มีนายกฯ อยู่ 3 ท่านที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องบ้านและที่ดิน อันนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองนะครับ แต่ยกขึ้นมาเพื่อให้ดูเป็นอุทาหรณ์ในลงทุน นายกฯ 3 ท่านนี้เป็นใครเอ่ย ย่อมไม่ใช่นายกฯ ชวนแน่นอน เพราะท่านยังอยู่บ้านเช่าเก่า ๆ แต่ดูท่านแต่งตัวแล้ว ไม่ได้แสดงถึงความจนเลย คงจะเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทองกระมัง (ฮา) เรามาดูกันครับ
การเลือกซื้อบ้าน-ที่ดินบ้านนายกฯ บรรหาร
บ้าน "ศิลปอาชา" ของท่านนายกฯ บรรหารตั้งอยู่ติดถนนจรัลสนิทวงศ์ เยื้องตลาดพงษ์ทรัพย์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร นับว่าท่าน "ตาแหลม" มากในการเลือกซื้อที่ดินแปลงนี้มาทำเป็นบ้าน (คฤหาสน์) เพราะถือว่าทำเลเยี่ยม เมื่อปี 2537 ยังตกเป็นเงินตารางวาละประมาณ 100,000 บาท ปัจจุบันน่าจะเป็นเงินตารางวาละ 250,000 บาทแล้ว สำหรับขนาดที่ดินประมาณ 5 ไร่ ก็มีสนนราคาประมาณ 500 ล้านบาทเข้าไปแล้ว
หากวันดีคืนดี นายกฯ บรรหาร เกิดเลิกเล่นการเมือง บ้านหลังนี้ซึ่งมีหลายอาคาร บ้างก็มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ก็อาจรื้อให้เหลือแต่ที่ดินไปทำอาคารชุดขายหรืออะพาร์ตเมนต์ให้เช่าเพื่อการเก็บกินระยะยาวได้อีกด้วย นับว่าไม่เสียหลาย ยิ่งกว่านั้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินก็กำลังจะผ่านหน้าบ้าน สถานีก็ตั้งอยู่ไม่ไกล กลายเป็นทำเลทองขึ้นมาในทันทีเลย
บ้านนายกฯ ทักษิณ
"บ้านจันทร์ส่องหล้า" คงเป็นชื่อที่คุ้น ๆ สำหรับทุกท่าน บ้านหลังนี้เป็นของนายกฯ ทักษิณ ผมเคยไป! ไปแค่สำหรับอสังหาริมทรัพย์โดยรอบ ไม่เคยเข้าไปพบท่านนะครับ ที่ดินที่ตั้งบ้านมีขนาดประมาณ 12 ไร่ ตั้งอยู่ในซอยจรัลสนิทวงศ์ 69 ซึ่งเป็นซอยเล็ก ๆ แคบ ๆ มีเขตทางกว้างเพียงประมาณ 5-6 เมตรเท่านั้น ห่างจากปากซอยถึงประมาณ 1 กิโลเมตร
ผมเองก็ไม่ทราบว่านายกฯ ทักษิณ ได้ที่ดินแปลงนี้มายังไง อาจรับมรดกมาหรือไปซื้อที่แปลงนี้มาโดยตรง แต่ถือเป็นการเลือกสร้างคฤหาสน์ที่อาจไม่สอดคล้องกับการลงทุนเท่าที่ควร แต่ก็ไม่แน่ว่าแต่แรกท่านคงคิดจะอยู่อย่างเงียบสงบ แต่การอยู่ในซอยลึก (เดี๋ยวนี้ดีขึ้นแล้วเพราะออกสู่ถนนสิรินธรได้ด้วย) เช่นนี้ ราคาที่ดินคงไม่ขึ้นมากนัก จะเอาไปพัฒนาในเชิงพาณิชย์ท่ามกลางการอยู่อาศัยแบบบ้านเดี่ยวโดยรอบก็ดูกระไรอยู่
ที่ดินนายกฯ ประยุทธ์
เมื่อปลายปี 2557 มีข่าวว่า นายกฯ ประยุทธ์ ได้รับเงินจากบิดา (พ.อ.ประพัฒน์) เป็นเงิน 540 ล้านบาท จากการขายที่ดินถนนบางบอน 3 ขนาดเกือบ 51 ไร่ในราคา 600 ล้านบาท มีข้อโจมตีท่านมากมาย แต่ผมก็ไปประเมินค่าที่ดินแปลงนี้มา (โดยไม่มีใครจ้าง ไปทำความจริงให้ปรากฏเท่านั้น) และยืนยันว่าราคาที่ดินที่ขายนี้ไม่ได้สูงจนเกินไป ไม่ใช่การฟอกเงิน แม้บริษัทที่ซื้อจะจดทะเบียนอยู่เกาะเคย์แมนก็ตาม
การที่บิดาของนายกฯ ประยุทธ์ ซื้อที่ดินแปลงนี้มา 30 ปีแล้ว นับเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาด โดยก่อนหน้านี้ ที่ดินแปลงนี้ก็ได้ผลตอบแทนจากการให้เช่าทำสวน เก็บกินได้มาโดยตลอด และเมื่อขาย ก็ได้กำไรงาม เพราะที่ดินแปลงนี้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น เพราะถนนบางบอน 3 ได้ขยายเป็น 4 ช่องทางจราจรแล้ว ทำให้มีความตื่นตัวของการซื้อขายที่ดินมากขึ้น นับเป็นการขายที่สมควรแก่เวลาแล้ว
ที่ดินศูนย์วัฒนธรรมของนายกฯ ทักษิณ
ที่นายกฯ ทักษิณ ซื้อที่ดินแปลงนี้ ก็คงมุ่งหวังจะปลูกคฤหาสน์เพราะได้เสียค่าออกแบบไป 39 ล้านบาทแล้ว เพราะเมื่อคดีสิ้นสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังต้องชดใช้เงินค่าออกแบบนี้ให้คุณหญิงพจมานด้วยแล้ว ผมเชื่อลึก ๆ ว่า นายกฯ ทักษิณ คงจะ "แก้มือ" ซื้อที่ดินแปลงนี้มาสร้างบ้านให้ติดถนนใหญ่ จะได้ดูสง่าผ่าเผยกว่าที่มีบ้าน "จันทร์ส่องหล้า" ที่อยู่ลึกเข้าไปถึง 1 กิโลเมตรจากซอยจรัลสนิทวงศ์ 69
ที่ดินแปลงนี้มีขนาด 33 ไร่ 81.8 ตารางวาที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซื้อจากบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เอราวัณทรัสต์ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2538 มูลค่า 2,749 ล้านบาท ต่อมาในปี 2544 กองทุนฯ ได้ลดราคาลงเหลือเหลือ 700 กว่าล้านบาท และนำออกประมูลทางอินเทอร์เน็ต เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 ตั้งราคาขั้นต่ำ 870 ล้านบาท โดยผู้ร่วมประมูลต้องวางเงินมัดจำ 10 ล้านบาท แต่ไม่มีผู้เสนอราคา กองทุนฯ จึงได้ยกเลิกการประมูล และเปิดประมูลใหม่เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2546 โดยไม่กำหนดราคาขั้นต่ำ
โดยสรุปแล้ว การลงทุนในบ้านและที่ดิน จึงต้องพิจารณาถึงทำเลให้ดีที่สุด นายกฯ บรรหารที่มีบ้านอยู่ติดถนนใหญ่ รถไฟฟ้าผ่าน นับว่าเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดมาก คุณพ่อของนายกฯ ประยุทธ์ ก็มีวิสัยทัศน์ดีมากที่เก็บที่ดินชานเมืองแถวบางบอนไว้ถึง 30 ปีก่อนขาย นับเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่ายิ่ง ส่วนกรณีไปซื้อที่สร้างบ้านจันทร์ส่องหล้าในซอยลึกของนายกฯ ทักษิณ นับว่าตัดสินใจผิด ท่านจึงคิดจะมา "แก้มือ" ซื้อที่ดินรัชดา แต่ปรากฏว่าไม่มีโอกาสกลับมาอยู่เสียอีก
ผมการันตีนายกฯ ประยุทธ์ได้ว่า ท่านขายที่ดินได้สมราคา ไม่มีการฟอกเงินใด ๆ อย่างแน่นอน ผมยังการันตีนายกฯ ทักษิณว่า ท่านไม่ได้โกงในการซื้อที่ดินรัชดา เพราะซื้อในราคาที่เหมาะสม แต่คงเป็นปัญหาการเล่นแง่ด้านกฎหมาย ซึ่งผมคงไม่กล้าไปก้าวล่วงด้วย ส่วนนายกฯ บรรหาร ผมขอแนะนำให้รื้อคฤหาสน์ไปสร้างอาคารชุดขายน่าจะคุ้มกว่า
แต่คนรวยทำไรก็ไม่น่าเกลียด จะนั่งบนกองเงินกองทองซะอย่าง ใครจะทำไม!?!
รูปภาพ/ที่มา
http://www.trebs.ac.th/Thai/news.php?l=PWG2SA
มาดูการเลือกซื้อบ้าน-ที่ดินของนายกฯ 3 ท่าน ผ้าขี้ริ้วห่อทอง
การเลือกซื้อบ้าน-ที่ดินบ้านนายกฯ บรรหาร
บ้าน "ศิลปอาชา" ของท่านนายกฯ บรรหารตั้งอยู่ติดถนนจรัลสนิทวงศ์ เยื้องตลาดพงษ์ทรัพย์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร นับว่าท่าน "ตาแหลม" มากในการเลือกซื้อที่ดินแปลงนี้มาทำเป็นบ้าน (คฤหาสน์) เพราะถือว่าทำเลเยี่ยม เมื่อปี 2537 ยังตกเป็นเงินตารางวาละประมาณ 100,000 บาท ปัจจุบันน่าจะเป็นเงินตารางวาละ 250,000 บาทแล้ว สำหรับขนาดที่ดินประมาณ 5 ไร่ ก็มีสนนราคาประมาณ 500 ล้านบาทเข้าไปแล้ว
หากวันดีคืนดี นายกฯ บรรหาร เกิดเลิกเล่นการเมือง บ้านหลังนี้ซึ่งมีหลายอาคาร บ้างก็มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ก็อาจรื้อให้เหลือแต่ที่ดินไปทำอาคารชุดขายหรืออะพาร์ตเมนต์ให้เช่าเพื่อการเก็บกินระยะยาวได้อีกด้วย นับว่าไม่เสียหลาย ยิ่งกว่านั้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินก็กำลังจะผ่านหน้าบ้าน สถานีก็ตั้งอยู่ไม่ไกล กลายเป็นทำเลทองขึ้นมาในทันทีเลย
บ้านนายกฯ ทักษิณ
"บ้านจันทร์ส่องหล้า" คงเป็นชื่อที่คุ้น ๆ สำหรับทุกท่าน บ้านหลังนี้เป็นของนายกฯ ทักษิณ ผมเคยไป! ไปแค่สำหรับอสังหาริมทรัพย์โดยรอบ ไม่เคยเข้าไปพบท่านนะครับ ที่ดินที่ตั้งบ้านมีขนาดประมาณ 12 ไร่ ตั้งอยู่ในซอยจรัลสนิทวงศ์ 69 ซึ่งเป็นซอยเล็ก ๆ แคบ ๆ มีเขตทางกว้างเพียงประมาณ 5-6 เมตรเท่านั้น ห่างจากปากซอยถึงประมาณ 1 กิโลเมตร
ผมเองก็ไม่ทราบว่านายกฯ ทักษิณ ได้ที่ดินแปลงนี้มายังไง อาจรับมรดกมาหรือไปซื้อที่แปลงนี้มาโดยตรง แต่ถือเป็นการเลือกสร้างคฤหาสน์ที่อาจไม่สอดคล้องกับการลงทุนเท่าที่ควร แต่ก็ไม่แน่ว่าแต่แรกท่านคงคิดจะอยู่อย่างเงียบสงบ แต่การอยู่ในซอยลึก (เดี๋ยวนี้ดีขึ้นแล้วเพราะออกสู่ถนนสิรินธรได้ด้วย) เช่นนี้ ราคาที่ดินคงไม่ขึ้นมากนัก จะเอาไปพัฒนาในเชิงพาณิชย์ท่ามกลางการอยู่อาศัยแบบบ้านเดี่ยวโดยรอบก็ดูกระไรอยู่
ที่ดินนายกฯ ประยุทธ์
เมื่อปลายปี 2557 มีข่าวว่า นายกฯ ประยุทธ์ ได้รับเงินจากบิดา (พ.อ.ประพัฒน์) เป็นเงิน 540 ล้านบาท จากการขายที่ดินถนนบางบอน 3 ขนาดเกือบ 51 ไร่ในราคา 600 ล้านบาท มีข้อโจมตีท่านมากมาย แต่ผมก็ไปประเมินค่าที่ดินแปลงนี้มา (โดยไม่มีใครจ้าง ไปทำความจริงให้ปรากฏเท่านั้น) และยืนยันว่าราคาที่ดินที่ขายนี้ไม่ได้สูงจนเกินไป ไม่ใช่การฟอกเงิน แม้บริษัทที่ซื้อจะจดทะเบียนอยู่เกาะเคย์แมนก็ตาม
การที่บิดาของนายกฯ ประยุทธ์ ซื้อที่ดินแปลงนี้มา 30 ปีแล้ว นับเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาด โดยก่อนหน้านี้ ที่ดินแปลงนี้ก็ได้ผลตอบแทนจากการให้เช่าทำสวน เก็บกินได้มาโดยตลอด และเมื่อขาย ก็ได้กำไรงาม เพราะที่ดินแปลงนี้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น เพราะถนนบางบอน 3 ได้ขยายเป็น 4 ช่องทางจราจรแล้ว ทำให้มีความตื่นตัวของการซื้อขายที่ดินมากขึ้น นับเป็นการขายที่สมควรแก่เวลาแล้ว
ที่ดินศูนย์วัฒนธรรมของนายกฯ ทักษิณ
ที่นายกฯ ทักษิณ ซื้อที่ดินแปลงนี้ ก็คงมุ่งหวังจะปลูกคฤหาสน์เพราะได้เสียค่าออกแบบไป 39 ล้านบาทแล้ว เพราะเมื่อคดีสิ้นสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังต้องชดใช้เงินค่าออกแบบนี้ให้คุณหญิงพจมานด้วยแล้ว ผมเชื่อลึก ๆ ว่า นายกฯ ทักษิณ คงจะ "แก้มือ" ซื้อที่ดินแปลงนี้มาสร้างบ้านให้ติดถนนใหญ่ จะได้ดูสง่าผ่าเผยกว่าที่มีบ้าน "จันทร์ส่องหล้า" ที่อยู่ลึกเข้าไปถึง 1 กิโลเมตรจากซอยจรัลสนิทวงศ์ 69
ที่ดินแปลงนี้มีขนาด 33 ไร่ 81.8 ตารางวาที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซื้อจากบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เอราวัณทรัสต์ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2538 มูลค่า 2,749 ล้านบาท ต่อมาในปี 2544 กองทุนฯ ได้ลดราคาลงเหลือเหลือ 700 กว่าล้านบาท และนำออกประมูลทางอินเทอร์เน็ต เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 ตั้งราคาขั้นต่ำ 870 ล้านบาท โดยผู้ร่วมประมูลต้องวางเงินมัดจำ 10 ล้านบาท แต่ไม่มีผู้เสนอราคา กองทุนฯ จึงได้ยกเลิกการประมูล และเปิดประมูลใหม่เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2546 โดยไม่กำหนดราคาขั้นต่ำ
โดยสรุปแล้ว การลงทุนในบ้านและที่ดิน จึงต้องพิจารณาถึงทำเลให้ดีที่สุด นายกฯ บรรหารที่มีบ้านอยู่ติดถนนใหญ่ รถไฟฟ้าผ่าน นับว่าเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดมาก คุณพ่อของนายกฯ ประยุทธ์ ก็มีวิสัยทัศน์ดีมากที่เก็บที่ดินชานเมืองแถวบางบอนไว้ถึง 30 ปีก่อนขาย นับเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่ายิ่ง ส่วนกรณีไปซื้อที่สร้างบ้านจันทร์ส่องหล้าในซอยลึกของนายกฯ ทักษิณ นับว่าตัดสินใจผิด ท่านจึงคิดจะมา "แก้มือ" ซื้อที่ดินรัชดา แต่ปรากฏว่าไม่มีโอกาสกลับมาอยู่เสียอีก
ผมการันตีนายกฯ ประยุทธ์ได้ว่า ท่านขายที่ดินได้สมราคา ไม่มีการฟอกเงินใด ๆ อย่างแน่นอน ผมยังการันตีนายกฯ ทักษิณว่า ท่านไม่ได้โกงในการซื้อที่ดินรัชดา เพราะซื้อในราคาที่เหมาะสม แต่คงเป็นปัญหาการเล่นแง่ด้านกฎหมาย ซึ่งผมคงไม่กล้าไปก้าวล่วงด้วย ส่วนนายกฯ บรรหาร ผมขอแนะนำให้รื้อคฤหาสน์ไปสร้างอาคารชุดขายน่าจะคุ้มกว่า
แต่คนรวยทำไรก็ไม่น่าเกลียด จะนั่งบนกองเงินกองทองซะอย่าง ใครจะทำไม!?!
รูปภาพ/ที่มา http://www.trebs.ac.th/Thai/news.php?l=PWG2SA