สวัสดีครับ เป็นการรีวิวครั้งแรกผิดพลาดอะไรไป ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ
เรื่องก็มีอยู่ว่า พอดีแฟนผมต้องลงไปทำงานที่ชุมพรประมาณ 2-3 วันบวกกับผมได้จักรยานพับมาใหม่ ก็เลยถือโอกาสนี้ลองลากจักรยานพับขึ้นเครื่องไปด้วยซะเลย ที่มันแปลกสำหรับผมเพราะเคยได้ยินว่าจักรยานพับมันเน้นเรื่องการขนย้าย สามารถเอาขึ้นเครื่องไปได้สบายๆ ผมก็ต้องคิดแหละครับ เห้ยมันเป็นไปได้จริงๆหรอ จะลำบากไปเปล่า ตัวผมเองก็ไม่เคยสักทีเลยได้ลองจริงๆก็คราวนี้แหละครับผม ฮี่ๆๆ
แฟนบอกว่ากระเป๋าจักรยานดูใหญ่แต่ที่ผมแบกไหวเพราะผมอ้วนแรงเยอะ
5555 ไม่ใช่นะครับ น้ำหนักรถบวกกับกระเป๋าเท่าไหร่เดียวมีเฉลยจร้า
ลงจากคอนโดมาก็โบกพี่แท็กไปสนามบินดอนเมือง ตอนแรกจะยัดรถลงท้ายแต่ไม่ไหวครับติดถังแก็ส ผลเลยออกมาอย่างที่เห็น
พอมาถึงสนามบินก็ต้องผ่านเครื่องสแกนสำหรับสัมภาระที่จะโหลดลงใต้เครื่อง ตามจริงแล้วตรงจุดนี้ถ้าเจอกระเป๋าที่ใหญ่เกินขนาดสำหรับสายพานจะลำเลียงได้จะต้องไปโหลดที่จุด Oversize แต่เหมือนนกแอร์จะสามารถโหลดรถจักรยานพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระเราได้เลยแค่แจ้งหน้าเคาน์เตอร์ว่าเป็นจักรยาน เจ้าหน้าที่เค้าจะดูแลจักรยานเราดีมากนะครับยกและวางอย่างระมัดระวัง สักพักจะมีเจ้าหน้าอีกคนมายกจักรยานเราไปโหลดใต้เครื่องให้
อัพเดทครับ
ควรจะปล่อยลมจักรยานก่อนโหลดขึ้นเครื่องเพราะยางสามารถระเบิดได้เมื่อยู่ในที่ๆมีความกดอากาศสูงนะครับ
เอาหละครับที่ว่าผมเอาจักรยานแบกขึ้นบ่าสบายๆได้นั้นเป็นเพราะผมอ้วนจริงไหม เฉลยคือก็อย่างที่เห็นแหละครับน้ำหนักจักรยานบวกกระเป๋าหนักแค่ 10.5 กิโลเท่านั้น แบกกันชิวๆเลยทีเดียว
ลาก่อยกรุงเทพสถานีต่อไปสุราษฎร์ธานีครับ
พอเครื่องลงจักรยานจะออกมาเป็นอันดับแรกเลยสะดวกมากๆ เหมือนกันทั้งขาไปและขากลับนะครับ
แต่สำหรับกระเป๋าผมนั้น เกือบคนสุดท้ายเลยจร้าา
ออกจากสนามบินมีรถตู้ของที่ทำงานแฟนมารับจากสุราษฎร์ธานีไปส่งถึงที่พักในชุมพรเลยจ้า
ขออนุญาตลงรูปที่พักในมุมต่างๆพร้อมเว็บไซต์
เผื่อใครสนใจหาที่พักในชุมพรนะครับ ราคาโทรสอบถามกันเอาเองเด้ออ
เว็บไซต์ของรีสอร์ทนะครับ
http://www.kntresort.com/
หกโมงแล้วจร้า ไว้ขอมาต่อกับการแกะกระเป๋ารีวิวจักรยาน FSIR อีกทีนะครับว่าหลังจากลงเครื่องมาแล้วสภาพจักรยานในกระเป๋าจะเป็นอย่างไรบ้าง
ขอบคุณครับ
ทุ่มครึ่งถึงบ้านแล้วจ้า ขอมาต่อกับการแกะจักรยานออกจากกระเป๋านะครับ
ตอนรูดซิปเปิดกระเป๋าในใจคิด รอดมั้ยรอด รอดมั้ยรอด
มาแล้วๆ มาถึงโดยสวัสดิภาพจ้า น่าจะไม่มีปัญหาอะไรเพราะรถก็ยังอยู่ดีแฮะ
งั้นเราก็มากางรถจักรยานกันดีกว่าจะได้ไป ปั่นๆ จักรยานไป ปั่นๆ จักรยานกัน ปั่น.....แต่แล้ววววว ฝันมันก็สลายไปในพริบตา
เห้ยนี่มันอัลไรทำไมกางไม่ได้ จะงัดแรงก็ไม่กล้าลองมองหาสาเหตุ เพราะอะไร?? เพราะอะไร???
แล้วก็มาเจอจุดเจ้าปัญหา เหงื่อเริ่มแตกกับภาพที่เห็น
ขาจาน!!! ขาจานติดกับเฟรมแบบแนบแน่น
ต่อให้มียางกันรอยแต่ถ้าติดแน่นขนาดนี้จะรอดมั้ยนี่
นั่งมองขาจานกับเฟรมที่อยู่ๆก็รู้รักสามัคคีกันเหมือนรู้จักกันมานานนับสิบปี
ผมเริ่มงัดขาจานที่ติดอยู่กับเฟรมให้แยกออกจากกัน
ภาพหลังจากแงะขาจานกับเฟรมให้แยกออกจากกันจนสำเร็จ
โอวพระเจ้าจอร์จ
นี่มันอาราย ทามมายมันไม่เป็นรอยเลย
สรุปคือยางกันรอยที่ขาจานช่วยไว้ได้จริงๆ มันทำหน้าที่ของมันได้อย่างดี ตัวเฟรมไม่มีรอยสักนิด
สรุปคือการขนจักรยานพับเพื่อไปเที่ยวกับเราเป็นไปได้จริงๆนะครับไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย
เพียงแค่ต้องมีกระเป๋าใส่จักรยานที่ขนาดใหญ่พอ และน้ำหนักรถที่ไม่หนักมากเกินไปจนกำลังเรายกไม่ไหวครับ
ในจุดอื่นๆที่ไม่ได้มีติดกันรอยไว้ ก็มีรอยจากการเสียดสีกันบ้างนิดหน่อยนะครับ
ดั่งนั้นเราควรจะตรวจเช็ครถของตัวเองเวลาพับได้ว่าจุดใหนที่มันสามารถกระทบกัน ก็ติดกันรอยมันตรงนั้นแหละครับ
สุดท้ายถึงแม้ว่าเราจะพยายามป้องกันมันมากแค่ไหน รถจักรยานก็สามารถเป็นรอยได้เสมอโดยที่เราไม่คาดคิด
ต้องทำใจไว้บ้างนะครับ
จากนี้จะเป็นเรื่องระบบพับของรถ FSIR ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเองคือใช้ระบบหมุน 180 องศาแทนจุดพับตรงกลางนะครับ
แกนที่เป็นจุดเชื่อมเฟรมสองส่วนเข้าไว้ด้วยกันและเป็นจุดที่หมุนได้อย่างอิสระ
สำหรับ FSIR จะใช้หลักอานในการล็อกเฟรมสองส่วนเข้าไว้ด้วยกันและมีรัดหลักอานสองจุด
รัดหลักอานของเฟรมส่วนหลังจะมีตัวกันเฟรมส่วนบนหมุนเลยไปตีจานได้ ด้วยตัวล็อกนี้จะทำให้เฟรมหมุนได้แค่ 180 องศาเท่านั้น
หลักอานที่ใช้สำหรับล็อกเฟรมสองส่วนเข้าไว้ด้วยกันไม่สามารถใช้หลักอานแต่งแบนด์อื่นๆแทนได้นะครับ
เพราะว่าหลักอานและรัดหลักอาน FSIR ออกแบบมาให้มีรูปแบบเฉพาะสำหรับใช้ด้วยกันเท่านั้น
เมื่อใช้งานจะทำให้เบาะหันไปด้านหน้าโดยที่เราไม่ต้องมาคอยนั่งปรับองศาเหมือนหลักอานทั่วๆไป
ปลายหลักอานมียางกันรอยเหมือนกับขาจาน ถอดออกได้สามารถทำเป็นที่เก็บอุปกรณ์ได้นิดหน่อย
ด้านหลังหลักอานจะมีวัดระดับบอก แล้วถ้าสังเกตุดีๆด้านล่างสุดจะมีคำว่า Open เขียนไว้เพื่อบอกระดับที่ใช้ตอนจะพับหรือกาง
ภาพตัวอย่างเมื่อเราเลื่อนหลักอานตั้งไว้ที่ Open ครับ
ภาพเมื่อกางเสร็จเรียบร้อยครับ
ในความคิดผม ผมชอบการออกแบบส่วนต่างๆใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
กับที่ระบบพับที่ไม่เหมือนใคร ตอนแรกก็งงอยู่นานครับ ทำไมมันพับยากจุง แต่พอปรับตัวได้แล้วผมว่าเร็วกว่าพับรถทั่วๆไปมาก
แต่ก็มีข้อเสียคือเมื่อพับแล้วขนาดตอนพับจะใหญ่กว่ารถแบนด์อื่นๆอยู่เยอะเลยครับ
ต่อจากนี้ก็จะเป็นรูปที่ผมติดสอยห้อยตามรถตู้ของที่ทำงานแฟนไปยังสถานที่ต่างๆครับ พอถึงที่แฟนผมก็ทำงานไปครับ
ส่วนผมก็แว๊นสิครับ 5555 ดังนั้นแต่ละจุดจะไกลกันพอสมควร อย่าเข้าใจผิดว่าผมปั่นจักรยานทั่วชุมพรนะครับ
ถนนเรียบหาดแถว Novotel ครับผมปั่นไปกลับเล่นเรียบชายหาดเห็นนักปั่นหลายกลุ่มปั่นเส้นนี้อยู่นะครับ
มีจุดให้แวะจอดรถถ่ายรูปชิวๆ
หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงก็ไปต่อกันที่ท่าเรือลมพระยา ทางมันชันมากๆไปไหนไกลไม่ได้หมาก็ดุ เลยวนเล่นอยู่ในท่าเรือครับ
ตกดึกแล้วเห็นไฟสวยดีเลยจัดไปสักภาพ
วันถัดมาไม่ได้ไปไหนเลยปั่นอยู่แถวรีสอร์ทครับ รอขึ้นเครื่องกลับบ้านรอบดึก
สุดท้ายก็มาถึงกรุงเทพโดนสวัสดิภาพ
ผมก็ขอจบการรีวิวรถจักรยานพับไว้เท่านี้ เพราะผมประทับใจระบบการพับที่ FSIR ต่างจากรถแบนด์อื่นๆ
หากใครได้อ่านจนจบ ผมก็ขอขอบคุณมากนะครับ หวังว่ากระทู้ผมจะทำให้คนที่อ่านแล้วไม่เคยรู้จัก FSIR
จะได้รู้จักมันมากขึ้นอีกนิด ถ้าใครเจอผมปั่น FSIR อยู่ข้างทางเข้ามาทักทายกันได้นะครับหรือ Bike For Dad เจอกันแน่นอนจ้า
ลาก่อยครับทุกๆท่าน
สวัสดีครับ
[CR] รีวิวจักรยานพับ FSIR กับการไปเที่ยวชุมพร
เรื่องก็มีอยู่ว่า พอดีแฟนผมต้องลงไปทำงานที่ชุมพรประมาณ 2-3 วันบวกกับผมได้จักรยานพับมาใหม่ ก็เลยถือโอกาสนี้ลองลากจักรยานพับขึ้นเครื่องไปด้วยซะเลย ที่มันแปลกสำหรับผมเพราะเคยได้ยินว่าจักรยานพับมันเน้นเรื่องการขนย้าย สามารถเอาขึ้นเครื่องไปได้สบายๆ ผมก็ต้องคิดแหละครับ เห้ยมันเป็นไปได้จริงๆหรอ จะลำบากไปเปล่า ตัวผมเองก็ไม่เคยสักทีเลยได้ลองจริงๆก็คราวนี้แหละครับผม ฮี่ๆๆ
แฟนบอกว่ากระเป๋าจักรยานดูใหญ่แต่ที่ผมแบกไหวเพราะผมอ้วนแรงเยอะ 5555 ไม่ใช่นะครับ น้ำหนักรถบวกกับกระเป๋าเท่าไหร่เดียวมีเฉลยจร้า
ลงจากคอนโดมาก็โบกพี่แท็กไปสนามบินดอนเมือง ตอนแรกจะยัดรถลงท้ายแต่ไม่ไหวครับติดถังแก็ส ผลเลยออกมาอย่างที่เห็น
พอมาถึงสนามบินก็ต้องผ่านเครื่องสแกนสำหรับสัมภาระที่จะโหลดลงใต้เครื่อง ตามจริงแล้วตรงจุดนี้ถ้าเจอกระเป๋าที่ใหญ่เกินขนาดสำหรับสายพานจะลำเลียงได้จะต้องไปโหลดที่จุด Oversize แต่เหมือนนกแอร์จะสามารถโหลดรถจักรยานพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระเราได้เลยแค่แจ้งหน้าเคาน์เตอร์ว่าเป็นจักรยาน เจ้าหน้าที่เค้าจะดูแลจักรยานเราดีมากนะครับยกและวางอย่างระมัดระวัง สักพักจะมีเจ้าหน้าอีกคนมายกจักรยานเราไปโหลดใต้เครื่องให้
อัพเดทครับ
ควรจะปล่อยลมจักรยานก่อนโหลดขึ้นเครื่องเพราะยางสามารถระเบิดได้เมื่อยู่ในที่ๆมีความกดอากาศสูงนะครับ
เอาหละครับที่ว่าผมเอาจักรยานแบกขึ้นบ่าสบายๆได้นั้นเป็นเพราะผมอ้วนจริงไหม เฉลยคือก็อย่างที่เห็นแหละครับน้ำหนักจักรยานบวกกระเป๋าหนักแค่ 10.5 กิโลเท่านั้น แบกกันชิวๆเลยทีเดียว
ลาก่อยกรุงเทพสถานีต่อไปสุราษฎร์ธานีครับ
พอเครื่องลงจักรยานจะออกมาเป็นอันดับแรกเลยสะดวกมากๆ เหมือนกันทั้งขาไปและขากลับนะครับ
แต่สำหรับกระเป๋าผมนั้น เกือบคนสุดท้ายเลยจร้าา
ออกจากสนามบินมีรถตู้ของที่ทำงานแฟนมารับจากสุราษฎร์ธานีไปส่งถึงที่พักในชุมพรเลยจ้า
ขออนุญาตลงรูปที่พักในมุมต่างๆพร้อมเว็บไซต์
เผื่อใครสนใจหาที่พักในชุมพรนะครับ ราคาโทรสอบถามกันเอาเองเด้ออ
เว็บไซต์ของรีสอร์ทนะครับ http://www.kntresort.com/
หกโมงแล้วจร้า ไว้ขอมาต่อกับการแกะกระเป๋ารีวิวจักรยาน FSIR อีกทีนะครับว่าหลังจากลงเครื่องมาแล้วสภาพจักรยานในกระเป๋าจะเป็นอย่างไรบ้าง
ขอบคุณครับ
ทุ่มครึ่งถึงบ้านแล้วจ้า ขอมาต่อกับการแกะจักรยานออกจากกระเป๋านะครับ
ตอนรูดซิปเปิดกระเป๋าในใจคิด รอดมั้ยรอด รอดมั้ยรอด
มาแล้วๆ มาถึงโดยสวัสดิภาพจ้า น่าจะไม่มีปัญหาอะไรเพราะรถก็ยังอยู่ดีแฮะ
งั้นเราก็มากางรถจักรยานกันดีกว่าจะได้ไป ปั่นๆ จักรยานไป ปั่นๆ จักรยานกัน ปั่น.....แต่แล้ววววว ฝันมันก็สลายไปในพริบตา
เห้ยนี่มันอัลไรทำไมกางไม่ได้ จะงัดแรงก็ไม่กล้าลองมองหาสาเหตุ เพราะอะไร?? เพราะอะไร???
แล้วก็มาเจอจุดเจ้าปัญหา เหงื่อเริ่มแตกกับภาพที่เห็น
ขาจาน!!! ขาจานติดกับเฟรมแบบแนบแน่น ต่อให้มียางกันรอยแต่ถ้าติดแน่นขนาดนี้จะรอดมั้ยนี่
นั่งมองขาจานกับเฟรมที่อยู่ๆก็รู้รักสามัคคีกันเหมือนรู้จักกันมานานนับสิบปี
ผมเริ่มงัดขาจานที่ติดอยู่กับเฟรมให้แยกออกจากกัน
ภาพหลังจากแงะขาจานกับเฟรมให้แยกออกจากกันจนสำเร็จ
โอวพระเจ้าจอร์จ นี่มันอาราย ทามมายมันไม่เป็นรอยเลย
สรุปคือยางกันรอยที่ขาจานช่วยไว้ได้จริงๆ มันทำหน้าที่ของมันได้อย่างดี ตัวเฟรมไม่มีรอยสักนิด
สรุปคือการขนจักรยานพับเพื่อไปเที่ยวกับเราเป็นไปได้จริงๆนะครับไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย
เพียงแค่ต้องมีกระเป๋าใส่จักรยานที่ขนาดใหญ่พอ และน้ำหนักรถที่ไม่หนักมากเกินไปจนกำลังเรายกไม่ไหวครับ
ในจุดอื่นๆที่ไม่ได้มีติดกันรอยไว้ ก็มีรอยจากการเสียดสีกันบ้างนิดหน่อยนะครับ
ดั่งนั้นเราควรจะตรวจเช็ครถของตัวเองเวลาพับได้ว่าจุดใหนที่มันสามารถกระทบกัน ก็ติดกันรอยมันตรงนั้นแหละครับ
สุดท้ายถึงแม้ว่าเราจะพยายามป้องกันมันมากแค่ไหน รถจักรยานก็สามารถเป็นรอยได้เสมอโดยที่เราไม่คาดคิด
ต้องทำใจไว้บ้างนะครับ
จากนี้จะเป็นเรื่องระบบพับของรถ FSIR ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเองคือใช้ระบบหมุน 180 องศาแทนจุดพับตรงกลางนะครับ
แกนที่เป็นจุดเชื่อมเฟรมสองส่วนเข้าไว้ด้วยกันและเป็นจุดที่หมุนได้อย่างอิสระ
สำหรับ FSIR จะใช้หลักอานในการล็อกเฟรมสองส่วนเข้าไว้ด้วยกันและมีรัดหลักอานสองจุด
รัดหลักอานของเฟรมส่วนหลังจะมีตัวกันเฟรมส่วนบนหมุนเลยไปตีจานได้ ด้วยตัวล็อกนี้จะทำให้เฟรมหมุนได้แค่ 180 องศาเท่านั้น
หลักอานที่ใช้สำหรับล็อกเฟรมสองส่วนเข้าไว้ด้วยกันไม่สามารถใช้หลักอานแต่งแบนด์อื่นๆแทนได้นะครับ
เพราะว่าหลักอานและรัดหลักอาน FSIR ออกแบบมาให้มีรูปแบบเฉพาะสำหรับใช้ด้วยกันเท่านั้น
เมื่อใช้งานจะทำให้เบาะหันไปด้านหน้าโดยที่เราไม่ต้องมาคอยนั่งปรับองศาเหมือนหลักอานทั่วๆไป
ปลายหลักอานมียางกันรอยเหมือนกับขาจาน ถอดออกได้สามารถทำเป็นที่เก็บอุปกรณ์ได้นิดหน่อย
ด้านหลังหลักอานจะมีวัดระดับบอก แล้วถ้าสังเกตุดีๆด้านล่างสุดจะมีคำว่า Open เขียนไว้เพื่อบอกระดับที่ใช้ตอนจะพับหรือกาง
ภาพตัวอย่างเมื่อเราเลื่อนหลักอานตั้งไว้ที่ Open ครับ
ภาพเมื่อกางเสร็จเรียบร้อยครับ ในความคิดผม ผมชอบการออกแบบส่วนต่างๆใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
กับที่ระบบพับที่ไม่เหมือนใคร ตอนแรกก็งงอยู่นานครับ ทำไมมันพับยากจุง แต่พอปรับตัวได้แล้วผมว่าเร็วกว่าพับรถทั่วๆไปมาก
แต่ก็มีข้อเสียคือเมื่อพับแล้วขนาดตอนพับจะใหญ่กว่ารถแบนด์อื่นๆอยู่เยอะเลยครับ
ต่อจากนี้ก็จะเป็นรูปที่ผมติดสอยห้อยตามรถตู้ของที่ทำงานแฟนไปยังสถานที่ต่างๆครับ พอถึงที่แฟนผมก็ทำงานไปครับ
ส่วนผมก็แว๊นสิครับ 5555 ดังนั้นแต่ละจุดจะไกลกันพอสมควร อย่าเข้าใจผิดว่าผมปั่นจักรยานทั่วชุมพรนะครับ
ถนนเรียบหาดแถว Novotel ครับผมปั่นไปกลับเล่นเรียบชายหาดเห็นนักปั่นหลายกลุ่มปั่นเส้นนี้อยู่นะครับ
มีจุดให้แวะจอดรถถ่ายรูปชิวๆ
หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงก็ไปต่อกันที่ท่าเรือลมพระยา ทางมันชันมากๆไปไหนไกลไม่ได้หมาก็ดุ เลยวนเล่นอยู่ในท่าเรือครับ
ตกดึกแล้วเห็นไฟสวยดีเลยจัดไปสักภาพ
วันถัดมาไม่ได้ไปไหนเลยปั่นอยู่แถวรีสอร์ทครับ รอขึ้นเครื่องกลับบ้านรอบดึก
สุดท้ายก็มาถึงกรุงเทพโดนสวัสดิภาพ
ผมก็ขอจบการรีวิวรถจักรยานพับไว้เท่านี้ เพราะผมประทับใจระบบการพับที่ FSIR ต่างจากรถแบนด์อื่นๆ
หากใครได้อ่านจนจบ ผมก็ขอขอบคุณมากนะครับ หวังว่ากระทู้ผมจะทำให้คนที่อ่านแล้วไม่เคยรู้จัก FSIR
จะได้รู้จักมันมากขึ้นอีกนิด ถ้าใครเจอผมปั่น FSIR อยู่ข้างทางเข้ามาทักทายกันได้นะครับหรือ Bike For Dad เจอกันแน่นอนจ้า
ลาก่อยครับทุกๆท่าน
สวัสดีครับ