานโอเคเบย รับจำนวนมากถึง 50 ตำแหน่ง!!! ไม่หลุดแน่ บวกกับสอบถามแล้วสมัครแค่ 20 คนเอง ยังไงได้ สบายๆ ละเริ่มงานช้าได้ดั้ว ค่าบ้านโอเค นู่นนี่นั่นโอเคไปหมด สมัครจ้ะ
สรุป เจ้า 50 ตำแหน่งคือ ตำแหน่งทั่วโลกค่ะคุณ คนไทยก็ 2-3 คนนะคะ ไลฟ์การ์ดกันไป เราเซ็งมาก แต่ก็ทำไรไม่ได้ เพราะฉะนั้น ตอนจะไปก็ถามนิสนึง นี่ยอดคนไทยอย่างเดียวปะคะ หรือรวมชาติอื่นด้วย จะได้ไม่นก
ต่อๆ ซึ่งเวลาเราเลือกงานไปแล้วก็สัมภาษณ์กะเอเจนเมกาค่ะ ซึ่งไม่ใช่ว่าทุกงานในเอเจนที่ไทยจะมีเอเจนเมกาที่เดียวกันนะคะ มันจะปนๆ กันไปค่ะ ละโควต้ารับงาน แบบที่เดียวกันเช่น Sixflag โควต้าในการรับคนก็จะแตกต่างกันไปตามความใหญ่ของเอเจนที่ไทยด้วยนะคะ เหมือนเอเจนนี้รับโควต้า sixflag 10 คน อีกเอเจนอาจจะแค่5 ลองดูๆ กันไปค่ะ
เวลาเราเลือกงานแล้วจากนั้นก็จะมีสัมงานกับ เอเจนเมกาค่ะ เป็นสัมกับชาวต่างชาติ อย่างกรณีของเราพองานแรกเราไม่ได้ ตอนเลือกงานครั้งที่ 2 เค้าจะให้เราเลือกค่ะว่าไปกะเอเจนเดิมมั้ย ถ้าเดิมก็ไม่ต้องสัมใหม่ ละก็จะมีลิสงานมาให้ค่ะ ว่ามีงานอะไรอยู่ในเอเจนเมกาอันนี้บ้าง
ปล. เอเจนเมกาเราคือ spirit ค่ะ เพิ่งมาได้ยินทีหลังว่า ช้า ก็แอบหวั่นใจ แต่ช้าละชัวนะคะ ของเราคือเอกสารมาตรงเวลา ไม่ตกหล่น ไม่มีปัญหาอะไรเลย ดูแลดีมากๆ
งานแต่ละแบบมันก็แตกต่างกันไปนะคะ ยังไงอ่านรายละเอียดงานให้ดีๆ ไปจะได้ไม่ช๊อค ของเราเลือก prep cook ไป ไปถึงจริงๆ ล้างจานอย่างเดียวเท่านั้นค่ะ ข้อดีของงานในครัวคือ ของกินไม่มีขาดแน่นอน ถ้าเทียบงานโรงแรมก็คือ ของใช้ไม่มีขาด แต่คือที่เราไปทำมีเพื่อนชาติอื่นที่ทำแม่บ้าน ข้อเสียคือโดนแย่งทิป คือแขกจะทิ้งทิปไว้ให้ก่อน บางทีพวกเมเนอเจอร์ตัวดี ก็แอบเข้าไปเอาทิปก่อน กว่าเราจะไปเรียงห้องทำความสะอาดทิปก็ไม่อยู่แล้ว ทางที่ดีคือพอเรารู้เลขห้องที่เราต้องทำมาวันนี้แล้ว ก็ไปเก็บทิปก่อนเลยแล้วค่อยมาไล่ทำ ลองหาพวกประสบการณ์การไปทำงานในนั้น สถานที่นั้นหรือตำแหน่งนั้นก็ได้ค่ะ อย่างที่ที่เราไปทำงาน เค้ารับเด็กเวิ้คจากไทย เราเป็นรุ่นแรกค่ะ
คำแนะนำจากเรา
1. ตอนเลือกงานให้ดูงานที่เราอยากทำก่อน เป็นตำแหน่งที่เราทำละแฮปปี้ เพราะเราต้องไปทำ 3 เดือนเลยนะคะ บางคนไม่เคยมีประสบการณ์ไปเป็นลูกจ้างมาก่อน ก็อาจจะเกือบตายได้ เพราะมันลำบากมากจริงๆ ค่ะ ไม่ว่าอยู่ที่เมืองไทยคุณจะรวยร้อยล้าน เป็นลูกสุดที่รัก เป็นหมอ เป็นอะไรแต่พอไปถึงในสายตาของเค้า คุณเป็นตามตำแหน่งที่คุณมาค่ะ เค้าไม่สนว่าคุณจะยังไง ถ้าตกลงมาทำงานแล้วเราต้องทำงานให้เต็มที่
2. ถามไว้หน่อยก็ดีค่ะว่า เอเจนเมกาคืออะไรงานนี้ เผื่อไปตรงกับเอเจนที่เค้าว่ามีปัญหา เราจะได้เตรียมใจแล้วรับมือถูก หรือถ้ารู้ว่าเป็นเอเจนที่มีแนวโน้มจะมีปัญหาสูง คือมีทุกปี ก็หลีกเลี่ยงไปเลยค่ะ
3.ส่วนตัวคิดว่าอย่าเลือกงานที่คนไทยไปทำกันเยอะ พี่สาวเราไป sixflag คนไทย 50 กว่าคนได้ตอนรุ่นพี่เราไปนะคะ ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเลย งานที่เราไปทำมีคนไทยแค่ 6 คน สนิทกันจริงๆ มี 4 คน แต่ได้เพื่อนต่างชาติมาเยอะมาก ได้พูดภาษาอังกฤษทุกวัน คือรู้ด้วยตัวเองเลยว่าได้พัฒนา