พระอาจารย์สิม พุทธาจาโร
สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง
อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
...
ตัณหาทั้งหลาย..กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
มันเป็นเชือกเป็นปอ เป็นโซ่มัดคนเราไว้
มัดคอ มัดเท้า มัดมือ มัดตีนไปมาไม่ได้
กิเลสตัณหามันมากมาย มันมัดไว้ผูกไว้
มัดไว้ให้จมอยู่ในโลก ในวัฏฏะสงสารอันนี้แหละ
ตัณหาในใจของคนเราไม่มีเวลาเหือดแห้งไป
ถ้าไม่ภาวนาละกิเลส ไม่เอาจริงเอาจังแล้ว
ตัณหามันไม่ยอมวาง
พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทั้งหลาย
พระองค์จึงทรงตรัสไว้ว่า "นตฺถิ ตณฺหาสมา นที"
แม่น้ำลำคลองทั้งหลายนั้นยังมีเวลาเต็ม
แต่ตัณหาในใจมนุษย์คนเรา
และสัตว์โลกทั้งหลายนั้นไม่มีเวลาเต็ม
ฤดูฝน น้ำฝนเต็ม ตัณหาในจิตมันก็ยังไม่เต็มไม่พอ
มีอย่างนี้แล้วอยากมีอย่างโน้น
ได้อย่างนี้แล้วอยากได้อย่างอื่นต่อๆไป
เพราะว่า
จิตไม่ภาวนา ไม่ละกิเลส
นตฺถิ ตณฺหาสมา นที แม่น้ำจะเสมอด้วยตัณหาไม่มี
ตัณหาในใจของมนุษย์คนเรานั้นแหละ
คือว่า กิเลสทุกอย่างทุกประการ
กิเลสเหล่านี้จะเบาบางหมดสิ้นไปนั้น
ท่านว่ามีอยู่อย่างเดียวก็คือ "ละ"
หรือประหาร ทิ้ง ละทิ้ง ปล่อยทิ้ง ไม่เก็บเข้ามา
ให้มันยุติอยู่แค่ที่มันมีอยู่นั้น
แล้วก็เพียรพยายามลดน้อยถอยลงไปโดยลำดับ
จิตภาวนาไม่พลั้งไม่เผลอ มีสติอยู่ทุกขณะ
สติ คือ ความระลึกได้ ความระลึกได้เอามาจากไหน
เอามาจากจิตใจดวงผู้รู้อยู่ในตัวในใจนี้แหละ
...
คัดลอกเนื้อหาจาก
หนังสือสุข สงบ เยือกเย็น
สิงหาคม, ๒๕๕๖. หน้า ๔๒
นตฺถิ ตณฺหาสมา นที : หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
พระอาจารย์สิม พุทธาจาโร
สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง
อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
...
ตัณหาทั้งหลาย..กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
มันเป็นเชือกเป็นปอ เป็นโซ่มัดคนเราไว้
มัดคอ มัดเท้า มัดมือ มัดตีนไปมาไม่ได้
กิเลสตัณหามันมากมาย มันมัดไว้ผูกไว้
มัดไว้ให้จมอยู่ในโลก ในวัฏฏะสงสารอันนี้แหละ
ตัณหาในใจของคนเราไม่มีเวลาเหือดแห้งไป
ถ้าไม่ภาวนาละกิเลส ไม่เอาจริงเอาจังแล้ว
ตัณหามันไม่ยอมวาง
พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทั้งหลาย
พระองค์จึงทรงตรัสไว้ว่า "นตฺถิ ตณฺหาสมา นที"
แม่น้ำลำคลองทั้งหลายนั้นยังมีเวลาเต็ม
แต่ตัณหาในใจมนุษย์คนเรา
และสัตว์โลกทั้งหลายนั้นไม่มีเวลาเต็ม
ฤดูฝน น้ำฝนเต็ม ตัณหาในจิตมันก็ยังไม่เต็มไม่พอ
มีอย่างนี้แล้วอยากมีอย่างโน้น
ได้อย่างนี้แล้วอยากได้อย่างอื่นต่อๆไป
เพราะว่า จิตไม่ภาวนา ไม่ละกิเลส
นตฺถิ ตณฺหาสมา นที แม่น้ำจะเสมอด้วยตัณหาไม่มี
ตัณหาในใจของมนุษย์คนเรานั้นแหละ
คือว่า กิเลสทุกอย่างทุกประการ
กิเลสเหล่านี้จะเบาบางหมดสิ้นไปนั้น
ท่านว่ามีอยู่อย่างเดียวก็คือ "ละ"
หรือประหาร ทิ้ง ละทิ้ง ปล่อยทิ้ง ไม่เก็บเข้ามา
ให้มันยุติอยู่แค่ที่มันมีอยู่นั้น
แล้วก็เพียรพยายามลดน้อยถอยลงไปโดยลำดับ
จิตภาวนาไม่พลั้งไม่เผลอ มีสติอยู่ทุกขณะ
สติ คือ ความระลึกได้ ความระลึกได้เอามาจากไหน
เอามาจากจิตใจดวงผู้รู้อยู่ในตัวในใจนี้แหละ
...
คัดลอกเนื้อหาจาก
หนังสือสุข สงบ เยือกเย็น
สิงหาคม, ๒๕๕๖. หน้า ๔๒