ว่าจะไม่ตั้งกระทู้แล้วน้าาา พอเห็นมีแต่คนไปเที่ยวกันช่วงนี้มันมีความรู้สึกแบบ...เห้ยยย อยากไปอ่ะ
มาคิดอีกทีเราเพิ่งไปมานี่หว่า ได้อารมย์แบบปลายฝนต้นหนาวแต่ฝนเยอะไปหน่อย
กิจกรรมหลักคือ"ตกปลา"ดังนั้นจึงเลือกแพที่คนเฉพาะกลุ่มนี้เค้าไปกันจริงๆ
แพลูกหมูจะอยู่อีกฝั่งของเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งมันไม่ใช่แนวแบบ อนันตา เลคเฮฟเว่น หรือพวกแพเทค
มันจะมีแต่ธรรมชาติ ไม่มีผู้คนจอแจ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์(มีบ้างถ้าลมไม่พัดหาย -*-)
และทางเข้าที่แสนโหดร้าย เป็นทางลูกรังผ่านเขาอีกประมาณ 3 กิโลกว่าจะถึงแพ
นี่คือสิ่งแรกที่จำเป็นต้องทำคือ"ทิ้ง..(รถ)..ไว้กลางทาง"คือเอารถเก๋งมาไม่ได้ถามทางเข้าก่อนจะมา เลยต้องให้พี่เจ้าของมารับ
เห็นบรรยากาศข้างทางแล้วแบบ...อย่าเพิ่งตกเล้ย คุณฝน!!
เมื่อถึงแพเป็นที่เรียบร้อย เราจะพบกับพนักงานต้อนรับ 2 ท่าน นามว่าขนุนกับมะม่วง พี่เจ้าของบอกว่าพ่อมันเป็นฝรั่ง
นี่คือขนุน
นี่คือมะม่วง
มีสองตัวนี้ก็ดีไปอย่าง เพราะมาตอนแรกพูดได้เลยว่า"เงียบมากขนาดหมายังไม่มี"หายเหงาเลย เพราะอยู่บนแพด้วยกันทั้งคืน
จากนั้นก็แยกย้ายกันเก็บสัมภาระ แพมี 2 ชั้นนอนได้ประมาณ 15-20 คน มีที่นอน หมอน ผ้าห่ม ให้
ชั้นล่างมีห้องน้ำ ห้องครัวพร้อมเตาและอุปกรณ์ทำอาหารครบมือ หอบไปแต่วัตถุดิบอยากกินไรก็ขนไปทำเอง
พวกน้ำดื่มน้ำแข็งไปแวะซื้อตรงหน้าทางเข้าน้ำตกเอราวัณ แต่ถ้าถึงเวลาขาดเหลือจริงๆพี่เจ้าของแพเค้าก็หาซื้อให้ได้
อยากเห็นหน้าตาของแพ นี่เลย
https://www.facebook.com/people/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9-%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AF/100009065334557
มาๆจบงานโปรโมท มาดูบรรยากาศกัน
รูปอาจไม่งามนัก โปรดอภัยมือใหม่หัดถ่าย
มาถึงก็ไม่ทำไรกันเลย คว้าเบ็ด เลือกมุม
ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารเย็นไว้เลย ตั้งใจจะมากินปลากันเต็มที่ซื้อเครื่องปรุงมาอย่างดี สุดท้ายกินหมูกินไก่
เบ็ดเพียบแต่ปลาไม่กินจ้าาาา 55555 อันนี้พวกพี่ๆเค้ายอมรับว่าฝีมือไม่ถึง เค้าว่าปลาที่อยู่แบบนี้ตกยาก
งั้นกินหมูกินไก่กันไปแล้วกัน สรุปกินกันเกลี้ยงเพราะเหนื่อยตกปลากันทั้งวัน กินเสร็จแยกย้ายกันตามอัธยาศัย
วาปมาตอนเช้าเลยดีกว่า เช้าแล้วๆๆ นอนรอพระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง แต่ได้มาแค่นี้ -*-
ตั้งหน้าตั้งตาตกปลากันแต่เช้า เพื่อตีไข่แตกภายในวันนี้
ท้องฟ้าครึ้มตั้งแต่เมื่อคืน ไม่มีวี่แววแสงแดด แดดไม่มีก็ดีนะไปเล่นน้ำดีกว่า น้ำใสปิ้งเห็นตัวปลา
จัดไป 4 ช็อต งามๆ
อาบน้ำ สระผม ทานอาหาร พายเรือ เอาที่สบายใจ
ขั้นรายการ นี่คือพี่เจ้าของแพ
และในที่สุด เราสามารถตีไข่แตกได้สำเร็จ ได้กินซะที เย้ๆๆๆๆๆ
ปลาเสือตอ หรือ ปลาหมอบัตเตอร์ ปลาประจำเขื่อนศรีฯ
ได้กินปลาก่อนกลับบ้าน ถือว่าทริปนี้ผ่าน 5555 จากนั้นแยกย้ายไปเก็บของหมดเวลาสนุกแล้วสิ!
มารับรถที่ทิ้งไว้กลางทางขับมายังไม่ทันจะพ้นทางลูกรัง ฝนตกข่ะ!!! ทางน่ากลัวมากกลัวตกร่องถนน
ต้องให้ลูกเจ้าของแพขับมาส่งจนถึงทางคอนกรีต ฝนก็ดี๊ดี พอถึงถนนดีก็หยุดตกเหมือนรู้งาน T..T
แต่ธรรมชาติไม่ได้แกล้งเราเท่านั้น แต่ยังมอบอากาศดี๊ดีมาให้
เอ้า! สูดเข้าไปสิรอไรล่ะ!! ช้าหมดสูดไม่ทันนะ
รูปสุดท้าย ทิวเขากลางเขื่อนศรีฯ น่าเสียดายไม่มีข้างทางให้ถ่ายเลย
ขอจบทริป"แพลูกหมู"วันที่ 10-11 ต.ค. 58 แต่เพียงเท่านี้
ไว้มีโอกาสจะแวะไปรีสอร์ทตรงวิวเขารูปสุดท้าย
มาเก็บความชื้นเข้าปอดที่ "แพลูกหมู" กาญจนบุรี
มาคิดอีกทีเราเพิ่งไปมานี่หว่า ได้อารมย์แบบปลายฝนต้นหนาวแต่ฝนเยอะไปหน่อย
กิจกรรมหลักคือ"ตกปลา"ดังนั้นจึงเลือกแพที่คนเฉพาะกลุ่มนี้เค้าไปกันจริงๆ
แพลูกหมูจะอยู่อีกฝั่งของเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งมันไม่ใช่แนวแบบ อนันตา เลคเฮฟเว่น หรือพวกแพเทค
มันจะมีแต่ธรรมชาติ ไม่มีผู้คนจอแจ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์(มีบ้างถ้าลมไม่พัดหาย -*-)
และทางเข้าที่แสนโหดร้าย เป็นทางลูกรังผ่านเขาอีกประมาณ 3 กิโลกว่าจะถึงแพ
นี่คือสิ่งแรกที่จำเป็นต้องทำคือ"ทิ้ง..(รถ)..ไว้กลางทาง"คือเอารถเก๋งมาไม่ได้ถามทางเข้าก่อนจะมา เลยต้องให้พี่เจ้าของมารับ
เห็นบรรยากาศข้างทางแล้วแบบ...อย่าเพิ่งตกเล้ย คุณฝน!!
เมื่อถึงแพเป็นที่เรียบร้อย เราจะพบกับพนักงานต้อนรับ 2 ท่าน นามว่าขนุนกับมะม่วง พี่เจ้าของบอกว่าพ่อมันเป็นฝรั่ง
นี่คือขนุน
นี่คือมะม่วง
มีสองตัวนี้ก็ดีไปอย่าง เพราะมาตอนแรกพูดได้เลยว่า"เงียบมากขนาดหมายังไม่มี"หายเหงาเลย เพราะอยู่บนแพด้วยกันทั้งคืน
จากนั้นก็แยกย้ายกันเก็บสัมภาระ แพมี 2 ชั้นนอนได้ประมาณ 15-20 คน มีที่นอน หมอน ผ้าห่ม ให้
ชั้นล่างมีห้องน้ำ ห้องครัวพร้อมเตาและอุปกรณ์ทำอาหารครบมือ หอบไปแต่วัตถุดิบอยากกินไรก็ขนไปทำเอง
พวกน้ำดื่มน้ำแข็งไปแวะซื้อตรงหน้าทางเข้าน้ำตกเอราวัณ แต่ถ้าถึงเวลาขาดเหลือจริงๆพี่เจ้าของแพเค้าก็หาซื้อให้ได้
อยากเห็นหน้าตาของแพ นี่เลย https://www.facebook.com/people/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9-%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AF/100009065334557
มาๆจบงานโปรโมท มาดูบรรยากาศกัน
รูปอาจไม่งามนัก โปรดอภัยมือใหม่หัดถ่าย
มาถึงก็ไม่ทำไรกันเลย คว้าเบ็ด เลือกมุม
ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารเย็นไว้เลย ตั้งใจจะมากินปลากันเต็มที่ซื้อเครื่องปรุงมาอย่างดี สุดท้ายกินหมูกินไก่
เบ็ดเพียบแต่ปลาไม่กินจ้าาาา 55555 อันนี้พวกพี่ๆเค้ายอมรับว่าฝีมือไม่ถึง เค้าว่าปลาที่อยู่แบบนี้ตกยาก
งั้นกินหมูกินไก่กันไปแล้วกัน สรุปกินกันเกลี้ยงเพราะเหนื่อยตกปลากันทั้งวัน กินเสร็จแยกย้ายกันตามอัธยาศัย
วาปมาตอนเช้าเลยดีกว่า เช้าแล้วๆๆ นอนรอพระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง แต่ได้มาแค่นี้ -*-
ตั้งหน้าตั้งตาตกปลากันแต่เช้า เพื่อตีไข่แตกภายในวันนี้
ท้องฟ้าครึ้มตั้งแต่เมื่อคืน ไม่มีวี่แววแสงแดด แดดไม่มีก็ดีนะไปเล่นน้ำดีกว่า น้ำใสปิ้งเห็นตัวปลา
จัดไป 4 ช็อต งามๆ
อาบน้ำ สระผม ทานอาหาร พายเรือ เอาที่สบายใจ
ขั้นรายการ นี่คือพี่เจ้าของแพ
และในที่สุด เราสามารถตีไข่แตกได้สำเร็จ ได้กินซะที เย้ๆๆๆๆๆ
ปลาเสือตอ หรือ ปลาหมอบัตเตอร์ ปลาประจำเขื่อนศรีฯ
ได้กินปลาก่อนกลับบ้าน ถือว่าทริปนี้ผ่าน 5555 จากนั้นแยกย้ายไปเก็บของหมดเวลาสนุกแล้วสิ!
มารับรถที่ทิ้งไว้กลางทางขับมายังไม่ทันจะพ้นทางลูกรัง ฝนตกข่ะ!!! ทางน่ากลัวมากกลัวตกร่องถนน
ต้องให้ลูกเจ้าของแพขับมาส่งจนถึงทางคอนกรีต ฝนก็ดี๊ดี พอถึงถนนดีก็หยุดตกเหมือนรู้งาน T..T
แต่ธรรมชาติไม่ได้แกล้งเราเท่านั้น แต่ยังมอบอากาศดี๊ดีมาให้
เอ้า! สูดเข้าไปสิรอไรล่ะ!! ช้าหมดสูดไม่ทันนะ
รูปสุดท้าย ทิวเขากลางเขื่อนศรีฯ น่าเสียดายไม่มีข้างทางให้ถ่ายเลย
ขอจบทริป"แพลูกหมู"วันที่ 10-11 ต.ค. 58 แต่เพียงเท่านี้
ไว้มีโอกาสจะแวะไปรีสอร์ทตรงวิวเขารูปสุดท้าย