แบกเป้คนเดียวเที่ยวปีนัง 5-7 ต.ค.58 มาUpdate เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับใครที่วางแผนเที่ยวปีนังค่ะ
5 ต.ค.เริ่มต้นเดินทางจากเชียงใหม่-หาดใหญ่โดย Air Asia เวลา 06.45 น. ถึงหาดใหญ่ 08.45 น.ให้รถของ KST Travel มารับที่สนามบินหาดใหญ่เพื่อที่จะไม่พลาดรถตู้ไปปีนังเวลา 09.30 น.(ขอชม KST Travel ลงเครื่องปุ๊ป เปิดมือถือปั๊บ จนท โทรมาแจ้งพร้อมส่งข้อความรายละเอียดคนขับรถที่มารับและรถตู้ไปปีนังออกตรงเวลามาก)จากนั้นมุ่งหน้าไปยังชายแดนสะเดา จ.สงขลา เพื่อทำเรื่องเข้าไปชายแดนจังโหลน ประเทศมาเลเซีย
ชายแดนสะเดา เป็นจุดแรกที่ต้องลงจากรถ ให้เตรียมปากกา,Passport,Immigration Card (ขอจากคนขับรถ) เพื่อไปทำเรื่องออกจากประเทศไทย และต้องจำป้ายทะเบียนรถคันที่เรานั่งมาเพราะเจ้าหน้าที่เขาจะถามค่ะ
จากนั้นก็กลับขึ้นรถตู้อีกครั้ง เพื่อไปยังชายแดนจังโหลนประเทศมาเลเซีย จุดนี้ต้องนำกระเป๋าลงไปด้วยเพื่อเข้าเครื่องสแกน จนท จะทำการสแกนนิ้วมือเพื่อเข้าประเทศมาเลเซีย
จากนั้นกลับขึ้นรถตู้เพื่อเดินทางสู่ปีนัง รถจะจอด 1 ครั้งให้เข้าห้องน้ำ และส่งเราถึงที่พัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ช.ม.ถึงที่พักเวลา 14.00 น.(ตามเวลามาเลเซีย) จากนั้นก็เริ่มต้นท่องเที่ยว วันนี้ตั้งใจไป Penang Hill เพื่อไปดูแสงสียามเย็นของปีนังในมุมสูงที่สุด ก็เดินไปที่ตึก Komtar(จุดเริ่มต้นของรถบริการทุกสาย) อยู่ติดกันกับห้าง Prangin Mall (ซื้อซิม Internet ได้ที่นี่ ราคาประมาณ 30 RM แต่ไม่ซื้อ ใช้WiFi ของที่พักก็เพียงพอแล้ว)
เมื่อถึง Komtar ขึ้นรถ Shuttle Bus สาย 204 จอดอยู่ช่อง 2 ราคา 2 RM ใช้เวลาประมาณ 30 นาที บอกคนขับว่าไปปีนังฮิลล์ แล้วนำเงินหยอดตู้ที่ประตูด้านหน้า จากนั้นคนขับรถจะยื่นตั๋วรถให้ ต้องเตรียมเงินให้พอดี ไม่มีเงินทอน และระบบการขึ้นลงรถของที่นี่คือ ขึ้นรถประตูหน้าและลงประตูหลัง
รถจะจอดสุดท้ายที่ปีนังฮิลล์ เมื่อถึงแล้วก็เดินเข้าไปซื้อตั๋วรถราง เพื่อขึ้นไปจุดสูงสุดของปีนังฮิลล์ในราคาไปกลับ 30 RM
เดินไปที่จุดชมวิว ผิดหวังเล็กน้อยเพราะมองไม่เห็นวิวของปีนังตามที่ตั้งใจ เนื่องจากช่วงนั้นปีนังได้รับผลกระทบควันไฟป่าจากประเทศอินโดนีเซียอย่างหนัก แต่บรรยากาศโดยทั่วไปเย็นสบายดี อุณหภูมิวันนั้นน่าจะประมาณ 25 องศา บนปีนังฮิลล์มีร้านอาหารชื่อ Sky Terrace มีพิพิธภัณฑ์นกฮูก มีวัดโบราณ เดินเล่นสบายๆ ใช้เวลาเดินเล่นประมาณ 1 ช.ม. ก็ทั่วแล้ว
จากนั้นก็นั่งรถกลับ รอรถที่จุดลงรถตอนขามา และจ่ายในราคา 2 RM ลงรถที่ Komtar
เดินกลับมาที่ ถ.Kimberry เพื่อทานอาหารเย็น ดูข้อมูลมาพอสมควรว่าที่ ถ.Kimberry มีร้านอาหารเยอะ อาจจะไม่เท่า Gerney drive (ศูนย์รวมอาหารชื่อดังของปีนัง) แต่อาหารก็ครบทุกประเภท ราคาไม่แพงมาก แพงสุดน่าจะ 8 RM เลยตั้งใจไม่ไป Gerney drive ซึ่งต้องนั่งรถไปอีก
เมื่อทานเสร็จก็เดินสำรวจเล็กน้อย แล้วก็เข้าที่พัก Kimberry House พักผ่อน ใช้ WiFi เล่น Internet ชาร์ตแบตอุปกรณ์ มาที่นี่ต้องเตรียมหัวปลั๊กของมาเลเซีย 1 อัน และปลั๊กพ่วงมาด้วย ซื้อได้ที่อมร โลตัส ก็มีขาย
6 ต.ค.58 ทานขนมปังเป็นอาหารเช้า และกาแฟของที่พักมีให้ ออกจากที่พักเวลา 08.00 น.ตามเวลามาเลเซียซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ช.ม. วันนี้ตั้งใจจะเดินชม Street Art และชมเมืองปีนังทั้งวัน จึงเริ่มที่ ตึกสำนักงาน Georgetown ตั้งอยู่ ถ.Lebuh Carnarvon จะมีข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับปีนัง สามารถขอแผนที่ได้จากที่นี่
จากนั้นก็เดินเข้าไปยัง ถ.Lebuh Cannon ซึ่งเป็นถนนเริ่มต้นของ Street Art ไม่ต้องกลัวหลงทาง หาตึก Georgetown ให้เจอ แล้วเดินตาม Map ซึ่งมีข้อมูลครบทั้งการเดินเท้า และเส้นทางเดินรถ จุดภาพวาดทุกจุด สถานที่สำคัญต่างๆ เดินเลยบ้าง หลงบ้าง หาไม่เจอบ้าง มันสนุกตรงที่เราค้นหานี่แหละค่ะ
เดินทั้งวัน ทานข้าวกลางวันร้านแถวนั้น เดินต่อไปจนถึง Chew Jetty อยู๋ริมทะเลเป็นบ้านชาวประมงมีขายของฝากของที่ระลึกด้านใน
จากนั้นฝนก็ตกอย่างหนักมากต้องพักสักครู่ เมืองปีนังจริงๆไม่กว้างมาก เดินทั้งเมืองก็เดินได้ แต่ถ้าจะให้สนุกต้องขึ้นรถด้วย ที่นี่จะมีรถ Shuttle bus ฟรีรอบเมือง สังเกตุง่ายๆหน้ารถจะมีป้ายไฟ"HOP ON FREE CAT BUS" หากจะขึ้นรถก็ต้องรอที่ป้ายรถเมล์รอประมาณ 10 นาทีจะมี 2 สาย คือวิ่งจาก Komtar ไป Jetty(จุดจอดรถทุกสาย) และวิ่งจาก Jetty ไป Komtar
ฝนตกซ้ำอีก หลบฝนแวะไปชมความอลังการของคฤหาสน์สีเขียว(Peranakan Mansion) ถ.Lebuh Gereja เสียค่าเข้าชม 20.1 RM มีไกด์พาเดินชม บรรยายเป็นภาษาอังกฤษ ใช้เวลาที่นี่ประมาณ 1 ช.ม.
ฝนซาแล้วสวมเสื้อกันฝนแล้วเดินต่อ ชมเมืองย่าน Beach Street
เดินต่อไปหอนาฬิกา Queen Victoria,City Hall,Town Hall ชมถนนเลียบชายหาดซึ่งเป็นที่พักผ่อนของคนปีนัง แต่เวลานี้ไม่มีคนเพราะฝนตก
เริ่มมืดแล้วฝนไม่หยุดตก นั่งรถฟรีจากป้ายด้านหน้า Town Hall ไป Komtar เดินชมห้าง Prangin Mall จากนั้นเดินกลับไปที่พักทานอาหารเย็นที่ ถ.Kimberry ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนักทั้งคืน
7 ต.ค.58 วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส ฝนไม่ตกแต่ไม่มีแดด ออกจากที่พักเวลา 08.00 น.ไปกินซุปก๋วยเตี๋ยวและ White Coffee ร้านรถเข็นใกล้ที่พัก ตั้งใจไปคฤหาสน์สีน้ำเงิน(Cheong Fatt Tzu Mansion)แต่มาก่อนเวลาเปิดคือ 11.00 น.จึงได้แต่ชมอยู่ข้างนอก ก็เลยเดินเก็บภาพ Street Art ที่ยังหาไม่เจอพร้อมชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนปีนังไปเรื่อยๆ รู้สึกมีความสุขบอกไม่ถูก
12.00 น.กลับมายังที่พัก อาบน้ำ เก็บกระเป๋า และ Check out ยังมีเวลาเที่ยวอยู่ ฝากกระเป๋าไว้ที่พัก แล้วเดินไปทาน Chendoll ลอดช่องปีนัง ที่ใครมาแล้วก็ต้องลอง ถ้ามาแล้วไม่ได้ทานถือว่ามาไม่ถึงปีนัง ฉะนั้นต้องไม่พลาด เดินมุ่งหน้าไปยัง ถ.Lebuh Keng Kwee ซึ่งจำและมองไว้แล้วเมื่อวานเย็นตอนนั่งรถ ซึ่งห่างจาก Komtar ประมาณ 500 ม. ซึ่งตามรีวิวที่เคยอ่านมาจะมี 2 ร้านตั้งอยู่ตรงข้ามกัน และต้องยืนกิน อันนี้จริง ร้านนึงคนจะเยอะ อีกร้านนึงคนไม่เยอะ แต่เพื่อไขข้อข้องใจ จขกท กินทั้ง 2 ร้านซึ่งรสชาติก็ไม่ต่างกัน ที่คนเยอะอาจเป็นเพราะตามกระแสกันมากกว่า ว่าต้องร้านนั้น ร้านนี้ อร่อยเหมือนกันค่ะ คอนเฟิร์ม ราคาถ้วยละประมาณ 2.4-2.7 RM ค่ะ
จากนั้นก็เดินหาซื้อของฝากซึ่งเดินจากร้านลอดช่องมาไม่ไกล ร้านของฝากจะอยู่เลียบ ถ.Jajan Penang จะมีทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า ของที่ระลึก พวงกุญแจ แมคเนต ถ้าเป็นอาหารก็จะเป็นประเภท Biscuits รสต่างๆ กาแฟ ผลไม้อบแห้ง ผลไม้ดอง น้ำมันหอมระเหย ขนมต่างๆ
16.00 น.ขึ้นรถสาย 401E ที่ Komtar ช่องจอดที่ 5 เพื่อไปสนามบินปีนัง ราคา 2.7 RM ใช้เวลาเดินทาง 1 ช.ม.นั่งมากับน้องคนนี้ ตัวเล็กนิดเดียว พูดภาษาอังกฤษชัดแจ๋วค่ะ
สนามบินปีนังเล็กมาก ให้เดินไป International Gate ที่ชั้น 2 เพื่อสแกนนิ้วมือและทำเรื่องออกจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งบริเวณนี้ห้ามถ่ายรูป เข้าไปรอขึ้นเครื่องซึ่ง จขกท Check in Online และ Print Boarding Pass มาแล้วแต่ก็มาก่อนเวลากันพลาด ด้านใน Gate มีอาหารและสินค้า Brand name จำหน่าย ขึ้นเครื่อง เวลา 18.55 น.(ตามเวลาประเทศมาเลเซีย) บินกับ Air Asia มาดอนเมืองและบินต่อกับ Lion Air กลับมาเชียงใหม่ค่ะ
จบทริปด้วย Street Art ภาพนี้ จขกท เดินทางและถ่ายรูปคนเดียว ตั้งกล้องวิ่งไปมา เพลินจนไม่รู้สึกว่าเหนื่อยหรือเมื่อย สนุกมากๆ ปีนังเมืองเล็กๆ ที่เจริญ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความสงบ ผู้คนมีน้ำใจดี สมกับเป็นเมืองมรดกโลกจริงๆ หากใครอยากมาปีนังต้องถามตัวเองดีๆก่อน ว่าชอบแนวนี้หรือปล่าว ทนร้อนหรือไม่ เดินไหวไหม ไม่อยากให้มาเที่ยวกันแบบฉาบฉวย อยากให้ตั้งใจมาจริงๆ แล้วจะไม่ผิดหวังค่ะ
ค.ช.จ.
Air Asia Chiang Mai-Had Yai 920 บ.
ค่ารถมารับสนามบิน 300 บ.
ค่ารถตู้ไปปีนัง 400 บ.
Air Asia Penang-Bangkok 1900 บ.
Lion Air Bangkok-Chiang Mai 825 บ.
**ค่าเดินทาง = 4,345 บ.**
ค่ารถบริการที่ปีนัง 60 บ.
ค่ารถรางขึ้น Penang Hill 300 บ.
ค่าเข้าชมสถานที่ 210 บ.
ค่าที่พัก 980 บ.
ค่าอาหาร 500 บ.
ของฝาก 580 บ.
**กิน+เที่ยว 2 คืน 3 วัน=2,630 บ.**
สรุปค่าใช้จ่าย 6,975 บาท
Tips
เวลา : ปีนัง เร็วกว่าไทย 1 ช.ม.
อากาศ : ร้อนชื้น / ฝน
อาหาร : จีน อิสลาม เน้น ผัด ทอด ตุ๋น / เส้น / ข้าว / เนื้อไก่ หมู เป็ด / เต้าทึงรังนก
ของฝาก : พวงกุญแจ Street Art สวยมาก / กาแฟ White Coffee แบบซอง อร่อยดี / Biscuits รสแปลกดี
ภาษา : อังกฤษสำเนียงสิงคโปร์
เงิน : ริงกิต(RM) 8บ.=1RM (ต.ค.58)
การจราจร : ขับรถเร็ว / มีรถฟรีบริการ / ถ้าจะไป Airport ขึ้นรถสาย 401E และ AT ชัวร์สุด
Facebook : KST Travel / โทร 074 354 511 / 081 690 72 53
[CR] ปีนี้ ที่ปีนัง 2015 (เชียงใหม่-ปีนัง ต.ค.2558)
5 ต.ค.เริ่มต้นเดินทางจากเชียงใหม่-หาดใหญ่โดย Air Asia เวลา 06.45 น. ถึงหาดใหญ่ 08.45 น.ให้รถของ KST Travel มารับที่สนามบินหาดใหญ่เพื่อที่จะไม่พลาดรถตู้ไปปีนังเวลา 09.30 น.(ขอชม KST Travel ลงเครื่องปุ๊ป เปิดมือถือปั๊บ จนท โทรมาแจ้งพร้อมส่งข้อความรายละเอียดคนขับรถที่มารับและรถตู้ไปปีนังออกตรงเวลามาก)จากนั้นมุ่งหน้าไปยังชายแดนสะเดา จ.สงขลา เพื่อทำเรื่องเข้าไปชายแดนจังโหลน ประเทศมาเลเซีย
ชายแดนสะเดา เป็นจุดแรกที่ต้องลงจากรถ ให้เตรียมปากกา,Passport,Immigration Card (ขอจากคนขับรถ) เพื่อไปทำเรื่องออกจากประเทศไทย และต้องจำป้ายทะเบียนรถคันที่เรานั่งมาเพราะเจ้าหน้าที่เขาจะถามค่ะ
จากนั้นก็กลับขึ้นรถตู้อีกครั้ง เพื่อไปยังชายแดนจังโหลนประเทศมาเลเซีย จุดนี้ต้องนำกระเป๋าลงไปด้วยเพื่อเข้าเครื่องสแกน จนท จะทำการสแกนนิ้วมือเพื่อเข้าประเทศมาเลเซีย
จากนั้นกลับขึ้นรถตู้เพื่อเดินทางสู่ปีนัง รถจะจอด 1 ครั้งให้เข้าห้องน้ำ และส่งเราถึงที่พัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ช.ม.ถึงที่พักเวลา 14.00 น.(ตามเวลามาเลเซีย) จากนั้นก็เริ่มต้นท่องเที่ยว วันนี้ตั้งใจไป Penang Hill เพื่อไปดูแสงสียามเย็นของปีนังในมุมสูงที่สุด ก็เดินไปที่ตึก Komtar(จุดเริ่มต้นของรถบริการทุกสาย) อยู่ติดกันกับห้าง Prangin Mall (ซื้อซิม Internet ได้ที่นี่ ราคาประมาณ 30 RM แต่ไม่ซื้อ ใช้WiFi ของที่พักก็เพียงพอแล้ว)
เมื่อถึง Komtar ขึ้นรถ Shuttle Bus สาย 204 จอดอยู่ช่อง 2 ราคา 2 RM ใช้เวลาประมาณ 30 นาที บอกคนขับว่าไปปีนังฮิลล์ แล้วนำเงินหยอดตู้ที่ประตูด้านหน้า จากนั้นคนขับรถจะยื่นตั๋วรถให้ ต้องเตรียมเงินให้พอดี ไม่มีเงินทอน และระบบการขึ้นลงรถของที่นี่คือ ขึ้นรถประตูหน้าและลงประตูหลัง
รถจะจอดสุดท้ายที่ปีนังฮิลล์ เมื่อถึงแล้วก็เดินเข้าไปซื้อตั๋วรถราง เพื่อขึ้นไปจุดสูงสุดของปีนังฮิลล์ในราคาไปกลับ 30 RM
เดินไปที่จุดชมวิว ผิดหวังเล็กน้อยเพราะมองไม่เห็นวิวของปีนังตามที่ตั้งใจ เนื่องจากช่วงนั้นปีนังได้รับผลกระทบควันไฟป่าจากประเทศอินโดนีเซียอย่างหนัก แต่บรรยากาศโดยทั่วไปเย็นสบายดี อุณหภูมิวันนั้นน่าจะประมาณ 25 องศา บนปีนังฮิลล์มีร้านอาหารชื่อ Sky Terrace มีพิพิธภัณฑ์นกฮูก มีวัดโบราณ เดินเล่นสบายๆ ใช้เวลาเดินเล่นประมาณ 1 ช.ม. ก็ทั่วแล้ว
จากนั้นก็นั่งรถกลับ รอรถที่จุดลงรถตอนขามา และจ่ายในราคา 2 RM ลงรถที่ Komtar
เดินกลับมาที่ ถ.Kimberry เพื่อทานอาหารเย็น ดูข้อมูลมาพอสมควรว่าที่ ถ.Kimberry มีร้านอาหารเยอะ อาจจะไม่เท่า Gerney drive (ศูนย์รวมอาหารชื่อดังของปีนัง) แต่อาหารก็ครบทุกประเภท ราคาไม่แพงมาก แพงสุดน่าจะ 8 RM เลยตั้งใจไม่ไป Gerney drive ซึ่งต้องนั่งรถไปอีก
เมื่อทานเสร็จก็เดินสำรวจเล็กน้อย แล้วก็เข้าที่พัก Kimberry House พักผ่อน ใช้ WiFi เล่น Internet ชาร์ตแบตอุปกรณ์ มาที่นี่ต้องเตรียมหัวปลั๊กของมาเลเซีย 1 อัน และปลั๊กพ่วงมาด้วย ซื้อได้ที่อมร โลตัส ก็มีขาย
6 ต.ค.58 ทานขนมปังเป็นอาหารเช้า และกาแฟของที่พักมีให้ ออกจากที่พักเวลา 08.00 น.ตามเวลามาเลเซียซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ช.ม. วันนี้ตั้งใจจะเดินชม Street Art และชมเมืองปีนังทั้งวัน จึงเริ่มที่ ตึกสำนักงาน Georgetown ตั้งอยู่ ถ.Lebuh Carnarvon จะมีข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับปีนัง สามารถขอแผนที่ได้จากที่นี่
จากนั้นก็เดินเข้าไปยัง ถ.Lebuh Cannon ซึ่งเป็นถนนเริ่มต้นของ Street Art ไม่ต้องกลัวหลงทาง หาตึก Georgetown ให้เจอ แล้วเดินตาม Map ซึ่งมีข้อมูลครบทั้งการเดินเท้า และเส้นทางเดินรถ จุดภาพวาดทุกจุด สถานที่สำคัญต่างๆ เดินเลยบ้าง หลงบ้าง หาไม่เจอบ้าง มันสนุกตรงที่เราค้นหานี่แหละค่ะ
เดินทั้งวัน ทานข้าวกลางวันร้านแถวนั้น เดินต่อไปจนถึง Chew Jetty อยู๋ริมทะเลเป็นบ้านชาวประมงมีขายของฝากของที่ระลึกด้านใน
จากนั้นฝนก็ตกอย่างหนักมากต้องพักสักครู่ เมืองปีนังจริงๆไม่กว้างมาก เดินทั้งเมืองก็เดินได้ แต่ถ้าจะให้สนุกต้องขึ้นรถด้วย ที่นี่จะมีรถ Shuttle bus ฟรีรอบเมือง สังเกตุง่ายๆหน้ารถจะมีป้ายไฟ"HOP ON FREE CAT BUS" หากจะขึ้นรถก็ต้องรอที่ป้ายรถเมล์รอประมาณ 10 นาทีจะมี 2 สาย คือวิ่งจาก Komtar ไป Jetty(จุดจอดรถทุกสาย) และวิ่งจาก Jetty ไป Komtar
ฝนตกซ้ำอีก หลบฝนแวะไปชมความอลังการของคฤหาสน์สีเขียว(Peranakan Mansion) ถ.Lebuh Gereja เสียค่าเข้าชม 20.1 RM มีไกด์พาเดินชม บรรยายเป็นภาษาอังกฤษ ใช้เวลาที่นี่ประมาณ 1 ช.ม.
ฝนซาแล้วสวมเสื้อกันฝนแล้วเดินต่อ ชมเมืองย่าน Beach Street
เดินต่อไปหอนาฬิกา Queen Victoria,City Hall,Town Hall ชมถนนเลียบชายหาดซึ่งเป็นที่พักผ่อนของคนปีนัง แต่เวลานี้ไม่มีคนเพราะฝนตก
เริ่มมืดแล้วฝนไม่หยุดตก นั่งรถฟรีจากป้ายด้านหน้า Town Hall ไป Komtar เดินชมห้าง Prangin Mall จากนั้นเดินกลับไปที่พักทานอาหารเย็นที่ ถ.Kimberry ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนักทั้งคืน
7 ต.ค.58 วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส ฝนไม่ตกแต่ไม่มีแดด ออกจากที่พักเวลา 08.00 น.ไปกินซุปก๋วยเตี๋ยวและ White Coffee ร้านรถเข็นใกล้ที่พัก ตั้งใจไปคฤหาสน์สีน้ำเงิน(Cheong Fatt Tzu Mansion)แต่มาก่อนเวลาเปิดคือ 11.00 น.จึงได้แต่ชมอยู่ข้างนอก ก็เลยเดินเก็บภาพ Street Art ที่ยังหาไม่เจอพร้อมชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนปีนังไปเรื่อยๆ รู้สึกมีความสุขบอกไม่ถูก
12.00 น.กลับมายังที่พัก อาบน้ำ เก็บกระเป๋า และ Check out ยังมีเวลาเที่ยวอยู่ ฝากกระเป๋าไว้ที่พัก แล้วเดินไปทาน Chendoll ลอดช่องปีนัง ที่ใครมาแล้วก็ต้องลอง ถ้ามาแล้วไม่ได้ทานถือว่ามาไม่ถึงปีนัง ฉะนั้นต้องไม่พลาด เดินมุ่งหน้าไปยัง ถ.Lebuh Keng Kwee ซึ่งจำและมองไว้แล้วเมื่อวานเย็นตอนนั่งรถ ซึ่งห่างจาก Komtar ประมาณ 500 ม. ซึ่งตามรีวิวที่เคยอ่านมาจะมี 2 ร้านตั้งอยู่ตรงข้ามกัน และต้องยืนกิน อันนี้จริง ร้านนึงคนจะเยอะ อีกร้านนึงคนไม่เยอะ แต่เพื่อไขข้อข้องใจ จขกท กินทั้ง 2 ร้านซึ่งรสชาติก็ไม่ต่างกัน ที่คนเยอะอาจเป็นเพราะตามกระแสกันมากกว่า ว่าต้องร้านนั้น ร้านนี้ อร่อยเหมือนกันค่ะ คอนเฟิร์ม ราคาถ้วยละประมาณ 2.4-2.7 RM ค่ะ
จากนั้นก็เดินหาซื้อของฝากซึ่งเดินจากร้านลอดช่องมาไม่ไกล ร้านของฝากจะอยู่เลียบ ถ.Jajan Penang จะมีทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า ของที่ระลึก พวงกุญแจ แมคเนต ถ้าเป็นอาหารก็จะเป็นประเภท Biscuits รสต่างๆ กาแฟ ผลไม้อบแห้ง ผลไม้ดอง น้ำมันหอมระเหย ขนมต่างๆ
16.00 น.ขึ้นรถสาย 401E ที่ Komtar ช่องจอดที่ 5 เพื่อไปสนามบินปีนัง ราคา 2.7 RM ใช้เวลาเดินทาง 1 ช.ม.นั่งมากับน้องคนนี้ ตัวเล็กนิดเดียว พูดภาษาอังกฤษชัดแจ๋วค่ะ
สนามบินปีนังเล็กมาก ให้เดินไป International Gate ที่ชั้น 2 เพื่อสแกนนิ้วมือและทำเรื่องออกจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งบริเวณนี้ห้ามถ่ายรูป เข้าไปรอขึ้นเครื่องซึ่ง จขกท Check in Online และ Print Boarding Pass มาแล้วแต่ก็มาก่อนเวลากันพลาด ด้านใน Gate มีอาหารและสินค้า Brand name จำหน่าย ขึ้นเครื่อง เวลา 18.55 น.(ตามเวลาประเทศมาเลเซีย) บินกับ Air Asia มาดอนเมืองและบินต่อกับ Lion Air กลับมาเชียงใหม่ค่ะ
จบทริปด้วย Street Art ภาพนี้ จขกท เดินทางและถ่ายรูปคนเดียว ตั้งกล้องวิ่งไปมา เพลินจนไม่รู้สึกว่าเหนื่อยหรือเมื่อย สนุกมากๆ ปีนังเมืองเล็กๆ ที่เจริญ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความสงบ ผู้คนมีน้ำใจดี สมกับเป็นเมืองมรดกโลกจริงๆ หากใครอยากมาปีนังต้องถามตัวเองดีๆก่อน ว่าชอบแนวนี้หรือปล่าว ทนร้อนหรือไม่ เดินไหวไหม ไม่อยากให้มาเที่ยวกันแบบฉาบฉวย อยากให้ตั้งใจมาจริงๆ แล้วจะไม่ผิดหวังค่ะ
ค.ช.จ.
Air Asia Chiang Mai-Had Yai 920 บ.
ค่ารถมารับสนามบิน 300 บ.
ค่ารถตู้ไปปีนัง 400 บ.
Air Asia Penang-Bangkok 1900 บ.
Lion Air Bangkok-Chiang Mai 825 บ.
**ค่าเดินทาง = 4,345 บ.**
ค่ารถบริการที่ปีนัง 60 บ.
ค่ารถรางขึ้น Penang Hill 300 บ.
ค่าเข้าชมสถานที่ 210 บ.
ค่าที่พัก 980 บ.
ค่าอาหาร 500 บ.
ของฝาก 580 บ.
**กิน+เที่ยว 2 คืน 3 วัน=2,630 บ.**
สรุปค่าใช้จ่าย 6,975 บาท
Tips
เวลา : ปีนัง เร็วกว่าไทย 1 ช.ม.
อากาศ : ร้อนชื้น / ฝน
อาหาร : จีน อิสลาม เน้น ผัด ทอด ตุ๋น / เส้น / ข้าว / เนื้อไก่ หมู เป็ด / เต้าทึงรังนก
ของฝาก : พวงกุญแจ Street Art สวยมาก / กาแฟ White Coffee แบบซอง อร่อยดี / Biscuits รสแปลกดี
ภาษา : อังกฤษสำเนียงสิงคโปร์
เงิน : ริงกิต(RM) 8บ.=1RM (ต.ค.58)
การจราจร : ขับรถเร็ว / มีรถฟรีบริการ / ถ้าจะไป Airport ขึ้นรถสาย 401E และ AT ชัวร์สุด
Facebook : KST Travel / โทร 074 354 511 / 081 690 72 53