เที่ยว “เชียงของ” คนเดียวก็เฟี้ยวได้ ผ่อนคลายสบาย ๆ สไตล์คนชิค ๆ (ภาพเยอะมากกก) [Landscape,Portrait,Macro]



จากตอนที่แล้วซึ่งผมได้ไปเที่ยวที่ "น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น" :  http://ppantip.com/topic/34260031
ก็ได้ไอเดียหลายอย่างทั้งเรื่องของการถ่ายภาพ ไอเดียต่าง ๆ ในการคิด รวมถึงเรื่องราวในชีวิตที่มีน้ำหนักแบ่งกันสองข้างระหว่าง “การทำงาน” และ “การพักผ่อน” ในตอนแรกของบทความนี้ผมจะขอเกริ่นเกี่ยวกับตัวผมเองสักหน่อยเพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจตัวผมมากขึ้น


ผมเป็นคนทำอะไรที่ค่อนข้างสุดในทุกเรื่องที่สนใจ เช่น “ถ่ายภาพ” จากเมื่อก่อนที่ถ่ายขำ ๆ ก็กลายเป็นเอาจริงเอาจังกับการถ่ายภาพให้ได้ภาพที่สวย (ใจก็อยากให้สวยที่สุดที่จะทำได้) แล้วก็เรื่อง “เขียนบทความ” เพราะว่างานประจำของผมนั้นก็จะเน้นเรื่องการเขียนบทความต่าง ๆ ทั้งฟรีแลนซ์บ้าง งานประจำบ้าง ทีนี้..ชีวิตผมไม่ได้แบ่งสมดุลสักเท่าไหร่นัก จนการเที่ยวครั้งแรกทำให้ผมรู้สึกว่า ผมสามารถเอาเรื่องเที่ยวมาแบ่งปันความสนุกให้กับคนอื่นได้ ด้วยทักษะที่ผมมีนั่นคือ “การเขียนเนื้อเรื่อง+การถ่ายภาพ” นั่นเอง


ภาพหลังจากที่ผมบินไปถึงเชียงรายแล้ว

เป้าหมายการเดินทางครั้งนี้คือ “ค้นหาตัวเอง” เป็นหลัก.. คนที่รู้จักผมหลายคนอาจจะพอทราบแล้วว่าผมเป็นคนที่หาสิ่งที่อยากทำเจอแล้ว แต่ผมขอกล่าวเลยว่าการค้นหาตัวเองเจอน่ะเป็นแค่การเริ่มต้นแรกเท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่าคือ “การทำสิ่งที่เป็นตัวเราให้มีประโยชน์กับคนอื่นมากที่สุด” โดยวางบนพื้นฐานว่าเป็นสิ่งที่เรารัก และเป็นตัวเรา


พรีวิวภาพวาว ซึ่งเนื้อเรื่องนี้เกิดหลังจากที่ผมถึงเชียงของแล้ว

ทำไมต้องเชียงของ? นั่นสิ ง่าย ๆ นะ “เพราะผมไปเที่ยวไม่เป็นไง” การไปคนเดียวผมจึงต้องหาเพื่อนที่รู้จักแหล่งพื้นที่เป็นอย่างดีในการไกด์ให้ “วาว” เป็นเพื่อนที่รู้จักกันก็ถือว่านานนะ  เธอได้มาเปิดร้านอาหารและเครื่องดื่มที่นี่ และแน่นอนที่นี่เป็นภาคเหนือด้วย ผมเลยคิดว่าการเที่ยวนั้นนอกจากจะได้บทความเที่ยวแล้ว ยังได้รีวิวร้านอาหารเธออีกต่างหาก แถมมีคนพื้นที่ไกด์การเดินทางแล้วก็แหล่งเที่ยวสวย ๆ ให้อีกด้วยอ่ะ


ผมขึ้นเครื่องไปลงที่เชียงรายเพื่อประหยัดเวลาครับ ระหว่างที่ขึ้นไปก็นั่งคิดโจทย์ในหัวว่า “จะเขียนเรื่องอะไรให้พี่ ๆ อ่านดีกว่า” ปกติผมจะศึกษาเรื่องสถานที่ก่อนเพื่อไปเอาภาพที่ต้องการ แต่ครั้งนี้ต่างออกไป… ผมหาข้อมูลแล้ว “แทบไม่มีไอเดียเรื่องนี้เลย” เอาล่ะสิ … เลยคิดว่าจะต้องเก็บทุกอย่างที่มองเห็น คิดมุมมองต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด ลืมเรื่องข้างหลังไว้


เมื่อลงจากสนามบิน… ผมก็สมบทบาทนักท่องเที่ยวของแท้เลยคือ.. “ถามเส้นทาง” มันอาจจะเป็นเรื่องปกติของคนทั่วไปแต่กับผมมันคือเรื่องที่ใหม่มาก … ไม่ต้องทำหน้างง!?!? ผมไม่เคยเที่ยว ไม่หือไม่อือกับโลกภายนอกเท่าไหร่ … เวลาจะไปไหนมาไหนก็จะมีแพลน มีเส้นทาง มีเป้าหมายในหัวเสมอ แต่นี้คือไม่มีอะไรเลย

ผมได้ถามเจ้าหน้าที่ว่า
ผม : “พี่… ผมจะไปนั่งรถแดงเข้าเชียงของได้ยังไงครับ?” …
เจ้าหน้าที่ : โอ้ แท็กซี่เลยครับ เอาป้ายเหลืองนะมีมิเตอร์
ผม : แล้วที่นี่ไม่มีรถประจำทางผ่าน หรืออะไรแบบนี้เลยเหรอครับ? (คือไม่ได้อะไรนะ ผมคิดว่าการนั่งรถโดยสารทำให้เราได้เข้าใจวิถีคนที่นี่มากขึ้น)
เจ้าหน้าที่ : ถ้าจะเข้าไปที่ บขส. (มั้งนะ จำไม่ค่อยได้) ต้องนั่งแท็กซี่ออกไปเลยครับ
ผม : ขอบคุณครับพี่ .. แล้วก็เดินไปหาแท็กซี่…


ก็มองกลุ่มแท็กซี่ป้ายเหลือง.. บรรยากาศที่ผมไม่ชอบตามขนส่งเลย เวลาลงรถหรือเราจะต่อรถ จะมีกลุ่มพี่วินต่าง ๆ คอยบริการแบบพนักงานดีเด่น “ไปไหนน้อง,แท็กซี่ไหม,นั่นนี่ไหม” (ถึงแม้จะเข้าใจคนทำมาหากินก็เหอะ) แต่ความรู้สึกผมนี่อย่างกับในหนังที่ตัวเอกของเรื่องเปิดประตูแล้วกำลังโดนซอมบี้รุมทั้งฝูง
ผมเดินไปที่กลุ่มรถพี่แท็ก .. แล้วบอกเขาเลย “ผมจะต่อรถแดงไปเชียงของครับ” … พี่แกก็พานั่งบนรถแท็กซี่ อารมณ์เราก็แบบ..คิดในใจไง ถ้าจะนั่งแท็กนี่ฟิลลิ่งมันต่างจาก กทม ตรงไหนวะ … อ้อต่างนะ “รถไม่ติดหว่ะ” 5555+


บรรยากาศการนั่งรอรถของคนในพื้นที่ แม้จะเป็นจุดต่อรถแต่ก็ยังให้บรรยากาศที่รู้สึกว่าไม่ต้องเร่งรีบเหมือนในเมืองกรุง


รถแดงในตำนานที่ผมต้องต่อจาก บขส. ไปที่เชียงของ

หลังจากนั้นพอไปลงที่ บขส. ผมก็สัมผัสได้ถึง สกลนคร เมืองบ้านเกิด … ฟิลลิ่งนั้นเลย ภาพบรรยากาศตอนสมัยยังหน้าละอ่อนถูกพรีวิวขึ้นมาบนหัวรัว ๆ .. ไม่นานผมก็เจอ “รถแดงในตำนาน” ที่ได้ตามหามาแสนนาน … หลังจากนั้นก็ขึ้นไปบนรถแล้วก็เอากล้องออกมาเก็บภาพรอบ ๆ ชาวบ้านแถวนั้นก็มองประมาณว่า “ไอ้หนูนี่คนในเมืองแต๊ ๆ ไม่เคยเห็นมั้งเนี่ย”


ที่นั่งหลังคนขับ บอกเลยว่าแน่นมาก..เคลื่อนไหวลำบากถ้าหากว่าคุณต้องแบกกระเป๋าขนาดใหญ่มาด้วย

อยากตะโกนดัง ๆ “ผมมารีวิวรถแดงอ่ะป้า 555+” หลังจากนั้นไม่นานรถก็ออกครับ แท๊ด ๆ ๆ ๆ อืมมม “วาว” เคยบอกกับผมว่า “รถมันสโลวไลฟ์มากเลยแก” ผมนั่ง อืมมม อยากบอกวาวว่า “สโลวที่ว่าถ้านับเรื่องเวลาอย่างเดียว” กทม มันช้ากว่าอ่ะ ถถถถถ++ , แต่เอาจริง ๆ คือบรรยากาศมันสบายใจกว่าเยอะมากเลยล่ะ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ กทม ให้ไม่ได้


จะมีสักกี่ครั้งที่คุณยกกล้องหันออกไปที่หน้าต่าง แล้วจะได้ภาพวิวสวยขนาดนี้…

“ธรรมชาติแค่เอื้อมมือ แต่วิวสวยสุดสายตา” ต้องพูดแบบนี้จริง ๆ ถ้าจะให้บรรยายการนั่งรถเมล์ในตัวเมือง สองหน้ากระดาษ A4 พร้อมทั้งปากการอตติ้งหมึกเต็มก็บรรยายได้ไม่หมด ผมยอมลงเดินไกล ๆ ดีกว่า ถ้าไม่ติดว่าต้องแบกของหนัก แต่ที่นี่กลับเป็น “การพักผ่อน” ที่สบายใจ ค่อย ๆ หยิบกล้องขึ้นมาเก็บมุมธรรมชาติระหว่างที่รถวิ่งอย่างสบายใจ


คุณลุงที่ผมไม่แน่ใจว่าคนไทยหรือต่างชาติ ทำผมสตั๊นท์ด้วยคำถามว่า “Where are you from?”

เหตุการณ์ฮา ๆ มันก็เกิดขึ้นอีกละ … มีลุงคนนึงตั้งแต่ขึ้นรถละนะถามผม

ลุง : “Where are you from?”
ผม : !!!!! ห๊ะ!? ความคิดโหลด กำลังงงนิดหน่อยเลยคิดว่าคนต่างชาติมาเที่ยวเหมือนกันแล้วก็ตอบไป “Bangkok..”
ในหัวเราก็ดันทะลึ่งไปถามเขากลับว่ามาจากไหน… แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่าเขาตอบอะไร เพราะระหว่างคุยมัวแต่คิดเรื่อง “ถ่ายรูป”… แต่ก็ได้เค้ามาว่าลุงจะมาลงที่… ในเชียงของนี่แหละ แล้วลุงก็ชวนคุยไปเรื่อย ผมก็ถามคำตอบคำ

ความฮามันอยู่ตรงที่ชาวบ้านถามลุง “ลุงลงไหน?” …. ลุงตอบ… “บ้านเวียงหมอก” เอิ่มมม เดี๋ยวนะ… หรือผมหูฝาดวะ.. เพราะเห็นแกทักทายคล้ายจะเป็นภาษาไทย ไม่เป็นไร สักพักลุงแกก็ไปนั่งฝั่งตรงข้ามเพราะอยากให้ผมนั่งถ่ายรูปได้อย่างเต็มที่ สมาธิถ่ายภาพผมกระเจิงไปหมดแล้วเพราะคำถามในหัวคือ “ลุง..คนไทยป่าวอ่ะ” … แล้วถ้าคนไทย “ผมเหมือนคนต่างชาติใช่ไหม?”




แล้ว… “สัญชาติไหนฟะ!????” คิดเล่น ๆ ตูคนเป็นคนญี่ปุ่นมั้ง เพราะเราหุ่นเพียวผอม แฮ่ แต่คิดว่าไม่ใช่แน่นอนถ้าดูจากสีผิวแล้วคงไม่พ้นแถบบ้านเราแน่นอน ถถถถถถ กะว่าจะพูดไทยใส่แก แกก็ลงซะละ ปล่อยให้คำถามอยู่กับชีวิตผมจนถึงวันนี้ เยี่ยมมากลุง
หลังจากนั้นรถก็มาหมดระยะที่เชียงของ ผมเปิดแมพบนมือถือเลยกะจะไปหาวาวที่หน้าร้านอะแหละ ชื่อร้านวาวคือ “7he vow” (เดอะวาว) แบบมาถึงนี่แล้วจะให้นั่งรถต่อมันไม่หนุกอ่ะก็เดินไป… จนมาถึงหน้าร้าน



ภาพ ย.ย. กำลังมีความสุขกับการรับออเดอร์ของเด็ก ๆ

พอมาถึง วาวกับเพื่อนก็รออยู่ละ เพื่อวาวชื่อเล่นเต็ม ๆ (อ่านดี ๆ ชื่อเล่นเต็ม ๆ ) ผมจำไม่ได้นะว่าชื่อไร จำได้แต่ “ย.ย.” อ่านยังงั้นแหละ ดังนั้นผมจะย่อด้วยตัวอักษร YY นะครัช โอเค วาวดีใจมากครับ “เห้ย แกกินไร สั่งเลย ๆ ฉันเลี้ยง” … “แกจะได้ถ่ายรีวิวด้วย”

......“แกจะได้ถ่ายรีวิวด้วย”

จ้า…. 555+ ก็ตั้งใจจะมาถ่ายรีวิวอยู่แล้วล่ะครับ ผมเลยบอกเอางี้วาว เลือกมาเลยดีกว่า ผมกินได้หมดทุกอย่าง ส่วนเรื่องถ่ายให้ผมพักแปป..มันคิดไม่ออก มันถ่ายรีวิวไม่ได้ 555+ หลังก็เดินวน ๆ ดูรอบร้านเพื่อทำการริวิว… อืมม สวยดีแฮะ


มุมนั่งสบาย ๆ ตรงนี้ผมชอบมาก เพราะนอกจากพื้นหลังที่ดูมีความสุขแล้วก็ยังรองรับลูกค้าเป็นกลุ่มได้สบาย ๆ เลยล่ะ

บรรยากาศในร้านมีทั้งมุมฮิป ๆ ที่นั่งสบาย ๆ เป็นร้านที่ผมคิดว่าอยากจะมานั่งทำงานมาก ๆ เป็นพื้นที่ซึ่งให้ผมทำสมาธิและปล่อยความครีเอทีฟได้เต็มที่ เพราะในร้านเงียบ อากาศเย็นสบาย แต่ละมุมในร้านถูกสร้างสรรค์ออกมาอย่างตั้งใจและละเอียดจริงแฮะ .. ทำไม กทม ไม่มีร้านแบบนี้มั่งเนี่ย
ที่นั่งในร้านรองรับทั้งการไปคนเดียวและเป็นกลุ่ม นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ชั้นบนให้เรานั่งทำงานอย่างสบาย ๆ อีกด้วย ผมคิดว่าเจ๋งมากโดยเฉพาะมุมด้านนอก ผมชอบมานั่งคิดอะไรเยอะ ๆ กับบรรยากาศแบบนี้ ยิ่งทำให้คิดว่า “ทำไม กทม ไม่มีมุมแบบนี้บ้างนะ.. แต่คงมีแหละ…มั้งนะ?”


มุมนั่งอีกจุดบริเวณส่วนหน้าของด้านในร้าน


วาว & ย.ย. กำลังช่วยกันทำเครื่องดื่มอย่างตั้งใจ


อุปกรณ์ทุกอย่างในร้านถูกเลือกมาอย่างตั้งใจ และกลมกลืนกับบรรยากาศในร้านเลยล่ะ

วอลล์เปเปอร์ร้าน ฝีมือเชฟเจ้าของร้านวาดด้วยตัวเอง ซึ่งวาวเป็นคนบอกผมเอง เชื่อเหอะว่าร้านนี้ปราณีตตั้งแต่อาหารไปจนถึงบรรยากาศร้านเลยล่ะ


เดี๋ยวต่อด้านล่างนะครับ พื้นที่หมด ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่