หลังจากได้ไปดูหนังเรื่อง The Martian มา ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับดาวอังคาร ก็ได้มีความคิดที่อยากจะศึกษาเรื่องเกี่ยวกับดาวอังคารให้มากขึ้น และอยากนำสิ่งที่ได้เพิ่มมา มาแชร์ให้ทุกท่านครับ
ก่อนอื่นเลย ดาวอังคาร (Mars) ถือเป็นดาวเคราะห์ลำดับที่สี่จากดวงอาทิตย์ และยังเป็นดาวเคราะห์เล็กที่สุดอันดับที่สองในระบบสุริยะรองจากดาวพุธ ซึ่งดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์หินที่มีบรรยากาศเบาบาง โดยองค์ประกอบหลักของอากาศบนดาวเป็น คาร์บอนไดออกไซด์ถึง 96% โดยมีออกซิเจนเพียงแค่ 0.15% เท่านั้น (ถ้าดินบนดาวอังคารมีสภาพสมบูรณ์แบบดินบนโลกละก็ เกษตรกรล้นดาวชัวร์) และบรรยากาศยังมีฝุ่นค่อนข้างมากโดยเป็นอนุภาคขนาดเล็กที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5 ไมโครเมตร ซึ่งทำให้ท้องฟ้าของดาวอังคารดูเป็นสีน้ำตาลปนเหลืองเมื่อมองจากพื้นผิว ต่างกับโลกที่มองเห็นเป็นสีฟ้าเนื่องจากไม่ได้มีฝุ่นมากมายแบบดาวอังคาร
ดาวอังคารอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 230 ล้านกิโลเมตร (143 ล้านไมล์) โดยมีคาบการโคจรเท่ากับ 687 วัน ซึ่งหมายความว่า 1 ปีบนดาวอังคารเปรียบได้กับเวลา 1 ปี 320 วัน กับอีก 18.2 ชั่วโมง ของโลก (ถ้าอยู่ที่โน่นปี 1 บนดาวอังคารน่าจะได้กินเค้กวันเกิดสองรอบ) และหนึ่งวันบนดาวอังคาร ยาวนานกว่าโลกเล็กน้อย คือ 24 ชั่วโมง 39 นาที 35.244 วินาที ... มีเวลานอนเพิ่มนิดนึง
ที่สำคัญดาวอังคารยังมีความเอียงของแกนเท่ากับ 25.19 องศา สัมพัทธ์กับระนาบการโคจรซึ่งคล้ายคลึงกับความเอียงของแกนโลก ส่งผลให้ดาวอังคารมีฤดูกาลคล้ายโลกแม้ว่าแต่ละฤดูบนดาวอังคารจะยาวเกือบสองเท่าเพราะคาบการโคจรที่ยาวนานกว่า...ถ้ามันร้อนแบบเมืองไทยนี่คงไม่มีใครอยากไปอยู่ ดีที่อากาศบนดาวอังคารค่อนข้างหนาว (หน้าร้อนอยู่ที่ 27 องศาเซลเซียส ส่วนหน้าหนาวอยู่ที่ประมาณ -133 องศาเซลเซียส)
ส่วนในเรื่องของขนาดนั้น ดาวอังคารเล็กประมาณครึ่งนึงของโลกเรา ส่วนเรื่องแรงโน้มถ่วงนั้น ประมาณ 33% ของโลก แปลว่าถ้าคุณกระโดดบนโลกได้สูง 50 ซม บนดาวอังคาร คุณจะสามารถกระโดดได้สูงกว่าบนโลกถึงเกือบ 3 เท่าเลยทีเดียว แน่นอนว่าสามารถยกของต่างๆได้ง่ายดายขึ้นด้วย
ส่วนคำถามสำคัญที่ใครๆมักชอบถาม "ทำไมต้องเป็นดาวอังคาร ทำไมเราถึงสนใจมัน" อาจเป็นเพราะเราเคยเชื่อว่าครั้งหนึ่งดาวอังคารเคยมีสภาพที่อยู่ได้แบบโลก แต่พังลงเพราะถูกอุกกาบาตขนาดใหญ่พุ่งชน ทำให้กลายเป็นดาวที่ตาย พื้นผิวเหลือแต่หินและทราย บรรยากาศที่บางและไร้ซึ่งสนามแม่เหล็กเนื่องจากแกนของดาวหมดพลัง แต่มนุษย์ก็ยังคงตามหาสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นต้นตอของสิ่งมีชีวิต เช่น "น้ำ" เพราะการค้นพบน้ำอาจหมายถึงการค้นพบสิ่งมีชีวิตเพราะน้ำเป็นปัจจัยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต นักวิทยาศาสตร์คาดการว่าหากค้นพบน้ำบนดาวอังคารอาจมีความเป็นไปได้ที่จะค้นพบสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กจำพวกแบคทีเรียบนดาวอังคาร
และในที่สุด มนุษย์ก็พบมันจนได้ครับ
โดยเมื่อไม่นานมานี้ ทาง NASA ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าพบน้ำบนดาวอังคาร แต่!! มันไม่ใช้น้ำธรรมดาๆแบบที่เรากินกันบนโลกครับ แต่มันเป็นของเหลวเกลือไฮเดรต (น้ำเกลือที่โคตรจะเข้มข้นจนหนืด) และนี่คือเหตุผลที่มันยังไหลได้โดยไม่กลายเป็นน้ำแข็งแม้แต่ในอุณหภูมิต่ำถึง -23 องศาเซลเซียส แต่ก็อย่าพึ่งรีบดีใจไป เพราะของเหลวแบบนี้มันไม่เหมาะกับการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต (ตัวอะไรจะไปโตในน้ำเค็มจัดขนาดนั้นได้)
ก้าวต่อไปคืออะไร? ก้าวต่อไปคือ การตอบคำถามที่ว่าน้ำที่เกลือไฮเดรตที่ว่านี้ดูซับน้ำจากไหนมาผสมกับมันจนไหลได้ โดยตอนนี้ความเป็นไปได้ที่คิดไว้คือมันดูดซับน้ำจากบรรยากาศหรือไม่ก็ใต้พื้นผิวของดาว และหากเป็นอย่างหลัง ก็อาจมีโอกาสสูงที่จะได้พบน้ำจริงๆ ....(ถึงเวลาขุดดาวอังคาร)
อ้างอิง
1.
http://jimmysoftwareblog.com/node/2494
2.
https://th.wikipedia.org/wiki/ดาวอังคาร
มารู้จักดาวอังคารให้มากขึ้นกันเถอะ ^^
ก่อนอื่นเลย ดาวอังคาร (Mars) ถือเป็นดาวเคราะห์ลำดับที่สี่จากดวงอาทิตย์ และยังเป็นดาวเคราะห์เล็กที่สุดอันดับที่สองในระบบสุริยะรองจากดาวพุธ ซึ่งดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์หินที่มีบรรยากาศเบาบาง โดยองค์ประกอบหลักของอากาศบนดาวเป็น คาร์บอนไดออกไซด์ถึง 96% โดยมีออกซิเจนเพียงแค่ 0.15% เท่านั้น (ถ้าดินบนดาวอังคารมีสภาพสมบูรณ์แบบดินบนโลกละก็ เกษตรกรล้นดาวชัวร์) และบรรยากาศยังมีฝุ่นค่อนข้างมากโดยเป็นอนุภาคขนาดเล็กที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5 ไมโครเมตร ซึ่งทำให้ท้องฟ้าของดาวอังคารดูเป็นสีน้ำตาลปนเหลืองเมื่อมองจากพื้นผิว ต่างกับโลกที่มองเห็นเป็นสีฟ้าเนื่องจากไม่ได้มีฝุ่นมากมายแบบดาวอังคาร
ดาวอังคารอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 230 ล้านกิโลเมตร (143 ล้านไมล์) โดยมีคาบการโคจรเท่ากับ 687 วัน ซึ่งหมายความว่า 1 ปีบนดาวอังคารเปรียบได้กับเวลา 1 ปี 320 วัน กับอีก 18.2 ชั่วโมง ของโลก (ถ้าอยู่ที่โน่นปี 1 บนดาวอังคารน่าจะได้กินเค้กวันเกิดสองรอบ) และหนึ่งวันบนดาวอังคาร ยาวนานกว่าโลกเล็กน้อย คือ 24 ชั่วโมง 39 นาที 35.244 วินาที ... มีเวลานอนเพิ่มนิดนึง
ที่สำคัญดาวอังคารยังมีความเอียงของแกนเท่ากับ 25.19 องศา สัมพัทธ์กับระนาบการโคจรซึ่งคล้ายคลึงกับความเอียงของแกนโลก ส่งผลให้ดาวอังคารมีฤดูกาลคล้ายโลกแม้ว่าแต่ละฤดูบนดาวอังคารจะยาวเกือบสองเท่าเพราะคาบการโคจรที่ยาวนานกว่า...ถ้ามันร้อนแบบเมืองไทยนี่คงไม่มีใครอยากไปอยู่ ดีที่อากาศบนดาวอังคารค่อนข้างหนาว (หน้าร้อนอยู่ที่ 27 องศาเซลเซียส ส่วนหน้าหนาวอยู่ที่ประมาณ -133 องศาเซลเซียส)
ส่วนในเรื่องของขนาดนั้น ดาวอังคารเล็กประมาณครึ่งนึงของโลกเรา ส่วนเรื่องแรงโน้มถ่วงนั้น ประมาณ 33% ของโลก แปลว่าถ้าคุณกระโดดบนโลกได้สูง 50 ซม บนดาวอังคาร คุณจะสามารถกระโดดได้สูงกว่าบนโลกถึงเกือบ 3 เท่าเลยทีเดียว แน่นอนว่าสามารถยกของต่างๆได้ง่ายดายขึ้นด้วย
ส่วนคำถามสำคัญที่ใครๆมักชอบถาม "ทำไมต้องเป็นดาวอังคาร ทำไมเราถึงสนใจมัน" อาจเป็นเพราะเราเคยเชื่อว่าครั้งหนึ่งดาวอังคารเคยมีสภาพที่อยู่ได้แบบโลก แต่พังลงเพราะถูกอุกกาบาตขนาดใหญ่พุ่งชน ทำให้กลายเป็นดาวที่ตาย พื้นผิวเหลือแต่หินและทราย บรรยากาศที่บางและไร้ซึ่งสนามแม่เหล็กเนื่องจากแกนของดาวหมดพลัง แต่มนุษย์ก็ยังคงตามหาสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นต้นตอของสิ่งมีชีวิต เช่น "น้ำ" เพราะการค้นพบน้ำอาจหมายถึงการค้นพบสิ่งมีชีวิตเพราะน้ำเป็นปัจจัยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต นักวิทยาศาสตร์คาดการว่าหากค้นพบน้ำบนดาวอังคารอาจมีความเป็นไปได้ที่จะค้นพบสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กจำพวกแบคทีเรียบนดาวอังคาร
และในที่สุด มนุษย์ก็พบมันจนได้ครับ
โดยเมื่อไม่นานมานี้ ทาง NASA ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าพบน้ำบนดาวอังคาร แต่!! มันไม่ใช้น้ำธรรมดาๆแบบที่เรากินกันบนโลกครับ แต่มันเป็นของเหลวเกลือไฮเดรต (น้ำเกลือที่โคตรจะเข้มข้นจนหนืด) และนี่คือเหตุผลที่มันยังไหลได้โดยไม่กลายเป็นน้ำแข็งแม้แต่ในอุณหภูมิต่ำถึง -23 องศาเซลเซียส แต่ก็อย่าพึ่งรีบดีใจไป เพราะของเหลวแบบนี้มันไม่เหมาะกับการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต (ตัวอะไรจะไปโตในน้ำเค็มจัดขนาดนั้นได้)
ก้าวต่อไปคืออะไร? ก้าวต่อไปคือ การตอบคำถามที่ว่าน้ำที่เกลือไฮเดรตที่ว่านี้ดูซับน้ำจากไหนมาผสมกับมันจนไหลได้ โดยตอนนี้ความเป็นไปได้ที่คิดไว้คือมันดูดซับน้ำจากบรรยากาศหรือไม่ก็ใต้พื้นผิวของดาว และหากเป็นอย่างหลัง ก็อาจมีโอกาสสูงที่จะได้พบน้ำจริงๆ ....(ถึงเวลาขุดดาวอังคาร)
อ้างอิง
1.http://jimmysoftwareblog.com/node/2494
2.https://th.wikipedia.org/wiki/ดาวอังคาร