สวัสดีครับเพื่อนพี่น้องสมาชิกทุกๆท่าน ห่างหายไปนาน ไม่ได้เข้ามารีวิวซะนาน วันนี้มีโอกาสเข้ามาแบ่งปันประสบการณ์สักหน่อยครับ
เมื่อวันที่4มีนาคมที่ผ่านมา ได้มีอาการคันอยากจะลงใต้ไปโดนน้ำทะเล
ทำตัวให้ดำจากพลังงานแสงอาทิตย์
ละลายไขมันที่หน้าท้องด้วยพลังงานความร้อน
ทุรนทุรายร่างกายต้องการวิตามินSea
จึงจุดประกายความคิดขึ้นมาว่ามันน่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง
แต่ในหัวตอนนั้นมันช่างฟุ้งซ่านซะเหลือเกิน
เพราะทะเลบ้านเรานั้นมันช่างสวยล้ำและเยอะซะเหลือเกิน ไปไหนดีหละ สมองซีกซ้ายถกเถียงกับสมองซีกขวา
โดยที่ไม่ถามสุขภาพกระเป๋าสตางค์ผมสักคำ
ได้จังหวะพอเหมาะพอดีที่ผมต้องไปนครศรีธรรมราชพอดี สมองดี๊ด๊าปล่อยสถานที่ท่องเที่ยวพลั่งพลูออกมาเป็นชุด สุดท้ายเลยเอาเป็นว่าไปนครศรีฯก่อนแล้วเดี๋ยวหลังจากนั้นค่อยว่ากัน เดี๋ยวค่อยคิด
ว่าแต่ไปไง
สมองซีกขวารีปออกความเห็นในทันที
ระดับกระเป๋าตังค์อย่างนายหัวตอนนี้ จะนั่งไรได้นอกจากรถไฟฟรี
จริงๆแล้ว ถ้าใครมีเวลาน้อย สงสารบั้นทาย หรือจองตั๋วโปรถูกไว้ได้ เครื่องบินก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ยิ่งเดี๋ยวนี้โปรโมชั่นมากมายถูกกว่า รถทัวร์ เสียอีก
-สิบโมงเช้าวันที่ 4 มีนาคม ตื่นมาเก็บของแบบโคตรรีป เพราะเมื่อคืนลังเลว่าจะไปดีไม่ไปดี ขนาดตื่นมายังลังเล สุดท้ายก็วิ่งแล่นไปเก็บของ อาบน้ำ
12:00รีปแจ้นไปสถานีรถไฟหัวลำโพงเพื่อไปเอาตั๋วรถไฟฟรี ขบวน 171สายกรุงเทพ-สุไหงโกลก รอบเวลา 13:00
ได้ตั๋วมาเป็นที่เรียบร้อย
ภาพถ่ายด้วยกล้องโทรศัพย์มือถือ Gopro และ กล้องdslr
มีเวลาเหลือ15 นาที หาไรกินรองท้องก่อน เดี๋ยวค่อยไปกินรองเท้าบนรถไฟ
กินเพลินไปหน่อย จนเวลา12:50 เหลืบดูนาฬิกา ห่าตายหมดละ คว้ากระเป๋าแล้ววิ่งกลับไปที่ชานชาลา 9
เพื่อขึ้นรถไฟ พอถึงชานชาลา ควักตั๋วออกมาดู หาชิพเลย(ชิพหายละ)
*ตั๋วยืน* เกิดมาก็เคยแต่ยืนบนรถไฟฟ้าใต้ดิน บีทีเอส แอร์พอร์ตลิ้ง ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีบุญได้มายืนโหนรถไฟไทย ในตำนาน
แล้วจะขึ้นตู้ไหนหละทีนี้ เลขขบวนก็ไม่บอก หรือว่าเค้าให้เลือกยืนเอาเลยตรงไหนก็ได้
อะวิ่งๆไปก่อน ด้วยความที่มีประสบการ์ณจากสายเหนือมาก่อน จึงพอเดาได้ว่าไอตั๋วฟรีอย่างผมเนี่ยควรจะไปสิงสถิตขบวนไหน ระหว่างนั้นก็วิ่งๆไป หัวๆขบวน เล็งๆโบกี้เก้าอี้เขียวๆเอาไว้ นั่นแหละตู้สำหรับตั๋ว *วีไอฟรี* แบบเรา
สุดท้ายก็กระโดดขึ้นไปก่อน เดินๆไปเจอตรงไหนว่างนั่งเลย
ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ได้ไปคนเดียว ผมจึงให้คนที่ไปด้วยนั่งรอตรงนั้นและเฝ้ากระเป๋าไว้ก่อน แล้วผมก็ไปเดินสำรวจ เจอที่นั่งเยอะมาก จึงย้ายไปนั่งขบวนที่ว่างๆนั้น
สบายใจละทีนี้ได้ที่นั่งว่างเลยเหยียดขาสบายกันเลยทีเดียว สมองซ้ายขวานี่สั่งการให้ผมฉีกยิ้มออกมาอย่างพร้อมเพรียง โดยที่หารู้ไม่ว่ามันไม่เป็นเช่นนั้นเลย
รถออกจากหัวลำโพง สถานีต่อไปคือสถานีบางซื่อ
สถานีแห่งการอพยพ รถไฟค่อยชะลอความเร็ว เข้าสู่ชานชาลาสถานี ผมคนมากมาย ยืนรอเตรียมขึ้นรถไฟ มันมากซะจนทำให้มีความรู้สึกจุดประกายความคิดขึ้นมาอีกว่า งานนี้มีได้โดนเจ้าของที่มาไล่ที่แน่ๆ และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ในที่สุดการอพยพเริ่มขึ้นอีกครั้ง
เราย้ายเดินมาเรื่อยๆ จนมาเจอที่นั่งว่างๆอยู่ประมาณ 4-5แถว
ทันใดนั้น สมอง
ไม่ต้องสั่งการละ ผมทำการตรงดิ่งเข้าไปทันท เล็งไปที่ตัวหน้าห้องน้ำเพราะคิดว่าที่ตรงนี้ น่าจะได้นั่ง เพราะไม่มีคนมานั่งหรอกหน้าห้องน้ำ แต่ทันใดนั้นตาเหลือบไปเห็นป้าย
ที่นั่งสำหรับ พระภิกษุ เด็ก คนพิการ และคนชรา
แต่นะจุดนั้น มันว่างหลายตัว มีพระนั่งอยู่แค่ฝั่งละตัว เหลือที่เต็มเลย
ขอยืมนั่งก่อนนะ ถ้าพวกเค้ามาฉันจะไป ช่วงเวลานั้นใครด่าแก่นี่ยิ้มรับเลย ยอมแก่
เอาเป็นว่านั่งไปก่อน ถ้าเจ้าของที่เค้ามาค่อยอพยพ
สักพักเจ้าหน้าที่เดินมาตรวจตั๋ว
ควักตั๋วออกมาให้เค้ามองหน้า แล้วพูดว่าถ้าพระมาต้องลุกนะ
ครับลุกแน่นอนครับ แต่ตอนนี้ยังว่างผมขอยืมนั่งก่อนนะ
จบประเด็นไป สุดท้ายก็ได้นั่งยาวๆ
จากกรุงเทพไปลงทุ่งสงนี่ประมาณเกือบ13ชั่วโมง ถ้าจะให้ยืนไปยาวๆคงไม่ใช่อะไรที่ดีแน่ อย่าว่าผมเลย แค่ยืมนั่งจริงๆ
ตามกำหนดการจะต้องถึงทุ่งสงประมาณตีสองครึ่ง แต่รถไฟไทยเรื่องเลทต้องทำใจ
จริงๆแล้วจากประสบการผมเตรียมใจนับเวลาเผื่อไปแล้วแหละครับว่า ต้องมีแถมแน่ๆอีกสักชั่วโมง เรื่องนั่นผมจึงไม่ซีเรียส เพราะผมไม่รีป
ออกเดินทางกันเลย ใครอยากSlowlife ลองมานั่งรถไฟยาวๆดูครับ แล้วคุณจะติดใจ
ตี4กว่าๆ รถไฟมาถึงสถานีทุ่งสง
ลงรถไฟทำการล้างหน้าแปรงฟัน แล้วนั่งวินมอไซหน้าสถานรถไฟ ให้ไปส่งที่บขสคิวรถตู้เพื่อนั่งต่อไปในเมืองนครศรีฯ แต่เนื่องจากไปถึงประมาณตีห้า รถไปนครรอบ 6โมงเช้าจึงออกมาเดินเล่นตลาดใกล้ๆนั้น หาไรกินรองทองระหว่างรอรถตู้ คิวรถทุ่งสง-นครศรี
แต่รถตู้วินนี้แหละคุณสามารถไปลงที่บขส เพื่อนั่งรถตู้ต่อไปที่กระบี่ได้เลย
(ก่อนหน้านั้นผมก็ไม่รู้หรอกว่ารถเค้ามาจอดที่นี่มารู้ก็ตอนวันที่จะไปกระบี่นั่นแหละครับเพราะก่อนหน้านั้นไม่รู้อะไรเลย) คิวรถตู้สองคิวนี้จะอยู่ข้างๆกันเลย
แต่เนื่องจากผมอยู่นอนเล่นทำธุระที่นครศรีฯก่อนสองคืน ระหว่างนั้นก็คิดไปด้วยว่าจะไปเที่ยวไหนต่อ
เอาเป็นว่าเดี๋ยวกินโรตีเสร็จ เดี๋ยวพาเข้าโรงน้ำชา อะๆๆๆๆ ไม่ใช่พาข้ามเวลาไปเที่ยวกระบี่เลยนะครับ
คืนที่สองระหว่างนั่งกินโรตีทิชชู่ร้านป้า...ชื่อดังแห่งเมืองนคร
สุดท้ายจึงตัดสินใจเลือกมาที่กระบี่มาลงตัวที่ ไร่เลย์
เอาหละฟังผมโม้มาซะยืดยาว ไปเที่ยวกันเลยดีกว่า
เข้าไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์และภาพจากทริปอื่นได้ที่นี่เลยครับ
http://www.facebook.com/tourhitour555
[CR] นั่งรถไฟไปแหล่งใต้ กระบี่ หาดไร่เลย์ ถ้ำพระนาง ทัวร์4เกาะ ด้วยตั๋ววีไอฟรี
เมื่อวันที่4มีนาคมที่ผ่านมา ได้มีอาการคันอยากจะลงใต้ไปโดนน้ำทะเล
ทำตัวให้ดำจากพลังงานแสงอาทิตย์
ละลายไขมันที่หน้าท้องด้วยพลังงานความร้อน
ทุรนทุรายร่างกายต้องการวิตามินSea
จึงจุดประกายความคิดขึ้นมาว่ามันน่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง
แต่ในหัวตอนนั้นมันช่างฟุ้งซ่านซะเหลือเกิน
เพราะทะเลบ้านเรานั้นมันช่างสวยล้ำและเยอะซะเหลือเกิน ไปไหนดีหละ สมองซีกซ้ายถกเถียงกับสมองซีกขวา
โดยที่ไม่ถามสุขภาพกระเป๋าสตางค์ผมสักคำ
ได้จังหวะพอเหมาะพอดีที่ผมต้องไปนครศรีธรรมราชพอดี สมองดี๊ด๊าปล่อยสถานที่ท่องเที่ยวพลั่งพลูออกมาเป็นชุด สุดท้ายเลยเอาเป็นว่าไปนครศรีฯก่อนแล้วเดี๋ยวหลังจากนั้นค่อยว่ากัน เดี๋ยวค่อยคิด
ว่าแต่ไปไง
สมองซีกขวารีปออกความเห็นในทันที
ระดับกระเป๋าตังค์อย่างนายหัวตอนนี้ จะนั่งไรได้นอกจากรถไฟฟรี
จริงๆแล้ว ถ้าใครมีเวลาน้อย สงสารบั้นทาย หรือจองตั๋วโปรถูกไว้ได้ เครื่องบินก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ยิ่งเดี๋ยวนี้โปรโมชั่นมากมายถูกกว่า รถทัวร์ เสียอีก
-สิบโมงเช้าวันที่ 4 มีนาคม ตื่นมาเก็บของแบบโคตรรีป เพราะเมื่อคืนลังเลว่าจะไปดีไม่ไปดี ขนาดตื่นมายังลังเล สุดท้ายก็วิ่งแล่นไปเก็บของ อาบน้ำ
12:00รีปแจ้นไปสถานีรถไฟหัวลำโพงเพื่อไปเอาตั๋วรถไฟฟรี ขบวน 171สายกรุงเทพ-สุไหงโกลก รอบเวลา 13:00
ได้ตั๋วมาเป็นที่เรียบร้อย
ภาพถ่ายด้วยกล้องโทรศัพย์มือถือ Gopro และ กล้องdslr
มีเวลาเหลือ15 นาที หาไรกินรองท้องก่อน เดี๋ยวค่อยไปกินรองเท้าบนรถไฟ
กินเพลินไปหน่อย จนเวลา12:50 เหลืบดูนาฬิกา ห่าตายหมดละ คว้ากระเป๋าแล้ววิ่งกลับไปที่ชานชาลา 9
เพื่อขึ้นรถไฟ พอถึงชานชาลา ควักตั๋วออกมาดู หาชิพเลย(ชิพหายละ)
*ตั๋วยืน* เกิดมาก็เคยแต่ยืนบนรถไฟฟ้าใต้ดิน บีทีเอส แอร์พอร์ตลิ้ง ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีบุญได้มายืนโหนรถไฟไทย ในตำนาน
แล้วจะขึ้นตู้ไหนหละทีนี้ เลขขบวนก็ไม่บอก หรือว่าเค้าให้เลือกยืนเอาเลยตรงไหนก็ได้
อะวิ่งๆไปก่อน ด้วยความที่มีประสบการ์ณจากสายเหนือมาก่อน จึงพอเดาได้ว่าไอตั๋วฟรีอย่างผมเนี่ยควรจะไปสิงสถิตขบวนไหน ระหว่างนั้นก็วิ่งๆไป หัวๆขบวน เล็งๆโบกี้เก้าอี้เขียวๆเอาไว้ นั่นแหละตู้สำหรับตั๋ว *วีไอฟรี* แบบเรา
สุดท้ายก็กระโดดขึ้นไปก่อน เดินๆไปเจอตรงไหนว่างนั่งเลย
ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ได้ไปคนเดียว ผมจึงให้คนที่ไปด้วยนั่งรอตรงนั้นและเฝ้ากระเป๋าไว้ก่อน แล้วผมก็ไปเดินสำรวจ เจอที่นั่งเยอะมาก จึงย้ายไปนั่งขบวนที่ว่างๆนั้น
สบายใจละทีนี้ได้ที่นั่งว่างเลยเหยียดขาสบายกันเลยทีเดียว สมองซ้ายขวานี่สั่งการให้ผมฉีกยิ้มออกมาอย่างพร้อมเพรียง โดยที่หารู้ไม่ว่ามันไม่เป็นเช่นนั้นเลย
รถออกจากหัวลำโพง สถานีต่อไปคือสถานีบางซื่อ
สถานีแห่งการอพยพ รถไฟค่อยชะลอความเร็ว เข้าสู่ชานชาลาสถานี ผมคนมากมาย ยืนรอเตรียมขึ้นรถไฟ มันมากซะจนทำให้มีความรู้สึกจุดประกายความคิดขึ้นมาอีกว่า งานนี้มีได้โดนเจ้าของที่มาไล่ที่แน่ๆ และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ในที่สุดการอพยพเริ่มขึ้นอีกครั้ง
เราย้ายเดินมาเรื่อยๆ จนมาเจอที่นั่งว่างๆอยู่ประมาณ 4-5แถว
ทันใดนั้น สมองไม่ต้องสั่งการละ ผมทำการตรงดิ่งเข้าไปทันท เล็งไปที่ตัวหน้าห้องน้ำเพราะคิดว่าที่ตรงนี้ น่าจะได้นั่ง เพราะไม่มีคนมานั่งหรอกหน้าห้องน้ำ แต่ทันใดนั้นตาเหลือบไปเห็นป้าย
ที่นั่งสำหรับ พระภิกษุ เด็ก คนพิการ และคนชรา
แต่นะจุดนั้น มันว่างหลายตัว มีพระนั่งอยู่แค่ฝั่งละตัว เหลือที่เต็มเลย
ขอยืมนั่งก่อนนะ ถ้าพวกเค้ามาฉันจะไป ช่วงเวลานั้นใครด่าแก่นี่ยิ้มรับเลย ยอมแก่
เอาเป็นว่านั่งไปก่อน ถ้าเจ้าของที่เค้ามาค่อยอพยพ
สักพักเจ้าหน้าที่เดินมาตรวจตั๋ว
ควักตั๋วออกมาให้เค้ามองหน้า แล้วพูดว่าถ้าพระมาต้องลุกนะ
ครับลุกแน่นอนครับ แต่ตอนนี้ยังว่างผมขอยืมนั่งก่อนนะ
จบประเด็นไป สุดท้ายก็ได้นั่งยาวๆ
จากกรุงเทพไปลงทุ่งสงนี่ประมาณเกือบ13ชั่วโมง ถ้าจะให้ยืนไปยาวๆคงไม่ใช่อะไรที่ดีแน่ อย่าว่าผมเลย แค่ยืมนั่งจริงๆ
ตามกำหนดการจะต้องถึงทุ่งสงประมาณตีสองครึ่ง แต่รถไฟไทยเรื่องเลทต้องทำใจ
จริงๆแล้วจากประสบการผมเตรียมใจนับเวลาเผื่อไปแล้วแหละครับว่า ต้องมีแถมแน่ๆอีกสักชั่วโมง เรื่องนั่นผมจึงไม่ซีเรียส เพราะผมไม่รีป
ออกเดินทางกันเลย ใครอยากSlowlife ลองมานั่งรถไฟยาวๆดูครับ แล้วคุณจะติดใจ
ตี4กว่าๆ รถไฟมาถึงสถานีทุ่งสง
ลงรถไฟทำการล้างหน้าแปรงฟัน แล้วนั่งวินมอไซหน้าสถานรถไฟ ให้ไปส่งที่บขสคิวรถตู้เพื่อนั่งต่อไปในเมืองนครศรีฯ แต่เนื่องจากไปถึงประมาณตีห้า รถไปนครรอบ 6โมงเช้าจึงออกมาเดินเล่นตลาดใกล้ๆนั้น หาไรกินรองทองระหว่างรอรถตู้ คิวรถทุ่งสง-นครศรี
แต่รถตู้วินนี้แหละคุณสามารถไปลงที่บขส เพื่อนั่งรถตู้ต่อไปที่กระบี่ได้เลย
(ก่อนหน้านั้นผมก็ไม่รู้หรอกว่ารถเค้ามาจอดที่นี่มารู้ก็ตอนวันที่จะไปกระบี่นั่นแหละครับเพราะก่อนหน้านั้นไม่รู้อะไรเลย) คิวรถตู้สองคิวนี้จะอยู่ข้างๆกันเลย
แต่เนื่องจากผมอยู่นอนเล่นทำธุระที่นครศรีฯก่อนสองคืน ระหว่างนั้นก็คิดไปด้วยว่าจะไปเที่ยวไหนต่อ
เอาเป็นว่าเดี๋ยวกินโรตีเสร็จ เดี๋ยวพาเข้าโรงน้ำชา อะๆๆๆๆ ไม่ใช่พาข้ามเวลาไปเที่ยวกระบี่เลยนะครับ
คืนที่สองระหว่างนั่งกินโรตีทิชชู่ร้านป้า...ชื่อดังแห่งเมืองนคร
สุดท้ายจึงตัดสินใจเลือกมาที่กระบี่มาลงตัวที่ ไร่เลย์
เอาหละฟังผมโม้มาซะยืดยาว ไปเที่ยวกันเลยดีกว่า
เข้าไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์และภาพจากทริปอื่นได้ที่นี่เลยครับ
http://www.facebook.com/tourhitour555