สวัสดีครับ พอดีผมได้มีโอกาสไปเที่ยวกาญจนบุรีกับแฟน ณ ธารทิพย์ รีสอร์ท กาญจนบุรี และได้พบกับความประทับใจมากมาย
จึงอยากนำมาแบ่งปันเพื่อนๆครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปชมภาพกันเลยครับ คำอธิบายจะประกอบอยู่ตามภาพนะครับ
Let's Goooooooooo !
เรามาเริ่มที่การเดินทางก่อนครับ ผมออกจากกรุงเทพฯประมาณ 11 โมง (ตื่นสาย แหะๆ) เดินทางตาม Google map ไปเรื่อยๆ จนเข้าจังหวัดกาญจนบุรี
หลังจากนั้นจึงเริ่มเดินทางโดยแผนที่ของทางรีสอร์ทครับ
ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตรจากตัวเมืองจังหวัดกาญจนบุรี ม่งตรงมาตามเส้นทางหลวง หมายเลข 3199 ( กาญจนบุรี - อ. ศรีสวัสดิ์ )
จนถึงหลักกิโลเมตรที่ 43 ก่อนถึงน้ำตกเอราวัณ 5 กิโลเมตร
เส้นทางที่ใช้เดินทางไป ไม่ยากเลยครับ "ตรง" อย่างเดียว ให้สังเกตุ "เขื่อนท่าทุ่งนา" ไว้ครับ จะเป็นทางแยก ถ้าเข้าซ้ายจะสามารถเข้าไปชมเขื่อนท่าทางนาได้ครับ แต่ถ้าจะไปรีสอร์ท ก็ให้เบี่ยงไปทางขวาครับ
หลังจากนั้นก็ขับมาเรื่อยๆ ให้สังเกตุทางซ้ายมือไว้ครับ เพราะถ้าคนขับรถเร็ว (เหมือนผม) นั้นจะอาจจะเลยรีสอร์ทไปได้ (เลยมาแล้ว) และต้องไปหาทางกลับรถมาอีกทีครับ แหะๆ
(เมื่อผมกลับรถมาเพราะเลยไปก็..) ถึงแว้ววววว วว !!
นี่คือทางเข้ารีสอร์ทครับ จอดรถได้ทั้งทางซ้ายและขวา
ว่าแล้วก็จอดรถสิครับ รออะไรล่ะ ? (รถซิ่งก็ขึ้นเข้าได้นะเฟ้ย ฮี่ๆ)
จอดรถยังไม่ทันดับสนิทเลยครับ ก็มีป้าคนนึงเดินปรี่เข้ามาที่รถ มายืนรอที่ประตูรถเลย พอลงจากรถปุ๊บ ป้าแกก็เอ่ยปากถามขึ้นมาทันทีว่า
ได้จองห้องไว้กับป้าใช่มั้ย ? น้องพลอย(แฟนผม)ใช่มั้ย ?
ผมนี่ตกใจเลยครับ เห้ย ! จำชื่อลูกค้าได้ด้วยหรอ ? (คิดในใจ) ปกติไม่เคยพบเคยเจอ เจ้าของรถสอร์ทที่จำชื่อลูกค้าได้ หรืออาจจำได้แต่ไม่เคยเห็นมีใครเคยเรียกชื่อเล่นเลย
พอทักทายกันเสร็จจะเอาของลงจากรถ ป้าแกก็บอกว่า เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งๆ มาดูห้องก่อนๆๆ แล้วป้าแกก็เดินดุ่ยๆนำไป แล้วก็หันหลังกลับมาเรียกพวกผมซึ่งยังยืนงงอยู่ เห้ย ! ไม่ตรวจสอบใบเสร็จการโอนเงินหน่อยหรอป้า ? (คิดในใจอีกแล้ว)
จากนั้นก็เดินตามป้าแกไป ป้าแกก็พาเดินชมนู่นนี่นั่น(เดี๋ยวมีรูปใจเย็นๆเดี๋ยวขาดตอน) แล้วก็เดินพามาที่ห้องพัก
แท่น แท่น แท๊นนน นน นน นนน !!! (เวอร์ไป)
นี่คือหน้าตาบ้านพักของข้าพเจ้าในคืนนี้ หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มดีนักแล ~~
รอช้าอยู่ใย เปิดเข้าไปข้างในโดยเร็วพลัน ~~
ห้องน้ำจะอยู่ท้ายห้องด้านขวามือนะครับ มีเครื่องทำน้ำอุ่น(จนร้อน)ให้ มีแอร์(ที่หนาวโคตรเพราะแอร์ลงหัว)ให้ ไม่มี WIFI ไม่มีตู้เย็น กระผมจึงต้องพึ่งพาเจ้ากล่องโฟมซึ่งหาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาเก็ตหรือร้านค้าแถวๆนั้น ราคาประมาณ 120 บาทแจร้
มีโซฟาให้นั่งพักผ่อนหย่อนก้น และโต๊ะกระจกน้อยๆไว้สำหรับวางอะไร....ก็แล้วแต่พวกท่านเถอะ ฮ่าๆ
ซักพักป้าแกก็เดินไปไหนไม่รู้ปล่อยให้เก็บข้าวของ พอเก็บข้าวของเสร็จนั่งได้ซักนิด แบบชนิดที่ว่า "ตดยังไม่ทันหายเหม็น"
ป้าแกก็มาโผล่ที่หน้าประตู (เปิดประตูไว้) แล้วป้าแกก็ให้ผมแบมือ กล้วก็หย่อนลูกไรไม่รู้ หน้าตาพิลึก เป็นตะปุ่มตะป่ำ(เขียนถูกมั้ยแว๊) ใส่มือผม(ผมไม่รู้จัก)
ป้าแกบอกว่า ไอ้ลูกเนี่ย กิโลละหลายตังนะ อร่อยด้วยไม่เชื่อลองชิม ผมก็กล้าๆกลัวๆเพราะไม่รู้จัก ป้าแกก็กินให้ดู เลยกินตาม ... เอ้อ !! อร่อยดี เปรี้ยวๆหวานๆ กินแล้วเพลินดี แต่มือม่วงเลย เพราะจับแรงเกินไปมันแตกใส่มือ ฮ่าๆ
มันครืออออออออออออออออออออออออ "มัลเบอร์รี่" จ้า (ถามป้าแกมา เพราะผมไม่รู้จัก ฮ่าๆ)ให้มาเต็มมือเลย ป้าแกบอกว่า ป้าแกมีต้นอยู่ประมาณ 10 ต้น เดี๋ยวเย็นๆ จะเอาตะกร้ามาให้ไปเก็บกัน เอาไปกินกันที่บ้าน ... โห !!! ป้าาาาาาาาาาาาาา ใจดีจัง
ะ !! (คิดในใจอีกแล้วครับท่าน)
แล้วป้าแกก็ถามว่า เก็บของเสร็จแล้วใช่มั่ย ? ปะ ไปดูต้นมัลเบอร์รี่กัน .. โห !!! ป้า ไม่คิดจะให้พวกผมพักกันมั่งหรอออออ ? (คิดในใจตลอด) แต่ก็เดินตามป้าแกไป เพราะพักเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ได้มาบ่อยๆ ฮ่าๆ (อยากเห็นด้วยแหละ อิอิ)
ก็เลยพกกล้องไปด้วย ถ่ายภาพภายในรีสอร์ทซะหน่อยนึง
หลังประตูที่เปิดอยู่ ทางด้านซ้ายจะมีต้นมัลเบอร์รี่ที่ป้าแกบอก ปลูกอยู่ประมาณ 10 ต้น แล้วอีกฝั่งถนนตรงข้ามรีสอร์ท ป้าแกบอกว่า สวนป้าแกเองปลูกต้นส้มโอไว้ ถ้ามาจังหวะดีๆจะมีส้มโอให้กิน ป้าแจกลูกค้าประจำ .... โหหหหหหหห !! ป้า ไม่คิดจะเก็บไว้กินเองมั่งหรอ แจกหมดเลย (อันนี้พูดกับป้าแกเลยไม่ได้คิดในใจและ ฮ่าๆ)
ป้าแกบอก จะไปกินหมดได้ไงอยู่กับลุง 2 คนเอง ก็เลยเอามาเทคแคร์ลูกค้าดีกว่า เผื่อว่าเค้าชอบเค้าจะได้มาอีก
หลังจากชมและชิมมัลเบอร์รี่ จนหนำใจก็เดินทางกลับห้องและได้แวะถ่ายรูปบริเวณต่างๆ มาบ้างนิดหน่อย ไปชมกันนนนนนน
นี่คือตึกสีขาวที่เห็นจากภาพทางเข้ารีสอร์ทนะครับ เป็นตึกที่ป้าแกนอน เดี๋ยวช่วงท้ายจะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตึกนี้ให้ฟัง
เดินมาทางซ้ายของตึกสึขาว จะเป็นทางลงไปท่าน้ำครับ ระหว่างทางด้านซ้าย ก็จะเป็นห้องพักต่างๆ (ไม่ได้ถ่ายมา แหะๆ)
แล้วก็ลงมาถึงท่าน้ำครับ สมารถลงเล่นน้ำได้นะครับ ป้าแกมีให้เช่าเสื้อชูชีพ ตัวละ 20 บาทเอง น้ำใสมาก ไหลเบาๆ ไม่เชี่ยวครับ ที่สำคัญ คือสดชื่นและเย็นมว๊ากกกกก
วิวจากท่าน้ำครับ
ด้านซ้ายบ้าง
เดินกลับขึ้นมาด้านบน ระหว่างทางแวะเก็บภาพดอกไม้ซะหน่อย
จุดเด่นของที่นี่จะอยู่ที่ความร่มรื่น อุดมสมบูรณ์ครับ สังเกตุได้จากทุกภาพที่ลงไว้ จะมีดอกไม้ และสีเขียวให้เห็นได้ทุกรูปเลย ชอบมากๆ
พอหอมปากหอมคอสำหรับดอกไม้นะครับ นี่แค่ส่วนหนึ่งเองนะ ถ้าผมตามเก็บหมดก็ไม่ต้องทำอะไรกันและ แค่นี้ก่อนแล้วกัน แหะๆ
มาต่อกันที่ห้องอาหารครับ ที่นี่ไม่มีอาหารให้นะครับ เพราะคุยกับป้าแกแล้ว แกบอกว่า ไม่มีพนักงานเลย อยู่กับลุง 2 คน (เรื่องจริงครับ ไม่เคยเห็นใครนอกจากป้ากับลุงเลย ไม่นับแขกที่เข้ามาพักนะ) แกบอกว่าทำไม่ไหวหรอก แค่นี้ก็จะแย่แล้ว ทำเองกัน 2 คนทุกอย่างเลย (เก็บห้อง จัดห้อง ซักผ้า บริการ ฯลฯ)
ซึ่งผมไม่ซีเรียสครับ เพราะปกติแล้วผมเป็นคนชอบออกไปหาไรกินข้างนอกมากกว่า แต่ป้าแกอนุญาติให้ใช้ห้องอาหารไว้ปาร์ตี้ได้นะครับ แต่ว่าอาจต้องเสียงเบานิดนึง เกรงใจป้าเค้าบ้างครับ
ช่วง !! ขอเล่าหน่อย หย่อย หย่อย ยยยยย ยย ~ :
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอเล่าวันที่พักเลยแล้วกันครับ เป็นช่วงกลางคืนของวันนั้น มีแขกกลุ่มนึง มีทั้ง ชายและหญิงประมาณ 10 กว่าคนเห็นจะได้ ยืมห้องอาหารป้าเค้าใช้ปาร์ตี้กัน ก็เห็นป้าแกก็เคยเดินบริการเวลาขาดเหลืออะไรทุกอย่าง ทีนี้ป้าแกจะไปนอนครับ แกนอนไม่ได้ เพราะพวกนั้นเสียงดังมากครับ
ขนาดผมนั่งดื่มเบียร์อยู่ระเบียงหน้าห้อง(เดี๋ยวมีรูป) ยังรำคาญเลยครับ ซักพักนึงป้าแกก็เดินมาคุยกับพวกผมว่า ป้าแกไม่ไหวครับ ให้ใช้สถานที่ แล้วก็ไม่มีความเกรงใจเลย นอนไม่ได้ แล้วพูดคำหยาบคายล้วนๆ ทั้งๆที่เป็นผู้หญิง (ป้าแกว่างี้) แกพยายามนอนหลายทีแล้วแกนอนไม่ได้จริงๆเลยเดินมาคุยเล่นกับพวกผมที่นั่งกินกัน 2 คนที่ระเบียงหน้าห้อง
ป้าแกก็มีลูกบ่นน้อยใจครับ ว่าบริการให้ทุกอย่างเลย ทำให้ขนาดนี้แล้วทำไมไม่เกรงใจกันบ้าง .. (ผมนี่เข้าใจป้าแกเลยครับ เพราะผมเป็นวัยรุ่นยังรำคาญเลย)
ผมก็เลยถือโอกาสนี้มาเล่าให้ฟังครับ เผื่อใครไปเที่ยวที่นี่ ผมอยากให้งดเสียงนิดนึงเวลากลางคืนครับ ไหนจะรบกวน ป้าแก ไหนจะแขกท่านอื่นๆ ทำอะไรมีมารยาททางสังคมนิดนึงครับ ขอบคุณครับ
จบช่วงขอเล่าหน่อย ..
มาต่อกันดีกว่าครับ อย่าดราม่านาน เดี๋ยวหมดสนุก อิอิ
นี่คือระเบียงหน้าห้องครับ ห้องใครห้องมันไม่ต้องแย่งกัน ได้ทุกคน ฮ่าๆ ตอนกลางคืนไม่ได้ถ่ายมาครับ ขออภัยอย่างแรง เพราะมัวแต่ดื่มกันอยู่
แต่จะเล่าบรรยากาศให้ได้สดับรับฟัง(อ่าน)แล้วกันนะครับ
บรรยากาศตอนกลางคืน เงียบครับ สงบมากกกกกก อีกฝั่งแม่น้ำนี่มองไม่เห็นเลย มืดสนิท แต่อากาศดีครับ เย็นสบาย ไม่หนาวเกินไป เหมาะสำหรับการนั่งดื่มเบียร์เย็นๆกับคนรู้ใจ (ก็เพราะผมมัวทำแบบนั้นแหละเลยไม่ได้ถ่ายรูปมา ฮ่าๆ
)
หันซ้ายยยยย ย
ทีนี้ถึงเวลาเข้าที่พัก เพื่อพักผ่อนรอเวลาพระอาทิตย์ตก (จะได้ไปนั่งชิลล์หน้าห้องซะที) อย่างจริงจังแล้วครับ นอนดูทีวีไปเรื่อยๆเปื่อยๆ กำลังจะเคลิ้มหลับ
ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง
ป๊อกๆๆๆ ก๊อกๆๆ พลอย .... ก๊อกๆๆ พลอย นอนแล้วหรอลูก ?
เห้ย ! (พูดกับแฟน) ป้ามาหรอ ? ไปเปิดดูดิ๊ ..
เมื่อเปิดประตูออกไป สิ่งที่พบเจอคือ ป้าพรทพิย์ ยืนอยู่ห้องประตู พร้อมกับ ถือมะพร้าวน้ำหอมไว้ในมือ 2 ลูก...
อะ ! ป้าเอามาให้กิน มะพร้าวน้ำหอม ลุงเพิ่งเอาลงมาจากต้น อร่อยมากกกกกกก ชิมๆๆๆ
พอชิมดู .. โหหหห ! ป้า อร่อยอีกและ แต่ตอนนี้ผมอิ่มอยู่ เก็บไว้ก่อนนะ
ป้าบอก ได้ๆ พักผ่อนเถอะๆป้าไม่กวนและ แล้วป้าก็เดินไป ..
หมดวันแล้ว ... ข้ามช่วงกลางคืนไปครับ
วันรุ่งขึ้นเตรียมตัวกลับ วางแผนไว้ว่าจะไปดูหมอกตอนเช้าแต่ดั๊นตื่นสายทั้งคู่ พลาดเลยยยยยย แง
แต่ไม่เป็นไร ป้าแกมาช่วยชีวิตอีกแล้ว ... เห็นพวกผมกำลังเก็บข้าวของจะกลับ ป้าแกก็เดินมา พร้อมกับบอกว่า
เดี๋ยวก่อนนนนนนนนนนนนนนนนไอ้หนุ่ม !!! (ว่าไปนั่น)
ป้าแกก็เอาตะกร้าเล็กๆสีเขียวๆมาให้ พร้อมกับบอกว่า อะ ไปเก็บเอา มัลเบอร์รี่ อยากได้เท่าไหร่เอาไปเลยป้าให้
เชรดดดดดดดดดด ! เสร็จโจร จะเอาไปซัก 8 โล (คิดในใจอีกและ อิอิ)
แล้วก็จูงมือพาแฟนออกไปเก็บ แต่เหมือนฟ้าฝนจะไม่เป็นใจให้โจรอย่างผมซักเท่าไหร่ ระหว่างเก็บฝนก็ตกเปาะแปะมาเรื่อยๆ เลยจะกลับและไม่เอาและ
"ป้ามาอีกแล้วครับ !!! "
เดินถือร่มมาพร้อมกับบอกว่า รีบไปไหน เก็บไปเยอะๆ ให้แฟนกางร่มให้สิ...
เชรดดดดดดดดดดดดดดดด ! (อีกแล้ว) ป้าจะใจดีไปไหนเนี้ยยยยยยยยยยยยยยย (คิดในใจทู๊กที)
สรุปชัย เก็บได้มาเท่านี้ครับ เพราะฝนเริ่มตกหนัก เปียกไปหมดและ อิอิ
[CR] [Review+เรื่องเล่า] ธารทิพย์ รีสอร์ท กาญจนบุรี สุดประทับใจกับบรรยากาศแสนสงบและเจ้าของรีสอร์ทที่น่ารักมากๆ(รูปเพียบ)
จึงอยากนำมาแบ่งปันเพื่อนๆครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปชมภาพกันเลยครับ คำอธิบายจะประกอบอยู่ตามภาพนะครับ
Let's Goooooooooo !
เรามาเริ่มที่การเดินทางก่อนครับ ผมออกจากกรุงเทพฯประมาณ 11 โมง (ตื่นสาย แหะๆ) เดินทางตาม Google map ไปเรื่อยๆ จนเข้าจังหวัดกาญจนบุรี
หลังจากนั้นจึงเริ่มเดินทางโดยแผนที่ของทางรีสอร์ทครับ
ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตรจากตัวเมืองจังหวัดกาญจนบุรี ม่งตรงมาตามเส้นทางหลวง หมายเลข 3199 ( กาญจนบุรี - อ. ศรีสวัสดิ์ )
จนถึงหลักกิโลเมตรที่ 43 ก่อนถึงน้ำตกเอราวัณ 5 กิโลเมตร
เส้นทางที่ใช้เดินทางไป ไม่ยากเลยครับ "ตรง" อย่างเดียว ให้สังเกตุ "เขื่อนท่าทุ่งนา" ไว้ครับ จะเป็นทางแยก ถ้าเข้าซ้ายจะสามารถเข้าไปชมเขื่อนท่าทางนาได้ครับ แต่ถ้าจะไปรีสอร์ท ก็ให้เบี่ยงไปทางขวาครับ
หลังจากนั้นก็ขับมาเรื่อยๆ ให้สังเกตุทางซ้ายมือไว้ครับ เพราะถ้าคนขับรถเร็ว (เหมือนผม) นั้นจะอาจจะเลยรีสอร์ทไปได้ (เลยมาแล้ว) และต้องไปหาทางกลับรถมาอีกทีครับ แหะๆ
(เมื่อผมกลับรถมาเพราะเลยไปก็..) ถึงแว้ววววว วว !!
นี่คือทางเข้ารีสอร์ทครับ จอดรถได้ทั้งทางซ้ายและขวา
ว่าแล้วก็จอดรถสิครับ รออะไรล่ะ ? (รถซิ่งก็ขึ้นเข้าได้นะเฟ้ย ฮี่ๆ)
จอดรถยังไม่ทันดับสนิทเลยครับ ก็มีป้าคนนึงเดินปรี่เข้ามาที่รถ มายืนรอที่ประตูรถเลย พอลงจากรถปุ๊บ ป้าแกก็เอ่ยปากถามขึ้นมาทันทีว่า
ได้จองห้องไว้กับป้าใช่มั้ย ? น้องพลอย(แฟนผม)ใช่มั้ย ?
ผมนี่ตกใจเลยครับ เห้ย ! จำชื่อลูกค้าได้ด้วยหรอ ? (คิดในใจ) ปกติไม่เคยพบเคยเจอ เจ้าของรถสอร์ทที่จำชื่อลูกค้าได้ หรืออาจจำได้แต่ไม่เคยเห็นมีใครเคยเรียกชื่อเล่นเลย
พอทักทายกันเสร็จจะเอาของลงจากรถ ป้าแกก็บอกว่า เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งๆ มาดูห้องก่อนๆๆ แล้วป้าแกก็เดินดุ่ยๆนำไป แล้วก็หันหลังกลับมาเรียกพวกผมซึ่งยังยืนงงอยู่ เห้ย ! ไม่ตรวจสอบใบเสร็จการโอนเงินหน่อยหรอป้า ? (คิดในใจอีกแล้ว)
จากนั้นก็เดินตามป้าแกไป ป้าแกก็พาเดินชมนู่นนี่นั่น(เดี๋ยวมีรูปใจเย็นๆเดี๋ยวขาดตอน) แล้วก็เดินพามาที่ห้องพัก
แท่น แท่น แท๊นนน นน นน นนน !!! (เวอร์ไป)
นี่คือหน้าตาบ้านพักของข้าพเจ้าในคืนนี้ หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มดีนักแล ~~
รอช้าอยู่ใย เปิดเข้าไปข้างในโดยเร็วพลัน ~~
ห้องน้ำจะอยู่ท้ายห้องด้านขวามือนะครับ มีเครื่องทำน้ำอุ่น(จนร้อน)ให้ มีแอร์(ที่หนาวโคตรเพราะแอร์ลงหัว)ให้ ไม่มี WIFI ไม่มีตู้เย็น กระผมจึงต้องพึ่งพาเจ้ากล่องโฟมซึ่งหาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาเก็ตหรือร้านค้าแถวๆนั้น ราคาประมาณ 120 บาทแจร้
มีโซฟาให้นั่งพักผ่อนหย่อนก้น และโต๊ะกระจกน้อยๆไว้สำหรับวางอะไร....ก็แล้วแต่พวกท่านเถอะ ฮ่าๆ
ซักพักป้าแกก็เดินไปไหนไม่รู้ปล่อยให้เก็บข้าวของ พอเก็บข้าวของเสร็จนั่งได้ซักนิด แบบชนิดที่ว่า "ตดยังไม่ทันหายเหม็น"
ป้าแกก็มาโผล่ที่หน้าประตู (เปิดประตูไว้) แล้วป้าแกก็ให้ผมแบมือ กล้วก็หย่อนลูกไรไม่รู้ หน้าตาพิลึก เป็นตะปุ่มตะป่ำ(เขียนถูกมั้ยแว๊) ใส่มือผม(ผมไม่รู้จัก)
ป้าแกบอกว่า ไอ้ลูกเนี่ย กิโลละหลายตังนะ อร่อยด้วยไม่เชื่อลองชิม ผมก็กล้าๆกลัวๆเพราะไม่รู้จัก ป้าแกก็กินให้ดู เลยกินตาม ... เอ้อ !! อร่อยดี เปรี้ยวๆหวานๆ กินแล้วเพลินดี แต่มือม่วงเลย เพราะจับแรงเกินไปมันแตกใส่มือ ฮ่าๆ
มันครืออออออออออออออออออออออออ "มัลเบอร์รี่" จ้า (ถามป้าแกมา เพราะผมไม่รู้จัก ฮ่าๆ)ให้มาเต็มมือเลย ป้าแกบอกว่า ป้าแกมีต้นอยู่ประมาณ 10 ต้น เดี๋ยวเย็นๆ จะเอาตะกร้ามาให้ไปเก็บกัน เอาไปกินกันที่บ้าน ... โห !!! ป้าาาาาาาาาาาาาา ใจดีจังะ !! (คิดในใจอีกแล้วครับท่าน)
แล้วป้าแกก็ถามว่า เก็บของเสร็จแล้วใช่มั่ย ? ปะ ไปดูต้นมัลเบอร์รี่กัน .. โห !!! ป้า ไม่คิดจะให้พวกผมพักกันมั่งหรอออออ ? (คิดในใจตลอด) แต่ก็เดินตามป้าแกไป เพราะพักเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ได้มาบ่อยๆ ฮ่าๆ (อยากเห็นด้วยแหละ อิอิ)
ก็เลยพกกล้องไปด้วย ถ่ายภาพภายในรีสอร์ทซะหน่อยนึง
หลังประตูที่เปิดอยู่ ทางด้านซ้ายจะมีต้นมัลเบอร์รี่ที่ป้าแกบอก ปลูกอยู่ประมาณ 10 ต้น แล้วอีกฝั่งถนนตรงข้ามรีสอร์ท ป้าแกบอกว่า สวนป้าแกเองปลูกต้นส้มโอไว้ ถ้ามาจังหวะดีๆจะมีส้มโอให้กิน ป้าแจกลูกค้าประจำ .... โหหหหหหหห !! ป้า ไม่คิดจะเก็บไว้กินเองมั่งหรอ แจกหมดเลย (อันนี้พูดกับป้าแกเลยไม่ได้คิดในใจและ ฮ่าๆ)
ป้าแกบอก จะไปกินหมดได้ไงอยู่กับลุง 2 คนเอง ก็เลยเอามาเทคแคร์ลูกค้าดีกว่า เผื่อว่าเค้าชอบเค้าจะได้มาอีก
หลังจากชมและชิมมัลเบอร์รี่ จนหนำใจก็เดินทางกลับห้องและได้แวะถ่ายรูปบริเวณต่างๆ มาบ้างนิดหน่อย ไปชมกันนนนนนน
นี่คือตึกสีขาวที่เห็นจากภาพทางเข้ารีสอร์ทนะครับ เป็นตึกที่ป้าแกนอน เดี๋ยวช่วงท้ายจะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตึกนี้ให้ฟัง
เดินมาทางซ้ายของตึกสึขาว จะเป็นทางลงไปท่าน้ำครับ ระหว่างทางด้านซ้าย ก็จะเป็นห้องพักต่างๆ (ไม่ได้ถ่ายมา แหะๆ)
แล้วก็ลงมาถึงท่าน้ำครับ สมารถลงเล่นน้ำได้นะครับ ป้าแกมีให้เช่าเสื้อชูชีพ ตัวละ 20 บาทเอง น้ำใสมาก ไหลเบาๆ ไม่เชี่ยวครับ ที่สำคัญ คือสดชื่นและเย็นมว๊ากกกกก
วิวจากท่าน้ำครับ
ด้านซ้ายบ้าง
เดินกลับขึ้นมาด้านบน ระหว่างทางแวะเก็บภาพดอกไม้ซะหน่อย
จุดเด่นของที่นี่จะอยู่ที่ความร่มรื่น อุดมสมบูรณ์ครับ สังเกตุได้จากทุกภาพที่ลงไว้ จะมีดอกไม้ และสีเขียวให้เห็นได้ทุกรูปเลย ชอบมากๆ
พอหอมปากหอมคอสำหรับดอกไม้นะครับ นี่แค่ส่วนหนึ่งเองนะ ถ้าผมตามเก็บหมดก็ไม่ต้องทำอะไรกันและ แค่นี้ก่อนแล้วกัน แหะๆ
มาต่อกันที่ห้องอาหารครับ ที่นี่ไม่มีอาหารให้นะครับ เพราะคุยกับป้าแกแล้ว แกบอกว่า ไม่มีพนักงานเลย อยู่กับลุง 2 คน (เรื่องจริงครับ ไม่เคยเห็นใครนอกจากป้ากับลุงเลย ไม่นับแขกที่เข้ามาพักนะ) แกบอกว่าทำไม่ไหวหรอก แค่นี้ก็จะแย่แล้ว ทำเองกัน 2 คนทุกอย่างเลย (เก็บห้อง จัดห้อง ซักผ้า บริการ ฯลฯ)
ซึ่งผมไม่ซีเรียสครับ เพราะปกติแล้วผมเป็นคนชอบออกไปหาไรกินข้างนอกมากกว่า แต่ป้าแกอนุญาติให้ใช้ห้องอาหารไว้ปาร์ตี้ได้นะครับ แต่ว่าอาจต้องเสียงเบานิดนึง เกรงใจป้าเค้าบ้างครับ
ช่วง !! ขอเล่าหน่อย หย่อย หย่อย ยยยยย ยย ~ :
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอเล่าวันที่พักเลยแล้วกันครับ เป็นช่วงกลางคืนของวันนั้น มีแขกกลุ่มนึง มีทั้ง ชายและหญิงประมาณ 10 กว่าคนเห็นจะได้ ยืมห้องอาหารป้าเค้าใช้ปาร์ตี้กัน ก็เห็นป้าแกก็เคยเดินบริการเวลาขาดเหลืออะไรทุกอย่าง ทีนี้ป้าแกจะไปนอนครับ แกนอนไม่ได้ เพราะพวกนั้นเสียงดังมากครับ
ขนาดผมนั่งดื่มเบียร์อยู่ระเบียงหน้าห้อง(เดี๋ยวมีรูป) ยังรำคาญเลยครับ ซักพักนึงป้าแกก็เดินมาคุยกับพวกผมว่า ป้าแกไม่ไหวครับ ให้ใช้สถานที่ แล้วก็ไม่มีความเกรงใจเลย นอนไม่ได้ แล้วพูดคำหยาบคายล้วนๆ ทั้งๆที่เป็นผู้หญิง (ป้าแกว่างี้) แกพยายามนอนหลายทีแล้วแกนอนไม่ได้จริงๆเลยเดินมาคุยเล่นกับพวกผมที่นั่งกินกัน 2 คนที่ระเบียงหน้าห้อง
ป้าแกก็มีลูกบ่นน้อยใจครับ ว่าบริการให้ทุกอย่างเลย ทำให้ขนาดนี้แล้วทำไมไม่เกรงใจกันบ้าง .. (ผมนี่เข้าใจป้าแกเลยครับ เพราะผมเป็นวัยรุ่นยังรำคาญเลย)
ผมก็เลยถือโอกาสนี้มาเล่าให้ฟังครับ เผื่อใครไปเที่ยวที่นี่ ผมอยากให้งดเสียงนิดนึงเวลากลางคืนครับ ไหนจะรบกวน ป้าแก ไหนจะแขกท่านอื่นๆ ทำอะไรมีมารยาททางสังคมนิดนึงครับ ขอบคุณครับ
จบช่วงขอเล่าหน่อย ..
มาต่อกันดีกว่าครับ อย่าดราม่านาน เดี๋ยวหมดสนุก อิอิ
นี่คือระเบียงหน้าห้องครับ ห้องใครห้องมันไม่ต้องแย่งกัน ได้ทุกคน ฮ่าๆ ตอนกลางคืนไม่ได้ถ่ายมาครับ ขออภัยอย่างแรง เพราะมัวแต่ดื่มกันอยู่
แต่จะเล่าบรรยากาศให้ได้สดับรับฟัง(อ่าน)แล้วกันนะครับ
บรรยากาศตอนกลางคืน เงียบครับ สงบมากกกกกก อีกฝั่งแม่น้ำนี่มองไม่เห็นเลย มืดสนิท แต่อากาศดีครับ เย็นสบาย ไม่หนาวเกินไป เหมาะสำหรับการนั่งดื่มเบียร์เย็นๆกับคนรู้ใจ (ก็เพราะผมมัวทำแบบนั้นแหละเลยไม่ได้ถ่ายรูปมา ฮ่าๆ )
หันซ้ายยยยย ย
ทีนี้ถึงเวลาเข้าที่พัก เพื่อพักผ่อนรอเวลาพระอาทิตย์ตก (จะได้ไปนั่งชิลล์หน้าห้องซะที) อย่างจริงจังแล้วครับ นอนดูทีวีไปเรื่อยๆเปื่อยๆ กำลังจะเคลิ้มหลับ
ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง
ป๊อกๆๆๆ ก๊อกๆๆ พลอย .... ก๊อกๆๆ พลอย นอนแล้วหรอลูก ?
เห้ย ! (พูดกับแฟน) ป้ามาหรอ ? ไปเปิดดูดิ๊ ..
เมื่อเปิดประตูออกไป สิ่งที่พบเจอคือ ป้าพรทพิย์ ยืนอยู่ห้องประตู พร้อมกับ ถือมะพร้าวน้ำหอมไว้ในมือ 2 ลูก...
อะ ! ป้าเอามาให้กิน มะพร้าวน้ำหอม ลุงเพิ่งเอาลงมาจากต้น อร่อยมากกกกกกก ชิมๆๆๆ
พอชิมดู .. โหหหห ! ป้า อร่อยอีกและ แต่ตอนนี้ผมอิ่มอยู่ เก็บไว้ก่อนนะ
ป้าบอก ได้ๆ พักผ่อนเถอะๆป้าไม่กวนและ แล้วป้าก็เดินไป ..
หมดวันแล้ว ... ข้ามช่วงกลางคืนไปครับ
วันรุ่งขึ้นเตรียมตัวกลับ วางแผนไว้ว่าจะไปดูหมอกตอนเช้าแต่ดั๊นตื่นสายทั้งคู่ พลาดเลยยยยยย แง
แต่ไม่เป็นไร ป้าแกมาช่วยชีวิตอีกแล้ว ... เห็นพวกผมกำลังเก็บข้าวของจะกลับ ป้าแกก็เดินมา พร้อมกับบอกว่า
เดี๋ยวก่อนนนนนนนนนนนนนนนนไอ้หนุ่ม !!! (ว่าไปนั่น)
ป้าแกก็เอาตะกร้าเล็กๆสีเขียวๆมาให้ พร้อมกับบอกว่า อะ ไปเก็บเอา มัลเบอร์รี่ อยากได้เท่าไหร่เอาไปเลยป้าให้
เชรดดดดดดดดดด ! เสร็จโจร จะเอาไปซัก 8 โล (คิดในใจอีกและ อิอิ)
แล้วก็จูงมือพาแฟนออกไปเก็บ แต่เหมือนฟ้าฝนจะไม่เป็นใจให้โจรอย่างผมซักเท่าไหร่ ระหว่างเก็บฝนก็ตกเปาะแปะมาเรื่อยๆ เลยจะกลับและไม่เอาและ
"ป้ามาอีกแล้วครับ !!! "
เดินถือร่มมาพร้อมกับบอกว่า รีบไปไหน เก็บไปเยอะๆ ให้แฟนกางร่มให้สิ...
เชรดดดดดดดดดดดดดดดด ! (อีกแล้ว) ป้าจะใจดีไปไหนเนี้ยยยยยยยยยยยยยยย (คิดในใจทู๊กที)
สรุปชัย เก็บได้มาเท่านี้ครับ เพราะฝนเริ่มตกหนัก เปียกไปหมดและ อิอิ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น