[CR] เขาหลวง สุโขทัย ไปง่ายๆเอง ได้ของแถมคือ เห็นดอกนางพญาเสือโคร่งหลงฤดูด้วย


เดือนที่แล้วน้องชายอยากจะไปรำลึกความหลังสมัยเป็นนักศึกษา ม.นเรศวร ด้วยการไปขึ้นเขาหลวงสุโขทัย เป็นครั้งที่ 10 เลยชวนพี่สาวผู้แข็งแรงอย่างเราไปด้วย ทริปนี้มีทั้งหมด 4 คนค่ะ มีน้องชาย น้องสะใภ้ เพื่อนน้องชาย และเรา
การเดินทาง เราไปกับน้องนกค่ะ ไปลงที่พิษณุโลก แล้วให้น้องชายมารอรับ (น้องชายมาจากบุรีรัมย์ค่ะ) เรามาถึงพิษณุโลกตอน 07.20 ค่ะ เสร็จแล้วก็ไปไหว้พระพุทธชินราชที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (คนทั่วไปมักเรียกวัดพระพุทธชินราช)เอาฤกษ์เอาชัยก่อนเข้าป่าค่ะ

องค์พระพุทธชินราช พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองพิษณุโลกค่ะ ว่ากันว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดองค์หนึ่ง

แม่น้ำน่าน หน้าวัดพระพุทธชินราชค่ะ น้ำน้อยจริงๆค่ะ

จากนั้นก็หาเสบียงค่ะ เพื่อนที่เคยไปบอกให้โด๊ปข้าวเหนียวเลยค่ะ เพราะจะได้อิ่มมีแรงขึ้นเขา ไปซื้อข้าวเหนียวในวัดพระพุทธชินราชนี่แหละค่ะ ปรากฎเจอข้าวเหนียวค้างคืนเอามาอุ่นค่ะ ซื้อมาตั้ง 10 ห่อ (ห่อละ 10 ตั้ง 100 นึง) กะจะกินทั้งมื้อเช้ามื้อเที่ยง แต่ก็ยังกินได้ค่ะ นิ่มๆ เหนียวติดมือดีทีเดียว

เริ่มออกเดินทางตอนเก้าโมงเช้าค่ะ ไปสุโขทัย ผ่านอ.เมืองสุโขทัย แล้วไปที่อ.คีรีมาศ แวะซื้อข้าวสารไว้ไปหุงกินข้างบนเขาค่ะ เสร็จแล้วก็ตรงไปยังอุทยานแห่งชาติรามคำแหงค่ะ ก่อนจะเข้าอุทยาน น้องชายพาแวะเที่ยวอ่างเก็บน้ำคลองข้างในก่อนค่ะ บรรยากาศดีมาก คนมาหาปลาเต็มเลยค่ะ

เห็นสีส้มนั่นคือร่มของคนที่เค้ามาตกเบ็ดค่ะ

เรือเหล็กของใครมาจอดทิ้งไว้

สักพักเข้าของเดินลงมาจากถนน พร้อมเสบียงกรัง เตรียมไปตกปลาเต็มที่ มีเลย์แล้วก็เบียร์กระป๋อง 55 ชิลมากๆ

ออกจากอ่างเก็บน้ำคลองข้างใน ก็เข้าไปในอุทยานกันเลยค่ะ เสียค่าเข้า ผู้ใหญ่คนละ 40 บาท รถยนต์สี่ล้อก็คันละ 30 บาท รวมทั้งสิ้น 190 บาทค่ะ เข้าในอุทยานไปลงทะเบียนเพื่อเช่าเต้นท์กับถุงนอน จ่ายเสร็จก็เอาใบเสร็จกับไปให้เจ้าหน้าที่ข้างบนโลดค่ะ พวกเราโอ้เอ้กันจนจะได้เริ่มขึ้นเขาก็เที่ยงครึ่งเข้าไปแล้วค่ะ ลืมบอกไปที่นี่มีลูกหาบนะคะ ตอนแรกน้องชายบอกมีเฉพาะหน้าหนาวที่คนขึ้นเยอะๆ แต่พอไปถึงมีลูกหาบ
เรานี่ไม่ลังเลเลยค่ะ จ้างพี่เค้าแน่นอน ราคาก็กิโลกรัมละ 20 บาท (ขึ้นไปชั่งข้างบนเขานะคะ)


ที่ทำการอุทยานค่ะ ไปลงทะเบียนกันที่นี่

ประตูใหญ่ก่อนเข้าป่าค่ะ


ทางเดินในป่าค่ะ

ระยะทาง 3.7 กิโลเมตรขึ้นยอดเขาหลวง เพื่อนๆบอกไว้ว่า 5 ชั่วโมง เราก็คิดใกล้ๆเอง
ทำไมขึ้นตั้ง 5 ชั่วโมง ปรากฎว่าพอเริ่มเดินเท่านั้นแหละ รู้เลย พี่เล่นชันตลอดๆ
45 องศานี่เยอะมาก 70 องศาก็มี เรียกได้ว่าชันตลอดทางนั่นแหละค่ะ
เรานี่พักเหนื่อยมันทุกจุด ที่นี่ดีนะคะ มีน้ำดื่มไว้คอยบริการตลอดทาง
ไม่ต้องเหนื่อยขนน้ำขึ้นไปเยอะค่ะ เดินได้ประมาณชั่วโมงครึ่งเราก็มาถึงจุดชมวิว
ที่ระยะทาง 1.6 กิโลเมตรค่ะ ยังไม่ถึงครึ่งทางค่ะ แวะทานข้าวกลางวันค่ะ
ข้าวเหนียวหมูทอด ไข่ต้มค่ะ (ข้าวเหนียวนี่ทำให้มีแรงเดินค่ะ 5555)

จุดชมวิวที่ระยะทาง 1600 เมตรค่ะ

จากนั้นก็เริ่มเดินต่อค่ะ ทางเดินก็ยังชันเป็นปกติค่ะ ผู้หญิงร่างอวบระยะสุดท้ายอย่างเรา
นี่เดินหอบตลอดทางค่ะ กล้องนี่ฝากน้องชายค่ะ เรานี่ถือไม้ไว้ค้ำกับพัด 1 ด้ามแค่นั้นค่ะ


สังเกตว่าทางเดินก็จะชันอย่างนี้ตลอดทางค่ะ

เดินไปได้ครึ่งทางฝนตกค่ะ แต่ไม่แรงมาก พวกเราก็ใส่เสื้อกันฝน แล้วก็เดินไปเรื่อยๆค่ะ
เย็นดีค่ะ

ไทรงามค่ะ เหลือระยะทางอีก 700 เมตรก็จะถึงแล้วค่ะ ถึงตรงนี้ฝนตกหนักขึ้น เราเลยแวะพักรอฝนซาลง
ที่ใต้ชะง่อนหินแห่งหนึ่งใกล้ๆกับไทรงามค่ะ ดูแล้วก็นึกถึงเรื่องเพชรพระอุมาเลยค่ะ
เรานี่ลำบากได้ไม่เท่านั้นเลย แต่สนุกดีค่ะ

เจอปูขาสีส้มด้วยค่ะ แต่เราไม่รู้จักชื่อค่ะ
พอฝนซาลงหน่อย เราก็เดินกันต่อ มีทางราบให้เดินบ้างแล้วค่ะ
ราบของที่นี่ยังไงก็ราบเหมือนที่อื่นค่ะ แต่ชันน้อยหน่อยเท่านั้น


ปล่องนางนาค มีตำนานเล่าว่า เป็นปล่องที่นางพญานาคขึ้นมาพบกับมนุษย์คือพระอภัยคามินี
แล้วให้กำเนิดพระร่วงขึ้นมาค่ะ

และแล้วเราก็มาถึงที่พักบนเขาค่ะตอนสี่โมงครึ่งค่ะ ใช้เวลาทั้งหมด 4 ชั่วโมง


ขึ้นมาถึงเราไปสำรวจที่กางเต้นท์เลยค่ะ พี่ๆป่าไม้ที่ประจำอยู่ข้างบน ก็กางเต้นท์ให้เสร็จสรรพ คราวนี้ต้องกางในศาลาค่ะ เพราะฝนตก
ห้องน้ำห้องท่าที่นี่สะดวกมากค่ะ มีหลายห้อง แยกห้องอาบน้ำ ห้องสุขา ทั้งชายหญิง น้ำก็ไหลแรง เรานี่รีบไปอาบน้ำเลยค่ะ เพราะเหงื่อท่วมตัว
แล้วก็กลัวอาบตอนค่ำแล้วจะหนาวมากค่ะ ปรากฎว่าน้ำเย็นมากๆเลยค่ะ คิดถูกมากที่ไปอาบไว้เลย

ได้เวลาออกสำรวจแล้วค่ะ น้องชายพาเราไปที่ผาชมปรง แล้วก็ผานารายณ์ค่ะ ซึ่งทางสามารถเดินเป็นวงกลมได้เลย
เราไปผาชมปรงก่อนค่ะ

แยกซ้ายไปผาชมปรง แยกขวาไปผานารายณ์ค่ะ



วิวจากผาชมปรงค่ะ อากาศเย็นสบายมากๆ หายเหนื่อยเลยค่ะมาเจอวิวแบบนี้
(รูปอาจจะไม่สวยนะคะ แต่ของจริงสวยมากค่ะ) มองไปเห็นเมืองสุโขทัยอยู่ลิบๆเลยค่ะ
มองเห็นทุ่งทะเลหลวง อ่างเก็บน้ำรูปหัวใจ หรือรูปใบโพธิ์ด้วยค่ะ

ชมวิวอยู่บนผาชมปรงจนเริ่มหนาว ก็เดินต่อไปที่ผานารายณ์ค่ะ แค่ 5 นาทีก็ถึงค่ะ
ผานารายณ์นี้จะมีหินเหมือนหัวหมาพุดเดิลค่ะ แต่เรามองเป็นรูปเต่าค่ะ


พอฟ้าเริ่มมืด ก็หมดเวลาสำรวจโลกค่ะ ต้องรีบกลับไปทำอาหารเย็นค่ะ
วันนี้อาหารเย็นพวกเราคือ ต้มมาม่ากับไข่ต้ม แล้วก็หอยลายกระป๋องค่ะ
ดูๆแล้ววันนี้มีคนประมาณไม่เกิน 15 คนค่ะ สงบดี

เช้าวันต่อมาเราตื่นหกโมงครึ่งค่ะ รีบลุกไปดูวิวหน้าเต้นท์เลย หาพระอาทิตย์ไม่เจอค่ะ
เจอแต่ทะเลหมอกเล็กๆแบบนี้ ฟินเลย


กองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ ก่อไฟทำอาหารค่ะ ตอนแรกว่าจะหุงข้าวแต่ดูจากไฟแล้ว
คาดว่าคงหุงไม่สุก เพราะลมมารอบทิศทางเลยค่ะ ก็เลยเป็นต้มน้ำสำหรับชงกาแฟ และมาม่าแทน
วันนี้มีกุนเชียงย่างด้วยค่ะ มีเจ้าหน้าที่4 ขามารอกินด้วยค่ะ พี่ได้กุนเชียงไปไม้ครึ่งค่ะ แต่ไม่ยอมมาใกล้นะคะ
ต้องโยนไปให้ค่ะ ถึงจะยอมกิน





ทานข้าวเช้าเสร็จเก็บของเตรียมให้พี่ลูกหาบขนลงค่ะ ส่วนพวกเรามีภารกิจไปต่อค่ะ เขาเจดีย์ เขาภูกา และเขาแม่ย่าค่ะ




ไปถึงเขาเจดีย์ค่ะ ปรากฎว่าหมอกลงจัด ฟ้าปิดค่ะ มองอะไรไม่เห็น ก็เลยไม่ได้อีก 2 ที่คือเขาภูกา และเขาแม่ย่า
พวกเราเลยกลับไปที่กางเต้นท์ แล้วฝนก็ตกค่ะ แรงซะด้วย เลยนั่งคุยกับพี่ป่าไม้ไปพลางๆ น้องชายบอกว่า มา 10 ปีที่แล้ว
ก็เจอพี่คนนี้ พี่เค้าเล่าว่า เริ่มปลูกนางพญาเสือโคร่งเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ดอกเริ่มบานปี 2 ปีนี่เอง แต่ไม่ทุกต้น แต่ตอนนี้มีอยู่ต้นนึง
ออกดอกหลงฤดูอยู่นิดหน่อย เราเดินไปดู มีอยู่1 กิ่งค่ะ มีดอกประมาณ 10 ดอกได้ แต่แค่ 10 ดอกนี่ก็ทำเอาเราตื่นเต้นได้นะคะ
เพราะปกติตอนนี้มันไม่มี พี่ป่าไม้เดินไปเอากล้องที่ถ่ายรูปดอกไม้ปีที่แล้วมาให้ดู สวยเชียวค่ะ ถ้าเป็นไปได้เราอยากมาหน้าที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบานเลย เราว่าพี่เค้าอ่อนโยนนะคะ ชอบดอกไม้ ฝ่าฝนไปหยิบกล้องมาให้ดูรูปดอกไม้ที่พี่เค้าถ่ายไว้  ดอกหลงฤดูมีนิดนึงอยู่ปลายยอดพี่เค้ายังสังเกตเห็น  พวกเราคุยกับพี่ป่าไม้จนฝนเริ่มซา ก็เลยลาพี่เค้าแล้วก็ลงเขาค่ะ


ขาลงนี่ต้องระวังมากๆเลยค่ะ เพราะลื่นมากๆ หน้าเรานี่แทบไม่ได้เงยเลย ต้องก้มมองทางตลอด ขาลงเราจ้ำเลยค่ะ เจอของง่ายแล้ว ขาขึ้นนี่หอบแฮ่กๆ


จุดชมวิว 1600 เมตรค่ะ มองไม่เห็นอะไรเลย

เราใช้เวลา 2 ชั่วโมงค่ะขาลง ลงมาถึงประตูใหญ่จะมีภาพนี้ค่ะ
ภาพสมเด็จพระเทพฯเสด็จมาเมื่อ 12 กันยายน 2537 ค่ะ 21 ปีที่แล้ว ท่านทรงใช้เวลาเดินเพียง 3 ชั่วโมงค่ะ
พี่ป่าไม้ข้างล่างบอกว่า ได้ถวายมะพร้าวน้ำหอมท่านด้วย ท่านพักไม่นานก็รีบขึ้นเลยค่ะ ทรงพระปรีชาสามารถจริงๆ


ภาพเขาภูกาที่คราวนี้พวกเราไม่ได้ไป (ภาพเก่าของน้องชายค่ะ) สวยมากๆ อยากไปเลย สัญญาว่าถ้าร่างกาย
ยังไหวเราจะมาเขาหลวงอีกแน่ๆค่ะ



สุดท้ายนี้ อยากจะบอกว่าเขาหลวง สุโขทัย ไปง่ายๆ (การเดินทาง) แต่ขึ้นยากมากๆ มันคือทรมานบันเทิงอย่างแท้จริง ตอนนี้เรายังปวดขาไม่หายเลยค่ะ ไว้เจอกันอีกนะเขาหลวง สุโขทัย
ชื่อสินค้า:   เขาหลวง สุโขทัย (อุทยานแห่งชาติรามคำแหง)
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่