แผนโลกล้อมไทยเหลวทักษิณกระอัก นายกฯลุงตู่กระหึ่มเวทียูเอ็น ก๊อปแปะ By อดีตหัวหน้าเผ่า

กระทู้สนทนา
นับเป็นความสำเร็จที่เกินความคาดหมายเป็นอย่างมากสำหรับการเดินทางไปร่วมประชุมใหญ่องค์การสหประชาชาติครั้งที่ 70 ที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษความสงบแห่งชาติ(คสช.)ตามคำเชิญของนายบัน คี มูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ระหว่างวันที่ 23 ก.ย.ถึง 1 ต.ค.ที่ผ่านมา เพราะผู้นำของไทยสามารถสร้างการยอมรับและชื่นชมจากผู้นำนานาประเทศทั่วโลกทั้งๆที่เป็นผู้นำที่เกิดจากการรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ปีที่แล้ว

ความสำเร็จประการแรกจากการร่วมประชุมองค์การสหประชาชาติครั้งนี้ก็คือการที่ไทยได้รับเลือกให้เป็นประธานกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาหรือที่เรียกว่า”จี 77”ซึ่งมี 134 ประเทศเป็นสมาชิก และประการที่สอง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะตัวแทนประเทศไทยยังขึ้นรับรางวัลการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนจากสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ(ไอทียู)ในโอกาสฉลองการสถาปนาไอทียูครบ 150 ปี

ที่สำคัญคำปราศรัยของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังสอดคล้องกับวาระการประชุมขององค์การสหประชาชาติครั้งนี้ที่กำหนดหัวข้อไว้ว่า “การพัฒนาที่ยั่งยืนจากปี 2015-2030 เพื่อขจัดความยากจนและความเหลื่อมล้ำ” โดยผู้นำไทยได้เสนอเสนอแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจแบบพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และความเหลื่อมล้ำในแต่ละประเทศและเป็นวาระแห่งโลก ซึ่งหากยึดแนวทางเศรษฐกิจแบบพอเพียงจะทำให้ประชาคมโลกสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งคำปราศรัยของผู้นำไทยได้รับเสียงปรบมือและชื่นชมจากทั่วโลก

สำหรับปรัชญาเศรษฐกิจแบบพอเพียงนั้นถูกกำหนดไว้เป็นแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมขององค์กรเพื่อการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นดีพี)มานานหลายปีแล้ว ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้รับการยกย่องและได้รับรางวัลเกียรติยศสูงสุดจากองค์การสหประชาชาติมาแล้วหลายรางวัลโดยอดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติถึงกับเคยบินมามอบรางวัลให้ด้วยตัวเอง

นอกจากนี้ การไปร่วมประชุมองค์การสหประชาชาติครั้งนี้ยังมีวาระสำคัญที่ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศตัวประเทศไทยเข้าชิงที่นั่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอสซี) โดยมีคู่แข่งสำคัญของไทยคือประเทศคาซัคสถาน ซึ่งแนวโน้มเป็นไปได้สูงยิ่งที่ไทยจะได้ที่นั่งสมาชิกไม่ถาวรในยูเอ็นเอสซีจากการสนับสนุนของนานาประเทศ  ทั้งนี้หากไทยได้ที่นั่งสมาชิกไม่ถาวรของยูเอ็นเอสซีจะถือเป็นการสร้างเกียรติประวัติในเวทีโลกครั้งสำคัญ

นอกจากนี้ผู้นำไทยยังมีการเจรจาหารือกับผู้นำหลายประเทศเพื่อกระชับความสัมพันธ์ซึ่งเกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปูทางไปสู่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและด้านอื่นๆ

ในการร่วมประชุมองค์การสหประชาชาติครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังปราศรัยถึงเหตุผลความจำเป็นของการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ปีที่แล้วเพื่อหยุดยั้งสภาวะรัฐล้มเหลวและสงครามกลางเมือง ขณะเดียวกันก็เพื่อปฏิรูปประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงและยั่งยืน พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าไทยจะกลับสู่ประชาธิปไตยอีกครั้งผ่านการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2560 นี้อย่างแน่นอน ซึ่งสามารถทำให้นานาประเทศมีความเชื่อมั่นและเข้าใจเหตุผลความจำเป็นของการหยุดลงชั่วคราวของประชาธิปไตยแบบไทยๆ

ทั้งนี้ปรากฏการณ์อันน่าทึ่งที่ทำให้ผู้นำนานาประเทศต้องประหลาดใจประการหนึ่งในการร่วมประชุมองค์การสหประชาชาติของผู้นำไทยครั้งนี้ก็คือคนไทยทั่วสหรัฐอเมริกาจำนวนมากได้มารวมตัวแสดงพลังสนับสนุนให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์อย่างล้นหลามเพื่อปฏิรูปประเทศขจัดความชั่วร้ายของนักธุรกิจการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งบางพรรค ขณะที่สาวกระบอบทักษิณที่ออกมาต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ กลับมีแค่หยิบมือเดียว

เหนือสิ่งอื่นใด การเหยียบแผ่นดินสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกหลังความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกาหมางเมินนับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ปีที่แล้วเริ่มกลับมามีความสัมพันธ์เกือบเป็นปกติอีกครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพการจับมือระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ขณะที่ นายเกล็น เทาว์เซ็น เดวี่ส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยคนใหม่ เดินทางถึงกรุงเทพฯเพื่อเข้ารับหน้าที่อย่างเป็นทางการก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะออกเดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติเพียงไม่กี่วันเพื่อเข้ารับหน้าที่อย่างเป็นทางการหลังว่างเว้นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยนับตั้งแต่หลังการรัฐประหารอันนับเป็นสัญญาณที่ดีในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าการเข้าร่วมประชุมใหญ่ขององค์การสหประชาชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ครั้งนี้ประสบผลสำเร็จเกินความคาดหมายเพราะสามารถสร้างการยอมรับและความเชื่อมั่นในเวทีโลกเป็นอย่างสูงซึ่งอาจจะดีกว่าผู้นำรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งด้วยซ้ำ

แต่ในทางกลับกันความสำเร็จเกินความคาดหมายในการร่วมประชุมองค์การสหประชาชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ครั้งนี้ได้ทำให้แผนโลกล้อมไทยด้วยการเคลื่อนไหวทุกวิถีทางเพื่อบ่อนทำลายภาพพจน์ความชอบธรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งแต่ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติต้องล้มเหลวสิ้นเชิง และคนที่ต้องกระอักเลือดด้วยความแค้นแน่นอกอิจฉาตาร้อนก็คือนายใหญ่สัมภเวสีนักโทษหนีคุกที่นับวันจะพบกับความเสื่อมและวิบากกรรมที่ตามเช็คบิล

ที่มา:http://www.naewna.com/columnonline/20827
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่