อยากเล่าเรื่องนี้เป็นอุธาหรณ์ สำหรับพ่อแม่ที่ชอบสปอยล์ลูกมากเกินไปครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องของน้องชายผมเองครับ
ซึ่งเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกันครับ ครอบครัวเราสนิทกันเพราะบ้านอยู่ติดกัน เราโตมาด้วยกัน ผมอายุมากกว่าเค้าอยู่หลายปี
น้องชายผมเป็นคนเรียนเก่งครับ หัวดีมาก แต่ก็ขี้เกียจมาก โชคดีที่ได้เข้าโรงเรียนประจำจังหวัด แต่ก็หมดเงินไปเยอะมาก
ช่วงแรกๆก็ไม่เท่าไร แต่ยิ่งโตขึ้นยิ่งใช้เงินเก่งครับ เสื้อผ้าทุกตัวต้องแบรนด์เนม ซึ่งแน่นอนว่าลำพังเงินเดือนข้าราชการของแม่เค้า
ไม่เพียงพอครับ จึงต้องกู้เงินมาใช้จ่าย พอหนี้มากขึ้นก็เอาบ้านไปจำนอง ได้เงินมาร่วมสี่ล้าน เงินจำนวนนี้สุดท้ายก็หมดในเวลาไม่นาน
ในขณะที่บ้านกำลังจะถูกยึด คุณอาของผม หรือก็คือแม่ของน้องชาย ก็ได้มายืมเงินที่คุณย่า โชคดีว่าคุณย่าฐานะดีครับจึงช่วยใช้หนี้ให้
เฉพาะแค่ช่วงที่น้องชาย เรียน ม.ปลาย บ้านก็ถูกจำนองถึงสองครั้งแล้ว และคุณย่าของผมก็ช่วยใช้หนี้ให้ทุกครั้ง ทำให้ฐานะทางการเงินที่บ้าน
ของผมแย่ลงเอามากๆ เพราะผมอาศัยอยู่กับคุณย่า กับข้าวมื้อนึ่งเรากินกันแค่ผัดผักบุ้ง ปลาทูทอด น้ำพริกกะปิ ไข่เจียว นี่คือเมนูที่เรากินกันเป็นประจำครับ ในขณะที่น้องชายชอบพาเพื่อนไปกินเลี้ยงสังสรร เมาหัวราน้ำแทบจะทุกวัน อ้อ เกือบลืมไป ตัวน้องชายเริ่มเที่ยวหนักขึ้น ใช้เงินมากขึ้น หลังจากเข้ามหาลัย เค้าสอบเข้าคณะวิศววะ มหาลัยชื่อดังแห่งนึงได้ แน่นอนว่าคุณอาของผมไม่เคยว่าอะไรเค้าเลยเรื่องการใช้เงิน ไม่มีญาติคนไหนตำหนิเค้าเลยในเรื่องนี้ แน่นอนว่าผมอยากจะห้ามเค้ามาก แต่ก็ถูกญาติผู้ใหญ่ห้ามไว้ ไม่ให้เข้าไปยุ่ง ตอนนี้น้องชายเรียนจบแล้วทำงานมาได้สักพัก แต่ไม่มีเวินเก็บครับ และปัญหาสำคัญคือ เค้าไม่รู้ว่าเค้ามีหนี้ก้อนใหญ่ติดตัวอยู่ เพราะแม่เค้ากู้มาเยอะมาก เพื่อให้ลูกสบาย ไม่ต้องลำบากแม้แต่น้อย ทางบ้านผมก็ไม่มีปัญญาจะช่วยแล้วครับ เงินหมดไปกับน้องชายคนนี้ร่วมสิบล้าน แต่เค้าไม่เคยรู้สำนึกบุญคุณเลย ไม่เคยมาเยี่ยมคุณย่าเลย ถ้าไม่โดนบังคับให้มา ก็ไม่มีทางมาเลย ทุกวันนี้เค้ายังบ่นว่าอยากจะได้กีตาร์ตัวละห้าแสน เป็นของขวัญที่เรียนจบมีงานทำอะไรแบบนี้ แต่เค้าไม่เคยคิดเลยว่าเงินที่ใช้ในชีวิตที่ผ่านมามันมาจากไหน เค้าไม่เคยรู้เลยว่า แม่เค้าและญาติพี่น้องต้องลำบากกันมากันมากแค่ไหน เพื่อให้เค้ามาถึงจุดนี้ อยากแชร์เรื่องนี้ให้สังคมได้รับรู้ครับ เผื่อพ่อแม่คนอื่นจะได้สติบ้าง
ปล.พิมในมือถือ อาจจะผิดบ้างก็ขออภัยนะครับ
เสียเวลา 10 ปี กับเงิน 10 ล้าน แต่กลับได้เด็กที่ไม่รู้คุณค่าของเงินมา 1 คน
ซึ่งเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกันครับ ครอบครัวเราสนิทกันเพราะบ้านอยู่ติดกัน เราโตมาด้วยกัน ผมอายุมากกว่าเค้าอยู่หลายปี
น้องชายผมเป็นคนเรียนเก่งครับ หัวดีมาก แต่ก็ขี้เกียจมาก โชคดีที่ได้เข้าโรงเรียนประจำจังหวัด แต่ก็หมดเงินไปเยอะมาก
ช่วงแรกๆก็ไม่เท่าไร แต่ยิ่งโตขึ้นยิ่งใช้เงินเก่งครับ เสื้อผ้าทุกตัวต้องแบรนด์เนม ซึ่งแน่นอนว่าลำพังเงินเดือนข้าราชการของแม่เค้า
ไม่เพียงพอครับ จึงต้องกู้เงินมาใช้จ่าย พอหนี้มากขึ้นก็เอาบ้านไปจำนอง ได้เงินมาร่วมสี่ล้าน เงินจำนวนนี้สุดท้ายก็หมดในเวลาไม่นาน
ในขณะที่บ้านกำลังจะถูกยึด คุณอาของผม หรือก็คือแม่ของน้องชาย ก็ได้มายืมเงินที่คุณย่า โชคดีว่าคุณย่าฐานะดีครับจึงช่วยใช้หนี้ให้
เฉพาะแค่ช่วงที่น้องชาย เรียน ม.ปลาย บ้านก็ถูกจำนองถึงสองครั้งแล้ว และคุณย่าของผมก็ช่วยใช้หนี้ให้ทุกครั้ง ทำให้ฐานะทางการเงินที่บ้าน
ของผมแย่ลงเอามากๆ เพราะผมอาศัยอยู่กับคุณย่า กับข้าวมื้อนึ่งเรากินกันแค่ผัดผักบุ้ง ปลาทูทอด น้ำพริกกะปิ ไข่เจียว นี่คือเมนูที่เรากินกันเป็นประจำครับ ในขณะที่น้องชายชอบพาเพื่อนไปกินเลี้ยงสังสรร เมาหัวราน้ำแทบจะทุกวัน อ้อ เกือบลืมไป ตัวน้องชายเริ่มเที่ยวหนักขึ้น ใช้เงินมากขึ้น หลังจากเข้ามหาลัย เค้าสอบเข้าคณะวิศววะ มหาลัยชื่อดังแห่งนึงได้ แน่นอนว่าคุณอาของผมไม่เคยว่าอะไรเค้าเลยเรื่องการใช้เงิน ไม่มีญาติคนไหนตำหนิเค้าเลยในเรื่องนี้ แน่นอนว่าผมอยากจะห้ามเค้ามาก แต่ก็ถูกญาติผู้ใหญ่ห้ามไว้ ไม่ให้เข้าไปยุ่ง ตอนนี้น้องชายเรียนจบแล้วทำงานมาได้สักพัก แต่ไม่มีเวินเก็บครับ และปัญหาสำคัญคือ เค้าไม่รู้ว่าเค้ามีหนี้ก้อนใหญ่ติดตัวอยู่ เพราะแม่เค้ากู้มาเยอะมาก เพื่อให้ลูกสบาย ไม่ต้องลำบากแม้แต่น้อย ทางบ้านผมก็ไม่มีปัญญาจะช่วยแล้วครับ เงินหมดไปกับน้องชายคนนี้ร่วมสิบล้าน แต่เค้าไม่เคยรู้สำนึกบุญคุณเลย ไม่เคยมาเยี่ยมคุณย่าเลย ถ้าไม่โดนบังคับให้มา ก็ไม่มีทางมาเลย ทุกวันนี้เค้ายังบ่นว่าอยากจะได้กีตาร์ตัวละห้าแสน เป็นของขวัญที่เรียนจบมีงานทำอะไรแบบนี้ แต่เค้าไม่เคยคิดเลยว่าเงินที่ใช้ในชีวิตที่ผ่านมามันมาจากไหน เค้าไม่เคยรู้เลยว่า แม่เค้าและญาติพี่น้องต้องลำบากกันมากันมากแค่ไหน เพื่อให้เค้ามาถึงจุดนี้ อยากแชร์เรื่องนี้ให้สังคมได้รับรู้ครับ เผื่อพ่อแม่คนอื่นจะได้สติบ้าง
ปล.พิมในมือถือ อาจจะผิดบ้างก็ขออภัยนะครับ