สวัสดีทุกๆคน ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่านี่เป็นการเขียนกระทู้เล่าประสบการณ์ครั้งแรก อาจจะเขียนไม่ค่อยน่าอ่านเท่าไหร่แต่ก็อยากลองแชร์ประสบการณ์ดู
ตอนเด็กๆเราเป็นคนที่ไม่ชอบภาษาอังกฤษเลย ป.1 - ป.4 ไม่เคยได้เห็นเกรด 4 วิชาภาษาอังกฤษ จนกระทั่ง ป.5 หญิงแม่ตัดสินใจส่งไปเรียนพิเศษ (เป็นบ้านสอนพิเศษภาษาอังกฤษธรรมดาๆ)
ไม่น่าเชื่อว่าเกรดอังกฤษ ป.5 พุ่งขึ้นมา 4 หลังจากนั้นทำให้เกิดความชอบในภาษาอังกฤษขึ้นมาทันที แต่ตอนนั้นยังไม่ถึงกับขั้นเก่งภาษา แค่เรียนรู้เรื่องแต่ฟังฝรั่งไม่ออกซักคำ 555
จนเข้ามาเรียน ม.1 เริ่มฟังรู้เรื่อง ก็เจอคนที่ชอบภาษาเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ เค้ากล้าพูดกับครูฝรั่งแต่เราไม่กล้า เรารู้ว่าควรจะพูดยังไงตอบยังไง แต่เรากลัวที่จะพูดผิด ออกเสียงผิด เราเลยไม่พูด แต่คะแนนก็ยังดี เพราะเราจะสอบผ่านตลอด จนมาถึง ม.3 แอปพลิเคชั่นและเว็ปไซต์ฝึกภาษาต่างๆ เริ่มมามีบทบาทใน ชีวิตประจำวันของเรา จำได้ว่าตอนนั้น ใช้เว็ป interpals และ theconversationexchange เราก็ได้เพื่อนมาฝึกภาษาหลายคนแต่เป็นเพียงการแชทผ่านอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ยังไม่มีการพูดคุยผ่าน skype พอนานเข้าๆ เราก็ตัดสินใจชวนเพื่อนคอลคุยกันทาง skype ตอนแรกสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เลยตัดสินใจแชทเหมือนเดิมดีกว่า ก็กลายเป็นว่าเราก็พูดภาษาอังกฤษ ไม่เก่งไปซะงั้น จนมาถึงท้ายๆเทอมของ ม.3 เราตัดสินใจนัดเจอเพื่อนฝรั่งคนนึง ชาวเยอรมัน คิดในใจไว้แล้วว่าการนัดเจอฝรั่งครั้งนี้(ครั้งแรก)ยังไงก็ต้องพูดให้ได้ พอมาเจอเค้าจริงๆ แรกๆมาก็สื่อสารได้ เค้าก็ถามเรื่องทั่วไปๆ จนมาถึงเรื่องโรงเรียน เราก็เงิบสิ ศัพท์สูงๆนี่มาเต็มเรานี่ต้องเปิด dictionary ในโทรศัพท์ไว้ตลอด ก็คุยกันไปได้ซักพักเค้าก็ขอตัวกลับเพราะเค้าต้องบินไปที่อื่นต่อ หลังจากวันนั้น เราก็เกิดความมั่นใจในการพูดกับฝรั่งมากขึ้น จากนั้นเราก็เริ่มพัฒนาสำเนียงและทักษะการพูดและการฟัง โดยการฟังเพลงสากลและดูซีรีย์ฝรั่ง
พอขึ้น ม.4 เราก็ย้ายมาอีก โรงเรียนนึง ซึ่งโรงเรียนนี้จะมี นร. แลกเปลี่ยามาทุกปี ตอน ม.4 ก็มี นร. แลกเปลี่ยนมาจาก อเมริกา 1 คน ฝรั่งเศส 1 คน ตัวเราที่เรียนศิลป์ฝรั่งเศสอยู่แล้ว ก็เลยควบไปเลย 2 คน เราสื่อสารรู้เรื่อง ฟังออก และ เข้าใจที่เขาพูดอย่างดี แต่เรามักจะออกเสียงผิด เขาก็จะแก้ให้เราและบอกว่าออกเสียงแบบนี้นะไม่ใช่แบบนี้ แต่เค้าก็หัวเราะนะที่เราออกเสียงผิด เพราะว่าที่เราพูดมันฟังดูตลก อยากบอกให้ทุกคนที่ยังไม่กล้าพูดเพราะกลัวผิดว่า ไม่ต้องกลัวพูดไปเลย ยังไงเขาก็จะบอกเราถ้ามันผิด ถ้ามัวแต่ไม่กล้าพูดละจะรู้ได้ไงว่าอันไหนผิดอันไหนถูก จริงมั้ย?
หลังจากที่เราพูดคล่องมากขึ้น เราก็ตัดสินใจที่จะรับฝรั่งมาอยู่ที่บ้าน แต่ไม่ใช่แบบโฮสต์ที่รับ นร.แลกเปลี่ยนมาอยู่บ้านนะ เราจะรับแบบที่เป็นนักท่องเที่ยวที่มาแถวจังหวัดเรา ซึ่งเว็บที่เราใช้คือ couchsurfing คิดว่าหลายๆคนก็คงรู้จัก ซึ่งเราก็รับเป็นระยะสั้น 1-7 วัน
จากนั้นก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวมาอาศัยอยู่บ้านเรา เราก็ได้ฝึกภาษาไปในตัว จนกระทั่งวันนึง ครูที่โรงเรียนชวนไปเข้าร่วมโครงการอาสายุวกาชาดเพื่อไปเข้าร่วมกิจกรรมในต่างประเทศ เราก็เลยเอาเรื่องที่เรารับนักท่องเที่ยวมาอยู่ที่บ้านเนี่ยแหละไปเป็นกิจกรรมเด่นและนำเสนอเป็นภาษาอังกฤษ วันประกาศผล เราติด 1 ใน 10 ตัวจริง หลังจากวันประกาศผลได้ไม่กี่วัน สภากาชาดไทยก็โทรมาบอกว่าเราได้ไปประเทศออสเตรีย(ยุโรป) ได้เข้าร่วม แคมป์ International Friendship Camp เป็นระยะเวลา 2 อาทิตย์ โดยมีสภากาชาดไทยและออสเตรีย เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ พอรู้ข่าวก็ดีใจมากกกกกกก คณะกรรมเค้าก็มาบอกเราว่าที่เค้าเลือกเราเพราะ ภาษาอังกฤษเราดี เราก็รู้สึกว่าไม่เสียแรงกับความพยายามฝึกฝนของตัวเองเลย ยัง ยังไม่จบแค่นั้น หลังจากกลับมาจากออสเตรีย เราก็ได้รับข่าวดีอีกอย่างคือจะได้บินไป โปแลนด์ 1 เดือน โดยค่าใช้จ่ายในครั้งนี้เราก็ไม่ได้เสียเงินเหมือนกัน เพราะ เพื่อนชาวโปแลนด์ของเราจะเป็นคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย เพื่อนเราทำงานกับคลับๆนึงใน โรงเรียนที่โปแลนด์ จะออกเป็นแนวคลับการท่องเที่ยว เรารู้จักกับเพื่อนคนนี้ 1 ปีแล้วจากเว็บ couchsurfing **ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว ตอนเริ่มรู้จักเค้าใหม่ๆ ตอนเค้ามาที่เมืองเรา เค้าก็นัดเจอเรา เราก็ไปเจอเค้า แต่ก็ได้เจอกันไม่นานเราก็เลยแลกไลน์และเฟสบุ๊คกันจากนั้นก็ติดต่อกันตลอด เวลาเค้ามีปัญหาอะไรสื่อสารกับคนไทยไม่รู้เรื่อง เราก็จะช่วยเค้าตลอด(ผ่านทางโทรศัพท์) จนเค้าเอ่ยปากถามเราว่าอยากไปโปแลนด์ไหม เราก็ตอบว่าอยากไปสิ แต่ก็คงจะสอบโครงการแลกเปลี่ยนไปอะแหละ เราก็บอกเค้าแบบนี้ จนเค้าก็บอกอีกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะพาคุณไป ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการให้ เราก็เอ๊ะ จะเชื่อถือได้ไหม หลังจากนั้นเค้าก็เริ่มส่งโปสการ์ด ที่เขียนโดยเด็กในคลับของเขา และ ในวันเกิดของเรา เราก็ได้รับโปสการ์ดจำนวนมาก ส่งมาจากโปแลนด์ รวมไปถึงคลิปวิดีโอทักทาย จากเด็กๆในคลับ (เด็กๆนี่อายุประมาน 13-15) เราก็เริ่มมั่นใจละว่าไอคลับนี่มันมีอยู่จริง เค้าก็บอกว่าก่อนจะไปโปแลนด์เค้าจะบินมาหาและมาอยู่ที่บ้าน เพื่อมาช่วยเตรียมเอกสารเพื่อขอวีซ่า และเพื่อมาทักทายพ่อกับแม่เราต่างๆนานา พอเค้ามาถึงเค้าก็ช่วยเหลือเราหลายอย่าง เค้าก็สัญญากับพ่อแม่ว่าจะดูแลเราอย่างดี เราก็ถามนะว่าทำไมถึงเลือกเราไป เค้าก็บอกว่า เราดูบุคลิกภาพดี(นี่ไม่น่าใช่) ไม่ขี้อาย และเป็นคน open minded กล้าที่จะเจอกับคนที่ตนไม่รู้จักมาก่อน(ตอนที่นัดเจอกันใหม่ๆ) และสุดท้าย เพราะเรามีภาษาอังกฤษที่ดี สื่อสารได้คล่องแคล่ว เราก็เลยแบบ ว้าวเพราะภาษาอังกฤษอีกแล้ว
สำหรับใครที่คิดว่าเราคงจะโดนหลอกไป ขอบอกว่าไม่ใช่แน่นอน เพราะเราได้จดหมายเชิญจากรัฐบาลโปแลนด์มาแล้ว
ท้ายนี้ก็ขอสรุปแนวทางการเรียนภาษาอังกฤษคล่าวๆ
- กล้าพูด
- ฟังเพลงหรือดูหนังเยอะ และอย่าดูหรือฟังอย่างเดียว พูดตามร้องตามด้วย เผลอๆได้สำเนียงติดมาด้วย 555
- ควรจะมีเพื่อนไว้อย่างน้อย 1 คน คนที่ชอบภาษาเหมือนกันและชอบฝรั่งเหมือนกัน ไว้ฝึกภาษาด้วยกัน เพราะจะทำให้เรากล้าพูดมากกว่าคุยกับฝรั่งซะอีก วิธีนี้ เวิร์ค เราทำอยู่
ไม่จำเป็นต้องเรียนสถาบันกวาดวิชาหรือเรียนพิเศษที่แพงๆ ขอแค่มีความพยายามและแรงผลักดันในการเรียนรู้ด้วยตัวเองแค่นั้นก็พอแล้ว
และอย่าท้อ ไม่มีใครเก่งได้ในวันเดียว ตัวเราก็ใช้เวลาตั้งหลายปีกว่าจะมาถึงจุดนี้ ตอนนี้อยู่ ม.5 แล้ว ไม่เรียนพิเศษซักที่ ก็ขอเป็นกำลังใจให้สำหรับคนที่กำลังฝึกภาษาหรืออยากเก่งภาษาอังกฤษตั้งใจฝึกฝนไปเรื่อยๆ สู้ๆ
เราจะบินไปโปแลนด์ วันอาทิตย์ ที่ 18 ตุลาคม เวลา 10:00โมง การผจญภัยกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง หวังว่าจะได้กลับมาเล่าประสบการณ์อีก ส่วนใครที่อยากติดตามหรือสอบถามอะไร เม้นไว้เลยเดี๋ยวจะทิ้งเฟสไว้ให้ เน้อออ
เพราะภาษาอังกฤษถึงมาถึงจุดๆนี้ได้
ตอนเด็กๆเราเป็นคนที่ไม่ชอบภาษาอังกฤษเลย ป.1 - ป.4 ไม่เคยได้เห็นเกรด 4 วิชาภาษาอังกฤษ จนกระทั่ง ป.5 หญิงแม่ตัดสินใจส่งไปเรียนพิเศษ (เป็นบ้านสอนพิเศษภาษาอังกฤษธรรมดาๆ)
ไม่น่าเชื่อว่าเกรดอังกฤษ ป.5 พุ่งขึ้นมา 4 หลังจากนั้นทำให้เกิดความชอบในภาษาอังกฤษขึ้นมาทันที แต่ตอนนั้นยังไม่ถึงกับขั้นเก่งภาษา แค่เรียนรู้เรื่องแต่ฟังฝรั่งไม่ออกซักคำ 555
จนเข้ามาเรียน ม.1 เริ่มฟังรู้เรื่อง ก็เจอคนที่ชอบภาษาเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ เค้ากล้าพูดกับครูฝรั่งแต่เราไม่กล้า เรารู้ว่าควรจะพูดยังไงตอบยังไง แต่เรากลัวที่จะพูดผิด ออกเสียงผิด เราเลยไม่พูด แต่คะแนนก็ยังดี เพราะเราจะสอบผ่านตลอด จนมาถึง ม.3 แอปพลิเคชั่นและเว็ปไซต์ฝึกภาษาต่างๆ เริ่มมามีบทบาทใน ชีวิตประจำวันของเรา จำได้ว่าตอนนั้น ใช้เว็ป interpals และ theconversationexchange เราก็ได้เพื่อนมาฝึกภาษาหลายคนแต่เป็นเพียงการแชทผ่านอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ยังไม่มีการพูดคุยผ่าน skype พอนานเข้าๆ เราก็ตัดสินใจชวนเพื่อนคอลคุยกันทาง skype ตอนแรกสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เลยตัดสินใจแชทเหมือนเดิมดีกว่า ก็กลายเป็นว่าเราก็พูดภาษาอังกฤษ ไม่เก่งไปซะงั้น จนมาถึงท้ายๆเทอมของ ม.3 เราตัดสินใจนัดเจอเพื่อนฝรั่งคนนึง ชาวเยอรมัน คิดในใจไว้แล้วว่าการนัดเจอฝรั่งครั้งนี้(ครั้งแรก)ยังไงก็ต้องพูดให้ได้ พอมาเจอเค้าจริงๆ แรกๆมาก็สื่อสารได้ เค้าก็ถามเรื่องทั่วไปๆ จนมาถึงเรื่องโรงเรียน เราก็เงิบสิ ศัพท์สูงๆนี่มาเต็มเรานี่ต้องเปิด dictionary ในโทรศัพท์ไว้ตลอด ก็คุยกันไปได้ซักพักเค้าก็ขอตัวกลับเพราะเค้าต้องบินไปที่อื่นต่อ หลังจากวันนั้น เราก็เกิดความมั่นใจในการพูดกับฝรั่งมากขึ้น จากนั้นเราก็เริ่มพัฒนาสำเนียงและทักษะการพูดและการฟัง โดยการฟังเพลงสากลและดูซีรีย์ฝรั่ง
พอขึ้น ม.4 เราก็ย้ายมาอีก โรงเรียนนึง ซึ่งโรงเรียนนี้จะมี นร. แลกเปลี่ยามาทุกปี ตอน ม.4 ก็มี นร. แลกเปลี่ยนมาจาก อเมริกา 1 คน ฝรั่งเศส 1 คน ตัวเราที่เรียนศิลป์ฝรั่งเศสอยู่แล้ว ก็เลยควบไปเลย 2 คน เราสื่อสารรู้เรื่อง ฟังออก และ เข้าใจที่เขาพูดอย่างดี แต่เรามักจะออกเสียงผิด เขาก็จะแก้ให้เราและบอกว่าออกเสียงแบบนี้นะไม่ใช่แบบนี้ แต่เค้าก็หัวเราะนะที่เราออกเสียงผิด เพราะว่าที่เราพูดมันฟังดูตลก อยากบอกให้ทุกคนที่ยังไม่กล้าพูดเพราะกลัวผิดว่า ไม่ต้องกลัวพูดไปเลย ยังไงเขาก็จะบอกเราถ้ามันผิด ถ้ามัวแต่ไม่กล้าพูดละจะรู้ได้ไงว่าอันไหนผิดอันไหนถูก จริงมั้ย?
หลังจากที่เราพูดคล่องมากขึ้น เราก็ตัดสินใจที่จะรับฝรั่งมาอยู่ที่บ้าน แต่ไม่ใช่แบบโฮสต์ที่รับ นร.แลกเปลี่ยนมาอยู่บ้านนะ เราจะรับแบบที่เป็นนักท่องเที่ยวที่มาแถวจังหวัดเรา ซึ่งเว็บที่เราใช้คือ couchsurfing คิดว่าหลายๆคนก็คงรู้จัก ซึ่งเราก็รับเป็นระยะสั้น 1-7 วัน
จากนั้นก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวมาอาศัยอยู่บ้านเรา เราก็ได้ฝึกภาษาไปในตัว จนกระทั่งวันนึง ครูที่โรงเรียนชวนไปเข้าร่วมโครงการอาสายุวกาชาดเพื่อไปเข้าร่วมกิจกรรมในต่างประเทศ เราก็เลยเอาเรื่องที่เรารับนักท่องเที่ยวมาอยู่ที่บ้านเนี่ยแหละไปเป็นกิจกรรมเด่นและนำเสนอเป็นภาษาอังกฤษ วันประกาศผล เราติด 1 ใน 10 ตัวจริง หลังจากวันประกาศผลได้ไม่กี่วัน สภากาชาดไทยก็โทรมาบอกว่าเราได้ไปประเทศออสเตรีย(ยุโรป) ได้เข้าร่วม แคมป์ International Friendship Camp เป็นระยะเวลา 2 อาทิตย์ โดยมีสภากาชาดไทยและออสเตรีย เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ พอรู้ข่าวก็ดีใจมากกกกกกก คณะกรรมเค้าก็มาบอกเราว่าที่เค้าเลือกเราเพราะ ภาษาอังกฤษเราดี เราก็รู้สึกว่าไม่เสียแรงกับความพยายามฝึกฝนของตัวเองเลย ยัง ยังไม่จบแค่นั้น หลังจากกลับมาจากออสเตรีย เราก็ได้รับข่าวดีอีกอย่างคือจะได้บินไป โปแลนด์ 1 เดือน โดยค่าใช้จ่ายในครั้งนี้เราก็ไม่ได้เสียเงินเหมือนกัน เพราะ เพื่อนชาวโปแลนด์ของเราจะเป็นคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย เพื่อนเราทำงานกับคลับๆนึงใน โรงเรียนที่โปแลนด์ จะออกเป็นแนวคลับการท่องเที่ยว เรารู้จักกับเพื่อนคนนี้ 1 ปีแล้วจากเว็บ couchsurfing **ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว ตอนเริ่มรู้จักเค้าใหม่ๆ ตอนเค้ามาที่เมืองเรา เค้าก็นัดเจอเรา เราก็ไปเจอเค้า แต่ก็ได้เจอกันไม่นานเราก็เลยแลกไลน์และเฟสบุ๊คกันจากนั้นก็ติดต่อกันตลอด เวลาเค้ามีปัญหาอะไรสื่อสารกับคนไทยไม่รู้เรื่อง เราก็จะช่วยเค้าตลอด(ผ่านทางโทรศัพท์) จนเค้าเอ่ยปากถามเราว่าอยากไปโปแลนด์ไหม เราก็ตอบว่าอยากไปสิ แต่ก็คงจะสอบโครงการแลกเปลี่ยนไปอะแหละ เราก็บอกเค้าแบบนี้ จนเค้าก็บอกอีกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะพาคุณไป ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการให้ เราก็เอ๊ะ จะเชื่อถือได้ไหม หลังจากนั้นเค้าก็เริ่มส่งโปสการ์ด ที่เขียนโดยเด็กในคลับของเขา และ ในวันเกิดของเรา เราก็ได้รับโปสการ์ดจำนวนมาก ส่งมาจากโปแลนด์ รวมไปถึงคลิปวิดีโอทักทาย จากเด็กๆในคลับ (เด็กๆนี่อายุประมาน 13-15) เราก็เริ่มมั่นใจละว่าไอคลับนี่มันมีอยู่จริง เค้าก็บอกว่าก่อนจะไปโปแลนด์เค้าจะบินมาหาและมาอยู่ที่บ้าน เพื่อมาช่วยเตรียมเอกสารเพื่อขอวีซ่า และเพื่อมาทักทายพ่อกับแม่เราต่างๆนานา พอเค้ามาถึงเค้าก็ช่วยเหลือเราหลายอย่าง เค้าก็สัญญากับพ่อแม่ว่าจะดูแลเราอย่างดี เราก็ถามนะว่าทำไมถึงเลือกเราไป เค้าก็บอกว่า เราดูบุคลิกภาพดี(นี่ไม่น่าใช่) ไม่ขี้อาย และเป็นคน open minded กล้าที่จะเจอกับคนที่ตนไม่รู้จักมาก่อน(ตอนที่นัดเจอกันใหม่ๆ) และสุดท้าย เพราะเรามีภาษาอังกฤษที่ดี สื่อสารได้คล่องแคล่ว เราก็เลยแบบ ว้าวเพราะภาษาอังกฤษอีกแล้ว
สำหรับใครที่คิดว่าเราคงจะโดนหลอกไป ขอบอกว่าไม่ใช่แน่นอน เพราะเราได้จดหมายเชิญจากรัฐบาลโปแลนด์มาแล้ว
ท้ายนี้ก็ขอสรุปแนวทางการเรียนภาษาอังกฤษคล่าวๆ
- กล้าพูด
- ฟังเพลงหรือดูหนังเยอะ และอย่าดูหรือฟังอย่างเดียว พูดตามร้องตามด้วย เผลอๆได้สำเนียงติดมาด้วย 555
- ควรจะมีเพื่อนไว้อย่างน้อย 1 คน คนที่ชอบภาษาเหมือนกันและชอบฝรั่งเหมือนกัน ไว้ฝึกภาษาด้วยกัน เพราะจะทำให้เรากล้าพูดมากกว่าคุยกับฝรั่งซะอีก วิธีนี้ เวิร์ค เราทำอยู่
ไม่จำเป็นต้องเรียนสถาบันกวาดวิชาหรือเรียนพิเศษที่แพงๆ ขอแค่มีความพยายามและแรงผลักดันในการเรียนรู้ด้วยตัวเองแค่นั้นก็พอแล้ว
และอย่าท้อ ไม่มีใครเก่งได้ในวันเดียว ตัวเราก็ใช้เวลาตั้งหลายปีกว่าจะมาถึงจุดนี้ ตอนนี้อยู่ ม.5 แล้ว ไม่เรียนพิเศษซักที่ ก็ขอเป็นกำลังใจให้สำหรับคนที่กำลังฝึกภาษาหรืออยากเก่งภาษาอังกฤษตั้งใจฝึกฝนไปเรื่อยๆ สู้ๆ
เราจะบินไปโปแลนด์ วันอาทิตย์ ที่ 18 ตุลาคม เวลา 10:00โมง การผจญภัยกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง หวังว่าจะได้กลับมาเล่าประสบการณ์อีก ส่วนใครที่อยากติดตามหรือสอบถามอะไร เม้นไว้เลยเดี๋ยวจะทิ้งเฟสไว้ให้ เน้อออ