สวัสดีค่ะทุกคน นี่เป็นกระทู้ที่เป็นทางการของเราแบบกระทู้แรกเลยนะ ถ้าผิดพลาดอะไรยังไง ขอโทษไว้ตรงนี้ก่อนเลย
เราอาจจเขียนน่าเบื่อๆบ้างอย่าว่ากันน้าาาาา
ในส่วนของการไปWATนั้น เราจะขอแบ่งออกเป็นพาร์ทใหญ่ๆ ประมาณนี้ค่ะ
1.การสมัครและเลือกเอเจนซี่
2.การเลือกงานและสัมภาษณ์
3.การทำวีซ่าและสัมภาษณ์วีซ่า
4.ซื้อตั๋วเครื่องบิน
5.การเดินทางไปUS
6.ที่ทำงานและบ้านพัก
7.ค่าใช้จ่ายทั้งหมดและtax refund
8.อื่นๆที่ยังนึกไม่ออก5555555555
**ต่อเนื่องมาจากกระทู้นึงที่เราไปทิ้งไลน์ไอดีไว้แล้วคนทักมาเยอะมากเราเลยอยากเขียนกระทู้แบบชัดเจนๆให้ทุกคนอ่านกันเน่อ**
โอเคเริ่มที่พาร์ทแรกกันเลยค่าาาาา
1.การสมัครและเลือกเอเจนซี่
เรื่องนี้คือเราก็เริ่มดูรีวิวตั่งต่างงงง ในพันทิพเนี่ยแหละ ก็จะมีหลายเอเจนซี่มากมายที่คนมารีวิวให้ฟัง
เช่น Oeg Higher Ihappy Acadex เป็นต้น แต่ละเอเจนก็จะมีสไตล์แตกต่างกันออกไปซึ่งตรงนี้เราไม่สามารถอธิบายให้ฟังได้
ทั้งหมดนะ เพราะเราไปกับเอเจนเดียวคือ Ihappy โอเคคำถามที่หลายคนอาจจะอยากรู้คือทำไมเลือกเอเจนนี้ คำตอบเดียวตอนนั้นของเราคือ มันถูกที่สุด55555555 ขี้งกสุดดอะไรสุดดด และวันที่เราจะสมัครเป็น2วันสุดท้ายของราคานั้นด้วย เราถึงรีบตัดสินใจเลย(เราสมัครช้าด้วย ปรมาณเดือนพฤศจิ ซึ่งปกติแล้วเค้าเปิดให้สมัครตั้งแต่เดือนสิงหาแทบจะทุกเอเจนเลยนะคะ ลองเปิดเช็คดูเรื่อยๆเพราะถ้าสมัครแรกราคาจะถูกกว่าามัครทีหลัง และก็มีโอกาสได้เลือกงานเยอะกว่าด้วย) ขั้นตอนคือเราก็เข้าไปที่หน้าเว็บของเอเจนซี่แล้วติดต่อไปเลยค่ะ เราโทรไปตอนแรก ละพี่เค้าก็ให้กรอกใบสมัครส่งทางเมล (การติดต่อกับเอเจนส่วนใหญ่จะติดต่อทางอีเมล ต้องเช็คเมลตลอดน้า) ตามด้วยสลิปเงินที่เราต้องโอนเพื่อจองสิทธิ์ โอนครั้งแรก 7000บาท ขอพูดให้เคลียร์เรื่องเงิน ตอนเราไปถ้าจำไม่ผิดนะ ค่าโครงการของเรา 55000บาท พอเราจ่ายไป 7000ค่าจอง เราก็เหลือแค่ 48000ที่ต้องจ่ายในงวดถัดไปคือตอนได้งาน ปล.ค่าโครงการยังไม่ร่วมค่าวีซ่าและค่าตั๋วเครื่องบินนะคะ อ่านข้อมูลตอนสมัครดีๆว่าค่าโครงการรวมอะไรบ้างเพราะบางที่ก็บังคับซื้อตั๋วเครื่องบินกับเอเจนซี่ก็มี หลังจากที่เราสมัครและจองสิทธิ์เรียบร้อย พี่เค้าจะนัดเราเข้าไปที่บริษัทธิ์เพื่อไปทดสอบพื้นฐานภาษาอังกฤษเป็นข้อสอบแบบฟังคล้ายๆtoeic เพื่อวัดระดับว่าเราจะอยู่เกรดไหน จขกท.ได้ upper intermediate หรือ เกรด B มานะคะ ก็พอใจอยู่เพราะเราไม่ได้เตรียมตัวไป ตอนนั่งทำข้อสอบก็ง่วง เกือบหลับแล้ว555555 หลังจากที่เราทดสอบเสร็จ พี่เค้าจะนัดวันให้ฝรั่งโทรไปสัมภาษณ์ ทดสอบการสื่อสาร ว่าเรามีทักษะการพูดคุยระดับไหน คำถามยอดฮิตเลยก็คือ เค้าถามอะไรบ้าง? จากที่เราโดนถามนะก็มีให้ แนะนำตัว,เรียนที่ไหน,พักที่ไหน,แถวๆที่หอมีอะไรบ้าง,อยากทำงานอะไร, ทำไมถึงอยากทำงานนี้,คิดว่าข้อดีข้อเสียของเราคืออะไร แค่นี้ค่ะ เราตอบหมดนะแต่ก็ไม่ได้ตอบดีอะ เราก็ได้B มาเหมือนกัน สรุปคือเราได้เกรดB
ปล1.แนะนำให้เตรียมและซ้อมคำตอบก่อนสัมภาษณ์หน่อยก็จะดีมากๆนะ เพราะมันจะลดความตื่นเต้นของเราลง ดีกว่าไปอ้ำๆอึ้งๆกับฝรั่ง
เอาระดับภาษาไปทำอะไร? >>> ระดับภาษาเอาไว้สมัครงานค่ะ บางงานจะมีบอกเกณฑ์ว่าต้องการระดับภาษาเท่านี้ถึงจะสมัครได้นะ
2.การเลือกงานและการสัมภาษณ์
อะ ถึงพาร์ทนี้ได้ก็คือเดินทางมาเกือบครึ่งนึงของการจะเดินทางไปWATแล้วน้าาาา นี่ก็คือพ้อยสำคัญมากๆของการใช้ชีวืตที่นู่นด้วย คือการเลือกงานนั่นเอง บางคนอาจจะคิดว่า ทำงานอะไรก็ได้ อยากได้เงินอย่างเดียว ขอให้คิดใหม่อีกรอบนึง เพราะเราต้องทำงานนี้ ไปอีก3เดือนเลยนะคะ อยากให้ชอบจริงๆถึงเลือกสมัคร งานจะมีเข้ามาเรื่อยๆบนหน้าเว็บของแต่ละเอเจน เราจะต้องคอยเช็คเรื่อยๆ เพื่อกดสมัครงาน ซึ่งงงงงงงง ปัญหาคือเรามีคนมากมายที่จะมาแย่งงานเรา เราต้องอัพเดตบ่อยๆเลยนะ ถ้าเห็นอันที่ชอบแล้วก็ส่งเมล ไปบอกกับทางเอเจนเลยว่าขอจองงานนี้ งานมันก็หลายแนวเช่น โรงแรม,ร้านสะดวกซื้อ,supermarket,fast food,ร้านอาหาร,สวนสนุก, แคมป์,อุทยาน อื่นๆ ในแต่ละงานมันก็จะมีหลายpositionแตกต่างกันออกไป ซึ่งแน่นอนว่าpositionของงานจะต้องตรงกับระดับภาษา อย่างเช่น เราพูดคล่องเลยอาจจะสมัครFron desk ไปเลย แต่ถ้าเราไม่เก่งมากอาจจะสมัคร buzzer หรือ luandry,housekeeping อะไรประมาณนี้ ขอให้รู้ตัวเองว่าพูดอิ้งได้แค่ไหน เหมาะกับงานอะไร เวลาสมัครและสัมภาษณ์ จะได้ไม่นกงานน้ะจ้ะ ขอขยายอีกนิดเรื่องดีเทลของงาน ก่อนจะไปเรื่อง สัมภาษณ์งานนะ ในดีเทลของานหนึ่งาน เค้าจะมีบอกหมดเลยว่าต้องการตำแหน่งอะไรบ้าง ผู้หญิงหรือผู้ชาย เรทเงินกี่บาทต่อชั่วโมง ทำงานที่เมืองไหน รัฐไหน มีบ้านพักให้เป็นแบบไหน หอพัก บ้านพัก มีโฮสต์ หรือว่าต้องwalk in หาที่พักเอง ถ้านายจ้างจัดหาที่พักให้ เค้าก็จะบอกว่าค่าบ้าน วีคละเท่าไหร่ หรือเดือนละเท่าไหร่ ต้องจ่ายมัดจำบ้านมั้ย ถ้าต้องจ่ายคือเท่าไหร่ ดีเทลงานจะละเอียดมากๆ ให้ทุกคนเช็คข้อมูลและลองคำนวนเงินคร่าวๆว่าพอใจมั้ย ชอบมั้ย คุ้มมั้ย อะผ่านนเรื่องงาน ต่อไปคือถ้าเราได้งานที่ชอบแล้ว ส่งเมลไปบอกเอเจนแล้ว พี่เค้าก็จะนัดวันสัมภาษณ์ให้เรา ซึ่งทีนี้เค้าจะดึงเราเข้าไปทำโปรไฟล์ในเว็บของเอเจนซี่ฝั่งUS ของเราได้เอเจนCHI ซึ่งหลายคนอาจจะงงๆว่าคืออะไร เราจะอธิบายว่า การที่เราสมัครไปเนี่ย เหมือนเราสมัครไป2เอเจนซี่ คือฝั่งไทยและฝั่งUS ในเวลาเดียวกันคือ ตอนเราอยู่ไทย เอเจนไทยจะดูแลเราทั้งหมดเรื่องเอกสาร และพอเราไปอยู่เมกา เอเจนไทยจะดูแลเราไม่ได้แล้วนะ แต่เราสามารถบอกเล่าเรื่องราวปัญหาต่างๆที่เอเจนไทยได้ แต่เค้าก็จะให้เราส่งเมลไปบอกCHIซึ่งเป็นเอเจนที่จะดูแลเราที่USอยู่ดี ง่ายๆก็คือ เมื่อเราเหยียบUSปุ๊บ การดูแลทั้งหมดนั้น เอเจนที่เมกาก็คือCHI จะเป็นคนดูแลเรา เคลียร์!! พอเราได้วันและเวลาสัมภาษณ์ปุ้บ ก็เตรียมตัวรอเลยค่ะ เราตื่นเต้นมาก ซ้อมพูดไปบ้างนะ เราก็ซ้อมเพื่อลดความประมาท555555 พอถึงวันจริงของเราเอเจนUSมีปัญหาเรื่องเน็ต โทรมาช้าเกือบครึ่งชั่วโมง แต่เราก็รอนะ ปล.การสัมภาษณ์ติดต่อกันทางskypeเด้ออ เราก็ส่งข้อความไปหาเค้าว่าฉันรออยู่นะ ยังไม่ไปไหน โทรมาได้เลย อะเค้าก็โทรมา ขอโทษขอโพยยย ว่าเนี่ยคอมนางมีปัญหา เลยติดต่อมาช้า นี่ว่าตื่นเต้นจนหายตื่นแล้วววว555555 อะก็แนะนำตัวก่อนเลย พอพูดจบเค้าก็ถามว่าเราเรียนอะไร เราก็ตอบไป เค้าก็จะถามดีเทลว่าเกี่ยวกับอะไรหรอ ช่วยอธิบายให้ฟังได้มั้ย อะนี่ก็โมเสรรพคุณคณะตัวเองไปจ่ะ ละนางถามต่อเรื่อยๆ บ้านอยู่ไหน พ่อแม่ทำอะไร สถานที่ท่องเที่ยวที่ไทยมีอะไร เคยไปมั้ย เล่าให้ฟังหน่อย แล้วไปเมกานี่เคยไปมั้ย มีใครไปด้วยมั้ยครังนี้ จะทำงานอะไร ทำไมเลือกงานนนี้ ละเค้าก็จะถามเช็คว่าเรารู้ดีเทลงานทั้งหมดแล้วใช่มั้ย พวกเรื่องตำแหน่ง เรทเงิน ค่าบ้าน รัฐและเมือง เช็คเพื่อความมั่นใจว่าสัมภาษณ์ถูกงานถูกคน อะรวมๆแล้วเราก็เอเจนคนนี้คุยกันประมาณเกือบ20นาทีจ้าาาาาา นานเว่อออ เม้ามอยส์ เอาจริงเราว่าเราอะโชคดีไง เพราะเค้าเป็นผู้หญิง ละเป็นคนฟิลิปปินส์ละคือเหมือนเจอเอเชียด้วยกันอะ ก็คุยไปเรื่อยๆ จนเค้าบอกว่าโอเค เค้าไม่มีอะไรจะถามแล้ว เรามีอะไรจะถามมั้ย นี่ก็ตอบไม่!!5555 เสร็จแล้วเค้าก็บอกเราว่า เนี่ยยยสำหรับเค้าอะเราผ่านนะสัมภาษณ์ เธอไม่ต้องกังวลเลยพาร์ทชั้น แต่งานของเธอมีสัมภาษณ์กับนายจ้างด้วยนะ ขอให้เธอโชคดี..... //สายตัด ตู้ดดๆๆๆ เอ่อออ ยัง ยังจะมีสัมอีกรอบหรอ??!!!!!! อมกกกก จะเปงลมเด้อออ ละก็จริงๆค่ะ พี่เอเจนไทยบอกเราว่างานเรามีสัมกะนายจ้างอีกรอบ เราแบบโอยยย ตื่นเต้นไม่ไหวแล้วจ้าาาา อะ สคิปไปถึงวันที่พี่เค้านัดกับนายจ้างให้เรา ถึงวันนั้นคือเราตื่นเต้นมาก มากกว่ารอบที่แล้วอีก อะเค้าก็ถามอะไรเดิมๆ แนะนำตัว จะสมัครตำแน่งอะไร ทำไมจะสมัครตำแหน่งนี้ พีคคือเรารู้สึกว่าเค้าถามยากกว่าคนอื่นที่เราไปแอบอ่านในพันทิพมาคือ เค้าถามเราว่า จุดประสงค์การมาเพื่ออะไร เราตอบฝึกภาษา(ความจริงคือหาหลัว อุ้ย หลอกกกกก5555555) เค้าถามต่อว่าคิดว่าอะไรคือปัจจัยสำคัญในการทำงานให้สำเร็จ จะใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะประสบความสำเร็จ คิดว่าตัวเองมีอะไรดีบ้างในตัว แล้วคิดว่าจะประสบความสำเร็จมั้ย อหหหหหหหหหหหหหหหหหห จขกท. บอกตรงนี้เลยว่าฟังออกบ้างไม่ออกบ้างนะ555555 แต่เค้ามาขยายความทีหลัง เพราะถ้าเราไม่เข้าใจเราบอกเค้าเลยว่า อีหยังวะ ไม่เหงรู้เรื่อง55555 ขออีกรอบได้มั้ย เค้าก็จะขยายความให้เราฟังง่ายขึ้น อะผ่านพ้นไป ตอนนั้นคือ หัวใจตกไปอยู่ตีนแล้วค้าาาา คิดว่าอาจจะไม่ได้งานนนี้แน่เลยอะ กังวลนิดหน่อยเพราะตอนนั้นก็เดือนกุมภา มีนา แล้วอะ ถ้านกงานนี้ งานมันก็มีให้เลือกน้อยแล้ว แต่ก็เออkeep calmค่ะ รอผลล ซึ่งงงงนายจ้างเค้าก็ส่งเมลมาบอกด้วยตัวเองใน2-3วันถัดไปเลยนะว่า ยูผ่านนะ ดีใจ๋ด้วยย!! เรารับยูมาในตำแหน่ง customer service อะ สงสัยกันอะดิมาถึงตรงนี้ว่าหน้าที่นี้มันทำอะไร ตอบสั้นๆ ง่ายๆ ว่า เบ๊ จอบอค่ะ555555 ก็คือมีงานอะไรก็ไปทำงาน ทำทุกอย่างที่ทำได้ และที่เค้าจะห้เราทำ ข้อดีคือได้ทำหลายงานสลับๆกันไปไม่เบื่อมาก อ้อลืมบอกว่างานที่เราเลือกคือ Kampground นะคะ หลายคนอาจจะงงว่ามันคืออะไร เราก็จะบอกว่าตอนแรกก็งงเหมือนกันค่ะให้ทำอะไร555555 แต่เราจะไปขอต่อตอนท้ายๆเกี่ยวกับเรื่องงานเนอะ จะได้ไม่ยาวมากสำหรับพาร์ทนี้
นี่ขอติดไว้ก่อนนะคะ เดี๋ยวจะมาเขียนต่ออีกพาร์ทที่เหลือ ยังไงใครอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับอะไรก็เม้นทิ้งไว้ได้เลยนะคะ
เดี๋ยวเราจะไปตอบให้ทุกคนเลยยย
[CR] [RW] work&travel 2018 ที่ New York ตั้งแต่เริ่มสมัครจนวันกลับไทยเล้ยยยยย
เราอาจจเขียนน่าเบื่อๆบ้างอย่าว่ากันน้าาาาา
ในส่วนของการไปWATนั้น เราจะขอแบ่งออกเป็นพาร์ทใหญ่ๆ ประมาณนี้ค่ะ
1.การสมัครและเลือกเอเจนซี่
2.การเลือกงานและสัมภาษณ์
3.การทำวีซ่าและสัมภาษณ์วีซ่า
4.ซื้อตั๋วเครื่องบิน
5.การเดินทางไปUS
6.ที่ทำงานและบ้านพัก
7.ค่าใช้จ่ายทั้งหมดและtax refund
8.อื่นๆที่ยังนึกไม่ออก5555555555
**ต่อเนื่องมาจากกระทู้นึงที่เราไปทิ้งไลน์ไอดีไว้แล้วคนทักมาเยอะมากเราเลยอยากเขียนกระทู้แบบชัดเจนๆให้ทุกคนอ่านกันเน่อ**
โอเคเริ่มที่พาร์ทแรกกันเลยค่าาาาา
1.การสมัครและเลือกเอเจนซี่
เรื่องนี้คือเราก็เริ่มดูรีวิวตั่งต่างงงง ในพันทิพเนี่ยแหละ ก็จะมีหลายเอเจนซี่มากมายที่คนมารีวิวให้ฟัง
เช่น Oeg Higher Ihappy Acadex เป็นต้น แต่ละเอเจนก็จะมีสไตล์แตกต่างกันออกไปซึ่งตรงนี้เราไม่สามารถอธิบายให้ฟังได้
ทั้งหมดนะ เพราะเราไปกับเอเจนเดียวคือ Ihappy โอเคคำถามที่หลายคนอาจจะอยากรู้คือทำไมเลือกเอเจนนี้ คำตอบเดียวตอนนั้นของเราคือ มันถูกที่สุด55555555 ขี้งกสุดดอะไรสุดดด และวันที่เราจะสมัครเป็น2วันสุดท้ายของราคานั้นด้วย เราถึงรีบตัดสินใจเลย(เราสมัครช้าด้วย ปรมาณเดือนพฤศจิ ซึ่งปกติแล้วเค้าเปิดให้สมัครตั้งแต่เดือนสิงหาแทบจะทุกเอเจนเลยนะคะ ลองเปิดเช็คดูเรื่อยๆเพราะถ้าสมัครแรกราคาจะถูกกว่าามัครทีหลัง และก็มีโอกาสได้เลือกงานเยอะกว่าด้วย) ขั้นตอนคือเราก็เข้าไปที่หน้าเว็บของเอเจนซี่แล้วติดต่อไปเลยค่ะ เราโทรไปตอนแรก ละพี่เค้าก็ให้กรอกใบสมัครส่งทางเมล (การติดต่อกับเอเจนส่วนใหญ่จะติดต่อทางอีเมล ต้องเช็คเมลตลอดน้า) ตามด้วยสลิปเงินที่เราต้องโอนเพื่อจองสิทธิ์ โอนครั้งแรก 7000บาท ขอพูดให้เคลียร์เรื่องเงิน ตอนเราไปถ้าจำไม่ผิดนะ ค่าโครงการของเรา 55000บาท พอเราจ่ายไป 7000ค่าจอง เราก็เหลือแค่ 48000ที่ต้องจ่ายในงวดถัดไปคือตอนได้งาน ปล.ค่าโครงการยังไม่ร่วมค่าวีซ่าและค่าตั๋วเครื่องบินนะคะ อ่านข้อมูลตอนสมัครดีๆว่าค่าโครงการรวมอะไรบ้างเพราะบางที่ก็บังคับซื้อตั๋วเครื่องบินกับเอเจนซี่ก็มี หลังจากที่เราสมัครและจองสิทธิ์เรียบร้อย พี่เค้าจะนัดเราเข้าไปที่บริษัทธิ์เพื่อไปทดสอบพื้นฐานภาษาอังกฤษเป็นข้อสอบแบบฟังคล้ายๆtoeic เพื่อวัดระดับว่าเราจะอยู่เกรดไหน จขกท.ได้ upper intermediate หรือ เกรด B มานะคะ ก็พอใจอยู่เพราะเราไม่ได้เตรียมตัวไป ตอนนั่งทำข้อสอบก็ง่วง เกือบหลับแล้ว555555 หลังจากที่เราทดสอบเสร็จ พี่เค้าจะนัดวันให้ฝรั่งโทรไปสัมภาษณ์ ทดสอบการสื่อสาร ว่าเรามีทักษะการพูดคุยระดับไหน คำถามยอดฮิตเลยก็คือ เค้าถามอะไรบ้าง? จากที่เราโดนถามนะก็มีให้ แนะนำตัว,เรียนที่ไหน,พักที่ไหน,แถวๆที่หอมีอะไรบ้าง,อยากทำงานอะไร, ทำไมถึงอยากทำงานนี้,คิดว่าข้อดีข้อเสียของเราคืออะไร แค่นี้ค่ะ เราตอบหมดนะแต่ก็ไม่ได้ตอบดีอะ เราก็ได้B มาเหมือนกัน สรุปคือเราได้เกรดB
ปล1.แนะนำให้เตรียมและซ้อมคำตอบก่อนสัมภาษณ์หน่อยก็จะดีมากๆนะ เพราะมันจะลดความตื่นเต้นของเราลง ดีกว่าไปอ้ำๆอึ้งๆกับฝรั่ง
เอาระดับภาษาไปทำอะไร? >>> ระดับภาษาเอาไว้สมัครงานค่ะ บางงานจะมีบอกเกณฑ์ว่าต้องการระดับภาษาเท่านี้ถึงจะสมัครได้นะ
2.การเลือกงานและการสัมภาษณ์
อะ ถึงพาร์ทนี้ได้ก็คือเดินทางมาเกือบครึ่งนึงของการจะเดินทางไปWATแล้วน้าาาา นี่ก็คือพ้อยสำคัญมากๆของการใช้ชีวืตที่นู่นด้วย คือการเลือกงานนั่นเอง บางคนอาจจะคิดว่า ทำงานอะไรก็ได้ อยากได้เงินอย่างเดียว ขอให้คิดใหม่อีกรอบนึง เพราะเราต้องทำงานนี้ ไปอีก3เดือนเลยนะคะ อยากให้ชอบจริงๆถึงเลือกสมัคร งานจะมีเข้ามาเรื่อยๆบนหน้าเว็บของแต่ละเอเจน เราจะต้องคอยเช็คเรื่อยๆ เพื่อกดสมัครงาน ซึ่งงงงงงงง ปัญหาคือเรามีคนมากมายที่จะมาแย่งงานเรา เราต้องอัพเดตบ่อยๆเลยนะ ถ้าเห็นอันที่ชอบแล้วก็ส่งเมล ไปบอกกับทางเอเจนเลยว่าขอจองงานนี้ งานมันก็หลายแนวเช่น โรงแรม,ร้านสะดวกซื้อ,supermarket,fast food,ร้านอาหาร,สวนสนุก, แคมป์,อุทยาน อื่นๆ ในแต่ละงานมันก็จะมีหลายpositionแตกต่างกันออกไป ซึ่งแน่นอนว่าpositionของงานจะต้องตรงกับระดับภาษา อย่างเช่น เราพูดคล่องเลยอาจจะสมัครFron desk ไปเลย แต่ถ้าเราไม่เก่งมากอาจจะสมัคร buzzer หรือ luandry,housekeeping อะไรประมาณนี้ ขอให้รู้ตัวเองว่าพูดอิ้งได้แค่ไหน เหมาะกับงานอะไร เวลาสมัครและสัมภาษณ์ จะได้ไม่นกงานน้ะจ้ะ ขอขยายอีกนิดเรื่องดีเทลของงาน ก่อนจะไปเรื่อง สัมภาษณ์งานนะ ในดีเทลของานหนึ่งาน เค้าจะมีบอกหมดเลยว่าต้องการตำแหน่งอะไรบ้าง ผู้หญิงหรือผู้ชาย เรทเงินกี่บาทต่อชั่วโมง ทำงานที่เมืองไหน รัฐไหน มีบ้านพักให้เป็นแบบไหน หอพัก บ้านพัก มีโฮสต์ หรือว่าต้องwalk in หาที่พักเอง ถ้านายจ้างจัดหาที่พักให้ เค้าก็จะบอกว่าค่าบ้าน วีคละเท่าไหร่ หรือเดือนละเท่าไหร่ ต้องจ่ายมัดจำบ้านมั้ย ถ้าต้องจ่ายคือเท่าไหร่ ดีเทลงานจะละเอียดมากๆ ให้ทุกคนเช็คข้อมูลและลองคำนวนเงินคร่าวๆว่าพอใจมั้ย ชอบมั้ย คุ้มมั้ย อะผ่านนเรื่องงาน ต่อไปคือถ้าเราได้งานที่ชอบแล้ว ส่งเมลไปบอกเอเจนแล้ว พี่เค้าก็จะนัดวันสัมภาษณ์ให้เรา ซึ่งทีนี้เค้าจะดึงเราเข้าไปทำโปรไฟล์ในเว็บของเอเจนซี่ฝั่งUS ของเราได้เอเจนCHI ซึ่งหลายคนอาจจะงงๆว่าคืออะไร เราจะอธิบายว่า การที่เราสมัครไปเนี่ย เหมือนเราสมัครไป2เอเจนซี่ คือฝั่งไทยและฝั่งUS ในเวลาเดียวกันคือ ตอนเราอยู่ไทย เอเจนไทยจะดูแลเราทั้งหมดเรื่องเอกสาร และพอเราไปอยู่เมกา เอเจนไทยจะดูแลเราไม่ได้แล้วนะ แต่เราสามารถบอกเล่าเรื่องราวปัญหาต่างๆที่เอเจนไทยได้ แต่เค้าก็จะให้เราส่งเมลไปบอกCHIซึ่งเป็นเอเจนที่จะดูแลเราที่USอยู่ดี ง่ายๆก็คือ เมื่อเราเหยียบUSปุ๊บ การดูแลทั้งหมดนั้น เอเจนที่เมกาก็คือCHI จะเป็นคนดูแลเรา เคลียร์!! พอเราได้วันและเวลาสัมภาษณ์ปุ้บ ก็เตรียมตัวรอเลยค่ะ เราตื่นเต้นมาก ซ้อมพูดไปบ้างนะ เราก็ซ้อมเพื่อลดความประมาท555555 พอถึงวันจริงของเราเอเจนUSมีปัญหาเรื่องเน็ต โทรมาช้าเกือบครึ่งชั่วโมง แต่เราก็รอนะ ปล.การสัมภาษณ์ติดต่อกันทางskypeเด้ออ เราก็ส่งข้อความไปหาเค้าว่าฉันรออยู่นะ ยังไม่ไปไหน โทรมาได้เลย อะเค้าก็โทรมา ขอโทษขอโพยยย ว่าเนี่ยคอมนางมีปัญหา เลยติดต่อมาช้า นี่ว่าตื่นเต้นจนหายตื่นแล้วววว555555 อะก็แนะนำตัวก่อนเลย พอพูดจบเค้าก็ถามว่าเราเรียนอะไร เราก็ตอบไป เค้าก็จะถามดีเทลว่าเกี่ยวกับอะไรหรอ ช่วยอธิบายให้ฟังได้มั้ย อะนี่ก็โมเสรรพคุณคณะตัวเองไปจ่ะ ละนางถามต่อเรื่อยๆ บ้านอยู่ไหน พ่อแม่ทำอะไร สถานที่ท่องเที่ยวที่ไทยมีอะไร เคยไปมั้ย เล่าให้ฟังหน่อย แล้วไปเมกานี่เคยไปมั้ย มีใครไปด้วยมั้ยครังนี้ จะทำงานอะไร ทำไมเลือกงานนนี้ ละเค้าก็จะถามเช็คว่าเรารู้ดีเทลงานทั้งหมดแล้วใช่มั้ย พวกเรื่องตำแหน่ง เรทเงิน ค่าบ้าน รัฐและเมือง เช็คเพื่อความมั่นใจว่าสัมภาษณ์ถูกงานถูกคน อะรวมๆแล้วเราก็เอเจนคนนี้คุยกันประมาณเกือบ20นาทีจ้าาาาาา นานเว่อออ เม้ามอยส์ เอาจริงเราว่าเราอะโชคดีไง เพราะเค้าเป็นผู้หญิง ละเป็นคนฟิลิปปินส์ละคือเหมือนเจอเอเชียด้วยกันอะ ก็คุยไปเรื่อยๆ จนเค้าบอกว่าโอเค เค้าไม่มีอะไรจะถามแล้ว เรามีอะไรจะถามมั้ย นี่ก็ตอบไม่!!5555 เสร็จแล้วเค้าก็บอกเราว่า เนี่ยยยสำหรับเค้าอะเราผ่านนะสัมภาษณ์ เธอไม่ต้องกังวลเลยพาร์ทชั้น แต่งานของเธอมีสัมภาษณ์กับนายจ้างด้วยนะ ขอให้เธอโชคดี..... //สายตัด ตู้ดดๆๆๆ เอ่อออ ยัง ยังจะมีสัมอีกรอบหรอ??!!!!!! อมกกกก จะเปงลมเด้อออ ละก็จริงๆค่ะ พี่เอเจนไทยบอกเราว่างานเรามีสัมกะนายจ้างอีกรอบ เราแบบโอยยย ตื่นเต้นไม่ไหวแล้วจ้าาาา อะ สคิปไปถึงวันที่พี่เค้านัดกับนายจ้างให้เรา ถึงวันนั้นคือเราตื่นเต้นมาก มากกว่ารอบที่แล้วอีก อะเค้าก็ถามอะไรเดิมๆ แนะนำตัว จะสมัครตำแน่งอะไร ทำไมจะสมัครตำแหน่งนี้ พีคคือเรารู้สึกว่าเค้าถามยากกว่าคนอื่นที่เราไปแอบอ่านในพันทิพมาคือ เค้าถามเราว่า จุดประสงค์การมาเพื่ออะไร เราตอบฝึกภาษา(ความจริงคือหาหลัว อุ้ย หลอกกกกก5555555) เค้าถามต่อว่าคิดว่าอะไรคือปัจจัยสำคัญในการทำงานให้สำเร็จ จะใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะประสบความสำเร็จ คิดว่าตัวเองมีอะไรดีบ้างในตัว แล้วคิดว่าจะประสบความสำเร็จมั้ย อหหหหหหหหหหหหหหหหหห จขกท. บอกตรงนี้เลยว่าฟังออกบ้างไม่ออกบ้างนะ555555 แต่เค้ามาขยายความทีหลัง เพราะถ้าเราไม่เข้าใจเราบอกเค้าเลยว่า อีหยังวะ ไม่เหงรู้เรื่อง55555 ขออีกรอบได้มั้ย เค้าก็จะขยายความให้เราฟังง่ายขึ้น อะผ่านพ้นไป ตอนนั้นคือ หัวใจตกไปอยู่ตีนแล้วค้าาาา คิดว่าอาจจะไม่ได้งานนนี้แน่เลยอะ กังวลนิดหน่อยเพราะตอนนั้นก็เดือนกุมภา มีนา แล้วอะ ถ้านกงานนี้ งานมันก็มีให้เลือกน้อยแล้ว แต่ก็เออkeep calmค่ะ รอผลล ซึ่งงงงนายจ้างเค้าก็ส่งเมลมาบอกด้วยตัวเองใน2-3วันถัดไปเลยนะว่า ยูผ่านนะ ดีใจ๋ด้วยย!! เรารับยูมาในตำแหน่ง customer service อะ สงสัยกันอะดิมาถึงตรงนี้ว่าหน้าที่นี้มันทำอะไร ตอบสั้นๆ ง่ายๆ ว่า เบ๊ จอบอค่ะ555555 ก็คือมีงานอะไรก็ไปทำงาน ทำทุกอย่างที่ทำได้ และที่เค้าจะห้เราทำ ข้อดีคือได้ทำหลายงานสลับๆกันไปไม่เบื่อมาก อ้อลืมบอกว่างานที่เราเลือกคือ Kampground นะคะ หลายคนอาจจะงงว่ามันคืออะไร เราก็จะบอกว่าตอนแรกก็งงเหมือนกันค่ะให้ทำอะไร555555 แต่เราจะไปขอต่อตอนท้ายๆเกี่ยวกับเรื่องงานเนอะ จะได้ไม่ยาวมากสำหรับพาร์ทนี้
นี่ขอติดไว้ก่อนนะคะ เดี๋ยวจะมาเขียนต่ออีกพาร์ทที่เหลือ ยังไงใครอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับอะไรก็เม้นทิ้งไว้ได้เลยนะคะ
เดี๋ยวเราจะไปตอบให้ทุกคนเลยยย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้