สวัสดีค่ะ เป็นเรื่องที่เจอมากับตัว หันซ้ายหันขวามานานแล้วว่าทำยังไงจะได้คำตอบที่มีเหตุผลมากที่สุด เลยคิดว่าน่าจะลองเข้ามาถามใน pantip ดู เพราะน่าจะมีความลำเอียงน้อยที่สุดแล้ว เนื่องจากไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับสิ่งที่เราจะปรึกษา
ถ้าเล่ายาว เล่าเกินไปบ้างขออภัยนะคะ แต่จะพยายามสื่อสิ่งที่ต้องการให้ชัดที่สุด
ตอนแรกเราทำงานอยู่ในส่วนของ ผู้ช่วยฝ่ายขาย ทำมานานพอสมควรเริ่มเห็นว่าตัวเองน่าจะลองทำอะไรใหม่ๆบ้าง นอกจากจะได้พัฒนาตัวเองอาจมีโอกาสได้รายได้มากขึ้น “ เป็นเซล “ ไอเดียแรกเลยค่ะที่คิด พอตัดสินใจได้เราคุยกับเจ้านายเลยว่า เราทำงานนี้มานานแล้ว ทำได้หมดทุกอย่างที่นายสั่ง ( แทบจะหลับตาทำได้ ) เราขอโอกาสเป็นเซลดูบ้างได้ไม๊ นายเงียบไปสองเดือนเราถึงได้คำตอบ เราได้เป็นเซลค่ะ แต่ไม่ได้อยู่กับนายคนเดิม ต้องย้ายไปเป็นเซลอีกแผนกนึง ด้วยเหตุผลว่า ตำแหน่งเซลที่ว่างอยู่ของแผนกเดิมไม่เหมาะกับผู้หญิง ผู้ใหญ่เลยมองว่า ควรจะไปทำอีกแผนกที่ดูเหมาะกับผู้หญิงมากกว่า แต่เรามองเห็นความไม่ชัดเจนตั้งแต่ย้ายไป เพราะ สิ่งที่บริษัทจะให้เราขาย มีเซลเจ้าที่ทำอยู่แล้ว เท่ากับว่า เราเข้าไปเป็นเซลคนที่สองของฟิลด์นี้ ( ไม่เคยมีมาก่อนค่ะ )
วันแรกเราถามเจ้านายเลยว่า มีเซลทำอยู่แล้วให้เรามาช่วยเค้าเหรอ ( ถ้าตอบว่าใช่ จะไม่เอา เพราะทำอยู่แผนกเดิมก็ได้ไม่ต้องย้ายมาแผนกใหม่ ) เค้าบอกเราว่า “เปล่า ไอจะให้ยูมาขายของ ไม่ได้ให้มาเป็นผู้ช่วย” ตอบชัด... แต่เราก็ต้องช่วยเซลเจ้าที่ทำอยู่ดีน่ะค่ะ เพราะมันเหมือนกับเข้ามาทำงานแรกๆก็ต้องเรียนรู้ก่อน เค้าให้เราช่วยทำในส่วน processing order อธิบายง่ายๆคือ ดูการเปิด L/C ประสานงานกับซัพพลายเออร์หลังจากที่เค้าขายได้แล้ว ถามตอบอีเมลล์ คือ มันเป็นงานที่เราเคยทำมาแล้วตอนอยู่แผนกเดิม ไม่เห็นมีอะไรใหม่ๆให้เราเรียนรู้เกี่ยวงานขายหรือการเป็นเซลเลย ทำมาประมาณเดือนกว่าๆ วันนึงเราเลยบอกเซลเจ้าที่ว่า “ งาน L/C อันนี้ให้ sale co ทำได้ไม๊คะ ” (ก็มันเป็นหน้าที่ของ sales co ) ... แต่เราทำพลาดค่ะ เค้าไม่พอใจเรามาก หาว่าเราเลือกงาน ชักสีหน้า สะบัดบ๊อบใส่เราอย่างแรง.. เราไม่ได้เลือกแต่ที่ให้เราทำอยู่มันไม่ใช่อ่ะ ใจจริงเราไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เราทำผิด ก็เจ้านายบอกเราว่า ไม่ได้ให้มาช่วย แต่ให้มาขาย เราก็ถามหาสิ่งที่เกี่ยวกับการขาย เพราะไอ้ที่ให้เราทำอยู่มันเป็นงานหลังการขาย... สุดท้ายมีผู้ใหญ่แนะนำเราว่า เราควรไปขอโทษเซลเจ้าที่ เราก็ขอโทษค่ะ เค้าเป็นผู้ใหญ่.. นอกจากขอโทษเรายังบอกเค้าด้วยว่า ถ้าเราทำอะไรผิดไปก็บอกเราด้วย แต่ดูเหมือน เค้าจะไม่ให้อภัย และ หลังจากนั้น ชีวิตเราก็พิสดารขึ้นทุกวัน ทุกวัน
6 เดือนแรกไม่มีความชัดเจนอะไรเลย นอกจากเราต้องออกไปหาลูกค้ากับเซลเจ้าที่... โอเคมากค่ะ รู้สึกว่าได้เรียนรู้งานขาย.. แต่เราก็ยังไม่มีลูกค้าเป็นของตัวเอง ไม่มีซัพพลายเออร์เป็นของตัวเอง บอกตรงๆ เราก็งงค่ะ ทำงานไม่ถูก และเมื่อคนเป็นนายไม่ทำอะไร เราเลยพยายามสร้างความชัดเจนให้กับงานของเราเพื่อที่เราจะได้วางแผนงานถูก อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้
เราเลยเดินไปเสนอเค้าเลยว่า บริษัทจะเอาซัพพลายเออร์ใหม่เข้ามา เราขอทำเอง ขอเป็น account ของเรา แต่เพราะตอนแรกเราแสดงจุดยืนชัดเจนว่า เราต้องการมาขายของเกี่ยวกับบ้าน ( ขอสมมุติว่าเป็นบ้านนะคะ จริงๆเป็นอย่างอื่น มูลค่าสูง ไม่อยากระบุค่ะ กลัวโดนกินหัวเหมือนกัน 555 ) เพราะฉะนั้น เราจะเสนอขายของเกี่ยวกับบ้านด้วย (ซัพพลายเออร์ใหม่ เกี่ยวกับการออกแบบบ้าน ไม่ใช่วัสดุหรืออุปกรณ์ ) แต่เราจะเสนอให้กับ ลูกค้าใหม่ รวมทั้ง ลูกค้าเก่าที่เซลเจ้าที่ ไม่เคยมีออเดอร์ด้วยมาก่อน ลูกค้าไหนก็ตามที่เซลเจ้าที่มีสัมพันธ์ที่ดี สนิทสนมด้วย (จะมีหรือไม่มีออเดอร์ก็ตาม) และลูกค้าที่มีออเดอร์ด้วยมาแล้ว เราจะไม่แตะ ( พิสดารที่ 1 เราเป็นเซลอ่ะ ไม่ใช่ผู้บริหาร นี่เราต้องมาเสนอเองว่าน่าจะจัดสรรแบบไหน ใช่เหรอ )
ในทางเดียวกัน ถ้าลูกค้าเจ้าไหนก็ตามที่สนใจอยากให้ซัพพลายเออร์ใหม่นี้ออกแบบให้ เซลเจ้าที่ก็ต้องบอกเรา ห้ามเอาไปทำเอง โอเคไม๊ เจ้านายตอบว่า okay ... ให้ข้อมูลนะคะ เซลเจ้าที่มีซัพพลายเออร์อยู่ในมืออยู่แล้วเป็นสิบ ขายหลังคา ขายผนัง ขายพื้น ขายเฟอร์นิเจอร์ ขายรั้ว ขายสารพัดสารเพ ( สมมุตนะคะให้เห็นภาพ พอเปรียบเทียบกันได้ ) เราขอมา 1 อันแบบชัดเจนว่าเป็นของเราอันเดียว มันไม่มากไปใช่ไม๊คะ)
ในขณะที่เราทำตามคำพูดของเราคือไม่แตะของ ของเค้า แต่เซลเจ้าที่ไม่ เรามารู้ด้วยความบังเอิญว่า เค้าได้ทำโปรเจคของซัพพลายเออร์ใหม่ ขายงานออกแบบ ซึ่งมันควรจะเป็นโปรเจคที่เราควรได้ทำ !!! ตามที่ตกลงกันไง แล้วทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ ??? อย่างนี้เราจะเอาอะไรกินล่ะคะ เราจะมีโอกาสได้ทำผลงานไม๊อ่ะ
หลังจากทำมาได้ 2 ปีเราได้เรียนรู้ว่า การเอาของใหม่เข้าตลาดต้องใช้เวลา ยิ่งมีคู่แข่งในตลาดอยู่แล้ว ทำมาก่อนเราเป็นสิบปียิ่งยาก ( เราไม่เคยเป็นเซลมาก่อน ก็ต้องมาเรียนรู้เอาเอง ) เพราะ 1 โปรเจคไม่ใช่ราคา สองพัน แต่ราคามันตั้งแต่ 1 แสน ไปถึง ล้านยูโร เพราะฉะนั้นต้องคุยนานพิจารณานาน ยกเว้นเฮงมากเจอลูกค้าทำ feasibility มาแล้ว ถูกตาต้องใจกัน เค้าอาจตัดสินใจภายใน 6 เดือนซึ่งยังไม่มีค่ะ ... อันนี้ไม่ได้ท้อนะคะ เข้าใจ แต่ก็อยากมีความก้าวหน้าในการงานด้วย ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตารับชะตากรรมอย่างเดียว
อย่างที่สอง เราได้เรียนรู้ว่า เซลเจ้าที่ขายของมาเป็นสิบๆปี เค้ารู้ดีอยู่แล้วว่า ลูกค้าเจ้าไหน A เจ้านาย B หรือ C และลูกค้าที่เหลือถึงเราก็คือ ลูกค้า C ค่ะ ( A ใหม่ก็มี แต่น้อยมาก ) ซึ่งไม่มีเงินจะซื้อของเรา มันไม่มีโอกาสอ่ะค่ะ เหมือนนั่งขายหูฉลามในสลัม
วันนึงเราเลยไปบอกเจ้านายว่า เราเห็นว่า บริษัทควรแบ่งซัพพลายเออร์มาให้เราได้ดูแลบ้าง ไม่ใช่ให้เราวิ่งขายมั่วๆไปวันๆ เราเข้าลูกค้านี้ เซลเจ้าที่ก็เข้าลูกค้านี้ ลูกค้านี้เซลเจ้าที่เคยให้เรามาแล้ว เค้าก็ยังกลับไปหาลูกค้าเจ้านี้อีก (มันควรให้เราดูแลไม่ใช่เหรอคะ ) เราบอกเจ้านายว่า ไม่จำเป็นต้องแบ่ง TOP SALE หรือตัวที่ขายดีมาให้เราก็ได้ แต่น่าจะมีมาให้เราซักอันสองอัน ที่ขอแบ่งเพราะเราจะได้มีโอกาสได้ลองทำโปรเจคยาวๆ ได้เรียนรู้งานเป็นชิ้นเป็นอัน และมีโอกาสได้ติดต่อกับลูกค้า A บ้าง ถ้าซัพพลายเออร์ที่จะแบ่งมาให้เรา เซลเจ้าที่มีโปรเจคอยู่ด้วย เราก็ไม่เอา (ก็มันไม่ใช่ของเรา) แต่ของในอนาคต ของลูกค้าใหม่ควรเป็นเราทำ
แต่คำตอบคือ แบ่งไม่ได้!!!! เราไม่เข้าใจค่ะ แบ่งไม่ได้ยังไง แล้วมันแบ่งไม่ได้จริงๆเหรอคะ ถ้าเพื่อนๆในนี้ตอบว่าจริง เราก็คงหมดความสงสัย และยอมรับว่า เราบ้าที่ไปขอให้บริษัททำในสิ่งที่ทำไม่ได้จริงๆ แล้วอันนี้มันคือหลักการที่ควรจะทำเหรอคะ ให้เซลในบริษัทเดียวกัน ไปแข่งไปแย่งกันเอาเอง ( แข่งกับคู่แข่งข้างนอก ก็เยอะพอแล้วนะ เราว่า ) ขอความคิดเห็นหน่อยนะคะ และแนะนำมาได้ทุกอย่าง เราไม่เคยเป็นเซลมาก่อน อาจมีบางเรื่องที่เราควรรู้ เปิดหูเปิดตารับฟังก็ได้
ให้วิ่งหาลูกค้าใหม่ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ รับได้ แต่ให้วิ่งขายทั้งๆที่ไม่มีโอกาสเลย มันทรมานจิตใจมากอ่ะ
สุดท้าย การเป็นเซลนี่ได้ฝึกอีโก้ดีนะคะ ได้ประโยชน์ ใครอยากฝึกอีโก้ ลดอัตตาในตัวเองบ้าง แนะนำให้เป็นเซลค่ะ
แถมอีกนิด.. เซลเจ้าที่เคยว่าเราทางอ้อมว่าเราเอาเต้าไต่ เลยได้เป็นเซล ... สาบานว่าไม่ได้ทำค่ะ ทำไม่เป็น แต่เรายอมรับว่าเรารู้ว่าเจ้านายใหญ่เอ็นดู แต่เราไม่เคยใช้อภิสิทธ์ตรงนั้น ถ้าทำเป็นคงรุ่งแล้วมั้ง.. ตอนโดนด่าน้ำตาร่วงอ่ะ ( เห็นสด!! พ่อแม่ฉันไม่เคยสอนให้ทำตัวแบบนั้น ) เหมือนนิยายแต่เรื่องจริง.. เฮ้อ
เราแท๊กถูกห้องใช่ไม๊คะ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำแนะนำค่ะ
เซล 2 คนต้องขายของในฟิลด์เดียวกัน ควรแบ่งงานกันยังไง แบ่งได้ไม๊
ถ้าเล่ายาว เล่าเกินไปบ้างขออภัยนะคะ แต่จะพยายามสื่อสิ่งที่ต้องการให้ชัดที่สุด
ตอนแรกเราทำงานอยู่ในส่วนของ ผู้ช่วยฝ่ายขาย ทำมานานพอสมควรเริ่มเห็นว่าตัวเองน่าจะลองทำอะไรใหม่ๆบ้าง นอกจากจะได้พัฒนาตัวเองอาจมีโอกาสได้รายได้มากขึ้น “ เป็นเซล “ ไอเดียแรกเลยค่ะที่คิด พอตัดสินใจได้เราคุยกับเจ้านายเลยว่า เราทำงานนี้มานานแล้ว ทำได้หมดทุกอย่างที่นายสั่ง ( แทบจะหลับตาทำได้ ) เราขอโอกาสเป็นเซลดูบ้างได้ไม๊ นายเงียบไปสองเดือนเราถึงได้คำตอบ เราได้เป็นเซลค่ะ แต่ไม่ได้อยู่กับนายคนเดิม ต้องย้ายไปเป็นเซลอีกแผนกนึง ด้วยเหตุผลว่า ตำแหน่งเซลที่ว่างอยู่ของแผนกเดิมไม่เหมาะกับผู้หญิง ผู้ใหญ่เลยมองว่า ควรจะไปทำอีกแผนกที่ดูเหมาะกับผู้หญิงมากกว่า แต่เรามองเห็นความไม่ชัดเจนตั้งแต่ย้ายไป เพราะ สิ่งที่บริษัทจะให้เราขาย มีเซลเจ้าที่ทำอยู่แล้ว เท่ากับว่า เราเข้าไปเป็นเซลคนที่สองของฟิลด์นี้ ( ไม่เคยมีมาก่อนค่ะ )
วันแรกเราถามเจ้านายเลยว่า มีเซลทำอยู่แล้วให้เรามาช่วยเค้าเหรอ ( ถ้าตอบว่าใช่ จะไม่เอา เพราะทำอยู่แผนกเดิมก็ได้ไม่ต้องย้ายมาแผนกใหม่ ) เค้าบอกเราว่า “เปล่า ไอจะให้ยูมาขายของ ไม่ได้ให้มาเป็นผู้ช่วย” ตอบชัด... แต่เราก็ต้องช่วยเซลเจ้าที่ทำอยู่ดีน่ะค่ะ เพราะมันเหมือนกับเข้ามาทำงานแรกๆก็ต้องเรียนรู้ก่อน เค้าให้เราช่วยทำในส่วน processing order อธิบายง่ายๆคือ ดูการเปิด L/C ประสานงานกับซัพพลายเออร์หลังจากที่เค้าขายได้แล้ว ถามตอบอีเมลล์ คือ มันเป็นงานที่เราเคยทำมาแล้วตอนอยู่แผนกเดิม ไม่เห็นมีอะไรใหม่ๆให้เราเรียนรู้เกี่ยวงานขายหรือการเป็นเซลเลย ทำมาประมาณเดือนกว่าๆ วันนึงเราเลยบอกเซลเจ้าที่ว่า “ งาน L/C อันนี้ให้ sale co ทำได้ไม๊คะ ” (ก็มันเป็นหน้าที่ของ sales co ) ... แต่เราทำพลาดค่ะ เค้าไม่พอใจเรามาก หาว่าเราเลือกงาน ชักสีหน้า สะบัดบ๊อบใส่เราอย่างแรง.. เราไม่ได้เลือกแต่ที่ให้เราทำอยู่มันไม่ใช่อ่ะ ใจจริงเราไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เราทำผิด ก็เจ้านายบอกเราว่า ไม่ได้ให้มาช่วย แต่ให้มาขาย เราก็ถามหาสิ่งที่เกี่ยวกับการขาย เพราะไอ้ที่ให้เราทำอยู่มันเป็นงานหลังการขาย... สุดท้ายมีผู้ใหญ่แนะนำเราว่า เราควรไปขอโทษเซลเจ้าที่ เราก็ขอโทษค่ะ เค้าเป็นผู้ใหญ่.. นอกจากขอโทษเรายังบอกเค้าด้วยว่า ถ้าเราทำอะไรผิดไปก็บอกเราด้วย แต่ดูเหมือน เค้าจะไม่ให้อภัย และ หลังจากนั้น ชีวิตเราก็พิสดารขึ้นทุกวัน ทุกวัน
6 เดือนแรกไม่มีความชัดเจนอะไรเลย นอกจากเราต้องออกไปหาลูกค้ากับเซลเจ้าที่... โอเคมากค่ะ รู้สึกว่าได้เรียนรู้งานขาย.. แต่เราก็ยังไม่มีลูกค้าเป็นของตัวเอง ไม่มีซัพพลายเออร์เป็นของตัวเอง บอกตรงๆ เราก็งงค่ะ ทำงานไม่ถูก และเมื่อคนเป็นนายไม่ทำอะไร เราเลยพยายามสร้างความชัดเจนให้กับงานของเราเพื่อที่เราจะได้วางแผนงานถูก อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้
เราเลยเดินไปเสนอเค้าเลยว่า บริษัทจะเอาซัพพลายเออร์ใหม่เข้ามา เราขอทำเอง ขอเป็น account ของเรา แต่เพราะตอนแรกเราแสดงจุดยืนชัดเจนว่า เราต้องการมาขายของเกี่ยวกับบ้าน ( ขอสมมุติว่าเป็นบ้านนะคะ จริงๆเป็นอย่างอื่น มูลค่าสูง ไม่อยากระบุค่ะ กลัวโดนกินหัวเหมือนกัน 555 ) เพราะฉะนั้น เราจะเสนอขายของเกี่ยวกับบ้านด้วย (ซัพพลายเออร์ใหม่ เกี่ยวกับการออกแบบบ้าน ไม่ใช่วัสดุหรืออุปกรณ์ ) แต่เราจะเสนอให้กับ ลูกค้าใหม่ รวมทั้ง ลูกค้าเก่าที่เซลเจ้าที่ ไม่เคยมีออเดอร์ด้วยมาก่อน ลูกค้าไหนก็ตามที่เซลเจ้าที่มีสัมพันธ์ที่ดี สนิทสนมด้วย (จะมีหรือไม่มีออเดอร์ก็ตาม) และลูกค้าที่มีออเดอร์ด้วยมาแล้ว เราจะไม่แตะ ( พิสดารที่ 1 เราเป็นเซลอ่ะ ไม่ใช่ผู้บริหาร นี่เราต้องมาเสนอเองว่าน่าจะจัดสรรแบบไหน ใช่เหรอ )
ในทางเดียวกัน ถ้าลูกค้าเจ้าไหนก็ตามที่สนใจอยากให้ซัพพลายเออร์ใหม่นี้ออกแบบให้ เซลเจ้าที่ก็ต้องบอกเรา ห้ามเอาไปทำเอง โอเคไม๊ เจ้านายตอบว่า okay ... ให้ข้อมูลนะคะ เซลเจ้าที่มีซัพพลายเออร์อยู่ในมืออยู่แล้วเป็นสิบ ขายหลังคา ขายผนัง ขายพื้น ขายเฟอร์นิเจอร์ ขายรั้ว ขายสารพัดสารเพ ( สมมุตนะคะให้เห็นภาพ พอเปรียบเทียบกันได้ ) เราขอมา 1 อันแบบชัดเจนว่าเป็นของเราอันเดียว มันไม่มากไปใช่ไม๊คะ)
ในขณะที่เราทำตามคำพูดของเราคือไม่แตะของ ของเค้า แต่เซลเจ้าที่ไม่ เรามารู้ด้วยความบังเอิญว่า เค้าได้ทำโปรเจคของซัพพลายเออร์ใหม่ ขายงานออกแบบ ซึ่งมันควรจะเป็นโปรเจคที่เราควรได้ทำ !!! ตามที่ตกลงกันไง แล้วทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ ??? อย่างนี้เราจะเอาอะไรกินล่ะคะ เราจะมีโอกาสได้ทำผลงานไม๊อ่ะ
หลังจากทำมาได้ 2 ปีเราได้เรียนรู้ว่า การเอาของใหม่เข้าตลาดต้องใช้เวลา ยิ่งมีคู่แข่งในตลาดอยู่แล้ว ทำมาก่อนเราเป็นสิบปียิ่งยาก ( เราไม่เคยเป็นเซลมาก่อน ก็ต้องมาเรียนรู้เอาเอง ) เพราะ 1 โปรเจคไม่ใช่ราคา สองพัน แต่ราคามันตั้งแต่ 1 แสน ไปถึง ล้านยูโร เพราะฉะนั้นต้องคุยนานพิจารณานาน ยกเว้นเฮงมากเจอลูกค้าทำ feasibility มาแล้ว ถูกตาต้องใจกัน เค้าอาจตัดสินใจภายใน 6 เดือนซึ่งยังไม่มีค่ะ ... อันนี้ไม่ได้ท้อนะคะ เข้าใจ แต่ก็อยากมีความก้าวหน้าในการงานด้วย ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตารับชะตากรรมอย่างเดียว
อย่างที่สอง เราได้เรียนรู้ว่า เซลเจ้าที่ขายของมาเป็นสิบๆปี เค้ารู้ดีอยู่แล้วว่า ลูกค้าเจ้าไหน A เจ้านาย B หรือ C และลูกค้าที่เหลือถึงเราก็คือ ลูกค้า C ค่ะ ( A ใหม่ก็มี แต่น้อยมาก ) ซึ่งไม่มีเงินจะซื้อของเรา มันไม่มีโอกาสอ่ะค่ะ เหมือนนั่งขายหูฉลามในสลัม
วันนึงเราเลยไปบอกเจ้านายว่า เราเห็นว่า บริษัทควรแบ่งซัพพลายเออร์มาให้เราได้ดูแลบ้าง ไม่ใช่ให้เราวิ่งขายมั่วๆไปวันๆ เราเข้าลูกค้านี้ เซลเจ้าที่ก็เข้าลูกค้านี้ ลูกค้านี้เซลเจ้าที่เคยให้เรามาแล้ว เค้าก็ยังกลับไปหาลูกค้าเจ้านี้อีก (มันควรให้เราดูแลไม่ใช่เหรอคะ ) เราบอกเจ้านายว่า ไม่จำเป็นต้องแบ่ง TOP SALE หรือตัวที่ขายดีมาให้เราก็ได้ แต่น่าจะมีมาให้เราซักอันสองอัน ที่ขอแบ่งเพราะเราจะได้มีโอกาสได้ลองทำโปรเจคยาวๆ ได้เรียนรู้งานเป็นชิ้นเป็นอัน และมีโอกาสได้ติดต่อกับลูกค้า A บ้าง ถ้าซัพพลายเออร์ที่จะแบ่งมาให้เรา เซลเจ้าที่มีโปรเจคอยู่ด้วย เราก็ไม่เอา (ก็มันไม่ใช่ของเรา) แต่ของในอนาคต ของลูกค้าใหม่ควรเป็นเราทำ
แต่คำตอบคือ แบ่งไม่ได้!!!! เราไม่เข้าใจค่ะ แบ่งไม่ได้ยังไง แล้วมันแบ่งไม่ได้จริงๆเหรอคะ ถ้าเพื่อนๆในนี้ตอบว่าจริง เราก็คงหมดความสงสัย และยอมรับว่า เราบ้าที่ไปขอให้บริษัททำในสิ่งที่ทำไม่ได้จริงๆ แล้วอันนี้มันคือหลักการที่ควรจะทำเหรอคะ ให้เซลในบริษัทเดียวกัน ไปแข่งไปแย่งกันเอาเอง ( แข่งกับคู่แข่งข้างนอก ก็เยอะพอแล้วนะ เราว่า ) ขอความคิดเห็นหน่อยนะคะ และแนะนำมาได้ทุกอย่าง เราไม่เคยเป็นเซลมาก่อน อาจมีบางเรื่องที่เราควรรู้ เปิดหูเปิดตารับฟังก็ได้
ให้วิ่งหาลูกค้าใหม่ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ รับได้ แต่ให้วิ่งขายทั้งๆที่ไม่มีโอกาสเลย มันทรมานจิตใจมากอ่ะ
สุดท้าย การเป็นเซลนี่ได้ฝึกอีโก้ดีนะคะ ได้ประโยชน์ ใครอยากฝึกอีโก้ ลดอัตตาในตัวเองบ้าง แนะนำให้เป็นเซลค่ะ
แถมอีกนิด.. เซลเจ้าที่เคยว่าเราทางอ้อมว่าเราเอาเต้าไต่ เลยได้เป็นเซล ... สาบานว่าไม่ได้ทำค่ะ ทำไม่เป็น แต่เรายอมรับว่าเรารู้ว่าเจ้านายใหญ่เอ็นดู แต่เราไม่เคยใช้อภิสิทธ์ตรงนั้น ถ้าทำเป็นคงรุ่งแล้วมั้ง.. ตอนโดนด่าน้ำตาร่วงอ่ะ ( เห็นสด!! พ่อแม่ฉันไม่เคยสอนให้ทำตัวแบบนั้น ) เหมือนนิยายแต่เรื่องจริง.. เฮ้อ
เราแท๊กถูกห้องใช่ไม๊คะ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำแนะนำค่ะ