Sunday, 14 December 2014 21:27
กลุ่มออมทรัพย์คลองเปียะ Featured
สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ 12 ธันวาคม 2557
เมื่อปี 2523 ชาวบ้าน 30 คนรวมกลุ่มกันเพื่อตั้งกลุ่มออมทรัพย์ที่คลองเปียะ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา มีเงินออม 2,800 บาท เมื่อปี 2534 กลุ่มออมทรัพย์นี้ฉลองครบ 12 ปี มีเงิน 12 ล้านบาท ปี 2557 คลองเปียะมีสมาชิกอยู่ประมาณ 7,000 คน มีเงินออมและหมุนเวียนอยู่เกือบ 400 ล้านบาท
ตอนที่พวกเขามีเงินออมไม่กี่หมื่นบาท และปรับระเบียบต่างๆ ที่กรมการพัฒนาชุมชนเคยกำหนด ได้รับการปรามาสจากข้าราชการว่า ไม่ถึงแสนหรอก เดี๋ยวก็แตก แล้วพวกเขาก็ไปถึงแสน ข้าราชการก็บอกอีกว่า ไม่กี่แสนเดี๋ยวก็ทะเลาะกัน พวกเขาก็อยู่จนเกิน 500,000
ข้าราชการบอกว่า ไม่ถึงล้านก็คงไปก่อน พวกเขาก็ถึงล้านและหลายล้าน ถึงร้อยล้าน และหลายร้อยล้าน และยังบอกอีกว่า ท่าจะได้เห็นเงินพันล้านอีกไม่นาน มีข้าราชการอยากเข้าไปตรวจสอบและหาทางให้เสียภาษี และทำท่าจะเอาเรื่อง
หลายปีก่อน คุณโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ขอให้ผมนำเขาและผู้บริหารธนาคาร KFW หรือธนาคารฟื้นฟูประเทศของเยอรมันลงไปคลองเปี่ยะ พวกเขาอยากรู้ว่า กลุ่มออมทรัพย์ที่ไม่จดทะเบียนแล้วมีเงินมากมายพร้อมสวัสดิการอยู่ได้ อย่างไร ไม่มีปัญหา
ไปถึงที่นั่น คำถามแรกของคนเยอรมัน คือ ที่นี่มีหนี้เสียไหม กำนันอัมพร ด้วงปาน ประธานกลุ่มออมทรัพย์ตอบว่า ไม่มีครับ คนเยอรมันถามซ้ำ ไม่แน่ใจว่าผมแปลถูกหรือเปล่า หรือคนที่ตอบเข้าใจคำถามหรือไม่ กำนันอัมพรไม่ได้รอผมตอบ เขาคงเดาได้จึงตอบสวนออกมาอีกครั้งโดยไม่รอคำแปลว่า ไม่มีครับ ที่นี่มีแต่การจ่ายคืนเงินกู้ล่าช้าบ้าง แต่คณะกรรมการก็ไม่ได้มีหน้าที่เพียงไปตามหนี้ แต่ช่วยชาวบ้านในการแก้ปัญหาและทำมาหากินด้วย
คุณโฆสิตยกมืออธิบายเป็นภาษาอังกฤษหลังจากผมแปลจบว่า คืออย่างนี้ ที่นี่เขามีทุนอยู่อย่างหนึ่งที่ธนาคารกรุงเทพของผมและธนาคารของคุณไม่มี คือ ทุนทางสังคม คนเยอรมันฟังแล้วก็พยักหน้าเข้าใจ เขาไม่กลับมาถามเรื่องนี้อีก และขอความรู้ว่า ดำเนินงานกันอย่างไรจึงไม่มีหนี้เสีย
ทุนทางสังคม คือ ความไว้ใจกันของผู้คนในชุมชน ความสัมพันธ์อันดีที่ทำให้อยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัยกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ไม่ใช่จ้องแต่จะเอาเปรียบกัน เอากฎหมายกฎระเบียบมาบังคับ ทำผิดก็มีแต่จะฟ้องร้อง
ความจริง คนคลองเปี่ยะก็เป็นชาวบ้านเหมือนกับคนใต้ทั่วไป ปลูกยางพารา ทำสวน ทำงานราชการ งานอิสระ รับจ้าง และอื่นๆ คงไม่ใช่คนดีมีคุณธรรมพิเศษไปกว่าคนทั่วไปเป็นแน่ แต่ที่กลุ่มออมทรัพย์ของพวกเขาดำเนินงานมาได้ พัฒนาต่อเนื่อง ไม่มีปัญหาคงเป็นเพราะการบริหารจัดการที่ดี มีระบบ มีคณะกรรมการที่มีความสัตย์ซื่อ มีคุณธรรมมากกว่าอย่างอื่น
คงจะตรงกับงานวิจัยที่ประเมินกองทุนและกลุ่มออมทรัพย์ทั่วประเทศว่า กลุ่มส่วนใหญ่ล้มเหลว ไม่โตหรือแตกเป็นเพราะคณะกรรมการโกงเสียเอง แล้วจะเหลืออะไร
ความจริง ความเป็นมาของกลุ่มออมทรัพย์คลองเปี่ยะก็ไม่ได้ราบเรียบ ล้มลุกคลุกคลานตอนแรกๆ ก่อนจะค่อยๆ ปรับตัว ปรับระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ แทนที่จะเอาเงินไปฝากธนาคารแล้วกู้ยืมจากธนาคารอย่างที่กรมการพัฒนาชุมชนวางระเบียบไว้ พวกเขาจัดการกู้ยืมเงินฝากของตนเองทันที โดยไม่มีเงินเหลือไปฝากธนาคาร เพราะไม่เข้าใจว่า เงินตัวเองแท้ๆ กลับเอาไปฝากธนาคาร ได้ดอกเบี้ยนิดเดียว แล้วไปกู้เงินที่ตนเองฝากในอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า ประหลาดจริงๆ
คุณอัมพรเดิมทีก็เป็นราษฎรธรรมดา มีตำแหน่งเดียวคือเป็นนักการภารโรงที่โรงเรียนในหมู่บ้าน ความที่ไม่มีใครอยากเป็นประธานกลุ่มออมทรัพย์ เขาก็รับหน้าที่นี้มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง และทำหน้าที่ได้ดี ครูใหญ่อยากกู้เงินต้องให้ภารโรงเซ็นรับรอง
ทุกปี คุณอัมพรจะนำเงินปันผลที่ได้ไปซื้ออุปกรณ์ที่โรงเรียนขาดมามอบให้ เขารู้ดีกว่าใครๆ ว่าโรงเรียนต้องการอะไร และเขาก็ทำเช่นนี้มาจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าจะไม่เป็นภารโรงมานานแล้ว เพราะผู้ใหญ่บ้านตาย ชาวบ้านเลือกเขาเป็นผู้ใหญ่บ้าน ต่อมากำนันตาย ชาวบ้านก็เลือกเขาเป็นกำนัน
คุณอัมพรบอกว่า ระเบียบที่ดีทำให้คนทำถูกได้ง่าย ทำผิดได้ยาก และเขาก็อธิบายว่า ที่คนไม่เบี้ยวการจ่ายหนี้คืนส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม แต่ที่สำคัญคงเป็นเพราะที่นี่มีสวัสดิการดีมาก ค่ารักษาพยาบาลก็ได้ เงินปันผลก็สูง ดอกเบี้ยเงินฝากพิเศษก็สูง และสวัสดิการอื่นๆ อีก โดยเฉพาะบำเน็จบำนาญยังกับว่าเป็นข้าราชการ แต่ถ้าหากสมาชิกไม่จ่ายคืนเงินกู้ ผิดนัดไป 3 ครั้งก็จะไม่ได้รับสวัสดิการ
แล้วจะมีใครเสี่ยงที่จะแลกสวัสดิการดีๆ กับการผิดนัดจ่ายคืนเงินกู้ 3 เดือนติดต่อกัน ที่สำคัญ กลุ่มออมทรัพย์ไม่ได้คิดว่าตนเองเป็นธนาคารชุมชน แต่เป็นระบบสวัสดิการ เป็นเครื่องมือให้ผู้คนมาร่วมกันจัดการเงินออม เงินฝากเงินกู้ ด้วยเจตนารมณ์ของการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทำให้เกิดความมั่นคงในชีวิต
การจัดการตนเองของกลุ่มออมทรัพย์คลองเปี่ยะเป็นอะไรที่ค่อนข้างพิสดาร ไม่เหมือนใคร เพราะพวกเขาทำงานเป็นเครือข่ายกลุ่มออมทรัพย์ในหมู่บ้านต่างๆ แต่ภายในขอบเขตของตำบลคลองเปี่ยะ แต่ละหมู่มีคณะกรรมการ มีการออม การกู้ การจัดการ เพียงแต่ว่ามีการประสานกันกับกลุ่มอื่นๆ อีก 10 กลุ่ม มีเงินเหลือที่ไหนเงินขาดที่ไหนก็รู้กัน และจัดการถ่ายเทไปหากันโดยไม่ได้ใช้ระบบออนลงออนไลน์อะไรเลย
กลุ่มออมทรัพย์นี้ทำงานแค่เดือนละ 2 วันเท่านั้น แค่นี้ก็เพียงพอเพื่อการบริหารจัดการ และประหยัดเงินค่าจ้างพนักงานประจำ ค่าน้ำค่าไฟได้อีกมาก จ่ายเบี้ยประชุมเพียงเดือนละ 2 วัน และค่าจ้างพนักงานไม่กี่วันเท่านั้น ดอกเบี้ยเงินฝากร้อยละ 12 ดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 13 ส่วนต่างเพียงร้อยละ 1 ก็ยังทำให้กลุ่มออมทรัพย์แห่งนี้กำไรเพื่อปันผล มีกองทุนเป็นสวัสดิการให้สมาชิกอย่างน่าประหลาดใจ
ตั้งแต่ปี 2544 กลุ่มออมทรัพย์คลองเปี่ยะสามารถจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลให้สมาชิกได้ 100 เปอร์เซนต์ มีคนไปผ่าตัดโรคหัวใจ ค่าใช้จ่าย 130,000 บาท กลุ่มออมทรัพย์จ่ายให้หมด นอกนั้นยังมีสวัสดิการอื่นๆ เช่น บำนาญสำหรับคณะกรรมการ ทุนการศึกษาสำหรับลูกหลานสมาชิก เงินช่วยเหลือฉุกเฉิน พายุมาหลังคาเปิงไม่ต้องรอรัฐหรือใครที่ไหนมาช่วย กลุ่มจัดการช่วยเหลือทันที
รัฐบาลใดก็แล้วแต่ ถ้าไม่เข้าใจทุนทางสังคมและทุนชุมชนที่ยังมีมากและหลากหลาย ไม่มีทางส่งเสริมความเข้มแข็งให้ชุมชนได้ เพราะคิดแต่จะใช้เงินและอำนาจสั่งการที่ไม่ได้ผลยั่งยืน
Last modified on Monday, 15 December 2014 10:27
อ้างถึงบทความข้างต้น จากสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ 12 ธ.ค. 57 ห่างจากวันนี้ 9 ต.ค. 58 ไม่กี่เดือนปัญหาต่างๆ ของสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ ก็มีมากมาย สมาชิกไม่สามารถถอนเงินของตนเองในบัญชี สมาชิกจะขอกู้ก็กู้ไม่ได้ คณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์ฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ซึ่งเป็นเงินของสมาชิกโดยการประเมินของทางอำเภอจะนะจำนวนเงิน 76,000,000 บาท (เจ็ดสิบหกล้านบาทถ้วน) ซึ่งยังมีข้อมูลจากกรรมการที่ยังไม่เปิดเผยบัญชีอีกเป็นจำนวนมาก คณะกรรมการคือนายเฉลิม ทองพรม ประธาน นายสมคิด พุฒดำ รองประธาน นายเขียน เซ่งเถี้ยน เหรัญญิก นายชาคริต ทองเต็ม เลขานุการ นายอัมพร ด้วงปาน ที่ปรึกษา ไม่มีท่านใดแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหาย สมาชิกเบิกถอนเงินคืนไม่ได้ เงินที่กรรมการฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ไปก็ไม่ดำเนินการแสดงความรับผิดชอบ
ดิฉันจึงอยากขอความเห็นใจเพราะสมาชิกมีความทุกข์ใจเป็นอย่างมาก ขอให้มีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ
ทุกข์ของสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ตำบลคลองเปียะ อ.จะนะ จ.สงขลา
กลุ่มออมทรัพย์คลองเปียะ Featured
สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ 12 ธันวาคม 2557
เมื่อปี 2523 ชาวบ้าน 30 คนรวมกลุ่มกันเพื่อตั้งกลุ่มออมทรัพย์ที่คลองเปียะ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา มีเงินออม 2,800 บาท เมื่อปี 2534 กลุ่มออมทรัพย์นี้ฉลองครบ 12 ปี มีเงิน 12 ล้านบาท ปี 2557 คลองเปียะมีสมาชิกอยู่ประมาณ 7,000 คน มีเงินออมและหมุนเวียนอยู่เกือบ 400 ล้านบาท
ตอนที่พวกเขามีเงินออมไม่กี่หมื่นบาท และปรับระเบียบต่างๆ ที่กรมการพัฒนาชุมชนเคยกำหนด ได้รับการปรามาสจากข้าราชการว่า ไม่ถึงแสนหรอก เดี๋ยวก็แตก แล้วพวกเขาก็ไปถึงแสน ข้าราชการก็บอกอีกว่า ไม่กี่แสนเดี๋ยวก็ทะเลาะกัน พวกเขาก็อยู่จนเกิน 500,000
ข้าราชการบอกว่า ไม่ถึงล้านก็คงไปก่อน พวกเขาก็ถึงล้านและหลายล้าน ถึงร้อยล้าน และหลายร้อยล้าน และยังบอกอีกว่า ท่าจะได้เห็นเงินพันล้านอีกไม่นาน มีข้าราชการอยากเข้าไปตรวจสอบและหาทางให้เสียภาษี และทำท่าจะเอาเรื่อง
หลายปีก่อน คุณโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ขอให้ผมนำเขาและผู้บริหารธนาคาร KFW หรือธนาคารฟื้นฟูประเทศของเยอรมันลงไปคลองเปี่ยะ พวกเขาอยากรู้ว่า กลุ่มออมทรัพย์ที่ไม่จดทะเบียนแล้วมีเงินมากมายพร้อมสวัสดิการอยู่ได้ อย่างไร ไม่มีปัญหา
ไปถึงที่นั่น คำถามแรกของคนเยอรมัน คือ ที่นี่มีหนี้เสียไหม กำนันอัมพร ด้วงปาน ประธานกลุ่มออมทรัพย์ตอบว่า ไม่มีครับ คนเยอรมันถามซ้ำ ไม่แน่ใจว่าผมแปลถูกหรือเปล่า หรือคนที่ตอบเข้าใจคำถามหรือไม่ กำนันอัมพรไม่ได้รอผมตอบ เขาคงเดาได้จึงตอบสวนออกมาอีกครั้งโดยไม่รอคำแปลว่า ไม่มีครับ ที่นี่มีแต่การจ่ายคืนเงินกู้ล่าช้าบ้าง แต่คณะกรรมการก็ไม่ได้มีหน้าที่เพียงไปตามหนี้ แต่ช่วยชาวบ้านในการแก้ปัญหาและทำมาหากินด้วย
คุณโฆสิตยกมืออธิบายเป็นภาษาอังกฤษหลังจากผมแปลจบว่า คืออย่างนี้ ที่นี่เขามีทุนอยู่อย่างหนึ่งที่ธนาคารกรุงเทพของผมและธนาคารของคุณไม่มี คือ ทุนทางสังคม คนเยอรมันฟังแล้วก็พยักหน้าเข้าใจ เขาไม่กลับมาถามเรื่องนี้อีก และขอความรู้ว่า ดำเนินงานกันอย่างไรจึงไม่มีหนี้เสีย
ทุนทางสังคม คือ ความไว้ใจกันของผู้คนในชุมชน ความสัมพันธ์อันดีที่ทำให้อยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัยกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ไม่ใช่จ้องแต่จะเอาเปรียบกัน เอากฎหมายกฎระเบียบมาบังคับ ทำผิดก็มีแต่จะฟ้องร้อง
ความจริง คนคลองเปี่ยะก็เป็นชาวบ้านเหมือนกับคนใต้ทั่วไป ปลูกยางพารา ทำสวน ทำงานราชการ งานอิสระ รับจ้าง และอื่นๆ คงไม่ใช่คนดีมีคุณธรรมพิเศษไปกว่าคนทั่วไปเป็นแน่ แต่ที่กลุ่มออมทรัพย์ของพวกเขาดำเนินงานมาได้ พัฒนาต่อเนื่อง ไม่มีปัญหาคงเป็นเพราะการบริหารจัดการที่ดี มีระบบ มีคณะกรรมการที่มีความสัตย์ซื่อ มีคุณธรรมมากกว่าอย่างอื่น
คงจะตรงกับงานวิจัยที่ประเมินกองทุนและกลุ่มออมทรัพย์ทั่วประเทศว่า กลุ่มส่วนใหญ่ล้มเหลว ไม่โตหรือแตกเป็นเพราะคณะกรรมการโกงเสียเอง แล้วจะเหลืออะไร
ความจริง ความเป็นมาของกลุ่มออมทรัพย์คลองเปี่ยะก็ไม่ได้ราบเรียบ ล้มลุกคลุกคลานตอนแรกๆ ก่อนจะค่อยๆ ปรับตัว ปรับระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ แทนที่จะเอาเงินไปฝากธนาคารแล้วกู้ยืมจากธนาคารอย่างที่กรมการพัฒนาชุมชนวางระเบียบไว้ พวกเขาจัดการกู้ยืมเงินฝากของตนเองทันที โดยไม่มีเงินเหลือไปฝากธนาคาร เพราะไม่เข้าใจว่า เงินตัวเองแท้ๆ กลับเอาไปฝากธนาคาร ได้ดอกเบี้ยนิดเดียว แล้วไปกู้เงินที่ตนเองฝากในอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า ประหลาดจริงๆ
คุณอัมพรเดิมทีก็เป็นราษฎรธรรมดา มีตำแหน่งเดียวคือเป็นนักการภารโรงที่โรงเรียนในหมู่บ้าน ความที่ไม่มีใครอยากเป็นประธานกลุ่มออมทรัพย์ เขาก็รับหน้าที่นี้มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง และทำหน้าที่ได้ดี ครูใหญ่อยากกู้เงินต้องให้ภารโรงเซ็นรับรอง
ทุกปี คุณอัมพรจะนำเงินปันผลที่ได้ไปซื้ออุปกรณ์ที่โรงเรียนขาดมามอบให้ เขารู้ดีกว่าใครๆ ว่าโรงเรียนต้องการอะไร และเขาก็ทำเช่นนี้มาจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าจะไม่เป็นภารโรงมานานแล้ว เพราะผู้ใหญ่บ้านตาย ชาวบ้านเลือกเขาเป็นผู้ใหญ่บ้าน ต่อมากำนันตาย ชาวบ้านก็เลือกเขาเป็นกำนัน
คุณอัมพรบอกว่า ระเบียบที่ดีทำให้คนทำถูกได้ง่าย ทำผิดได้ยาก และเขาก็อธิบายว่า ที่คนไม่เบี้ยวการจ่ายหนี้คืนส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม แต่ที่สำคัญคงเป็นเพราะที่นี่มีสวัสดิการดีมาก ค่ารักษาพยาบาลก็ได้ เงินปันผลก็สูง ดอกเบี้ยเงินฝากพิเศษก็สูง และสวัสดิการอื่นๆ อีก โดยเฉพาะบำเน็จบำนาญยังกับว่าเป็นข้าราชการ แต่ถ้าหากสมาชิกไม่จ่ายคืนเงินกู้ ผิดนัดไป 3 ครั้งก็จะไม่ได้รับสวัสดิการ
แล้วจะมีใครเสี่ยงที่จะแลกสวัสดิการดีๆ กับการผิดนัดจ่ายคืนเงินกู้ 3 เดือนติดต่อกัน ที่สำคัญ กลุ่มออมทรัพย์ไม่ได้คิดว่าตนเองเป็นธนาคารชุมชน แต่เป็นระบบสวัสดิการ เป็นเครื่องมือให้ผู้คนมาร่วมกันจัดการเงินออม เงินฝากเงินกู้ ด้วยเจตนารมณ์ของการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทำให้เกิดความมั่นคงในชีวิต
การจัดการตนเองของกลุ่มออมทรัพย์คลองเปี่ยะเป็นอะไรที่ค่อนข้างพิสดาร ไม่เหมือนใคร เพราะพวกเขาทำงานเป็นเครือข่ายกลุ่มออมทรัพย์ในหมู่บ้านต่างๆ แต่ภายในขอบเขตของตำบลคลองเปี่ยะ แต่ละหมู่มีคณะกรรมการ มีการออม การกู้ การจัดการ เพียงแต่ว่ามีการประสานกันกับกลุ่มอื่นๆ อีก 10 กลุ่ม มีเงินเหลือที่ไหนเงินขาดที่ไหนก็รู้กัน และจัดการถ่ายเทไปหากันโดยไม่ได้ใช้ระบบออนลงออนไลน์อะไรเลย
กลุ่มออมทรัพย์นี้ทำงานแค่เดือนละ 2 วันเท่านั้น แค่นี้ก็เพียงพอเพื่อการบริหารจัดการ และประหยัดเงินค่าจ้างพนักงานประจำ ค่าน้ำค่าไฟได้อีกมาก จ่ายเบี้ยประชุมเพียงเดือนละ 2 วัน และค่าจ้างพนักงานไม่กี่วันเท่านั้น ดอกเบี้ยเงินฝากร้อยละ 12 ดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 13 ส่วนต่างเพียงร้อยละ 1 ก็ยังทำให้กลุ่มออมทรัพย์แห่งนี้กำไรเพื่อปันผล มีกองทุนเป็นสวัสดิการให้สมาชิกอย่างน่าประหลาดใจ
ตั้งแต่ปี 2544 กลุ่มออมทรัพย์คลองเปี่ยะสามารถจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลให้สมาชิกได้ 100 เปอร์เซนต์ มีคนไปผ่าตัดโรคหัวใจ ค่าใช้จ่าย 130,000 บาท กลุ่มออมทรัพย์จ่ายให้หมด นอกนั้นยังมีสวัสดิการอื่นๆ เช่น บำนาญสำหรับคณะกรรมการ ทุนการศึกษาสำหรับลูกหลานสมาชิก เงินช่วยเหลือฉุกเฉิน พายุมาหลังคาเปิงไม่ต้องรอรัฐหรือใครที่ไหนมาช่วย กลุ่มจัดการช่วยเหลือทันที
รัฐบาลใดก็แล้วแต่ ถ้าไม่เข้าใจทุนทางสังคมและทุนชุมชนที่ยังมีมากและหลากหลาย ไม่มีทางส่งเสริมความเข้มแข็งให้ชุมชนได้ เพราะคิดแต่จะใช้เงินและอำนาจสั่งการที่ไม่ได้ผลยั่งยืน
Last modified on Monday, 15 December 2014 10:27
อ้างถึงบทความข้างต้น จากสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ 12 ธ.ค. 57 ห่างจากวันนี้ 9 ต.ค. 58 ไม่กี่เดือนปัญหาต่างๆ ของสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ ก็มีมากมาย สมาชิกไม่สามารถถอนเงินของตนเองในบัญชี สมาชิกจะขอกู้ก็กู้ไม่ได้ คณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์ฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ซึ่งเป็นเงินของสมาชิกโดยการประเมินของทางอำเภอจะนะจำนวนเงิน 76,000,000 บาท (เจ็ดสิบหกล้านบาทถ้วน) ซึ่งยังมีข้อมูลจากกรรมการที่ยังไม่เปิดเผยบัญชีอีกเป็นจำนวนมาก คณะกรรมการคือนายเฉลิม ทองพรม ประธาน นายสมคิด พุฒดำ รองประธาน นายเขียน เซ่งเถี้ยน เหรัญญิก นายชาคริต ทองเต็ม เลขานุการ นายอัมพร ด้วงปาน ที่ปรึกษา ไม่มีท่านใดแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหาย สมาชิกเบิกถอนเงินคืนไม่ได้ เงินที่กรรมการฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ไปก็ไม่ดำเนินการแสดงความรับผิดชอบ
ดิฉันจึงอยากขอความเห็นใจเพราะสมาชิกมีความทุกข์ใจเป็นอย่างมาก ขอให้มีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ