โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สำคัญ และพบบ่อยในประเทศไทยประกอบไปด้วยโรคยอดนิยม 5 โรคดังนี้
1. หนองในแท้ (Gonorrhea)
เมื่อประมาณ 20 -30 ปีก่อน หนองในแท้นับว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อับดับหนึ่งเลยทีเดียว จวบจนมีโรคเอดส์เข้ามา และมีการรณรงค์ให้ใช้ ถุงยางอนามัยมากขึ้น โรคหนองในก็หายหน้าหายตาไปนาน จนช่วงกลาง ปี 2546 เริ่มพบหนองในแท้มากขึ้นพร้อมกับข่าวร้ายที่ตามมา คือเชื้อนี้ดื้อยากินจนไม่อาจใช้ยากินรักษาได้อีกต่อไป
หนองในแท้ (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถรักษา หายขาดได้ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Neisseria gonorrhoeae สามารถเกิดได้ ทั้งที่อวัยวะสืบพันธุ์ มดลูก ปากมดลูก ช่องท้อง ในช่องปาก ทวารหนัก หรือแม้แต่นัยน์ตาทารกแรกเกิด อาการที่เป็นก็เช่น ปัสสาวะแสบขัด หรือปัสสาวะ มีเลือด มีเลือดออกเวลามีเพศสัมพันธ์ มีตกขาวสีเหลืองออกเขียวเป็นต้น ส่วนรายที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก เมื่อติดเชื้อก็จะมีอาการคันหรือระคายเคือง ที่ทวารหนัก อาจมีเมือกหรือหนองออกมาทางทวารหนักเช่นเดียวกับในท่อปัสสาวะ มีคนเข้าใจผิดมากๆหลายราย ที่เข้าใจว่าเวลาไปเที่ยวไม่ใช้อวัยวะสอดใส่ แต่ให้หญิงบริการใช้ปากกับอวัยวะเพศของตนแล้วจะปลอดภัย คนที่เข้าใจอย่างนี้เป็นโรคมาแล้วนับไม่ถ้วน เพราะในลำคอของหญิงบริการเหล่านี้ มีเชื้อโรคหนองในแท้อาศัยพักอยู่ เพราะเธอก็ไปใช้ปากให้กับผู้ใช้บริการราย อื่นมาก่อน เมื่อมาใช้ปากกับท่าน เชื้อหนองในเลยกระโดดมาติดอวัยวะของท่านดังนั้นต่อให้ใช้ปากก็ต้องใส่ถุงยางอนามัย
2. หนองในเทียม
หนองในเทียมเป็นหนึ่งในสี่ของโรคที่พบบ่อยในคลินิกกามโรคชาย (หนองในแท้ หนองในเทียม โรคเริม และหูดหงอนไก่) อาจมาเดี่ยวๆ โรคเดียว หรือมาพร้อมกับโรคหนองในแท้ก็ได้ หนองในเทียมส่วน ใหญ่จะรักษาหายด้วยยากิน แต่ก็มีคนไข้ส่วนหนึ่งที่รักษาหายยาก (มีไม่ถึง 10 %) จัดอยู่ในประเภทหนองในเทียมที่รักษายาก เมื่อมีการอักเสบในท่อปัสสาวะ ต้องเอาหนองหรือของเหลวจากท่อปัสสาวะมาตรวจย้อมแล้วส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ (หรือตรวจด้วยวิธีอื่น) ถ้าไม่พบเชื้อหนองในแท้ (gram negative dipplococci) เราจะจัดให้อยู่ในกลุ่มหนองในเทียม ทั้งหมด เพราะการรักษาไม่ต่างกัน หนองในเทียมมีชื่อภาษาอังกฤษหลายชื่อ เช่น NGU, NSU, PGU แต่ละชื่อมีความแตกต่างกันเล็กน้อย
3. ซิฟิลิส (Syphilis)
ซิฟิลิสเป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่มีอันตรายเนื่องจากมี อาการเรื้อรัง มีระยะติดต่อยาวนานกว่า 2 ปี สามารถทำให้เกิดโรคแก่ระบบต่าง ๆของร่างกายได้หลายระบบ อาจมีอาการแสดงที่ชัดเจน หรืออาจอยู่ในระยะสงบได้เป็นระยะเวลานาน นอกจากติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้วยังสามารถติดต่อจากมารดาไปยังทารกได้มีระยะฟักตัว 9 - 90 วัน
4. เริมที่อวัยวะเพศ
เริมเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อย ประกอบกับเป็น โรคที่ไม่หายขาด จึงมีจำนวนคนที่เป็นโรคนี้สะสมมากขึ้นทุกปีการติดเชื้อเริมส่วนใหญ่ติดจากการร่วมเพศ เชื้อไวรัสติดเข้าสู่ร่างกาย ทางแผลที่ผิวหนังหรือเยื่อบุอ่อนๆ แล้วอาจไม่แสดงอาการแต่กลับไปแฝงตัวที่ปมประสาทรับความรู้สึก ( Sensory nerve ganglion) โดยเชื้อจะจะยึดปมประสาทนี้เป็นที่มั่นตลอดไป แต่อาจถูกกระตุ้นให้กลับมาก่อโรคที่ผิวหนังได้เป็นครั้งคราว และระหว่างที่มีรอยโรคอยู่ ก็สามารถที่จะแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นที่ไปสัมผัสได้ แต่ที่ร้ายกว่านั้น หญิงที่มีเชื้อเริมที่ปากมดลูก หรือช่องคลอด มีเกือบครึ่งที่ไม่มีอาการอะไรผิดปกติแสดงออกมาให้เห็น ดังนั้นหญิงเหล่านี้จึงมีโอกาสที่จะแพร่เชื้อไปให้ชายที่มี เพศสัมพันธ์ด้วยได้โดยไม่รู้ตัว
5. หูด HPV
HPV หรือในชื่อเต็มว่า Human Papilloma Virus เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิด หูดชนิดต่างๆ มีมากกว่า 180 สายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์ก็ก่อโรคหูด แตกต่างกันไป ที่สำคัญมีหลายสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็ง โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดหูดบริเวณอวัยวะเพศ หูดหงอนไก่ เป็นหูดที่เรารู้จักกันดีมานาน แต่เดิมเราก็ไม่ได้เฉลียวใจถึงความร้ายกาจของมัน เป็นมาก็รักษากันไป แต่ในตอนหลังเราพบว่า หูดเหล่านี้นอกจากจะเกิดจากเชื้อ HPV สายพันธุ์ หมายเลข 6 และ หมายเลข 11 แล้วก็มีสายพันธุ์หมายเลข 16 และ 18 ซึ่งเป็น สายพันธุ์ที่ร้ายแรงมีโอกาสทำให้กลายเป็นมะเร็งได้ มีการประมาณการกันว่า ประชากรของ ไทยเรา ประมาณ 20 – 40 % ติดเชื้อ HPV แต่ส่วนใหญ่การติดเชื้อนั้น ไม่แสดงอาการ ส่วนที่มีอาการไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ธรรมดาหรือสาย พันธุ์ร้ายแรง ก็มีโอกาสหายเองได้เหมือนกัน โดยที่คนอายุน้อยมีโอกาสหาย ได้เองมากกว่าคนอายุมาก
Report : LIV Capsule
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สำคัญและพบบ่อยในประเทศไทย
1. หนองในแท้ (Gonorrhea)
เมื่อประมาณ 20 -30 ปีก่อน หนองในแท้นับว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อับดับหนึ่งเลยทีเดียว จวบจนมีโรคเอดส์เข้ามา และมีการรณรงค์ให้ใช้ ถุงยางอนามัยมากขึ้น โรคหนองในก็หายหน้าหายตาไปนาน จนช่วงกลาง ปี 2546 เริ่มพบหนองในแท้มากขึ้นพร้อมกับข่าวร้ายที่ตามมา คือเชื้อนี้ดื้อยากินจนไม่อาจใช้ยากินรักษาได้อีกต่อไป
หนองในแท้ (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถรักษา หายขาดได้ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Neisseria gonorrhoeae สามารถเกิดได้ ทั้งที่อวัยวะสืบพันธุ์ มดลูก ปากมดลูก ช่องท้อง ในช่องปาก ทวารหนัก หรือแม้แต่นัยน์ตาทารกแรกเกิด อาการที่เป็นก็เช่น ปัสสาวะแสบขัด หรือปัสสาวะ มีเลือด มีเลือดออกเวลามีเพศสัมพันธ์ มีตกขาวสีเหลืองออกเขียวเป็นต้น ส่วนรายที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก เมื่อติดเชื้อก็จะมีอาการคันหรือระคายเคือง ที่ทวารหนัก อาจมีเมือกหรือหนองออกมาทางทวารหนักเช่นเดียวกับในท่อปัสสาวะ มีคนเข้าใจผิดมากๆหลายราย ที่เข้าใจว่าเวลาไปเที่ยวไม่ใช้อวัยวะสอดใส่ แต่ให้หญิงบริการใช้ปากกับอวัยวะเพศของตนแล้วจะปลอดภัย คนที่เข้าใจอย่างนี้เป็นโรคมาแล้วนับไม่ถ้วน เพราะในลำคอของหญิงบริการเหล่านี้ มีเชื้อโรคหนองในแท้อาศัยพักอยู่ เพราะเธอก็ไปใช้ปากให้กับผู้ใช้บริการราย อื่นมาก่อน เมื่อมาใช้ปากกับท่าน เชื้อหนองในเลยกระโดดมาติดอวัยวะของท่านดังนั้นต่อให้ใช้ปากก็ต้องใส่ถุงยางอนามัย
2. หนองในเทียม
หนองในเทียมเป็นหนึ่งในสี่ของโรคที่พบบ่อยในคลินิกกามโรคชาย (หนองในแท้ หนองในเทียม โรคเริม และหูดหงอนไก่) อาจมาเดี่ยวๆ โรคเดียว หรือมาพร้อมกับโรคหนองในแท้ก็ได้ หนองในเทียมส่วน ใหญ่จะรักษาหายด้วยยากิน แต่ก็มีคนไข้ส่วนหนึ่งที่รักษาหายยาก (มีไม่ถึง 10 %) จัดอยู่ในประเภทหนองในเทียมที่รักษายาก เมื่อมีการอักเสบในท่อปัสสาวะ ต้องเอาหนองหรือของเหลวจากท่อปัสสาวะมาตรวจย้อมแล้วส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ (หรือตรวจด้วยวิธีอื่น) ถ้าไม่พบเชื้อหนองในแท้ (gram negative dipplococci) เราจะจัดให้อยู่ในกลุ่มหนองในเทียม ทั้งหมด เพราะการรักษาไม่ต่างกัน หนองในเทียมมีชื่อภาษาอังกฤษหลายชื่อ เช่น NGU, NSU, PGU แต่ละชื่อมีความแตกต่างกันเล็กน้อย
3. ซิฟิลิส (Syphilis)
ซิฟิลิสเป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่มีอันตรายเนื่องจากมี อาการเรื้อรัง มีระยะติดต่อยาวนานกว่า 2 ปี สามารถทำให้เกิดโรคแก่ระบบต่าง ๆของร่างกายได้หลายระบบ อาจมีอาการแสดงที่ชัดเจน หรืออาจอยู่ในระยะสงบได้เป็นระยะเวลานาน นอกจากติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้วยังสามารถติดต่อจากมารดาไปยังทารกได้มีระยะฟักตัว 9 - 90 วัน
4. เริมที่อวัยวะเพศ
เริมเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อย ประกอบกับเป็น โรคที่ไม่หายขาด จึงมีจำนวนคนที่เป็นโรคนี้สะสมมากขึ้นทุกปีการติดเชื้อเริมส่วนใหญ่ติดจากการร่วมเพศ เชื้อไวรัสติดเข้าสู่ร่างกาย ทางแผลที่ผิวหนังหรือเยื่อบุอ่อนๆ แล้วอาจไม่แสดงอาการแต่กลับไปแฝงตัวที่ปมประสาทรับความรู้สึก ( Sensory nerve ganglion) โดยเชื้อจะจะยึดปมประสาทนี้เป็นที่มั่นตลอดไป แต่อาจถูกกระตุ้นให้กลับมาก่อโรคที่ผิวหนังได้เป็นครั้งคราว และระหว่างที่มีรอยโรคอยู่ ก็สามารถที่จะแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นที่ไปสัมผัสได้ แต่ที่ร้ายกว่านั้น หญิงที่มีเชื้อเริมที่ปากมดลูก หรือช่องคลอด มีเกือบครึ่งที่ไม่มีอาการอะไรผิดปกติแสดงออกมาให้เห็น ดังนั้นหญิงเหล่านี้จึงมีโอกาสที่จะแพร่เชื้อไปให้ชายที่มี เพศสัมพันธ์ด้วยได้โดยไม่รู้ตัว
5. หูด HPV
HPV หรือในชื่อเต็มว่า Human Papilloma Virus เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิด หูดชนิดต่างๆ มีมากกว่า 180 สายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์ก็ก่อโรคหูด แตกต่างกันไป ที่สำคัญมีหลายสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็ง โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดหูดบริเวณอวัยวะเพศ หูดหงอนไก่ เป็นหูดที่เรารู้จักกันดีมานาน แต่เดิมเราก็ไม่ได้เฉลียวใจถึงความร้ายกาจของมัน เป็นมาก็รักษากันไป แต่ในตอนหลังเราพบว่า หูดเหล่านี้นอกจากจะเกิดจากเชื้อ HPV สายพันธุ์ หมายเลข 6 และ หมายเลข 11 แล้วก็มีสายพันธุ์หมายเลข 16 และ 18 ซึ่งเป็น สายพันธุ์ที่ร้ายแรงมีโอกาสทำให้กลายเป็นมะเร็งได้ มีการประมาณการกันว่า ประชากรของ ไทยเรา ประมาณ 20 – 40 % ติดเชื้อ HPV แต่ส่วนใหญ่การติดเชื้อนั้น ไม่แสดงอาการ ส่วนที่มีอาการไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ธรรมดาหรือสาย พันธุ์ร้ายแรง ก็มีโอกาสหายเองได้เหมือนกัน โดยที่คนอายุน้อยมีโอกาสหาย ได้เองมากกว่าคนอายุมาก
Report : LIV Capsule