เรื่องที่เราจะเล่าไม่รู้ว่าจะให้ประโยชน์กับใครได้มากน้อยแค่ไหน แต่ก็หวังว่าจะทำให้บางคน บางครอบครัว หันมาหยุดคิดได้บ้าง
เราเกิดมาในครอบครัวที่ไม่ได้มีเงินทอง จะเรียกตัวเองว่าเป็นคนชนชั้นกลางก็ดูจะจนกว่านั้นด้วยซ้ำ แม่มีลูก 2 คน คือพี่ชาย และเรา ที่อายุห่างกัน 3 ปี เราจำเหตุการณ์ช่วงวัยเด็กไม่ค่อยได้มากเท่าไหร่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราจำได้ดีคือความลำบากที่เราต้องเจอมาโดยตลอด พ่อและแม่จบเพียงแค่ ป.4 พ่อเราทำงานให้กับบริษัทรับเหมาก่อสร้างชื่อดังของประเทศ เป็นงานแรกและงานเดียวในชีวิตของพ่อ ซึ่งก็แน่นอน ว่าเราก็โตมากับแคมป์คนงานก่อสร้าง ส่วนแม่ในช่วงนั้นก็รับจ้างเย็บผ้า เวลาที่แม่ตัดชุดให้ลูกค้าแล้วผ้าเหลือ ก็จะเอามาตัดให้เราใส่ด้วยทุกครั้ง ไม่ต้องเสียเงินซื้อ เราจึงเป็นเด็กผู้หญิงในแคมป์คนงานก่อสร้างที่แต่งตัวสวยที่สุดมาตลอด (ถือเป็นเรื่องราวดีๆ)
เวลาที่พ่อย้ายงาน เรากับพี่แล้วก็แม่ ก็ต้องย้ายตามมาด้วยทุกครั้ง มีช่วงหนึ่งที่พ่อไปทำงานที่ซาอุ แม่เราก็คิดว่าน่าจะได้เงินเยอะ แต่กลับไม่ได้อะไรจากตรงนั้น ช่วงเวลานั้นตอนเด็กๆ เราเคยกินข้าวกับนมข้น เพราะแม่ไม่มีเงินจะซื้อกับข้าว จึงต้องหันมาเปิดร้านขายกับข้าวให้คนงานเอามาเลี้ยงลูก
จนเราจะเข้า ป.1 แม่กลัวว่าเรากับพี่จะต้องย้ายโรงเรียนบ่อยๆ เลยให้มาอาศัยอยู่กับป้า ชีวิตช่วงนั้นก็จะไม่ค่อยได้เจอหน้าพ่อกับแม่แล้ว เพราะป้าเลี้ยงดูแทน แต่ก็ต้องไปช่วยแม่ขายของในช่วงปิดเทอมอยู่เป็นประจำ เอาจริงๆ ก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะเราต้องตื่นเช้ามากๆ อยากจะไปวิ่งเล่นกับเพื่อนคนอื่นก็ทำไม่ได้ เพราะต้องเฝ้าร้านขายของกับแม่
เรากับพี่รับรู้ปัญหาครอบครัวมาโดยตลอด แม่บอกว่าตอนจีบกันใหม่ๆ พ่อเป็นผู้ชายทีดีมาก ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ปลาร้ายังกินไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ แต่พอมาทำงานที่นี่ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป พ่อหัดกินเหล้า หัดสูบบุหรี่ และเอกลักษณ์ของคนงานก็คือการกินเหล้าขาว พ่อกินหนักขึ้นทุกวันๆ ระยะเวลาจากตอนนั้นมาถึงตอนนี้ก็เกิน 30 ปี ในช่วงแรกที่พ่อเมาเหล้า พ่อจะแค่ยิ้มหวานแล้วไปนอน แต่มาพักหลังพ่อกับแม่เริ่มมีปากเสียงและทะเลาะกันแบบลงไม้ลงมือ เคยถึงขั้นที่เราต้องห้ามพ่อไม่ให้เอามีดฟันแม่ ภาพเหตุการณ์แบบในละครน้ำเน่า วนซ้ำไปซ้ำมาหลายสิบ หลายร้อยครั้ง จนแม่ตัดสินใจเลิกรา หลังจากนั้นพ่อก็มีผู้หญิงคนใหม่ไปเรื่อย เรากับพี่ไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจปัญหานี้ และไม่เคยมองว่ามันเป็นปมด้อย ต้องทำตัวให้เกเร เสเพล แต่กลับรู้สึกดีที่พ่อแม่แยกกันอยู่ จะได้ไม่ทะเลาะกันอีก (แต่มาตอนนี้เราคิดว่ามันเป็นปม และมีความรู้สึกมากๆ เลยล่ะ แต่แค่เราไม่อยากไปให้ความสำคัญกับมันมากกว่า)
เวลาผ่านไป พ่อยังคงกินเหล้าอย่างหนักต่อเนื่อง และมีกลิ่นตัว กลิ่นลมหายใจเป็นกลิ่นเหล้า มีอาการมือสั่นเมื่อไม่ได้กินเหล้า ใช้ร่างกายหนักหน่วง จนวันนึงร่างกายพ่อก็เริ่มทวงคืน พ่อเริ่มหน้ามืด หมดสติ และเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหลายครั้ง และทุกครั้งก็จะเป็นแม่เราที่ไปเฝ้าไข้ คอยดูแล พอหายดี พ่อก็กลับไปอยู่กับผู้หญิงอื่น วนลูบแบบนี้อยู่หลายครั้ง เรารู้ว่าแม่เจ็บปวด แต่แม่ไม่พูดอะไร เราห่างจากพ่อไปนานหลายปี มีอยู่วันนึงเราไปเยี่ยมย่าที่ป่วย และได้เจอกับพ่อหลังจากที่ไม่ได้เจอกันเลย เราจำพ่อแทบไม่ได้ พ่อดำ พ่อผอม และดูหน้าตาไม่สดใสเอาซะเลย หลังจากนั้นไม่นานอาการเดิมของพ่อก็กลับมาเป็นอีก คราวนี้เราต้องเป็นฝ่ายไปนอนเฝ้าพ่อนานนับเดือน นี่เป็นครั้งที่เรารู้สึกถึงความเป็นพ่อลูกกลับมาอีกครั้ง เราคิดได้เรื่องพ่อ ไม่โกรธไม่เกลียดพ่อที่ทำไม่ดีกับแม่ เพราะสภาพพ่อแย่มาก พ่อชักเกร็ง และเพ้อละเมอ พูดจาไม่รู้เรื่อง รักษาอยู่นานก็เหมือนจะเลิกเหล้าได้ แต่พอกลับไปทำงานก็ไปเจอสภาพแวดล้อมเดิมๆ แล้วพ่อก็กลับมากินเหล้าอีก
ครั้งที่รุนแรงคือพ่อไปชักเกร็งอยู่ที่วัด ในงานบวชพี่ชายเรา ทุกคนตกใจและรีบพาพ่อไปส่งโรงพยาบาล พ่ออดเหล้าเพราะเห็นว่าลูกชายจะบวช แต่พ่อไม่รู้ว่าร่างกายมันขาดเหล้าไม่ได้ พอหยุดไปแค่วันเดียว อาการก็เลยกำเริบ เราจำได้ดีว่าในช่วงนั้นพ่อเราแย่มาก ถูกมัดอยู่กับเตียง ฉี่เลอะเปียกหลังพ่อเต็มไปหมด แม่เราจัดการทำความสะอาดและกลับมาเฝ้าพ่อ(อีกแล้ว)เหมือนเดิม พี่ชายเรามาเยี่ยมพ่อในขณะที่ยังห่มผ้าเหลือง ขอร้องให้พ่อหยุดเหล้า ซึ่งก็ได้ผลเหมือนครั้งที่ผ่านมา พ่อหยุดเหล้าได้และกลับไปทำงานก็กลับไปกินอีก และก็จะเป็นเหตุการณ์อย่างนี้วนไปมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งจะมีอาการที่รุนแรงมากขึ้นจนสังเกตได้
ช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา พ่อเราเข้ารพ.บ่อยขึ้น ด้วยอาการเดิมคือ ชักเกร็ง แขนขาอ่อนแรง แต่ครั้งล่าสุดพ่อต้องเข้ารับการรักษาสมองด้วย หมอบอกว่าพ่อชักบ่อย รวมถึงการกินเหล้าสะสม จนทำให้ตอนนี้สมองพ่อเสื่อมเร็วกว่าที่ควรจะเป็น หมอบอกว่าความจำของพ่อจะค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ จนถึงจำอะไรไม่ได้ เป็นคำพูดที่เรารู้สึกถึงความเจ็บปวดมากที่สุด เราและพี่ชายพาพ่อกลับมาบ้านและทำเรื่องลาออก เพื่อออกมารักษาตัว ซึ่งพ่ออาจจะต้องกินยาไปตลอดชีวิต และการเลิกเหล้าคงต้องค่อยๆ เริ่มจากลดปริมาณลง ไปพร้อมกับการรักษาของหมอ ซึ่งก็หวังว่าพ่อจะหยุดเหล้าได้ ส่วนเรื่องโรคมะเร็งต่างๆที่ควรจะเป็น ถึงแม้ว่าจะยังตรวจไม่เจอ แต่ในตอนนี้เรากับพี่ก็เตรียมทำใจรับอยู่ทุกวัน เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ
เรากับพี่ก็อยากจะทำให้ดีที่สุด พยายามปลอบใจกันมาตลอดกับพี่ชายว่ายังไงก็คือพ่อ แม่ก็ย้ำอยู่เสมอว่าอย่าทิ้งพ่อนะ จะดีจะเลวยังไงเค้าก็คือพ่อ เราไม่อยากจะโทษฟ้า โทษชะตา เรามองว่าเรื่องนี้พ่อเป็นคนเลือกเอง เหมือนอยู่ในทางแยกที่เมื่อเลี้ยวไปทางนี้ชีวิตครอบครัวและร่างกายพ่อจะพัง แต่พ่อก็เลือกที่จะเดินไปทางนั้น ทุกอย่างเกิดจากการกระทำของพ่อเราเอง วันนี้ร่างกายและสิ่งที่พ่อเคยทำ กำลังทวงคืน เราก็ไม่รู้ว่าพ่อจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน และจะอยู่กันต่อไปด้วยสภาพยังไง แต่เราก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ใครที่กำลังพาตัวเองไปอยู่ในวังวนของเหล้าและบุหรี่ คุณไม่ได้เจ็บปวดแค่คนเดียวนะคะ เวลาที่คุณป่วย คุณทรมาน เชื่อเถอะค่ะ ว่าคนที่รักคุณเค้าก็เจ็บก็ปวดไม่น้อยไปกว่าคุณเลย ร่างกายคุณ ชีวิตคุณ คุณเลือกได้ วันนี้คุณยังมีความสุขอยู่ในวงเหล้าและควันบุหรี่ แต่ต่อไปในอนาคตคุณอาจจะเป็นคนป่วยที่นอนรอร่างกายทวงคืนอยู่อย่างที่พ่อเรากำลังเผชิญอยู่ก็ได้ ลดได้ลด เลิกได้เลิกเถอะนะคะ เพื่อตัวเองและครอบครัวที่คุณรักและรักคุณ
ขอแท็ก ชีวิตวัยรุ่นด้วยนะคะ เพราะเห็นน้องๆ สมัยนี้หัดกินเหล้ากันตั้งแต่ยังอายุน้อยๆอยู่เลย
*** พันทิปแจ้งมาว่าแท็กชีวิตวัยรุ่นไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อจึงถูกนำออกไปนะคะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ ใครที่อ่านเรื่องราวของเราแล้วอยากบอกต่อให้น้องๆ วัยรุ่นที่รู้จักกัน ก็ยินดีค่ะ
อุทาหรณ์ ของพ่อที่กินเหล้าติดต่อกันมาตลอดมากกว่า 30 ปี
เราเกิดมาในครอบครัวที่ไม่ได้มีเงินทอง จะเรียกตัวเองว่าเป็นคนชนชั้นกลางก็ดูจะจนกว่านั้นด้วยซ้ำ แม่มีลูก 2 คน คือพี่ชาย และเรา ที่อายุห่างกัน 3 ปี เราจำเหตุการณ์ช่วงวัยเด็กไม่ค่อยได้มากเท่าไหร่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราจำได้ดีคือความลำบากที่เราต้องเจอมาโดยตลอด พ่อและแม่จบเพียงแค่ ป.4 พ่อเราทำงานให้กับบริษัทรับเหมาก่อสร้างชื่อดังของประเทศ เป็นงานแรกและงานเดียวในชีวิตของพ่อ ซึ่งก็แน่นอน ว่าเราก็โตมากับแคมป์คนงานก่อสร้าง ส่วนแม่ในช่วงนั้นก็รับจ้างเย็บผ้า เวลาที่แม่ตัดชุดให้ลูกค้าแล้วผ้าเหลือ ก็จะเอามาตัดให้เราใส่ด้วยทุกครั้ง ไม่ต้องเสียเงินซื้อ เราจึงเป็นเด็กผู้หญิงในแคมป์คนงานก่อสร้างที่แต่งตัวสวยที่สุดมาตลอด (ถือเป็นเรื่องราวดีๆ)
เวลาที่พ่อย้ายงาน เรากับพี่แล้วก็แม่ ก็ต้องย้ายตามมาด้วยทุกครั้ง มีช่วงหนึ่งที่พ่อไปทำงานที่ซาอุ แม่เราก็คิดว่าน่าจะได้เงินเยอะ แต่กลับไม่ได้อะไรจากตรงนั้น ช่วงเวลานั้นตอนเด็กๆ เราเคยกินข้าวกับนมข้น เพราะแม่ไม่มีเงินจะซื้อกับข้าว จึงต้องหันมาเปิดร้านขายกับข้าวให้คนงานเอามาเลี้ยงลูก
จนเราจะเข้า ป.1 แม่กลัวว่าเรากับพี่จะต้องย้ายโรงเรียนบ่อยๆ เลยให้มาอาศัยอยู่กับป้า ชีวิตช่วงนั้นก็จะไม่ค่อยได้เจอหน้าพ่อกับแม่แล้ว เพราะป้าเลี้ยงดูแทน แต่ก็ต้องไปช่วยแม่ขายของในช่วงปิดเทอมอยู่เป็นประจำ เอาจริงๆ ก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะเราต้องตื่นเช้ามากๆ อยากจะไปวิ่งเล่นกับเพื่อนคนอื่นก็ทำไม่ได้ เพราะต้องเฝ้าร้านขายของกับแม่
เรากับพี่รับรู้ปัญหาครอบครัวมาโดยตลอด แม่บอกว่าตอนจีบกันใหม่ๆ พ่อเป็นผู้ชายทีดีมาก ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ปลาร้ายังกินไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ แต่พอมาทำงานที่นี่ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป พ่อหัดกินเหล้า หัดสูบบุหรี่ และเอกลักษณ์ของคนงานก็คือการกินเหล้าขาว พ่อกินหนักขึ้นทุกวันๆ ระยะเวลาจากตอนนั้นมาถึงตอนนี้ก็เกิน 30 ปี ในช่วงแรกที่พ่อเมาเหล้า พ่อจะแค่ยิ้มหวานแล้วไปนอน แต่มาพักหลังพ่อกับแม่เริ่มมีปากเสียงและทะเลาะกันแบบลงไม้ลงมือ เคยถึงขั้นที่เราต้องห้ามพ่อไม่ให้เอามีดฟันแม่ ภาพเหตุการณ์แบบในละครน้ำเน่า วนซ้ำไปซ้ำมาหลายสิบ หลายร้อยครั้ง จนแม่ตัดสินใจเลิกรา หลังจากนั้นพ่อก็มีผู้หญิงคนใหม่ไปเรื่อย เรากับพี่ไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจปัญหานี้ และไม่เคยมองว่ามันเป็นปมด้อย ต้องทำตัวให้เกเร เสเพล แต่กลับรู้สึกดีที่พ่อแม่แยกกันอยู่ จะได้ไม่ทะเลาะกันอีก (แต่มาตอนนี้เราคิดว่ามันเป็นปม และมีความรู้สึกมากๆ เลยล่ะ แต่แค่เราไม่อยากไปให้ความสำคัญกับมันมากกว่า)
เวลาผ่านไป พ่อยังคงกินเหล้าอย่างหนักต่อเนื่อง และมีกลิ่นตัว กลิ่นลมหายใจเป็นกลิ่นเหล้า มีอาการมือสั่นเมื่อไม่ได้กินเหล้า ใช้ร่างกายหนักหน่วง จนวันนึงร่างกายพ่อก็เริ่มทวงคืน พ่อเริ่มหน้ามืด หมดสติ และเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหลายครั้ง และทุกครั้งก็จะเป็นแม่เราที่ไปเฝ้าไข้ คอยดูแล พอหายดี พ่อก็กลับไปอยู่กับผู้หญิงอื่น วนลูบแบบนี้อยู่หลายครั้ง เรารู้ว่าแม่เจ็บปวด แต่แม่ไม่พูดอะไร เราห่างจากพ่อไปนานหลายปี มีอยู่วันนึงเราไปเยี่ยมย่าที่ป่วย และได้เจอกับพ่อหลังจากที่ไม่ได้เจอกันเลย เราจำพ่อแทบไม่ได้ พ่อดำ พ่อผอม และดูหน้าตาไม่สดใสเอาซะเลย หลังจากนั้นไม่นานอาการเดิมของพ่อก็กลับมาเป็นอีก คราวนี้เราต้องเป็นฝ่ายไปนอนเฝ้าพ่อนานนับเดือน นี่เป็นครั้งที่เรารู้สึกถึงความเป็นพ่อลูกกลับมาอีกครั้ง เราคิดได้เรื่องพ่อ ไม่โกรธไม่เกลียดพ่อที่ทำไม่ดีกับแม่ เพราะสภาพพ่อแย่มาก พ่อชักเกร็ง และเพ้อละเมอ พูดจาไม่รู้เรื่อง รักษาอยู่นานก็เหมือนจะเลิกเหล้าได้ แต่พอกลับไปทำงานก็ไปเจอสภาพแวดล้อมเดิมๆ แล้วพ่อก็กลับมากินเหล้าอีก
ครั้งที่รุนแรงคือพ่อไปชักเกร็งอยู่ที่วัด ในงานบวชพี่ชายเรา ทุกคนตกใจและรีบพาพ่อไปส่งโรงพยาบาล พ่ออดเหล้าเพราะเห็นว่าลูกชายจะบวช แต่พ่อไม่รู้ว่าร่างกายมันขาดเหล้าไม่ได้ พอหยุดไปแค่วันเดียว อาการก็เลยกำเริบ เราจำได้ดีว่าในช่วงนั้นพ่อเราแย่มาก ถูกมัดอยู่กับเตียง ฉี่เลอะเปียกหลังพ่อเต็มไปหมด แม่เราจัดการทำความสะอาดและกลับมาเฝ้าพ่อ(อีกแล้ว)เหมือนเดิม พี่ชายเรามาเยี่ยมพ่อในขณะที่ยังห่มผ้าเหลือง ขอร้องให้พ่อหยุดเหล้า ซึ่งก็ได้ผลเหมือนครั้งที่ผ่านมา พ่อหยุดเหล้าได้และกลับไปทำงานก็กลับไปกินอีก และก็จะเป็นเหตุการณ์อย่างนี้วนไปมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งจะมีอาการที่รุนแรงมากขึ้นจนสังเกตได้
ช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา พ่อเราเข้ารพ.บ่อยขึ้น ด้วยอาการเดิมคือ ชักเกร็ง แขนขาอ่อนแรง แต่ครั้งล่าสุดพ่อต้องเข้ารับการรักษาสมองด้วย หมอบอกว่าพ่อชักบ่อย รวมถึงการกินเหล้าสะสม จนทำให้ตอนนี้สมองพ่อเสื่อมเร็วกว่าที่ควรจะเป็น หมอบอกว่าความจำของพ่อจะค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ จนถึงจำอะไรไม่ได้ เป็นคำพูดที่เรารู้สึกถึงความเจ็บปวดมากที่สุด เราและพี่ชายพาพ่อกลับมาบ้านและทำเรื่องลาออก เพื่อออกมารักษาตัว ซึ่งพ่ออาจจะต้องกินยาไปตลอดชีวิต และการเลิกเหล้าคงต้องค่อยๆ เริ่มจากลดปริมาณลง ไปพร้อมกับการรักษาของหมอ ซึ่งก็หวังว่าพ่อจะหยุดเหล้าได้ ส่วนเรื่องโรคมะเร็งต่างๆที่ควรจะเป็น ถึงแม้ว่าจะยังตรวจไม่เจอ แต่ในตอนนี้เรากับพี่ก็เตรียมทำใจรับอยู่ทุกวัน เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ
เรากับพี่ก็อยากจะทำให้ดีที่สุด พยายามปลอบใจกันมาตลอดกับพี่ชายว่ายังไงก็คือพ่อ แม่ก็ย้ำอยู่เสมอว่าอย่าทิ้งพ่อนะ จะดีจะเลวยังไงเค้าก็คือพ่อ เราไม่อยากจะโทษฟ้า โทษชะตา เรามองว่าเรื่องนี้พ่อเป็นคนเลือกเอง เหมือนอยู่ในทางแยกที่เมื่อเลี้ยวไปทางนี้ชีวิตครอบครัวและร่างกายพ่อจะพัง แต่พ่อก็เลือกที่จะเดินไปทางนั้น ทุกอย่างเกิดจากการกระทำของพ่อเราเอง วันนี้ร่างกายและสิ่งที่พ่อเคยทำ กำลังทวงคืน เราก็ไม่รู้ว่าพ่อจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน และจะอยู่กันต่อไปด้วยสภาพยังไง แต่เราก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ใครที่กำลังพาตัวเองไปอยู่ในวังวนของเหล้าและบุหรี่ คุณไม่ได้เจ็บปวดแค่คนเดียวนะคะ เวลาที่คุณป่วย คุณทรมาน เชื่อเถอะค่ะ ว่าคนที่รักคุณเค้าก็เจ็บก็ปวดไม่น้อยไปกว่าคุณเลย ร่างกายคุณ ชีวิตคุณ คุณเลือกได้ วันนี้คุณยังมีความสุขอยู่ในวงเหล้าและควันบุหรี่ แต่ต่อไปในอนาคตคุณอาจจะเป็นคนป่วยที่นอนรอร่างกายทวงคืนอยู่อย่างที่พ่อเรากำลังเผชิญอยู่ก็ได้ ลดได้ลด เลิกได้เลิกเถอะนะคะ เพื่อตัวเองและครอบครัวที่คุณรักและรักคุณ
ขอแท็ก ชีวิตวัยรุ่นด้วยนะคะ เพราะเห็นน้องๆ สมัยนี้หัดกินเหล้ากันตั้งแต่ยังอายุน้อยๆอยู่เลย
*** พันทิปแจ้งมาว่าแท็กชีวิตวัยรุ่นไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อจึงถูกนำออกไปนะคะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ ใครที่อ่านเรื่องราวของเราแล้วอยากบอกต่อให้น้องๆ วัยรุ่นที่รู้จักกัน ก็ยินดีค่ะ