แชร์ประสบการณ์:: โดนล้วงกระเป๋า และจับขโมย ในปารีสค่ะ!!

สวัสดีค่ะทุกคน

ดิฉันเห็นผ่านตามาหลายกระทู้ ว่าหลายคนที่ไปเที่ยวยุโรปเคยโดนล้วงกระเป๋าตามที่สาธารณะและในรถไฟใต้ดิน(เมโทร)
ดิฉันเป็นอีกคนนึงที่เจอมาเหมือนกัน ตอนไปเที่ยวปารีส
อย่างที่รู้ๆกัน ปารีสเป็นเมืองหนึ่งในยุโรปที่นักท่องเที่ยวหลายคนใฝ่ฝัน และขึ้นชื่อเรื่องอันตรายจากการชิงทรัพย์
ดิฉันเองก็รู้ และเป็นคนระมัดระวังมาโดยตลอดดด ตอนอยู่กทม.หรือตอนไปเที่ยวประเทศอื่นๆ ก็ยังไม่เคยโดยซักที

ประสบการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2014  
ทริปนี้ดิฉันไปกับเพื่อนชาวจีน (ขอเรียกว่า "ลิดา") ไปกันสองคน 5วัน 4 คืน

ลงรูปไว้เผื่อจินตนาการตาม  รูปถ่ายจากกล้องไอโฟน





เราสองคนเป็นคนเดินเร็วมากๆค่ะ เดินสเต็ปควายหาย
บางที่สถาปัตยกรรมสวยๆก็แวะเซลฟี่รัวๆๆแล้วเดินต่อ



เนื่องจากดิฉันกับเพื่อนเป็นคนชอบศิลปะ จึงตกลงกันว่าสองวันก่อนกลับเราจะใช้ชีวิตใน Musée du Louvre หรือพิพิธภัณฑ์ลูฟ ให้หนำใจ ^^





เม่าอดีต

และแล้วก็ถึงวันเกิดเหตุ เป็นตอนเย็นวันก่อนกลับ
ดิฉันกับลิดาเพลียมาก เดินขาลากกันอยู่ในLouvreสองวันติด
ออกจากLouvreมาตอน 5 โมงเย็น เลยนั่งเล่น ถ่ายรูป พักขากันอยู่ที่ลานน้ำพุหน้าพิพิธภัณฑ์ ถึงประมาณทุ่มนึง



คิดกันว่าไปกินหอยทากก่อนกลับโรงแรมดีกว่า เดี๋ยวเขาจะว่ามาไม่ถึงฝรั่งเศส
กูเกิ้ลหาร้านอาหาร อ่านรีวิว สุดท้ายก็ได้ร้านและสถานีเมโทรที่ต้องลง
ขออภัยนะคะที่จำชื่อสถานีไม่ได้ แต่ไม่ใช่สถานีในLouvreที่เป็นพีรามิดนะ เพราะวันนั้นมันปิด
ดิฉันกับลิดาจึงเดินมาขึ้นอีกสถานีซึ่งอยู่ทางด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์

เส้นทางที่ดิฉันจะไปคือ
จากสถานีที่ดิฉันขึ้น --> ผ่านสถานีที่1 พีระมิด(ปิด) --> ผ่านสถานีที่2 (วันนั้นเขาก็ปิดปรับปรุง) --> ผ่านสถานีที่3 --> ลงสถานีที่4

เหตุเกิดตอนสถานีที่ดิฉันขึ้นนี่แหละ
ตอนเดินลงไปในสถานีดิฉันก็ควักสมุดโน้ตขึ้นมาเช็คดูอีกทีว่าขึ้นถูกทางไหม เพราะจดสถานีไว้ในสมุด
ผู้คนก็เดินกันขวักไขว่ น่าจะยังเป็นช่วงเวลาเร่งรีบอยู่ คนเลิกงานและกำลังเดินทางกลับบ้าน

ดิฉันระมัดระวังระแวงโจร เลยหยุด เอาหลังพิงฝาแล้วให้คนส่วนใหญ่เดินผ่านไป
เพราะไม่รีบ นี่ขอเช็คให้แน่ใจ เพื่อนชาวจีนก็หยุดรอด้วย
รู้สึกมีเด็กผู้หญิงสองคน มาหยุดข้างๆ อายุน่าจะประมาณ 10-13ปี นางก็คุยเล่นกัน.. เราก็คิดว่าไม่มีอะไรหรอก ตัวสูงแค่หน้าอกเอง
เลยเก็บสมุดเข้ากระเป๋าแล้วเดินไปรอรถไฟที่ชานชาลากับเพื่อน
(กระเป๋าของดิฉันเป็นกระเป๋าถือ สะพายข้างได้ สะพายแล้วก็ถือไว้ตรงหน้าอกแบบที่เดินในกทม.อ่ะแหละ)

คนเยอะค่ะ พอขึ้นรถไฟก็ไปยืนจับเสา ส่วนเพื่อนชาวจีน(ลิดา)ก็โดนเบียดไปอยู่ใกล้ทางออก
รอบๆตัวมองๆ.. ไปมีเด็กหญิงคนนั้นแหละ กับเด็กผู้ชายอายุประมาณเดียวกันแต่คนนี้สูงประมาณคอ (ดิฉันสูง168)

เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก..
ความรู้สึกดิฉันตอนนั้นคือ โดนเด็กชายและเด็กหญิงและคนอื่นๆ เบียดๆๆ
คือมันรู้สึกว่ารถไฟมันไม่ได้แน่นขนาดที่จะมายืนเบียดแต่ตรงกลางป่ะวะ

จู่ๆ คุณยายแก่ๆ ชาวฝรั่งเศสก็ลุกจากที่นั่งของนางแล้วเดินมาบอกเป็นภาษาอังกฤษว่า..
"ระวังนะ พวกเขากำลังจะขโมยเงินเธอ"
ดิฉันก็ "ค่ะๆๆขอบคุณมากมาก ฉันจะระวัง"

ทันใดนั้น เด็กผู้ชายคนที่ยืนอยุ่ข้างๆก็กระตุกๆตรงแขนดิฉันแล้วชี้ให้ดูป้ายสถานี .. (เหมือนMRTจะมีสถานีให้ดูเรียงๆไปว่าต่อไปสถานีอะไร บนประตู)
ฮีก็ถามเป็นภาษาฝรั่งเศสรัวๆ เรื่องสถานี ดิฉันบอกว่า ซอรี่ชั้นพูดภาษาฝรั่งเศสไม่ได้และชั้นไม่ได้ลงสถานีที่คุณถาม..

จากนั้นดิฉันก็สังเกตุว่ากระเป๋าดิฉันไม่ได้รูดซิป! แต่พอดิฉันเช็คดู เออ…กล้องถ่ายรูปยังอยู่ ไอโฟนยังอยู่ ครบ โอเค ไม่น่าจะโดน..
เคราะห์ดีที่อีกสองสถานีถัดไปมันปิด จึงมีเวลาเอะใจ เอ๊ะแล้วกระเป๋าตังค์ล่ะ?!

ตอนนั้นหาๆๆๆ ค้นๆๆๆ แน่ใจแล้วว่าโดนแน่ กระเป๋าเงินหาย!! ตกใจมากค่ะ แต่มีสติ บอกเพื่อนว่าโดนขโมย
และเดินไปบอกคุณยายคนนั้นว่า
"กระเป๋าเงินฉันหายค่ะ ฉันต้องทำยังไงดี ขโมยต้องอยู่ในนี้!"
คุณป้าตอบมาว่า It must be the boy who just talked to you, you should ask him!
มันต้องเป็นเด็กผู้ชายคนนั้นแน่ที่คุยกับเธอเมื่อกี้ .. ไปถามเค้าดู

..ดิฉันเดินตรงไปที่เด็กชายคนนั้นอย่างเร็ว
กระตุกแขนมัน แล้วถามว่า Where is my wallet?! กระเป๋าเงินชั้นอยู่ไหน?!
มันก็ทำเป็นว่าไม่รู้ แล้วเบี่ยงประเด็น พูดภาษาฝรั่งเศษใส่ดิฉันรัวๆ
แล้วเด็กผู้หญิงก็มาพูดด้วยอีก พูดชื่อสถานีที่ดิฉันคิดจะลง รัวๆแล้วชี้ให้ดูป้ายว่าจะถึงแล้วนะ

ดิฉันผลักเด็กหญิงออกไปเลย (รู้สึกว่าตัวเองดิบเถื่อนมากอ่ะ555555)
ดิฉันจับแขนเด็กผู้ชายแล้วกระตุกแรงเลยค่ะ ตะคอกมัน ดังมาก (ในเมื่อถามแบบชะนีแบ๊วๆไม่ชอบนี่)
ตะคอก ถามว่ากระเป๋าเงินชั้นอยู่ไหน? คืนกระเป๋าเงินชั้นมา! นาวววววว! ไม่งั้นยูก็ไปโรงพักกับชั้น! คนก็หันมามองกันใหญ่
นั่นเป็นสิ่งที่ดิฉันต้องการ ให้คนหันมามองนี่แหละ  ตะคอกถามแล้วมันบอกไม่รู้จนสุดท้ายดิฉันบอกว่า "ไม่เป็นไร เธอแค่ต้องไปโรงพักกับชั้น!"
หลังจากนั้นก็มีมือมาสะกิดจากข้างหลังแล้วสิ่งที่เห็นคือกระเป๋าเงินดิฉันค่ะ มันถูกส่งมา จากมือคนๆนึง ซึ่งดิฉันไม่เห็นเลยว่าใคร

ดิฉันก็ปล่อยแขนมัน อิเด็กผู้ชายมันก็ทำท่าประมาณว่าเห็นมั๊ย มันไม่ได้ขโมย
ตอนนั้นคือโล่งอกมาก ขอบคุณที่รูปพ่อไม่โดนขโมย แต่!!!!!!!

มีคนจีนในนั้นแหละค่ะเดินมาบอกลิดาว่า.. เชื่อสิ เงินเพื่อนเธอไม่อยู่ในกระเป๋าหรอก!
ลิดารีบแปล.. พวกมันเอาเงินในกระเป๋าไป! … ดิฉันจึงรีบเช็ค เงินไม่อยู่จริงๆ!!!!
ตอนนั้นประตูเปิดพอดี!!! เด็กผู้ชายกับเด็กหญิงวิ่งลงจากรถไฟ
ดิฉันจำได้ว่าตอนนั้นตัวเองตะโกนบอกคุณยายคนนั้นว่า Thank you! Thank you so much!
และด้วยสันชาตญาณหรืออะไรไม่ทราบ..ดิฉันก็กระโจนตามมมพวกมันออกไป ประตูกำลังจะปิด!
มารู้ตอนหลังคือลิดากระโจนตามออกมาทันด้วย

ดิฉันวิ่งอย่างเร็ว ตามเด็กชายคนนั้น !!! มันกำลังจะถึงทางออก! … ทางออกเป็นช่องเหล็กหมุนๆเหมือนในห้างสรรพสินค้า
โชคไม่ค่อยดีคือเป็นทางออกแคบๆและมืด เคาน์เตอร์ขายตั๋วมองไม่เห็นจากตรงนั้น

แต่…..ในที่สุดดิฉันก็คว้าแขนมันได้!! จับทั้งเสื้อกันหนาวด้วยแขนมันด้วย กลัวหลุด
ดิฉันตะคอกดังๆ "เงินชั้นอยู่ไหน!?!" สังเกตุได้คือเด็กผู้หญิงคนนั้นยืนรอมันอยู่อีกฝั่งของช่องหมุนๆ
พอตะคอกถามรัวๆ มันก็โวยวายบอกว่ามันไม่ได้เอาไป ดิฉันเลยจะต่อยมันค่ะ (ไม่รู้ทำไปได้ไง จริงๆเป็นสาวใสๆบอบบาง555)
แต่พร้อมไฟ่ว์มาก ณ จุดนั้น กำปั้นในมือนี่ยกขึ้น และแล้วก็มีมือปริศนา.. ขว้างเงินยับๆลงพื้น (ไม่ใช่มือเด็กชะนีนั่นด้วยนะ)

นั่นเงินดิฉันเลยค่ะจำได้เพราะมีเงินปอนด์อยู่รวมๆกับยูโรและแบงค์500บาท
ดิฉันไม่เก็บค่ะ ลิดายืนอยู่ข้างหลังดิฉัน และมีคนอีก3-4คนที่รอออก เพราะมีช่องออกช่องเดียว
ดิฉันบอกเพื่อน.. ลิดา.. พลีส เก็บเงินให้ที..
ส่วนแก...ไปโรงพักกับชั้น!! เด็กผู้ชายมันทำท่าแบบว่าได้เงินแล้วไง ปล่อยมันสิ … ไม่ได้ เธอต้องไปโรงพักกับชั้น!!
แล้วคนที่เดินผ่านช่องทางเข้าคนนึงเป็นชาวเอเชีย เธอน่าจะอาศัยอยู่ที่ปารีส
เธอถามลิดาว่าเพื่อนเธอโดนขโมยหรอ ฉันจะโทรแจ้งตำรวจให้ เธอก็ควักโทรศัพท์ขึ้นมาโทร

ในใจตอนนั้นคือถ้ามันหนีชั้นก็ตามอ่ะ เลือดเดือดพล่านมาก 555 อีกใจภาวนาให้ตำรวจมาถึงเร็วๆ
ผู้หญิงที่โทรแจ้งตำรวจคนนั้นเดินจากไป ก็มีคนที่เป็นตำรวจundercoverผู้ชายวิ่งมาจากทางชานชาลา และจากทางเข้าสถานีด้วย

มา3คนค่ะ มาโชว์ป้ายแว๊บๆว่านี่ผมเป็นตำรวจนะเหมือนในหนัง (ในใจคิดว่า ค่ะ ชั้นอ่านไม่ออก คุณโชว์เร็วมาก ถถถถถ)
อีกคนรวบตัวเด็กผู้ชาย กับเด็กผู้หญิงไว้ แล้วก็ขอเงินของกลางคืนจากลิดา ลิดาไม่ยอมให้ค่ะ เพื่อนดิชั้นก็พร้อมไฟ่ว์มากเช่นกัน 5555

เขาก็โชว์ตราตำรวจให้ดู พูดภาษาฝรั่งเศษใส่ แล้วมีผู้ชายอีกคนพูดภาษาอังกฤษได้ หน้าตารูปร่างโอ้ยแซ่บบบ … พอๆเดี๋ยวหลุดประเด็น
บอกเป็นภาษาอังกฤษว่า "สองคนนี้เป็นตำรวจ"
ดิฉันก็อ๋อโอเค น่าจะใช่ตำรวจ อาจเป็นเพราะผู้ชายหน้าตาดีหรือโดนสะกดจิตก็ไม่แน่ใจ 555...
ลิดาก็เอาเงินของกลางให้เขาไป หลังจากนั้นเขาก็บอกว่าเข้าไปนั่งในชานชาลาก่อน เพื่อรอรถตำรวจมาถึง ช่วงนี้รถติดมาก คงรออีกนาน

สักพักมีตำรวจอีกสองคนพาผู้ต้องหาที่โดนจับเพราะคิดว่าอยุ่ในขบวนการนี้มาด้วยอีกสามสี่คน
แต่ดิฉันจำใครไม่ได้  ชี้ตัวไม่ได้ เลยได้แต่เด็กสองคนนี้ ที่เหลือก็โดนปล่อยตัวไป... มือปริศนาก็ยังลอยนวล..

ตำรวจที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้สองคน ก็แหม๋... คุยกับผู้ต้องหา เป็นภาษาฝรั่งเศสรัวๆ ดิฉันกับเพื่อนก็เริ่มไม่มั่นใจ
ผู้ชายที่พูดภาษาอังกฤษได้ก็มาคุยเป็นเพื่อน ถามว่ากลัวมั๊ย ไม่มีไรแล้วนะ You're safe. ปลอบว่าไม่ต้องกลัวนะ
แถวนี้มีตำรวจundercoverทุกที่ เพียงแต่มีน้อยนักที่เจ้าทุกข์จะจับขโมยได้ โอ้ย ดิฉันกับเพื่อนนี่โดนสะกดจิตไปอีกรอบแน่ๆ 5555555

และแล้วรถตำรวจก็มาถึง!!  แต่มันดูไม่เหมือนรถตำรวจเลยค่ะ
คือมันไม่ใช่อ่ะ ไม่น่าใว้ใจเลยอ่ะ เป็นรถตู้แวนสีขาวล้วนประตูเลื่อน แบบที่โจรใช้ในหนังลักพาตัวอ่ะ!
โอ้วววโหววว ดิฉันกับลิดานี่สบตาแล้วรู้ใจ.. นี่จะถูกหลอกป่ะวะเนี่ย
คือวันก่อนเพิ่งคุยกับลิดาเรื่องหนัง Taken ที่ลูกสาวของLiam Neesonโดนลักพาตัวในแพรีสน่ะ 555555

โอ้โห ดูดิ ไซเรนก็ไม่มี ชุดตำรวจก็ไม่ใส่ แถมยังพูดคุยกับเด็กนั่นดูสนิทสนม ไอ้เราก็ฟังที่เขาพูดไม่รู้เรื่อง
ฟังแต่ผู้ไชน์หล่อ ให้ตายเถอะ พ่อแม่จะด่าหนูมั๊ยเนี่ยยย... ก่อนขึ้นรถตำรวจ เลยบอกว่าขอเวลาโทรบอกแม่แป๊บนะ คือไม่ยอมขึ้นรถอ่ะ
ดิฉันเลยเปิดโรมมิ่ง ถ่ายรูปป้ายทะเบียนและรถไว้ แล้วส่งเมสเสจให้โทรศัพท์แม่ แฟน และเพื่อนสนิท
บอกว่า ถ้าฉันกับลิดาหายไป นี่แหละเบาะแส 555 ตอนนั้นซีเรียสมากพูดเลยหัวเราะไม่ออกอ่ะ

ตอนขึ้นรถนี่คิดเลย เอามือถือซ่อนตรงไหนดี กลัวโดนริบมือถือเหมือนในหนัง 55555 จริงๆนี่ดูหนังแอ๊คชั่นเยอะมาก 555
นั่งตัวแข็งเลยค่ะ ในรถมี... ดิฉัน, ลิดา, ตำรวจสองคน, เด็กผู้ต้องหาสองคน, ผู้ชายแซ่บที่เขาบอกว่าเขามาช่วยงานตำรวจอีก1คน
ดิฉันกับลิดานั่งแถวกลาง.. แอบกระซิบกันว่า นี่ตำรวจจริงป่ะเนี่ย แล้วจะไปไหน คือไม่รู้อะไรเลย...
รู้แค่ว่าเป็นรถตู้ วิ่งอยู่ในถนนสายใดสายนึงในกรุงปารีส และไม่เปิดไซเรน ไม่รู้ว่าเป็นตำรวจจริงมั๊ย
ผู้ไชน์คงสังเกตุ เลยถามว่ากลัวหรอ ไม่ต้องกลัวนะพวกเราเป็นตำรวจจริงๆ งั้นเดี๋ยวบอกให้เขาเปิดไซเรนเลย
แล้วลุงตำรวจคนขับก็หัวเราะ หยิบไฟไซเรนมาแล้วติดบนหลังคา(แบบในหนังอีก) แล้วก็ขับรถผ่าไฟแดงให้ดู เห้ออ…. เรากับลิดาเลยวางใจ

ถึงสถานีตำรวจ ทางเปลี่ยวมืดมาก ตอนนั้นประมาณ3ทุ่มแล้ว ตำรวจก็เอาน้ำมาให้ดื่ม
บอกว่าต้องรอให้ปากคำ เขาจะสอบปากคำเด็กสองคนก่อน
คนที่สอบปากคำเราเป็นตำรวจหญิง เรากับลิดาเข้าไปในห้องพร้อมกัน เขาถามลิดาแป๊บเดียวก็มาถามเรายาวๆ
แล้วโอ้ยยยแม่จ้าววว... กว่าจะสื่อสารกันรู้เรื่องนะ นางพูดภาษาอังกฤษได้เฉพาะประโยคคำถาม หรือดิฉันพูดภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องก็ไม่แน่ใจ
คำถามคือข้อมูลส่วนตัวเรา จำนวนเงินในกระเป๋า ที่ไหน เวลากี่โมง เด็กผู้ชายใส่เสื้อสีอะไร มีลายไหม เด็กหญิงล่ะเสื้อสีอะไร มีลายไหม ฯลฯ

ได้นี่มาเป็นที่ระทึกสำหรับทริปนี้...



เราออกจากสถานีตำรวจตอน 5ทุ่ม ออกจากสถานีมาสองคนงงๆ ..
ยืนอึ้งๆ.. ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ตรงส่วนไหนของปารีส แล้วจะไปไหนต่อทางไหน
พอดีผู้ชายที่คุยภาษาอังกฤษคนนั้นเดินออกมาเจอ เขาเลยให้ติดรถไปด้วยค่ะ ฮี่ๆๆ ตามหน้าที่กุลสตรีเมื่อผู้ชายชวนขึ้นรถก็ต้องไป ถถถ


เม่าอดีต
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่