[CR] CHIANG DAO TRIP : แบกความเหงาเอาไปเล่าให้คนบนดอยฟังที่เชียงดาว

สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปนี่เป็นกระทู้แรกที่ผมจะลองมารีวิวที่ที่ได้ไปเที่ยวมา ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ

เรื่องมันก็เริ่มจากผมเป็นคนนึงที่ชอบเที่ยวไม่ว่าจะเหนือยันใต้ไปหมดก่อนจะไปก็จะหาข้อมูลจากเพื่อนๆในพันทิปนี่แหละว่าที่ไหนน่าไป และเมื่อไม่กี่วันมานี้กรมอุตุได้ประกาศว่า “ประเทศไทยของเราได้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว”ดังนั้นมันก็ต้องไปดอยสิถึงจะถูก ผมจึงเริ่มลงมือหารีวิวดอยที่ไหนสวยแล้วมันอยู่ในเชียงใหม่ เพราะตัวผมเรียนอยู่เชียงใหม่และยังไม่ปิดเทอมเลยยังไม่อยากไปไกลๆ  ซึ่งคำตอบมันก็คือ เชียงดาว หลังจากที่ได้เป้าหมายขั้นตอนต่อไปก็คือการชวนเพื่อนร่วมทาง แต่พอชวนเท่านั้นแหละแต่ละคน คือไม่ว่างจ้า ด้วยความที่อยากไปจึงตัดสินใจเอาวะไปคนเดียวก็ได้ ทริปแบกความเหงานี้จึงเริ่มขึ้น



มาเริ่มกันเลยดีกว่าเช้าวันที่28/10/58

ผมตื่นนอน7โมงเช้าเพื่ออาบน้ำและเตรียมตัวโดยจุดแรกที่เราจะไปคือขนส่งช้างเผือกครับ ผมไปถึงที่ขนส่งประมาณ9โมงซึ่งเป็นเวลาที่รถจะออกพอดี คันที่เราจะนั่งไปก็คือคันนี้แหละครับ เขียนว่า เชียงใหม่-ท่าตอนคันสีส้มๆ ราคาตั๋วอยู่ที่40บาท โดยจุดหมายของเราอยู่ที่อำเภอเชียงดาว โดยจากที่อ่านในรีวิวมาเค้าบอกว่าให้ลงตรงโลตัสนะครับ อย่านอนเพลินล่ะ


คันนี้แหละครับที่จะพาเราไปสู่ เชียงดาววว


ส่วนนี่เป็นบรรยากาศภายในรถครับ


และเมื่อมาถึงโลตัสพนักงานบนรถก็จะบอกว่าป้ายเชียงดาวๆ เราก็ลงตรงโลตัสเลยครับและเราก็เดินไปอีกนิดนึงจะเจอคิวรถสองแถวอยู่ทางขวามือที่จะพาเราขึ้นไปยังเชียงดาว โดยมีลุงคนนึงมายืนเรียกละบอกว่าไปเชียงดาวใช่มั้ยหนู มากับลุงมาผมเลยถามว่าคิดเท่าไหร่ครับ ลุงบอก50บาทผมเลยโอเคไปครับ แต่ลุงบอกว่าลุงขอกินข้าวแปปนึงนะ อ่าวไหงงั้นผมก็เลยกินด้วยสิครับรอไรล่ะก็เดินตามแกไปละแวะร้านข้าวขาหมูร้านนึงตามนี้เลยครับ ราคาจานละ47บาท


นี่ก็เป็นชื่อร้านที่ผมได้แวะตามลุงแก และก็หน้าตาของข้าวขาหมูราคาจานละ 47 บาทครับ


ส่วนนี่ก็คือรถลุงแกที่จะพาเราขึ้นไปยังข้างบน มีเบอร์โทรข้างหน้ารถด้วยนะเรียกใช้บริการได้ครับ


หลังจากที่กินข้าวเสร็จก็ไปรอที่รถลุง ก็รอซักพักจนคนแกครบ แกก็จะมาถามคนที่โดยสารแกว่าจะลงที่ไหนกันมั่งซึ่งผมก็ยังไม่มีที่พักเลย5555คิดว่ามาหาเอาข้างหน้าคงมี แต่พอโทรไปถามที่บ้านระเบียงดาวซึ่งเป็นเป้าหมายแรกของผมปรากฏว่าเต็มครับ เอาไงละทีนี้แต่ผมก็มีแผนสำรองครับโดยจะไปพักที่บ้านสายหมอกแทนซึ่งอยู่ใกล้ๆกันเพราะคิดว่าคงไม่เต็ม ผมก็เลยบอกลุงไปว่าลงบ้านสายหมอกครับ และเพราะบ้านสายหมอกนี่แหละครับจึงทำให้ทริปเหงาๆผมไม่เหงาอีกต่อไป

สาเหตุก็จากเพราะผมได้เจอเพื่อนผมที่สุดท้ายมันก็ตามมาเพราะเห็นว่าผมมาคนเดียว และหลังจากที่บอกลุงว่าจะลงบ้านสายหมอกก็มีพี่สาวข้างๆอีกสองคนถามว่า “อ่าวน้องลงที่เดียวกันเลย น้องมาจากกรุงเทพหรอ” นี่เป็นประโยคแรกที่ทำให้ทริปนี้ไม่ต้องแบกความเหงามาเที่ยวแล้วล่ะ ผมก็ตอบกลับไปว่าเป็นคนเชียงใหม่หลังจากนั้นเราก็คุยกันเรื่องเชียงใหม่เกือบทั้งทางเลยเพราะพี่เขามาจากกรุงเทพตั้งใจมาเที่ยวเชียงใหม่อยากรู้ที่เที่ยวที่กินต่างๆ ถือว่านานพอสมควรกว่าจะถึงข้างบนไม่ใช่ไรหรอกครับเพราะลุงแกใจเย็นมากกกกก เล่นแวะซะทุกที่อารมณ์แบบคนรู้จักแกเยอะแวะทักหมดเลย555 แต่ลุงแกใจดีนะครับ


ก่อนจะขึ้นไปเราก็จะผ่านด่านที่ต้องเสียค่าบริการของอุทยาน คนละ 20 บาทครับ


และแล้วเราก็มาถึงยังที่พักนั่นก็คือบ้านสายหมอก และก็โชคดีมากๆที่มันยังไม่เต็มหมายความว่าคืนนี้ก็มีที่นอนแล้ว และหลังจากที่คุยกันถูกคอ รึป่าว?55 เราก็ตกลงกันแล้วล่ะว่าจะให้ลุงมารับแล้วกลับลงไปพร้อมกันหมายถึงมีผม เพื่อนผม และพี่สาวอีกสองคน ลุงแกก็ใจดีบอกจะมารับจะกลับกี่โมงดีล่ะ 9โมงเช้าครับ ต่อไปก็ลุยเลยกันเลยดีกว่า


ที่นี่เขาคิดราคาเป็นหัวละ500บาทรวมอาหารเย็นและอาหารเช้า ที่พักก็มีทั้งแบบบ้านและเต็นท์ให้เลือกซึ่งแต่ละหลังก็คล้ายๆกันแต่บางหลังอาจจะใหญ่หน่อยแบบมีห้องน้ำในตัวส่วนหลังที่ไม่มีห้องน้ำในตัวก็ต้องใช้ห้องน้ำรวมครับ บ้านที่ผมได้ก็จะอยู่ใกล้ๆบ้านของพี่เขาพอดีตามมาดูเลยครับ

นี่เป็นบริเวณที่กางเต็นท์ วิวสวยมากจริงๆ

ส่วนนี่เป็นบ้านที่ผมพักคือหลังทางขวาของรูป ส่วนอีกหลังก็เป็นหลังที่มีห้องน้ำในตัวเป็นของพี่ทั้งสองคนเขาครับ

นี่เป็นห้องน้ำรวม

วิวระเบียงข้างหน้าบ้านพัก เมื่อเปิดประตูออกมา

และการที่เรามาถึงไวประมาณเที่ยงวันได้คือมันก็ไม่มีไรทำอะครับส่วนเรื่องสัญญาณโทรศัพท์ก็มีบ้างไม่มีบ้างเป็นบางจุดครับ จึงคิดว่าเดินรอบๆหมู่บ้านชาวเขาละกันซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆมีบ้านเพียงไม่กี่หลัง ที่พักใกล้ๆก็มีบ้านระเบียงดาวและบ้านวิวดอยหลวง มาดูสิ่งที่ผมเจอในหมู่บ้านนี้กัน


เป็นกลุ่มเด็กๆกำลังเตะบอลกัน ท่าทางสนุกทีเดียว

มีหมูดอย เอ้ย หมูป่ากับแม่ไก่และลูกๆอีกด้วย

ส่วนนี่ผมชอบมากเลย มันสวยจริงๆเพื่อนๆว่ามั้ย?


หลังจากที่เดินดูจนเหนื่อยเพราะมีแดดออกด้วยแต่ก็ยังมีฝนตกปรอยๆลงมาอีก ส่วนอากาศก็ไม่ร้อนมาก จึงคิดว่านอนดีกว่าครับเพราะไม่มีไรทำจริงๆนี่หน่าTT
ตื่นมาอีกทีก็3โมงกว่าได้แดดก็ไม่มีแล้วก็ออกมาถ่ายรูปและนั่งเล่นตรงระเบียงข้างหน้าบ้านพัก ซักพักพี่ทั้งสองคนแกก็มาชวนให้ไปนั่งเล่นที่ระเบียงบ้านแก ก็ไปครับก็นั่งคุยกันพี่เขาชื่อพี่จุ๋มกับพี่กิ้ฟส่วนเรื่องอายุก็รอตามจากรูปละเดากันเอาเองนะครับ55 พอเย็นก็มีอาหารมาเสริฟถึงระเบียงบ้านเลยครับซึ่งพี่แกก็บอกให้เอาของผมยกมารวมละกินด้วยกันที่บ้านแกเลย มาดูหน้าตาของอาหารมื้อนี้กัน รสชาติใช้ได้เลยล่ะ

ไม่อิ่มหรือไม่พอสามารถขอเพิ่มได้ด้วยนะครับ พี่เจ้าของใจดีมาก

กินไปคุยไปจนอิ่มก็นั่งคุยกันจนมืดที่นี่มืดไวมากครับแค่5โมงกว่า6โมงก็มืดสนิทแล้วเพราะที่นี่ไม่มีไฟฟ้าบ้านทุกหลังเงียบมากไม่รู้ว่าเขานอนไวหรือไปไหนกัน พี่เจ้าของที่พักก็เอาตะเกียงมาให้ เราก็นั่งคุยกันไปเรื่อยล่ะครับนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าจะให้เหงาได้ไงล่ะครับจากที่มาคนเดียวตอนนี้มี4คนแล้ว ก็คุยกันสนุก แต่เวลามันช่างผ่านไปช้าจริงๆแต่ละคนก็นั่งดูเวลานี่ยังไม่ทุ่มเลยด้วยซ้ำแต่มันเงียบมาก ถือว่าถ้าใครอยากมารับบรรยากาศแบบธรรมชาติจริงๆแนะนำเลยครับ สงบ บรรยากาศดีแถมคืนนี้ยังมีพระจันทร์สวยๆให้ได้ดูกันอีกด้วย(เสียดายไม่มีรูปมาอวด) แต่แค่2ทุ่มเราก็แยกกันไปนอนแล้วล่ะครับนี่คงเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆเดือนที่ต้องเข้านอน2ทุ่มแล้วตื่น6โมงเช้า

6โมงเช้าของวันที่29/10/58
ออกมาหน้าบ้านไปยังระเบียงกลางก็เจอพี่จุ๋มกับพี่กิ๊ฟอยู่นั่นแล้วแกตื่นกันเช้ามากๆ ตอนเช้าคนส่วนมากก็จะมารวมกันจุดนี้เพราะว่าได้เห็นวิวและหมอกได้ชัดเจน บรรยากาศเช้านี้ดีมากๆต้องมาลองกันแล้วล่ะ สำหรับเช้านี้ก็มีกาแฟโอวัลตินพร้อมน้ำร้อนมาเสริฟให้ส่วนอาหารเช้าก็จะเป็นข้าวต้มหมูรสชาติอร่อยทีเดียวเลยล่ะแต่ที่แปลกใจสุดๆก็คือลุงแกที่จะมารับมารอแล้วตั้งแต่6โมงเลย มาเช้ามากทั้งที่เมื่อวานแกใจเย็นแบบสุดๆวันนี้มาไวแปลกๆ555 มาดูบรรยากาศของเช้านี้กันครับ

มื้อเช้าครับ มีกาแฟโอวัลตินแล้วก็ข้าวต้มหมู^^

หมอกในตอนเช้าๆ

จุดนี้ก็จะมีคนมาถ่ายรูปกันเยอะเลยครับ



นี่เป็นเจ้าของกระทู้เอง ขอแอคๆหน่อยละกัน555

อีกซักรูปยิ้ม

เพื่อนร่วมทริปทั้งสาม555

ส่วนนี่เป็นคนลุงที่มาเที่ยว แอบถ่ายมา


และก็ถึงเวลาที่เราจะต้องจากที่นี่ไปแล้วโดยมีลุงคนเดียวคนเดิมรอรับอยู่ ลุงจะไปส่งที่ขนส่งของเชียงดาวเพื่อเราจะนั่งรถกลับไปเชียงใหม่

นี่เป็นรูปคุณลุงใจดีคนขับรถพาเรามาเองครับ แอบถ่ายแกตอนยืนคุยกัน

จุดนี้คือขนส่งของอำเภอเชียงดาวที่เราจะขึ้นรถกลับกันครับ


ก็ขอสรุปเลยละกัน

ทริปนี้ที่บ้านสายหมอกถือว่าเป็นอะไรที่คุ้มมากด้วยเงินที่ไม่ถึงพัน ได้ทั้งบรรยากาศดีดี เพื่อนร่วมทางที่ดีจากที่ตั้งใจแบกความเหงามาเต็มมาคนเดียวแต่กลับลงไปมีเพิ่มเป็น4คนซะงั้น 555 อัธยาศัยดี นิสัยดีดีก็จะพาเรามาเจอแต่สิ่งดีดีครับ ขอลากันไปด้วยรูปภาพรวมของเราทั้ง4คนเลยละกัน เย้


สรุปค่าใช้จ่ายของการเดินทางครั้งนี้นะครับตามนี้เลย
ค่ารถจากขนส่งช้างเผือก-เชียงดาว ไป-กลับ80บาท
ค่ารถขึ้นไปยังบนดอยเชียงดาว ไป-กลับ 100 บาท
ค่าบริการในการเข้าไปในอุทยาน 20บาท
ค่าที่พักที่บ้านสายหมอก1คืน รวมอาหารสองมื้อ 500 บาท
ค่าข้าวขาหมูอาหารกลางวันมื้อแรก 47 บาท
รวมแล้ว ก็ 747 บาท เป็นไงละครับด้วยงบไม่ถึงพันก็ไปเชียงดาวได้


สุดท้ายแล้วจริงๆก็ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคนที่อ่านมาจนถึงตอนนี้
และก็ขอขอบคุณเพื่อนไอซ์ที่ตามมาขอบคุณพี่จุ๋มและพี่กิ๊ฟที่ทำให้ทริปแบกความเหงาของผมนี้ไม่เหงา
สำหรับใครที่มีเวลาว่างขอแนะนำเลยครับที่เชียงดาวบ้านสายหมอกไม่ผิดหวังแน่นอน
แล้วก็ขออภัยหากมีข้อผิดพลาดจากการรีวิวกากๆครั้งนี้ด้วยนะครับอมยิ้ม07
ชื่อสินค้า:   บ้านสายหมอก เชียงดาว
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่