บทที่ 6: ผจญภัย
เอาอีกแล้วๆ ไหนใครบอกว่าจะผลัดเวรกันทำความสะอาดไง สรุปสัปดาห์นี้นายพีทก็ยังคงไม่ล้างจานเหมือนเช่นเคย
“โอ๊ยพีท! เมื่อไหร่นายจะมาล้างจานเนี้ย กองไว้อย่างนี้ตลอดเลยนะสุดท้ายฉันก็ต้องล้างเองทุกที น่าโมโหจริงๆ” ฉันตะโกนบ่นนายพีทพลางเตรียมตัวที่จะล้างจานไปด้วย ก็มันน่าโมโหจริงๆ น่ะสิ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีแขนล่ำๆ เคลื่อนเข้ามาโอบรอบฉันไว้ มือข้างหนึ่งควานจับจานที่อยู่ในอ่างพร้อมกับอีกมือที่มุ่งเข้ามาจับมือของฉันที่ถือฟองน้ำอยู่ ก่อนที่จะเคลื่อนมือข้างที่ถือฟองน้ำนั่นไปถูกับจานที่อยู่อีกมือ เอ่อออ.. นี่มันเหมือนนายนั่นกำลังกอดฉันจากด้านหลังอยู่ไม่ใช่เหรอ
“นี่นาย..” ฉันยังไม่ทันพูดจบ คือฉันกำลังหันไปจะด่านายนั่นให้เต็มปากเต็มคำอ่ะนะ แต่ปากของนายพีทก็ชนเข้ากับหน้าผากของฉันพอดี อันตัวฉันเองก็เลยพูดต่อไม่ออก
“จะบ่นทำไมล่ะก็ล้างอยู่นี่ไง”
ตอนนี้กลายเป็นว่าฉันหันหน้าไปชนกับหน้าอกของเค้าเราเลยกลายเป็นเหมือนต่างคนต่างกอดกันไปโดยปริยาย เอ่อ..หันกลับไปดีกว่า
“ผมหอมนะเนี้ย” โอ๊ยตาพีทจะดมทำไมนะไอ้บ้า
“แน่นอนย่ะ แต่ตอนนี้ให้ฉันออกจากตรงนี้ก่อนไม่ได้รึไง” โอ้ยใจฉันเริ่มเต้นแรงอีกแล้ว
“ถ้าเธอออกไปฉันไม่ล้างนะ” ตาพีทพูดแบบหน้าตาเฉย
เอาล่ะดังนั้นฉันจึงปล่อยให้ตาพีทล้างจานแบบนั้นไป ดีกว่านายนี่ไม่ทำล่ะนะ แต่พีทจะได้ยินเสียงหัวใจฉันเต้นมั้ยนะ แล้วนี่ต้องไปหาหมอมั้นเนี้ยท่าทางฉันจะป่วยแน่ๆ
ไม่นานนัก..
“เสร็จล่ะ ไปไป๊ยัยเตี้ย” นายนั่นผละออกไปจากตัวฉันทันที หลังจากจัดการจานทั้งหมดเรียบร้อย
“ไอ้บ้ากาม ขี้เกียดตัวเป็นขน!” ฉันได้แต่ตะโกนด่าตามหลังไป ซึ่งพีทก็ไม่สะทกสะทานเช่นเคย
สำหรับชีวิตประจำวันของฉันตลอด 1 เดือนที่ผ่านมานั้นมีกิจกรรมดังนี้ เริ่มตื่นนอน ไปทำงาน กลับมานอน แล้วก็วนลูปทำแบบเดิมอย่างนี้ซ้ำๆ งานที่ทำงานก็ยังคงเยอะแยะเหมือนเดิมเป๊ะ ที่เพิ่มเติมคือกรที่มารับมาส่งทุกๆ วัน ได้เพื่อนร่วมงานดีนี่ดีจังนะ
“เกี๊ยว เหม่ออะไรอยู่ขึ้นมาเร็วๆ สายแล้วนะ” นายกรขี่บิ๊กไบค์คันโตเข้ามาจอดเทียบที่ตรงหน้าฉัน
“โอเค ส่งหมวกกันน๊อคมาเลย” ฉันรับหมวกกันน๊อคมาจากมือกร ก่อนที่จะยิ้มให้เค้า นายนี่เป็นคนดีจริงๆ นะเค้าเตรียมหมวกกันน๊อคมาให้ฉันทุกครั้งด้วย ว่าแล้ววันนี้ฉันไปทำงานก่อนนะ บรื้น~
หลังเลิกงาน..
“นี่เกี๊ยว” กรเรียกฉันในขณะที่ฉันกำลังปีนลงมาจากบิ๊กไบค์ของเค้า ลำบากแท้ แต่ฟรีก็นะ
“ว่าไง”
“ฉันขอขึ้นไปดูห้องเธอหน่อยสิ”
เอาแล้วฉันทำหน้าไม่ถูกเลย ไม่รู้จะเริ่มยังไงถ้ากรเจอกับตาพีทล่ะ แต่อาจจะไม่เป้นไรมั้ง และกรก็เป็นเพื่อนที่แสนดีของฉันคนเดียวที่ทำงานนะ โอ๊ย! เอายังไงดีเนี่ย
“เกี๊ยว เกี๊ยว นี่ยังอยู่กับฉันรึเปล่าเนี้ย” ฉันสะดุ้งอีกทีกับเสียงเรียกของกร ที่ปลุกฉันให้ตื่นจากอาการเหม่อลอย
“อยู่ๆ นี่กรนายเลิกยีหัวฉันได้แล้ว!” ฉันพูดพลางดึงมือของเค้าออกไปจากหัวของฉัน กรขำเสียงดังก่อนที่จะเข้ามากอดล็อคคอฉัน โอ้ยหายใจไม่ออก อย่าถือว่าฉันเตี้ยกว่านะ
“ปล่อย ปล่อยได้แล้ว” ฉันร้องเสียงดัง
“เธอนี่มันน่ารักจริงๆ” กรพูดออกมาแบบเอ็นดู เอิ่มนี่นายเห็นฉันเป็นสัตว์เลี้ยงนายหรือไงย่ะ
“ไอ้กรบ้า ปล่อย ปล่อย ปล..” อ่ะ! ฉันหันไปเห็นตาพีทที่กำลังเดินลงมาจากรถไฟฟ้า และดูท่าทางเค้ากำลังจะเดินตรงมาที่ฉันด้วย อย่านะ อย่าเข้ามานะ อย่าทักนะ เกี๊ยวขอร้อง~
“ยัยเกี๊ยวเน่า” นั่นไงเดินเข้ามาทักจริงๆ ด้วย
“คนที่เมาวันนั้นนิ จะมาหาเรื่องอะไรเกี๊ยวอีกล่ะ” กรพูดท่าทางเอาเรื่องก่อนที่จะผลักฉันไปทางด้านหลังของเค้า แต่เดี๋ยวอย่าเพิ่งสุภาพบุรุษเพื่อน นี่มันไม่ใช่แบบนั้น
“อะไรวะเกี่ยวอะไรด้วย นี่ยัยเกี๊ยวล้างจานรึยัง เธอออกมานี่ เดี๋ยวนี้!” นายพีทพูดพลางดึงแขนฉัน ทำให้ตอนนี้ฉันมาอยู่ระหว่างผู้ชาย 2 คนที่กำลังเขม่นกัน
“ล้างจานอะไร นี่อะไรกันเกี๊ยว” กรหันหน้ามามองฉันสายตาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
“เอ่อ.. คือ”
“ยัยนี่เป็นคนใช้ของฉัน” ห่ะ! ไอ้บ้าพีทฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ
“คนใช้เหรอ นี่อะไรกัน” กรยังคงมองจ้องมาที่ฉันสายตาเค้าดูผิดหวังเล็กๆ โถ่เพื่อนนน
“อยากจะให้พูดมากกว่านี้เหรอ” นายพีทพูดพลางเลิกคิ้วมองหน้ากรอย่ากวนประสาท ฉันต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจ..
“พอ!” ฉันตะโกนออกไป ก็มันน่าเบื่อเต็มทนแล้วอ่ะนะทะเลาะอะไรกันอยู่ได้
“นาย” ฉันชี้นิ้วไปที่พีท
“อะไรของเธอ” นายพีทมองฉันด้วยหน้าตาที่แสดงความไม่พอใจอย่างแรง
“ขึ้นห้องนายไปเลย เรื่องจานเดี๋ยวฉันไปจัดการให้” นายพีทจ้องฉันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะถอนหายใจ และหลบขึ้นห้องไปตามคำพูดของฉัน
“ส่วนนาย ฉันจะเล่าทุกอย่างให้นายฟัง”
“งั้นเล่ามา” กรยังคงจ้องมาที่ฉัน เสียงกรดูจริงจังมากอ่ะ ฮือออ
“กร เกี๊ยวหิวแล้ว ไปหาที่กินข้าวกันก่อนเถอะนะ น๊า” เอาล่ะสงสัยต้องใช้ไม้เด็ดอ้อนมันเลยล่ะกัน
“อะ อืมงั้นก็กลับขึ้นรถมา แต่ต้องสัญญานะว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้กรฟัง” กรสายตาดูอ่อนลง เห็นม่ะไม้นี้ใช้กับกรทีไรได้ผลทุกทีสิน่า เพื่อนฉันมันแพ้ความขี้อ้อนอ่ะนะ
“เล่าแน่นอน ไปกันเถอะ” ยังไงกรก็คงไม่มีทางโกรธฉันหรอกนะ
ที่ร้านอาหาร..
“รูมเมท! ไอ้อันธพาลนั่นอ่ะนะรูมเมทเธอ นี่เกี๊ยวคิดอะไรอยู่เนี้ยไว้ใจคนแบบนั้นได้ยังไง”
“โอ๊ย! กรเบาๆ ใจเย็นๆ พีทเค้าไว้ใจได้ ฉันอยู่มาเป็นเดือนแล้วเราต่างคนต่างอยู่ อย่าห่วงเลย”
ฉันบอกกรหลังจากพวกเราจัดการอาหารทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ดีนะไม่บอกตอนกินอยู่มีหวังฉันติดคอเพราะเสียงตกใจของกรแน่ๆ
“เธอออกจากที่นั้นเถอะ ฉันจะหาที่อยู่ให้เธอเอง” กรพูดน้ำเสียงปกติ แต่แฝงไปด้วยความจริงจัง
“กรอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
“แต่..”
“พอ นายไม่เชื่อการตัดสินใจของฉันเหรอ หรือฉันดูเป็นผู้หญิงไม่ดี”
“ไม่ฉันก็แค่เป็นห่…”
“ถ้างั้นนายก็ต้องเชื่อใจฉัน ฉันดูแลตัวเองได้น่า นี่ไงฉันยังเป็นเพื่อนกับนายได้เลย กับพีทก็เหมือนเพื่อนผู้ชายคนนึงไง”
“อืม เพื่อนเหรอ ก็ดี” กรไม่ได้พูดอะไรต่อ เค้านิ่งไปสักพัก เหมือนครุ่นคิด หรือฉันพูดอะไรผิดไป
“กลับกันเถอะ” กรพูดขึ้นหลังจากทิ้งช่วงเงียบไปก่อนหน้านั้น
“นายกลับก่อนเลย ไหนๆ วันนี้ก็เงินเดือนออกฉันอยากจะซื้อของซะหน่อย นี่ก็มาห้างสรรพสินค้าแล้วด้วย” เอาล่ะวันนี้จะช็อปปิ้งคนเดียวให้หายเครียดเลย ของใช้ฉันก็เริ่มร่อยหรอแล้วด้วย
“ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอเอง” กรพูดออกมาอย่างหนักแน่น โอ๊ยจะอยู่ทำไมฉันจะซื้อของใช้
“กลับไปเถอะน่า นี่มันเวลาส่วนตัวของฉันนะ เวลาผู้หญิงๆ น่ะเข้าใจมั้ยย” ฉันตอกกลับกรไปก่อนที่จะเรียกพนักงานมาเก็บเงินโต๊ะเรา เฮ้อออ..ขออยู่เงียบๆ บ้างเถอะกร
“เธอแน่ใจนะ ว่ากลับได้” กรยังคงพยายามที่จะอยู่กับฉันให้ได้ โอ๊ยเพื่อนห่างๆ กันบ้างเถอะ
“กรแท็กซี่เยอะแยะ ไม่ต้องห่วงนายไปเถอะน่า” ฉันยังคงหนักแน่นกับความต้องการเที่ยวคนเดียวเช่นเคย กรได้แต่คอตกทำท่าเสียดายก่อนที่จะแยกจากฉันไป เฮ้อออ.. ค่อยดีขึ้นหน่อยได้อยู่คนเดียวสักพักคงจะโอเค ว่าแล้วไปช็อปปิ้งดีกว่า ลุยเลยเกี๊ยววว
หลายชั่วโมงต่อมา..
ความรู้สึกของผู้หญิงที่ได้ช็อปปิ้งนี่เหมือนอยู่ในสวนดอกไม้จริงๆ นะฉันใช้เวลาเลือกนู่นลองนี่อยู่นาน ของใช้เต็มไม้เต็มมือไปหมด จะว่าหนักก็หนักนะ เดินไปดูตรงนั้นหน่อยดีกว่า
“ขอโทษนะคะคุณลูกค้า พอดีทางห้างจะปิดแล้วยังไงขอให้จ่ายเงินที่เคาเตอร์ด้วยนะคะ”
หืมม~ นี่ฉันช็อปปิ้งนานขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย ไหนดูสิกี่โมงแล้ว ห่ะ! สามทุ่มกว่าตายๆ แถวนี้ไม่ได้ติดรถไฟฟ้าด้วย กรพาฉันซอกแซกมาห้างที่ไกลจากคอนโด ประเด็นคือไกลจากรถไฟฟ้าด้วยสิ มืดแล้วกลับไงล่ะทีนี้ ไปจ่ายเงินก่อนดีกว่าอันดับแรกฮือๆ ขอให้ผ่านได้ด้วยดีเถอะนะ
นอกห้างสรรพสินค้า..
ฉันยังคงยืนโบกรถแท็กซี่อยู่ที่หน้าห้างที่เดิม นี่ยืนรอมาครึ่งชั่วโมงแล้วตั้งแต่โบกมายังไม่มีคันไหนรับฉันเลย อะไรกันจะส่งรถอะไรดึกดื่นป่านนี้เนี้ย!
‘ติ๊ดๆๆๆๆ’ ใครโทรมาเวลานี้กันนะ
“ฮัลโหล ใครคะ” ฉันรับสาย
“นี่เธออยู่ไหน สี่ทุ่มแล้วจะไม่กลับมาล้างจานหรือไง” เสียงพีทไหลเข้าหูฉัน โถ่! นึกว่าใครอิตาพีทรูมเมทฉันนี่เอง ลืมไปเลยว่าเคยให้เบอร์หมอนี่ไปด้วย
“อยู่ห้าง Happy Mall เนี้ยยังหารถแท็กซี่กลับไม่ได้เลย โอ๊ะ!” ขณะที่ฉันกำลังพูดจู่ๆ ฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ นี่มันแกล้งกันชัดๆ
“แค่นี้ก่อนนะพีท ฝนตกฉัน..” อ้าวแบตโทรศัพท์ดันมาหมดซะด้วย คราวนี้ซวยยิ่งกว่าซวยแล้ว
ฉันตัดสินใจวิ่งหลบฝนมาจนถึงป้ายรถเมล์จริงๆ มันก็ไกลจากห้างสรรพสินค้าอยู่พอสมควรนะ แต่มารอโบกรถแท็กซี่ตรงนี้แล้วกัน อย่างน้อยมันก็มีหลังคากันฝน อ่ะ! แท็กซี่ผ่านมาคันนึงแล้ว โบกกก
‘ฟิ้ววววว’ เอิ่มมม.. ขับผ่านไปอย่างไร้เยื้อใยเดี๋ยวนะ นี่ไม่คิดจะรับผู้โดยสารแล้วเหรอ
“เหล้าจ๋า ไหนลองหันมายิ้มหน่อยซิ!” จู่ๆ ก็มีเสียงคนร้องเพลงดังขึ้น
“น้องสาววว มาเดินทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ อยู่แถวนี้จ้ะ” ฉันหันไปตามเสียงเห็นผู้ชายอายุอานามน่าจะอยู่ในวัย 30 กว่าๆ กำลังกอดขวดเหล้าและกำลังเดินเข้ามาหาฉัน 2 คน
“หรือน้องเค้าจะมารอเราวะไอ้แม้น” เอ่อ.. ฉันจะเอายังไงดีเนี้ยมือทั้ง 2 ข้างของฉันกำของไว้แน่น เอานะไงก็ยังหวงของอยู่เงินเดือนเดือนแรกนี่นะ
“เออว่ะไอ้มั่นสงสัยน้องเค้ามารอเราว่ะ” ลุงมั่นกับลุงแม้นคะ หนูไม่ได้มารอลุ๊งง กลับไปเถอะค่า~
สองลุงยังไม่หยุดเค้าทั้ง 2 มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตานี่เหมือนจะมองทะลุเสื้อผ้าของฉันได้ วันนี้ไม่น่าใส่เสื้อบางๆ มาเลยแล้วอีกอย่างฉันจะวิ่งยังไงกับรองเท้าส้นสูงแบบนี้อีกเนี้ย แต่เอาล่ะฉันไม่สนแล้ววิ่งก่อนดีกว่า สถานการณ์มันบังคับ..
“อ้าวหนูจะไปไหนล่ะรอพวกลุงด้วย!” ฉันไม่สนคำของลุง ฉันวิ่งเข้าไปในซอยข้างๆ อย่างไม่คิดชีวิต หันกลับไปยังเห็น 2 ลุงวิ่งตามแบบเซๆ ฮือๆ แม่จ๋าช่วยเกี๊ยวด้วย ต่อไปเกี๊ยวจะไม่ดื้อแล้ว ไปทางไหนต่อดีเนี้ย อ่ะ! ทางตัน ทำยังไงดี~
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ ถ้าเข้ามาอีกฉันจะกรี๊ด" ฉันตัดสินใจหันกลับไปชี้หน้าลุงทั้งสอง และพูดขู่ ขอให้ได้ผลนะ
"แหมสวยดุ อย่างงี้แหละพวกลุงชอบ" ฮืออิตาลุงแม้นไอ้ขี้หื่นแกจะไม่หยุดใช่มั้ย
"อ้ายยยยย ยย ช่วยด้วยยย!" ฉันตัดสินใจกรี๊ดทันทีที่ลุงๆ ยังคงเขยิบตัวเข้ามา แต่ลุงทั้งสองไม่ได้สนใจเลยเค้าเข้ามาจับตัวฉัน แล้วฉันจึงเห็นทางเดินด้านขวามือ ฉันทำการสะบัดตัวออกจากมือของลุงๆ ทั้ง 2 ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปในซอยนั้น แต่.. ทางตันอีกแล้วไง
"จะหนีไปไหนล่ะจ้ะมามีความสุขกับพวกลุงก่อน" เสียงตาลุงพูด และเดินเข้ามาใกล้ขึ้น ฉันตัดสินใจนั่งก้มตัวลง คงไม่มีใครมาช่วยฉันได้แล้วล่ะนะ ตอนนี้มันมืดแปดด้านไปหมดแล้ว
‘อึก’ ก่อนที่ฉันจะหันมาเผชิญหน้ากับ 2 ลุงเพราะวิ่งมาจนถึงทางตันแล้วนั้น ฉันก็ได้ยิ่งเสียงเหมือนคนล้มลงไปบนพื้นซะก่อน และเมื่อหันมาอีกทีคุณลุงมั่นก็ล้มลงไปนอนกับพื้นแล้ว
“ไอ้นี่เอ็งทำเพื่อนข้าเหรอวะ อย่า..”
‘ตุ๊บ’ ตาลุงแม้นที่กำลังปากดีก็ถูกส่อยร่วงลงไปทับลุงมั่น ทั้ง 2 นอนกองอยู่ที่พื้นเงียบนิ่งไป แต่เหมือนจะหลับไปเพราะพิษเหล้าบวกกับแรงต่อยของชายนิรนามซะมากกว่าจะสลบ โดยที่ฉันยังคงมองหน้าชายนิรนามได้ไม่ชัดนัก ตกลงเค้าเป็นใครนะหรือว่าจะประสงค์ร้ายกับฉันเหมือนกัน ขอร้องล่ะอย่านะ
“ปล่อยฉันไปเถอะ ฮึกๆ ฮือออ” ฉันได้แต่ร้องไห้ หลับตาปี๋ และยกมือไหว้ชายคนนั้น โดยที่หวังว่าเค้าจะไม่เข้ามาทำอะไรฉัน
‘ฟุบ’ ชายคนนั้นเข้ามากอดฉัน ฉันไม่ได้ขัดขืนอะไรแต่กลับรู้สึกว่ามันเป็นสัมผัสที่คุ้นเคย จึงปล่อยให้เค้ากอดอยู่อย่างนั้นก่อนที่จะเงยหน้ามองคนที่กอดฉันอยู่
นิยายออนไลน์ รูมเมทร้ายกับยัยน่ารัก บทที่ 6
บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/34309672
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/34312776
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/34318241
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/34324517
บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/34331346
-----------------------------------------------------------
บทที่ 6: ผจญภัย
เอาอีกแล้วๆ ไหนใครบอกว่าจะผลัดเวรกันทำความสะอาดไง สรุปสัปดาห์นี้นายพีทก็ยังคงไม่ล้างจานเหมือนเช่นเคย
“โอ๊ยพีท! เมื่อไหร่นายจะมาล้างจานเนี้ย กองไว้อย่างนี้ตลอดเลยนะสุดท้ายฉันก็ต้องล้างเองทุกที น่าโมโหจริงๆ” ฉันตะโกนบ่นนายพีทพลางเตรียมตัวที่จะล้างจานไปด้วย ก็มันน่าโมโหจริงๆ น่ะสิ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีแขนล่ำๆ เคลื่อนเข้ามาโอบรอบฉันไว้ มือข้างหนึ่งควานจับจานที่อยู่ในอ่างพร้อมกับอีกมือที่มุ่งเข้ามาจับมือของฉันที่ถือฟองน้ำอยู่ ก่อนที่จะเคลื่อนมือข้างที่ถือฟองน้ำนั่นไปถูกับจานที่อยู่อีกมือ เอ่อออ.. นี่มันเหมือนนายนั่นกำลังกอดฉันจากด้านหลังอยู่ไม่ใช่เหรอ
“นี่นาย..” ฉันยังไม่ทันพูดจบ คือฉันกำลังหันไปจะด่านายนั่นให้เต็มปากเต็มคำอ่ะนะ แต่ปากของนายพีทก็ชนเข้ากับหน้าผากของฉันพอดี อันตัวฉันเองก็เลยพูดต่อไม่ออก
“จะบ่นทำไมล่ะก็ล้างอยู่นี่ไง”
ตอนนี้กลายเป็นว่าฉันหันหน้าไปชนกับหน้าอกของเค้าเราเลยกลายเป็นเหมือนต่างคนต่างกอดกันไปโดยปริยาย เอ่อ..หันกลับไปดีกว่า
“ผมหอมนะเนี้ย” โอ๊ยตาพีทจะดมทำไมนะไอ้บ้า
“แน่นอนย่ะ แต่ตอนนี้ให้ฉันออกจากตรงนี้ก่อนไม่ได้รึไง” โอ้ยใจฉันเริ่มเต้นแรงอีกแล้ว
“ถ้าเธอออกไปฉันไม่ล้างนะ” ตาพีทพูดแบบหน้าตาเฉย
เอาล่ะดังนั้นฉันจึงปล่อยให้ตาพีทล้างจานแบบนั้นไป ดีกว่านายนี่ไม่ทำล่ะนะ แต่พีทจะได้ยินเสียงหัวใจฉันเต้นมั้ยนะ แล้วนี่ต้องไปหาหมอมั้นเนี้ยท่าทางฉันจะป่วยแน่ๆ
ไม่นานนัก..
“เสร็จล่ะ ไปไป๊ยัยเตี้ย” นายนั่นผละออกไปจากตัวฉันทันที หลังจากจัดการจานทั้งหมดเรียบร้อย
“ไอ้บ้ากาม ขี้เกียดตัวเป็นขน!” ฉันได้แต่ตะโกนด่าตามหลังไป ซึ่งพีทก็ไม่สะทกสะทานเช่นเคย
สำหรับชีวิตประจำวันของฉันตลอด 1 เดือนที่ผ่านมานั้นมีกิจกรรมดังนี้ เริ่มตื่นนอน ไปทำงาน กลับมานอน แล้วก็วนลูปทำแบบเดิมอย่างนี้ซ้ำๆ งานที่ทำงานก็ยังคงเยอะแยะเหมือนเดิมเป๊ะ ที่เพิ่มเติมคือกรที่มารับมาส่งทุกๆ วัน ได้เพื่อนร่วมงานดีนี่ดีจังนะ
“เกี๊ยว เหม่ออะไรอยู่ขึ้นมาเร็วๆ สายแล้วนะ” นายกรขี่บิ๊กไบค์คันโตเข้ามาจอดเทียบที่ตรงหน้าฉัน
“โอเค ส่งหมวกกันน๊อคมาเลย” ฉันรับหมวกกันน๊อคมาจากมือกร ก่อนที่จะยิ้มให้เค้า นายนี่เป็นคนดีจริงๆ นะเค้าเตรียมหมวกกันน๊อคมาให้ฉันทุกครั้งด้วย ว่าแล้ววันนี้ฉันไปทำงานก่อนนะ บรื้น~
หลังเลิกงาน..
“นี่เกี๊ยว” กรเรียกฉันในขณะที่ฉันกำลังปีนลงมาจากบิ๊กไบค์ของเค้า ลำบากแท้ แต่ฟรีก็นะ
“ว่าไง”
“ฉันขอขึ้นไปดูห้องเธอหน่อยสิ”
เอาแล้วฉันทำหน้าไม่ถูกเลย ไม่รู้จะเริ่มยังไงถ้ากรเจอกับตาพีทล่ะ แต่อาจจะไม่เป้นไรมั้ง และกรก็เป็นเพื่อนที่แสนดีของฉันคนเดียวที่ทำงานนะ โอ๊ย! เอายังไงดีเนี่ย
“เกี๊ยว เกี๊ยว นี่ยังอยู่กับฉันรึเปล่าเนี้ย” ฉันสะดุ้งอีกทีกับเสียงเรียกของกร ที่ปลุกฉันให้ตื่นจากอาการเหม่อลอย
“อยู่ๆ นี่กรนายเลิกยีหัวฉันได้แล้ว!” ฉันพูดพลางดึงมือของเค้าออกไปจากหัวของฉัน กรขำเสียงดังก่อนที่จะเข้ามากอดล็อคคอฉัน โอ้ยหายใจไม่ออก อย่าถือว่าฉันเตี้ยกว่านะ
“ปล่อย ปล่อยได้แล้ว” ฉันร้องเสียงดัง
“เธอนี่มันน่ารักจริงๆ” กรพูดออกมาแบบเอ็นดู เอิ่มนี่นายเห็นฉันเป็นสัตว์เลี้ยงนายหรือไงย่ะ
“ไอ้กรบ้า ปล่อย ปล่อย ปล..” อ่ะ! ฉันหันไปเห็นตาพีทที่กำลังเดินลงมาจากรถไฟฟ้า และดูท่าทางเค้ากำลังจะเดินตรงมาที่ฉันด้วย อย่านะ อย่าเข้ามานะ อย่าทักนะ เกี๊ยวขอร้อง~
“ยัยเกี๊ยวเน่า” นั่นไงเดินเข้ามาทักจริงๆ ด้วย
“คนที่เมาวันนั้นนิ จะมาหาเรื่องอะไรเกี๊ยวอีกล่ะ” กรพูดท่าทางเอาเรื่องก่อนที่จะผลักฉันไปทางด้านหลังของเค้า แต่เดี๋ยวอย่าเพิ่งสุภาพบุรุษเพื่อน นี่มันไม่ใช่แบบนั้น
“อะไรวะเกี่ยวอะไรด้วย นี่ยัยเกี๊ยวล้างจานรึยัง เธอออกมานี่ เดี๋ยวนี้!” นายพีทพูดพลางดึงแขนฉัน ทำให้ตอนนี้ฉันมาอยู่ระหว่างผู้ชาย 2 คนที่กำลังเขม่นกัน
“ล้างจานอะไร นี่อะไรกันเกี๊ยว” กรหันหน้ามามองฉันสายตาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
“เอ่อ.. คือ”
“ยัยนี่เป็นคนใช้ของฉัน” ห่ะ! ไอ้บ้าพีทฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ
“คนใช้เหรอ นี่อะไรกัน” กรยังคงมองจ้องมาที่ฉันสายตาเค้าดูผิดหวังเล็กๆ โถ่เพื่อนนน
“อยากจะให้พูดมากกว่านี้เหรอ” นายพีทพูดพลางเลิกคิ้วมองหน้ากรอย่ากวนประสาท ฉันต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจ..
“พอ!” ฉันตะโกนออกไป ก็มันน่าเบื่อเต็มทนแล้วอ่ะนะทะเลาะอะไรกันอยู่ได้
“นาย” ฉันชี้นิ้วไปที่พีท
“อะไรของเธอ” นายพีทมองฉันด้วยหน้าตาที่แสดงความไม่พอใจอย่างแรง
“ขึ้นห้องนายไปเลย เรื่องจานเดี๋ยวฉันไปจัดการให้” นายพีทจ้องฉันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะถอนหายใจ และหลบขึ้นห้องไปตามคำพูดของฉัน
“ส่วนนาย ฉันจะเล่าทุกอย่างให้นายฟัง”
“งั้นเล่ามา” กรยังคงจ้องมาที่ฉัน เสียงกรดูจริงจังมากอ่ะ ฮือออ
“กร เกี๊ยวหิวแล้ว ไปหาที่กินข้าวกันก่อนเถอะนะ น๊า” เอาล่ะสงสัยต้องใช้ไม้เด็ดอ้อนมันเลยล่ะกัน
“อะ อืมงั้นก็กลับขึ้นรถมา แต่ต้องสัญญานะว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้กรฟัง” กรสายตาดูอ่อนลง เห็นม่ะไม้นี้ใช้กับกรทีไรได้ผลทุกทีสิน่า เพื่อนฉันมันแพ้ความขี้อ้อนอ่ะนะ
“เล่าแน่นอน ไปกันเถอะ” ยังไงกรก็คงไม่มีทางโกรธฉันหรอกนะ
ที่ร้านอาหาร..
“รูมเมท! ไอ้อันธพาลนั่นอ่ะนะรูมเมทเธอ นี่เกี๊ยวคิดอะไรอยู่เนี้ยไว้ใจคนแบบนั้นได้ยังไง”
“โอ๊ย! กรเบาๆ ใจเย็นๆ พีทเค้าไว้ใจได้ ฉันอยู่มาเป็นเดือนแล้วเราต่างคนต่างอยู่ อย่าห่วงเลย”
ฉันบอกกรหลังจากพวกเราจัดการอาหารทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ดีนะไม่บอกตอนกินอยู่มีหวังฉันติดคอเพราะเสียงตกใจของกรแน่ๆ
“เธอออกจากที่นั้นเถอะ ฉันจะหาที่อยู่ให้เธอเอง” กรพูดน้ำเสียงปกติ แต่แฝงไปด้วยความจริงจัง
“กรอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
“แต่..”
“พอ นายไม่เชื่อการตัดสินใจของฉันเหรอ หรือฉันดูเป็นผู้หญิงไม่ดี”
“ไม่ฉันก็แค่เป็นห่…”
“ถ้างั้นนายก็ต้องเชื่อใจฉัน ฉันดูแลตัวเองได้น่า นี่ไงฉันยังเป็นเพื่อนกับนายได้เลย กับพีทก็เหมือนเพื่อนผู้ชายคนนึงไง”
“อืม เพื่อนเหรอ ก็ดี” กรไม่ได้พูดอะไรต่อ เค้านิ่งไปสักพัก เหมือนครุ่นคิด หรือฉันพูดอะไรผิดไป
“กลับกันเถอะ” กรพูดขึ้นหลังจากทิ้งช่วงเงียบไปก่อนหน้านั้น
“นายกลับก่อนเลย ไหนๆ วันนี้ก็เงินเดือนออกฉันอยากจะซื้อของซะหน่อย นี่ก็มาห้างสรรพสินค้าแล้วด้วย” เอาล่ะวันนี้จะช็อปปิ้งคนเดียวให้หายเครียดเลย ของใช้ฉันก็เริ่มร่อยหรอแล้วด้วย
“ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอเอง” กรพูดออกมาอย่างหนักแน่น โอ๊ยจะอยู่ทำไมฉันจะซื้อของใช้
“กลับไปเถอะน่า นี่มันเวลาส่วนตัวของฉันนะ เวลาผู้หญิงๆ น่ะเข้าใจมั้ยย” ฉันตอกกลับกรไปก่อนที่จะเรียกพนักงานมาเก็บเงินโต๊ะเรา เฮ้อออ..ขออยู่เงียบๆ บ้างเถอะกร
“เธอแน่ใจนะ ว่ากลับได้” กรยังคงพยายามที่จะอยู่กับฉันให้ได้ โอ๊ยเพื่อนห่างๆ กันบ้างเถอะ
“กรแท็กซี่เยอะแยะ ไม่ต้องห่วงนายไปเถอะน่า” ฉันยังคงหนักแน่นกับความต้องการเที่ยวคนเดียวเช่นเคย กรได้แต่คอตกทำท่าเสียดายก่อนที่จะแยกจากฉันไป เฮ้อออ.. ค่อยดีขึ้นหน่อยได้อยู่คนเดียวสักพักคงจะโอเค ว่าแล้วไปช็อปปิ้งดีกว่า ลุยเลยเกี๊ยววว
หลายชั่วโมงต่อมา..
ความรู้สึกของผู้หญิงที่ได้ช็อปปิ้งนี่เหมือนอยู่ในสวนดอกไม้จริงๆ นะฉันใช้เวลาเลือกนู่นลองนี่อยู่นาน ของใช้เต็มไม้เต็มมือไปหมด จะว่าหนักก็หนักนะ เดินไปดูตรงนั้นหน่อยดีกว่า
“ขอโทษนะคะคุณลูกค้า พอดีทางห้างจะปิดแล้วยังไงขอให้จ่ายเงินที่เคาเตอร์ด้วยนะคะ”
หืมม~ นี่ฉันช็อปปิ้งนานขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย ไหนดูสิกี่โมงแล้ว ห่ะ! สามทุ่มกว่าตายๆ แถวนี้ไม่ได้ติดรถไฟฟ้าด้วย กรพาฉันซอกแซกมาห้างที่ไกลจากคอนโด ประเด็นคือไกลจากรถไฟฟ้าด้วยสิ มืดแล้วกลับไงล่ะทีนี้ ไปจ่ายเงินก่อนดีกว่าอันดับแรกฮือๆ ขอให้ผ่านได้ด้วยดีเถอะนะ
นอกห้างสรรพสินค้า..
ฉันยังคงยืนโบกรถแท็กซี่อยู่ที่หน้าห้างที่เดิม นี่ยืนรอมาครึ่งชั่วโมงแล้วตั้งแต่โบกมายังไม่มีคันไหนรับฉันเลย อะไรกันจะส่งรถอะไรดึกดื่นป่านนี้เนี้ย!
‘ติ๊ดๆๆๆๆ’ ใครโทรมาเวลานี้กันนะ
“ฮัลโหล ใครคะ” ฉันรับสาย
“นี่เธออยู่ไหน สี่ทุ่มแล้วจะไม่กลับมาล้างจานหรือไง” เสียงพีทไหลเข้าหูฉัน โถ่! นึกว่าใครอิตาพีทรูมเมทฉันนี่เอง ลืมไปเลยว่าเคยให้เบอร์หมอนี่ไปด้วย
“อยู่ห้าง Happy Mall เนี้ยยังหารถแท็กซี่กลับไม่ได้เลย โอ๊ะ!” ขณะที่ฉันกำลังพูดจู่ๆ ฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ นี่มันแกล้งกันชัดๆ
“แค่นี้ก่อนนะพีท ฝนตกฉัน..” อ้าวแบตโทรศัพท์ดันมาหมดซะด้วย คราวนี้ซวยยิ่งกว่าซวยแล้ว
ฉันตัดสินใจวิ่งหลบฝนมาจนถึงป้ายรถเมล์จริงๆ มันก็ไกลจากห้างสรรพสินค้าอยู่พอสมควรนะ แต่มารอโบกรถแท็กซี่ตรงนี้แล้วกัน อย่างน้อยมันก็มีหลังคากันฝน อ่ะ! แท็กซี่ผ่านมาคันนึงแล้ว โบกกก
‘ฟิ้ววววว’ เอิ่มมม.. ขับผ่านไปอย่างไร้เยื้อใยเดี๋ยวนะ นี่ไม่คิดจะรับผู้โดยสารแล้วเหรอ
“เหล้าจ๋า ไหนลองหันมายิ้มหน่อยซิ!” จู่ๆ ก็มีเสียงคนร้องเพลงดังขึ้น
“น้องสาววว มาเดินทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ อยู่แถวนี้จ้ะ” ฉันหันไปตามเสียงเห็นผู้ชายอายุอานามน่าจะอยู่ในวัย 30 กว่าๆ กำลังกอดขวดเหล้าและกำลังเดินเข้ามาหาฉัน 2 คน
“หรือน้องเค้าจะมารอเราวะไอ้แม้น” เอ่อ.. ฉันจะเอายังไงดีเนี้ยมือทั้ง 2 ข้างของฉันกำของไว้แน่น เอานะไงก็ยังหวงของอยู่เงินเดือนเดือนแรกนี่นะ
“เออว่ะไอ้มั่นสงสัยน้องเค้ามารอเราว่ะ” ลุงมั่นกับลุงแม้นคะ หนูไม่ได้มารอลุ๊งง กลับไปเถอะค่า~
สองลุงยังไม่หยุดเค้าทั้ง 2 มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตานี่เหมือนจะมองทะลุเสื้อผ้าของฉันได้ วันนี้ไม่น่าใส่เสื้อบางๆ มาเลยแล้วอีกอย่างฉันจะวิ่งยังไงกับรองเท้าส้นสูงแบบนี้อีกเนี้ย แต่เอาล่ะฉันไม่สนแล้ววิ่งก่อนดีกว่า สถานการณ์มันบังคับ..
“อ้าวหนูจะไปไหนล่ะรอพวกลุงด้วย!” ฉันไม่สนคำของลุง ฉันวิ่งเข้าไปในซอยข้างๆ อย่างไม่คิดชีวิต หันกลับไปยังเห็น 2 ลุงวิ่งตามแบบเซๆ ฮือๆ แม่จ๋าช่วยเกี๊ยวด้วย ต่อไปเกี๊ยวจะไม่ดื้อแล้ว ไปทางไหนต่อดีเนี้ย อ่ะ! ทางตัน ทำยังไงดี~
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ ถ้าเข้ามาอีกฉันจะกรี๊ด" ฉันตัดสินใจหันกลับไปชี้หน้าลุงทั้งสอง และพูดขู่ ขอให้ได้ผลนะ
"แหมสวยดุ อย่างงี้แหละพวกลุงชอบ" ฮืออิตาลุงแม้นไอ้ขี้หื่นแกจะไม่หยุดใช่มั้ย
"อ้ายยยยย ยย ช่วยด้วยยย!" ฉันตัดสินใจกรี๊ดทันทีที่ลุงๆ ยังคงเขยิบตัวเข้ามา แต่ลุงทั้งสองไม่ได้สนใจเลยเค้าเข้ามาจับตัวฉัน แล้วฉันจึงเห็นทางเดินด้านขวามือ ฉันทำการสะบัดตัวออกจากมือของลุงๆ ทั้ง 2 ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปในซอยนั้น แต่.. ทางตันอีกแล้วไง
"จะหนีไปไหนล่ะจ้ะมามีความสุขกับพวกลุงก่อน" เสียงตาลุงพูด และเดินเข้ามาใกล้ขึ้น ฉันตัดสินใจนั่งก้มตัวลง คงไม่มีใครมาช่วยฉันได้แล้วล่ะนะ ตอนนี้มันมืดแปดด้านไปหมดแล้ว
‘อึก’ ก่อนที่ฉันจะหันมาเผชิญหน้ากับ 2 ลุงเพราะวิ่งมาจนถึงทางตันแล้วนั้น ฉันก็ได้ยิ่งเสียงเหมือนคนล้มลงไปบนพื้นซะก่อน และเมื่อหันมาอีกทีคุณลุงมั่นก็ล้มลงไปนอนกับพื้นแล้ว
“ไอ้นี่เอ็งทำเพื่อนข้าเหรอวะ อย่า..”
‘ตุ๊บ’ ตาลุงแม้นที่กำลังปากดีก็ถูกส่อยร่วงลงไปทับลุงมั่น ทั้ง 2 นอนกองอยู่ที่พื้นเงียบนิ่งไป แต่เหมือนจะหลับไปเพราะพิษเหล้าบวกกับแรงต่อยของชายนิรนามซะมากกว่าจะสลบ โดยที่ฉันยังคงมองหน้าชายนิรนามได้ไม่ชัดนัก ตกลงเค้าเป็นใครนะหรือว่าจะประสงค์ร้ายกับฉันเหมือนกัน ขอร้องล่ะอย่านะ
“ปล่อยฉันไปเถอะ ฮึกๆ ฮือออ” ฉันได้แต่ร้องไห้ หลับตาปี๋ และยกมือไหว้ชายคนนั้น โดยที่หวังว่าเค้าจะไม่เข้ามาทำอะไรฉัน
‘ฟุบ’ ชายคนนั้นเข้ามากอดฉัน ฉันไม่ได้ขัดขืนอะไรแต่กลับรู้สึกว่ามันเป็นสัมผัสที่คุ้นเคย จึงปล่อยให้เค้ากอดอยู่อย่างนั้นก่อนที่จะเงยหน้ามองคนที่กอดฉันอยู่