ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย ชีวิตรักในโลกออนไลน์เกือบ4ปีถึงได้ใช้ชีวิตร่วมกัน

เริ่มต้นขออกตัวก่อนนะค๊ะ ตอนนี้เราเป็นแม่บ้านเต็มตัวเลี้ยงลูกชายวัย2ขวบ5เดือน วัยกำลังซน เรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้คือเรื่องจริงจากชีวิตของตัวเอง เพื่อต้องการไว้เป็นกำลังใจสำหรับคนที่มีความรักแบบมีอุปสรรคเรื่องระยะทาง และมีปัญหาครอบครัวไม่ว่าเรื่องใดๆก็ตาม จะได้เอาไว้เป็นมุมมองหรือกำลังใจในการดำเนินความรักต่อไป อย่าท้อ อยากให้อ่านเรื่องของเราดูค่ะ แต่ขอบอกไว้ก่อนคือเราเลี้ยงลูกอยากเล่าอยากถ่ายทอดเรื่องราวแต่บางครั้งอาจไม่สะดวกเรื่องเวลาในการพิมพ์ เรื่องนี้คนที่เป็นแม่บ้านเต็มตัวเลี้ยงลูกเองจะเข้าใจค่ะ ใครกลัวขาดตอนไม่ต่อเนื่อง ข้ามกระทู้นี้ไปได้เลยค่ะ งดดราม่า เพราะชีวิตเจ้าของกระทู้ก็ดราม่าพอแล้ว เราจะใช้เวลาในการพิมพ์หลังจากลูกหลับ และงานบ้านเสร็จ ถ้าขาดตอนไปนานๆต้องขออภัยไว้ตรงนี้ด้วย และภาษาในการพิมพ์อาจผิดบ้างถูกบ้างต้องขออภัยด้วยนะค๊ะ ภาษาไทยไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ค่ะ ตั้งแต่สมัยเรียนมาแล้ว  เราไม่ขอเปิดเผลยชื่อตัวเองและชื่อสามีนะค๊ะ เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิตค่ะ ขอใช้ชื่อแทนตัวเองว่าฉันหรือเรา ส่วนสามีใช้ว่าสามีหรือแฟนแทนนะค๊ะ เข้าเรื่องเลยค่ะ เราเป็นคนขาดความอบอุ่น ชีวิตตอนเด็กใช้ชีวิตในโรงเรียนประจำ
        พอจบม.6มาก็เข้ากรุงเทพฯทำงาน ชีวิตชินกับการใช้ชีวิตในกรุงเทพอยู่แล้ว เพราะพ่อเราเป็นคนกรุงเทพฯแต่แม่เป็นคนต่างจังหวัด พอเข้าโรงเรียนโดนส่งไปเรียนต่างจังหวัด ปิดเทอมกลับมาอยู่กรุงเทพฯ ชีวิตเหมือนโดดเดียวมาตลอด พี่น้องอายุห่างกันทำให้ไม่สนิทกัน เราจะอยู่กับเพื่อนมากกว่า พอจบมาขอแม่มาอยู่กรุงเทพฯเช่าหออยู่หางานทำส่งตัวเองเรียน แต่สุดท้ายก็ไม่เอาไหนติดเพื่อนเกเร เที่ยว ไม่เรียน เราทำงานเป็นพิ๊ตตี้แต่เป็น..(พิตตี้แคระ พี๊ตตี้ปลายแถวเพราะเป็นคนตัวเล็กสู155หนักแค่40เต็มที่42เรท600-1000บาท) กลางคืนหารับจ๊อบเป็นพิ๊ตตี้ชงเหล้าทำแค่พุธถึงเสาร์ ได้วันละ1200 เงินหมดไปกับเที่ยว เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ส่งแม่บ้างบางครั้ง เป็นคนจริงจังกับความรักมาก เคยมีความรักกับคนไทยครั้งหนึ่ง ขอไม่เอ่ยถึงทำไมตัดใจเลิก คือเราเจ็บมาเยอะกับผู้ชายคนนี้ จนทำให้มีอคติกับชายไทย อคติในที่นี้ไม่ใช่เกลียดชายไทยทุกคน แต่เพียงปฏิญาณตนไม่ขอมีแฟนเป็นคนไทย เป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกันได้ จึงทำให้มีเพื่อนผู้ชายเยอะ เพราะเป็นคนชอบลุยๆ พลาดโผน ยิงปืน กระโดดหอก็ไป หลังจากตัดใจเลิกกลับแฟนได้ ย้ายห้องย้ายที่ทำงาน เพราะลำคาญที่เค้าตามง้อ เคยใจอ่อนสุดท้ายเจ็บเหมือนเดิมคราวนี้ตัดจริง เที่ยวทุกคืน เพราะกลางคืนที่ทำงานชงเหล้าไม่เที่ยวก็เหมือนเที่ยว ผ่านไปปีกว่า ไม่รู้โชคชะตา ฟ้า พรหมลิขิตอะไร จึงทำให้มารู้จักกับแฟนคนที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในวันนี้ แฟนเป็นคนมาเลเซียเค้าทำงานเป็นวิศวะเกี่ยวกับเครื่องคาสิโน
        จึงทำให้เค้าเดินทางไปทั่ว ประเทศรอบประเทศเค้าที่มีคาสิโน จึงทำให้เค้ามีโอกาสมาเที่ยวไทยหลังจากเสร็จงานจากประเทศเพื่อนบ้าน เค้าจึงเดินทางเข้ามาเที่ยวในกรุงเทพฯจากการชักชวนจากเพื่อนทำงานร่วมกันที่เป็นคนไทย วันนั้น(วันที่เจอกัน) เราไปเที่ยวสถานที่เที่ยวแห่งหนึ่ง บังเอิญโต๊ะเราติดกัน เรากับเค้านั่งหันหลังชนกัน แต่เพื่อนเราสะกิดบอกตลอดว่าผู้ชายข้างหลังแอบมอง พอเราหันไปเค้าก็หันกลับ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เราบอกกับเพื่อนว่าคงเป็นเก้งอ่ะ สงสัยอิจฉา มากันผู้ชายทั้งนั้น แถมนั่งกินโค้ก(คือเราก็ไม่รู้หรอกอาจเป็นเหล้าผสมโค้ก)เต้นก็ไม่เป็นคงมานั่งมองผู้ชายแล้วนั่งจับผิดชะนี แฟนเราเป็นคนหน้าตาตี๋ แนวจีนๆ เกาหลี (จริงแล้วเค้าเป็นคนจีนประเทศมาเลย์) เราก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเราคิดว่าเค้าเป็นคนไทย ช่วงคนเยอะๆนั่งไม่ได้ต้องยืน ก็มีชนเค้าบ้าง เราก็ขอโทษภาษาไทย เค้าก็พยักหน้า ก็เลยคิดว่าคนไทย พอตอนเค้าจะกลับ เค้าเอาจดหมายกระดาษมายื่นให้ เราเลยคิดในใจว่าอีเก้งเขียนจดหมายมาต่อว่าอะไรแน่ๆเลยก็เลยรีบเข้าไปอ่านในห้องน้ำ แต่..ผิดคลาด จดหมายภาษาอังกฤษมาเชียวเราก็อังกฤษงูๆปลาๆช่วงนั้นจับใจความได้ แปลเป็นไทยว่า สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จัก เราชื่อ... เราอยากเป็นเพื่อนคุณอยากรู้จักมากกว่านี้ วันมะรืนจะกลับประเทศแล้ว พรุ่งนี้ถ้าพอมีเวลาพาเราทัวร์กรุงเทพฯได้มั้ย ขอเบอร์ได้หรือไม่ เราจะยืนรอคำตอบอยู่หน้าไนท์คลับจนกว่าคุณจะออกมานะครับ เราก็ไม่รู้เพราะเมา ผีเข้าหรืออะไร เราก็เขียนเบอร์ และตอบว่ายินดีโดยไม่ได้คิดอะไร
       และเดินไปหาเค้าหน้าผับ ยื่นกระดาษให้เค้าและยิ้มให้แต่ไม่ได้พูดอะไรและเดินกลับเข้าไปดื่มต่อกลับก็ผับเกือบปิด พอเช้า 8โมงเค้าโทรมา เราก็แฮ้งค์ๆค้างๆ ก็รับสายโอเคจำได้ก็นัดเจอที่ห้างแห่งหนึ่ง กินข้าว พาไปไหว้าพระ วัดระฆัง วัดอรุณ วัดพระแก้ว และก็พาช๊อปปิ้งพาเค้าหาซื้อของฝาก กินข้าวเย็น และส่งเค้ากลับโรงแรม เค้าก็ขออีเมล ขอSkype ขอเฟส เราก็เอาให้เค้าไป เค้าถามว่าพรุ่งนี้ไปส่งขึ้นเครื่องได้มั้ย เราก็บอกไม่ได้เราติดงาน พอเค้ากลับถึงประเทศเค้า เค้าก็แอดมาทุกทาง เราก็คุยกัน ติดต่อกัน
       คุยประมาณเดือนกว่า แฟนเราก็ขอคบเป็นแฟน ขอให้เราคุยกับเค้าแค่คนเดียว และเค้าก็จะทำแบบนั้นเช่นกัน จากเค้าขอเราเป็นแฟน พอตกลงคบหากันเค้าก็กลายเป็นคนขี้หวง ออนSkype แบบทั้งวันทั้งคืน เหมือนอยู่ด้วยกัน ช่วงที่อ๊อฟไลน์ก็คือช่วงที่เราทำงาน หรือเค้าทำงาน แต่ถ้ากลับถึงห้องคือออน เปิดทิ้งไว้แม้เวลานอน พอเช้าแฟนเราไปทำงานเค้าก็กู๊ดมอร์นิ่งทักทาย และอ๊อฟไลน์เพื่อไปทำงานเวลาเค้าไวกว่าเรา1ช.ม. คุยกันมาได้เกือบ6เดือน เค้าก็บอกจะมาหาที่ไทย เราก็ยินดี เคลียร์งาน ไม่รับงานช่วงที่เค้ามา ส่วนงานกลางคืนไม่ใช่ปัญหาเราทำเป็นแทร็ก4วันต่ออาทิตย์ จบอาทิตย์ถัดไปไม่ต่อจะเว้นช่วงก็ได้ทางร้านไม่ได้ว่าเพราะเราไม่ใช่พนักงานประจำของเค้า ส่วนงานกลางวันเราก็เคลียร์ช่วงที่เค้าจะมาเราก็ไม่รับงาน พอถึงวันที่แฟนมาเที่ยว เราก็ไปรับที่สนามบินพามาเช็คอินโรงแรมที่เค้าจองไว้ รอเค้าเก็บของและไปทานข้าว ทริปนี้ที่แฟนมาเราพาเค้าเที่ยวแบบลุยๆใช้ชีวิตแบบที่เราใช้ กินข้าวข้างทาง พาขึ้นรถตู้ ขึ้นรถเมย์ เค้าก็ยินดีไม่บ่นนะ ทริปที่เราพาไปก็คือไหว้พระ9วัด ของขสมก.ทริปราชบุรี วันเสาร์ เค้าก็สนุก กลายเป็นคนชอบสะสมพระ เพราะไปวัดพระมักจะแจกพระฟรี จากที่เราทำบุญไป ตอแรกเค้าก็ถามว่าคืออะไร เราก็บอกว่า PHRA เพราะเราไม่รู้จะตอบอะไร ฮาๆๆ เราก็บอกเค้าเพิ่อคุ้มครองเพื่อความโชคดี จบทริปกลับถึงกรุงเทพฯก็มืด วันนั้นไม่ได้ไปทานข้าวกันเพราะจากทริปที่ไปก็กินกันตลอดทาง วัดถัดไปก็ต่อด้วยทริปฉะเชิงเทรา
       ก็เหมือนเดิมแบบเมื่อวาล เค้ามา1อาทิตย์ ทริปที่พาไปก็พวกวัด วันอื่นๆก็เตร็ดเตร่ในกรุงเทพฯ ดูหนังช๊อปปิ้ง พาหาของกิน จนครบวันกลับไปประเทศ พระเค้าก็เก็บกลับไป พอกลับไปประเทศเพื่อนที่ทำงานเค้าก็จะมีพวกบ้าพระอยู่แล้ว เค้าก็เลยไปสนิทกับคนกลุ่มนี้ กลายเป็นช่วยเพื่อนหาพระ ผ่านทางเรา ส่งรูปให้ดูวันเราว่างก็ไปเดินถามดูที่พันทิปงามฯให้ ผ่านไป3เดือนเค้ามาไทยอีก มากับเพื่อนที่ชอบพระ เราก็เคลียร์งานตามเดิมพาพวกเค้าเที่ยว แต่คราวนี้มาแค่5วันก็กลับ เราคุยกันออนไลน์ พ่อ-แม่เค้าจะเห็นเราผ่านจอคอมฯตลอด แต่เค้าไม่รู้ว่าเราคือคนไทย แฟนกลับไปได้2เดือน แฟนก็ให้เราบินไปหา เพื่อต้องการพาเราไปรู้จักกับพ่อ-แม่เค้า รวมที่เราคุยกัน คบกันยังไม่ถึงปี เราก็ใจง่ายนะ สรุปว่าไป แต่เหตุการณ์ก็พลิกล๊อกได้เกิดขึ้น เราเดินทางไปถึงมาเลย์เช็คอินเรียบร้อย แฟนก็พาไปทานข้าวเย็นกับครอบครัวเค้า ครอบครัวเค้าพึ่งรู้ในวันนั้นเราเป็นคนไทย เหมือนเค้าจะไม่ยอมรับนะ(คือใช่เลยแหละเค้าไม่ยอมรับ) โดยเฉพาะแม่แฟน มองเราแบบดูถูกมาก มองตั้งแต่หัวจลดเท้า เราก็พยายามใจดีสู้เสือทานอาหารแบบระวังมากๆและรีบๆอิ่มเพื่อป้องกันพลาด ทานข้าวเสร็จ เราพอเดาออกกลับไปแฟนต้องเจออะไรบ้าง แฟนเรามาส่งเรากลับโรงแรม ใจเรารู้สึกหาย เราร้องไห้ บอกเค้าว่าจะโทรกลับมามั้ยและยังจะออนไลน์เหมือนเดิมมั้ย แฟนเราก็พยักหน้า แต่สุดท้ายแฟนเราก็ไม่ออน เพียงแค่โทรมาบอกฝันดีเฉยๆ เช้าแฟนก็มารับไปเที่ยวปีนัง หน้าตาแฟนเหมือนคนอดนอน เพลียมาก แต่เค้าไม่ได้เล่าอะไรให้เราฟัง พยายามยิ้มกลบเกลื่อนตลอด แต่เรามองออก เราไปเที่ยวมาเลย์แค่3วัน เราก็กลับไทย
        พอเรากลับมาไทย พยายามไม่คิดอะไรมาก พยายามไม่เศร้าจำได้วันนั้นเราไปดูบอลกลับเพื่อนๆ กินเบียร์กัน ดึกพอควร แต่เราได้บอกแฟนแล้วว่าไม่ต้องรออนไลน์นอนก่อนเลย เรากลับดึก ดูบอลกับเพื่อน ช่วงบอลกำลังเตะเราได้รับข้อความจากแฟนว่า ที่รักเราเลิกกันเถอะ เราอ่านแค่นั้นน้ำตาก็ไหล เราขอตัวจากเพื่อนๆกลับห้องก่อน รีบกลับมาออนไลน์Skype ในใจก็ไม่รู้ว่าแฟนจะตอบรับมั้ย แต่ลองดู ผลคือ.. แฟนรับ ช่วงนั้นประมาณตี2มาเลย์ประมาณตี1 เราเห็นเค้าร้องไห้ เค้าบอกเค้านอนไม่หลับ ยังทำใจไม่ได้ ถ้าความรักเราต้องจบลง เราถามเค้าว่าเพราะอะไร แต่ในใจเราก็รู้คำตอบ ตัวเราก็ร้องไห้เหมือนกัน เค้าบอกว่าแม่เค้ารับไม่ได้ที่จะได้สะใภ้เป็นคนไทย เราถามว่าคนไทยแล้วไง เค้าตอบว่าแม่เค้าไม่ชอบคนไทยจน ขายตัวเยอะ เป็นสิ่งที่เจ็บปวดมากที่คนต่างชาติมองหญิงไทยแบบนี้ เราถามแฟนว่าตัวคุณละคิดแบบแม่คุณมั้ย แฟนบอกว่าไม่เลย จากที่เราครบกัน จากที่ที่เราพาไป เมืองไทยมีอะไรอีกเยอะที่คนข้างนอกไม่รู้ แต่แม่เค้าไม่ยอมให้เราคบกันต่อ ออนไลน์ก็ต้องแอบ เราพยายามหักใจและตอบกลับไปว่าแล้วแต่คุณ ทั้งที่ในใจเราเจ็บที่สุด เราก็อ๊อฟไลน์ นอนร้องไห้ สรุปเช้ามา แฟนเราส่งข้อความมาว่าที่รักผมหยุดรักคุณไม่ได้ เรายังจะรักกันต่อไปแบบไม่ให้พ่อให้แม่แฟนรู้ คุณจะยอมรับได้มั้ยถ้าต้องหลบๆซ่อนๆ เราตอบกลับไปว่าได้สิแบบไม่รังเร ว่าได้ ไม่รู้เพราะอะไรในใจเราคิดอยู่อย่างเดียวอะไรก็ได้เรายอม เราก็ไม่อยากจะเสียเค้าไปเช่นกัน รวมเวลาที่เราคบกันมาจนแฟนบอกเลิกเวลาแค่11เดือน เรารู้จักกันประมาณต้นเดือนพ.ค.2009 ครบหากันจริงๆที่ตกลงเป็นแฟนกันก็18ก.ค.แต่เรารู้สึกผูกพันและรักเค้ามากถึงมากที่สุด      อะไรก็ได้เรายอมเพื่อให้เราได้รักกันต่อไป (พรุ่งนี้งานบ้านทำอะไรเสร็จจะมาต่อนะค๊ะ ตอนนี้ดึกแล้วมาเลย์เที่ยงคืนกว่าแล้ว ฝันดีค่ะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่