หูดหงอนไก่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ติดกันง่ายมาก พบมากถึงร้อยละ 1 ในประชากร โดยเฉพาะในคนวัย 20-24 ปี ร้อยละ 90 เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีชนิดที่ 6 และ 11 โรคนี้จากการตรวจเชื้อพบว่าผู้หญิงเป็นมากกว่าผู้ชาย แต่พบว่าผู้ชายออกหูดหงอนไก่มากกว่าผู้หญิง นั่นหมายความว่าคนติดเชื้ออาจจะไม่ออกหูดก็เป็นไปได้ นอกจากพบหูดหงอนไก่ที่ปากมดลูก ช่องคลอด อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก รอบๆ ทวารหนัก ในหญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับชายที่มีเชื้อหูดหงอนไก่แล้ว ยังพบหูดหงอนไก่ที่รอบๆ ทวารหนัก และในทวารหนักในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางประตูหลังกับคนที่เป็นหูดหงอนไก่ นอกจากนั้นยังพบหูดหงอนไก่ที่ริมฝีปาก ช่องปาก ต่อมทอนซิล ลำคอ กล่องเสียงและหลอดลม ในคนที่ทำรักด้วยปากกับคนที่มีเชื้อ และในทารกที่คลอดทางธรรมชาติจากมารดาที่เป็นหูดหงอนไก่
หลังจากสัมผัสหูดหงอนไก่ผ่านเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะติดโดยการแนบผิวหนังต่อผิวหนัง หรือติดจากเชื้อหูดหงอนไก่ที่อยู่ในน้ำเมือกของช่องคลอดหรือน้ำอสุจิ หูดหงอนไก่จะแทรกซึมเข้าไปในผิวหนังโดยเฉพาะบริเวณที่ชื้นและเยื่อบุ มันจะฝังตัวอยู่ในนั้น นานเป็นเดือนเป็นปีหรือหลายๆ ปี ร้อยละ 70 ของคนที่สัมผัสเชื้อหูดหงอนไก่ จึงมีอาการของหูดหงอนไก่
การวินิจฉัยหูดหงอนไก่ ต้องไปพบแพทย์ ในบางรายอาจไม่มีอาการใดๆ ในบางรายอาจคัน เจ็บ มีเลือดออก คลำเจอหูด ฯลฯ หากสงสัยว่าเป็นหูดหงอนไก่เป็นในลำคอ ควรไปพบแพทย์หูคอจมูก แพทย์สามารถวินิจฉัยจากลักษณะของหูดหงอนไก่ซึ่งอาจจะเป็นแฉกๆ ขรุขระขึ้นเป็นชั้นๆ เหมือนหงอนไก่หรือกะหล่ำดอก หรือเป็นหูดหงอนไก่ชนิดแบนราบ สีของหูดหงอนไก่นั้นส่วนใหญ่สีชมพู แดง ดำ หรือสีเนื้อ หากมองไม่เห็นชัดการใช้ 5% น้ำส้มสายชูทา จะเห็นหูดหงอนไก่เป็นสีขาวเด่นชัด หากลักษณะของก้อนเนื้อที่เห็นไม่สามารถวินิจฉัยว่าเป็นหูดหงอนไก่ แพทย์อาจตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจยืนยันทางพยาธิวิทยา
หากเป็นหูดหงอนไก่ในช่องปาก ต่อมทอนซิล ลำคอ กล่องเสียง หลอดลม ในลำไส้ส่วนทวารหนัก อาจใช้การผ่าตัด หรือจี้ทำลายหูดหงอนไก่ด้วยความร้อนหรือความเย็น
ข้อมูลที่สำคัญสำหรับบุคคลที่มีเพศสัมพันธ์ทางปาก
ทุกคนสามารถประเมินความเสี่ยงของตนเอง โดยใช้หลักการของการติดเชื้อเอชไอวี ทั้งหมด 4 ประการ ซึ่งการติดเชื่อจะต้องมีครบทุกองค์ประกอบดังนี้
1. ทางออก : เชื้อเอชไอวีต้องออกจากร่างกายของผู้ที่ติดเชื้ออยู่แล้ว โดยทั่วไปผ่านทาง เลือด น้ำอสุจิ หรือของเหลวในช่องคลอด
2. การอยู่รอด : ร่างกายมีสภาวะเหมาะสมสำหรับเชื้อ แต่เมื่อออกจากร่างกายเชื้อจะไม่ สามารถอยู่รอดได้ในระยะเวลานาน
3. ปริมาณ : จะต้องมีปริมาณเชื้อที่มากพอที่จะก่อให้เกิดการติดเชื้อ
4. ทางเข้า : เชื้อเอชไอวีจะต้องมีทางเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อก่อให้เกิดการติดเชื้อ
การใช้ปากกับอวัยวะเพศชายโดยไม่สวมถุงยาง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสี่ยงหรือไม่?
ฝ่ายที่ใส่อวัยวะเพศเข้าไปในปากของอีกฝ่ายหนึ่งไม่มีความเสี่ยง ฝ่ายที่ใช้ปากมีความเสี่ยงต่ำถึงเสี่ยงปานกลางต่อการติดเชื้อเอชไอวี
ฝ่ายที่ใส่อวัยวะเพศเข้าไปในปากของอีกฝ่ายหนึ่ง
ทางออก: เชื้อเอชไอวีสามารถออกมากับน้ำลายของฝ่ายที่ใช้ปากให้
เพียงพอ: ปริมาณเชื้อเอชไอวีในน้ำลายไม่เพียงพอที่จะทำให้ติดเชื้อได้
อยู่รอด: เชื้อเอชไอวีสามารถอยู่รอดได้ในช่วงเวลาหนึ่ง
ทางเข้า: อาจไม่มีทางให้เชื้อเอชไอวีเข้าสู่กระแสเลือดถ้าไม่มีแผลที่อวัยวะเพศ
ฝ่ายที่ใช้ปาก
ทางออก: เชื้อเอชไอวีสามารถออกมากับน้ำหล่อลื่นและน้ำอสุจิของฝ่ายที่เอาอวัยวะเพศ
ใส่เข้าไปในปากของอีกฝ่ายหนึ่ง
เพียงพอ: ปริมาณเชื้อเอชไอวีเพียงพอที่จะทำให้ติดเชื้อได้
อยู่รอด: เชื้อเอชไอวีสามารถอยู่รอดได้ในช่วงเวลาหนึ่งหากมีปริมาณมากพอ แต่หากมีปริมาณน้อยก็อาจจะถูกน้ำลายของอีกฝ่ายหนึ่งทำลายไปจนหมด
ทางเข้า: อาจไม่มีทางให้เชื้อเอชไอวีเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรงแต่อาจเข้าได้หากมี แผลในปาก (เหงือกและเยื่อบุ)
อาจเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่อไปนี้
1. หนองในแท้
2. หนองในเทียม
3. เริมที่อวัยวะเพศหรือปาก
4. หูดหงอนไก่ (เชื้อไวรัส HPV)
5. หูดข้าวสุก
6. ซิฟิลิส
สำหรับฝ่ายที่ใส่อวัยวะเพศ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ดังกล่าวสามารถอยู่รอดได้ในลำคอ หรือที่ริมฝีปาก ก็เป็นไปได้ที่จะติดเชื้อเหล่านี้จากฝ่ายกระทำ (ฝ่ายที่ใช้ปากให้)
ฝ่ายที่ใช้ปากให้
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถติดต่อได้จากน้ำหล่อลื่นหรือสารคัดหลั่งที่ไหลออกมา
จากอวัยวะเพศชายก่อนการหลั่ง หากสงสัยว่าคู่นอนของคุณอาจติดโรคและไม่ได้สวมถุงยางอนามัยในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ก็ควรใช้วิธีหลั่งข้างนอกแทน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้อย่างมาก
นอกจากนี้ควรจะรักษาสุขภาพเหงือกและภายในปากให้ดีและระวังอย่าให้มีบาดแผลหรืออย่าให้มีเลือดออกและไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ทันทีหลังจากแปรงฟันหรือขัดฟันเพราะเหงือกกำลัง ระคายเคือง หากบริเวณอวัยวะเพศชายมีรอยโรคมีแผลเปิดหรือมีหนองไหลออกมาไม่ควรสอดใส่อวัยวะเพศชายเข้าไปในปากเพราะอาจจะติดโรคได้ การหลีกเลี่ยงโรคเริมที่อวัยวะเพศ หูดที่อวัยวะเพศ และหูดข้าวสุกอาจทำได้ยากเพราะโรคเหล่านี้มักไม่มีรอยโรคหรือมักมองไม่ค่อยเห็น เช่น หูดข้าวสุกมักเกิดขึ้นบริเวณหัวหน่าวและอาจถูกขนปกคลุมจนมองไม่เห็น หากปากไปสัมผัสกับหูดนี้ไม่ว่าจะมองเห็นได้ด้วยตาหรือไม่ก็ตามก็สามารถติดเชื้อได้
สรุปบทความหูดหงอนไก่
การออรัลเช็กช์สามารถติดเชื้อหูดหงอนไก่ได้ไหม
ตอบ สามารถติดเชื้อได้
การออรัลเช็กช์สามารถติดเชื้อหูดหงอนไก่บริเวณไหนได้บ้าง
ตอบ อาจติดเชื้อที่ริมฝีปาก ช่องปาก ต่อมทอนซิล ลำคอ กล่องเสียง และหลอดลม
หูดหงอนไก่จะแสดงอาการออกมาหลังจากได้รับเชื้อมาตอนไหน
ตอบ หูดหงอนไก่มีระยะฟักตัว ประมาณ 1 ถึง 6 เดือน หลังรับเชื้อมาแล้ว บางราย 1 สัปดาห์ก็แสดงอาการ บางรายเป็นเดือน ค่อยแสดงอาการ แต่หลายรายก็ไม่แสดงอาการเลยก็มี
หูดหงอนไก่มีลักษณะอย่างไร ในกรณีที่ขึ้นบริเวณช่องปาก และ ลำคอ
ตอบ ลักษณะอาจจะเป็นแฉกๆ ขรุขระขึ้นเป็นชั้นๆ เหมือนหงอนไก่หรือกะหล่ำดอก หรือเป็นหูดหงอนไก่ชนิดแบนราบ สีของหูดหงอนไก่นั้นส่วนใหญ่สีชมพู แดง ดำ หรือสีเนื้อ หากสงสัยว่าเป็นหูดหงอนไก่ในลำคอ ควรไปพบแพทย์หูคอจมูก แพทย์สามารถวินิจฉัยจากลักษณะของหูดหงอนไก่ได้
การรักษาหูดหงอนไก่สามารถหายเองได้ไหม และการรักษาควรรักษาด้วยวิธีใด
ตอบ หูดหงอนไก่ในบางคนอาจหายไปเองได้แต่เป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ต้องรักษาซึ่งมีหลายวิธี เช่น ใช้ยาทา สารเคมีจี้ ใช้ไฟฟ้าจี้ หรือผ่าตัด ทั้งนี้ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษาโดยคำนึงถึงอาการของผู้ป่วยเป็นสำคัญ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก warts59.wordpress.com
Report by LIV Capsule
หูดหงอนไก่ในลำคอ
หลังจากสัมผัสหูดหงอนไก่ผ่านเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะติดโดยการแนบผิวหนังต่อผิวหนัง หรือติดจากเชื้อหูดหงอนไก่ที่อยู่ในน้ำเมือกของช่องคลอดหรือน้ำอสุจิ หูดหงอนไก่จะแทรกซึมเข้าไปในผิวหนังโดยเฉพาะบริเวณที่ชื้นและเยื่อบุ มันจะฝังตัวอยู่ในนั้น นานเป็นเดือนเป็นปีหรือหลายๆ ปี ร้อยละ 70 ของคนที่สัมผัสเชื้อหูดหงอนไก่ จึงมีอาการของหูดหงอนไก่
การวินิจฉัยหูดหงอนไก่ ต้องไปพบแพทย์ ในบางรายอาจไม่มีอาการใดๆ ในบางรายอาจคัน เจ็บ มีเลือดออก คลำเจอหูด ฯลฯ หากสงสัยว่าเป็นหูดหงอนไก่เป็นในลำคอ ควรไปพบแพทย์หูคอจมูก แพทย์สามารถวินิจฉัยจากลักษณะของหูดหงอนไก่ซึ่งอาจจะเป็นแฉกๆ ขรุขระขึ้นเป็นชั้นๆ เหมือนหงอนไก่หรือกะหล่ำดอก หรือเป็นหูดหงอนไก่ชนิดแบนราบ สีของหูดหงอนไก่นั้นส่วนใหญ่สีชมพู แดง ดำ หรือสีเนื้อ หากมองไม่เห็นชัดการใช้ 5% น้ำส้มสายชูทา จะเห็นหูดหงอนไก่เป็นสีขาวเด่นชัด หากลักษณะของก้อนเนื้อที่เห็นไม่สามารถวินิจฉัยว่าเป็นหูดหงอนไก่ แพทย์อาจตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจยืนยันทางพยาธิวิทยา
หากเป็นหูดหงอนไก่ในช่องปาก ต่อมทอนซิล ลำคอ กล่องเสียง หลอดลม ในลำไส้ส่วนทวารหนัก อาจใช้การผ่าตัด หรือจี้ทำลายหูดหงอนไก่ด้วยความร้อนหรือความเย็น
ข้อมูลที่สำคัญสำหรับบุคคลที่มีเพศสัมพันธ์ทางปาก
ทุกคนสามารถประเมินความเสี่ยงของตนเอง โดยใช้หลักการของการติดเชื้อเอชไอวี ทั้งหมด 4 ประการ ซึ่งการติดเชื่อจะต้องมีครบทุกองค์ประกอบดังนี้
1. ทางออก : เชื้อเอชไอวีต้องออกจากร่างกายของผู้ที่ติดเชื้ออยู่แล้ว โดยทั่วไปผ่านทาง เลือด น้ำอสุจิ หรือของเหลวในช่องคลอด
2. การอยู่รอด : ร่างกายมีสภาวะเหมาะสมสำหรับเชื้อ แต่เมื่อออกจากร่างกายเชื้อจะไม่ สามารถอยู่รอดได้ในระยะเวลานาน
3. ปริมาณ : จะต้องมีปริมาณเชื้อที่มากพอที่จะก่อให้เกิดการติดเชื้อ
4. ทางเข้า : เชื้อเอชไอวีจะต้องมีทางเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อก่อให้เกิดการติดเชื้อ
การใช้ปากกับอวัยวะเพศชายโดยไม่สวมถุงยาง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสี่ยงหรือไม่?
ฝ่ายที่ใส่อวัยวะเพศเข้าไปในปากของอีกฝ่ายหนึ่งไม่มีความเสี่ยง ฝ่ายที่ใช้ปากมีความเสี่ยงต่ำถึงเสี่ยงปานกลางต่อการติดเชื้อเอชไอวี
ฝ่ายที่ใส่อวัยวะเพศเข้าไปในปากของอีกฝ่ายหนึ่ง
ทางออก: เชื้อเอชไอวีสามารถออกมากับน้ำลายของฝ่ายที่ใช้ปากให้
เพียงพอ: ปริมาณเชื้อเอชไอวีในน้ำลายไม่เพียงพอที่จะทำให้ติดเชื้อได้
อยู่รอด: เชื้อเอชไอวีสามารถอยู่รอดได้ในช่วงเวลาหนึ่ง
ทางเข้า: อาจไม่มีทางให้เชื้อเอชไอวีเข้าสู่กระแสเลือดถ้าไม่มีแผลที่อวัยวะเพศ
ฝ่ายที่ใช้ปาก
ทางออก: เชื้อเอชไอวีสามารถออกมากับน้ำหล่อลื่นและน้ำอสุจิของฝ่ายที่เอาอวัยวะเพศ
ใส่เข้าไปในปากของอีกฝ่ายหนึ่ง
เพียงพอ: ปริมาณเชื้อเอชไอวีเพียงพอที่จะทำให้ติดเชื้อได้
อยู่รอด: เชื้อเอชไอวีสามารถอยู่รอดได้ในช่วงเวลาหนึ่งหากมีปริมาณมากพอ แต่หากมีปริมาณน้อยก็อาจจะถูกน้ำลายของอีกฝ่ายหนึ่งทำลายไปจนหมด
ทางเข้า: อาจไม่มีทางให้เชื้อเอชไอวีเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรงแต่อาจเข้าได้หากมี แผลในปาก (เหงือกและเยื่อบุ)
อาจเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่อไปนี้
1. หนองในแท้
2. หนองในเทียม
3. เริมที่อวัยวะเพศหรือปาก
4. หูดหงอนไก่ (เชื้อไวรัส HPV)
5. หูดข้าวสุก
6. ซิฟิลิส
สำหรับฝ่ายที่ใส่อวัยวะเพศ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ดังกล่าวสามารถอยู่รอดได้ในลำคอ หรือที่ริมฝีปาก ก็เป็นไปได้ที่จะติดเชื้อเหล่านี้จากฝ่ายกระทำ (ฝ่ายที่ใช้ปากให้)
ฝ่ายที่ใช้ปากให้
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถติดต่อได้จากน้ำหล่อลื่นหรือสารคัดหลั่งที่ไหลออกมา
จากอวัยวะเพศชายก่อนการหลั่ง หากสงสัยว่าคู่นอนของคุณอาจติดโรคและไม่ได้สวมถุงยางอนามัยในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ก็ควรใช้วิธีหลั่งข้างนอกแทน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้อย่างมาก
นอกจากนี้ควรจะรักษาสุขภาพเหงือกและภายในปากให้ดีและระวังอย่าให้มีบาดแผลหรืออย่าให้มีเลือดออกและไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ทันทีหลังจากแปรงฟันหรือขัดฟันเพราะเหงือกกำลัง ระคายเคือง หากบริเวณอวัยวะเพศชายมีรอยโรคมีแผลเปิดหรือมีหนองไหลออกมาไม่ควรสอดใส่อวัยวะเพศชายเข้าไปในปากเพราะอาจจะติดโรคได้ การหลีกเลี่ยงโรคเริมที่อวัยวะเพศ หูดที่อวัยวะเพศ และหูดข้าวสุกอาจทำได้ยากเพราะโรคเหล่านี้มักไม่มีรอยโรคหรือมักมองไม่ค่อยเห็น เช่น หูดข้าวสุกมักเกิดขึ้นบริเวณหัวหน่าวและอาจถูกขนปกคลุมจนมองไม่เห็น หากปากไปสัมผัสกับหูดนี้ไม่ว่าจะมองเห็นได้ด้วยตาหรือไม่ก็ตามก็สามารถติดเชื้อได้
สรุปบทความหูดหงอนไก่
การออรัลเช็กช์สามารถติดเชื้อหูดหงอนไก่ได้ไหม
ตอบ สามารถติดเชื้อได้
การออรัลเช็กช์สามารถติดเชื้อหูดหงอนไก่บริเวณไหนได้บ้าง
ตอบ อาจติดเชื้อที่ริมฝีปาก ช่องปาก ต่อมทอนซิล ลำคอ กล่องเสียง และหลอดลม
หูดหงอนไก่จะแสดงอาการออกมาหลังจากได้รับเชื้อมาตอนไหน
ตอบ หูดหงอนไก่มีระยะฟักตัว ประมาณ 1 ถึง 6 เดือน หลังรับเชื้อมาแล้ว บางราย 1 สัปดาห์ก็แสดงอาการ บางรายเป็นเดือน ค่อยแสดงอาการ แต่หลายรายก็ไม่แสดงอาการเลยก็มี
หูดหงอนไก่มีลักษณะอย่างไร ในกรณีที่ขึ้นบริเวณช่องปาก และ ลำคอ
ตอบ ลักษณะอาจจะเป็นแฉกๆ ขรุขระขึ้นเป็นชั้นๆ เหมือนหงอนไก่หรือกะหล่ำดอก หรือเป็นหูดหงอนไก่ชนิดแบนราบ สีของหูดหงอนไก่นั้นส่วนใหญ่สีชมพู แดง ดำ หรือสีเนื้อ หากสงสัยว่าเป็นหูดหงอนไก่ในลำคอ ควรไปพบแพทย์หูคอจมูก แพทย์สามารถวินิจฉัยจากลักษณะของหูดหงอนไก่ได้
การรักษาหูดหงอนไก่สามารถหายเองได้ไหม และการรักษาควรรักษาด้วยวิธีใด
ตอบ หูดหงอนไก่ในบางคนอาจหายไปเองได้แต่เป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ต้องรักษาซึ่งมีหลายวิธี เช่น ใช้ยาทา สารเคมีจี้ ใช้ไฟฟ้าจี้ หรือผ่าตัด ทั้งนี้ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษาโดยคำนึงถึงอาการของผู้ป่วยเป็นสำคัญ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก warts59.wordpress.com
Report by LIV Capsule