จากตอนแรกที่จะขอความช่วยเหลือให้ช่วยแปลข้อความให้ พอดีคห.1, 2 ท้วงมาว่าควรแปลเอง.. เราเลยลองพยายามแปลเอง (ขอบคุณที่ท้วงค่ะ เพราะตอนแรกก็ลืมคิด) และอยากรบกวนใครก็ได้ที่ว่าง ช่วยดูเรื่องความถูกต้อง สำนวน ความลื่นไหล หรือถ้าบางคำที่เป็นศัพท์ในวงการวิจัยหรือสื่อสิ่งพิมพ์ รบกวนขอคำแนะนำหน่อยนะคะ หรือบางประโยคถ้ายังสามารถถอดความให้อ่านง่าย เข้าใจง่ายขึ้นอีก แนะนำได้เลยนะคะ... เราลองพยายามแต่ไม่มั่นใจและอยากทำงานให้ออกมาดีที่สุด เลยอยากรบกวนให้ช่วยตรวจให้หน่อยค่า
ปล. ใครมีรวมรวมคำศัพท์ ตัวอย่างงานวิจัย เกี่ยวกับสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ รบกวนขอคำแนะนำหน่อยนะคะ
ขอบคุณมากค่าา
Magazine and newspaper research began in the 1920s and for much of its early existence was qualitative in nature. Typical research studies dealt with law, history, and international press comparisons. During the 1930s and 1940s, readership surveys and studies of the effectiveness of print media advertising were frequently done by private firms. By the 1950s, quantitative research techniques became common in print media research. The continuing competition between television and radio for advertisers and audiences during the past three decades has spurred the growth of private-sector research.
Research done by newspapers and magazines encompasses readership studies, circulation studies, management studies, readability studies, and online usability studies. Readership research is the most extensive area; it serves to determine who reads a publication, what items are read, and what gratifications the readers get from their choices. Circulation studies examine the various aspects of the delivery and pricing systems. Management studies look at management structure, and the impact of consolidation of ownership on newspaper and magazine content and quality.
Readability studies investigate the textual elements that affect comprehension of a message. A more recent research area examines the usability of newspaper and magazine websites.
แปล
การวิจัยนิตยาสารและหนังสือพิมพ์เริ่มมีมาตั้งแต่ช่วงปี 1920 และในช่วงแรกส่วนใหญ่เป็นงานเชิงคุณภาพในตัวของมันเอง ซึ่งโดยทั่วไปเกี่ยวข้องกับกฏหมาย ประวัติศาสตร์ และการเปรียบเทียบสื่อระหว่างประเทศ จากนั้นช่วงปี 1930-1940 บริษัทเอกชนต่างๆ ก็ได้ทำการสำรวจจำนวนผู้อ่านและการศึกษาถึงความคุ้มค่าจากการโฆษนาทางสื่อสิ่งพิมพ์ ต่อมาช่วงปี 1950 กลวิธีการวิจัยเชิงปริมาณเกี่ยวกับสื่อสิงพิมพ์ก็ปรากฏให้เห็นมากขึ้น การแข่งขันอย่างต่อเนื่องระหว่างโทรทัศน์และวิทยุในกลุ่มนักโฆษนาและผู้ชมตลอดเวลา 30 ปีที่ผ่านมายิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้การวิจัยภาคเอกชนเติบโตขึ้น
งานวิจัยหนังสือพิมพ์และนิตยาสารประกอบไปด้วย การศึกษาจำนวนผู้อ่าน การศึกษาจำนวนผู้ซื้อสิ่งพิมพ์ การศึกษาการบริหารจัดการ การศึกษาความสามารถในการอ่าน และการศึกษาการอ่านทางออนไลน์ โดยการศึกษาจำนวนผู้อ่านนั้นเป็นมีขอบข่ายกว้างที่สุด เพื่อมุ่งค้นหาว่าคนกลุ่มไหนเป็นผู้อ่าน อ่านอะไรบ้าง และผู้อ่านมีความพึงพอใจแบบใดจากการเลือกอ่าน ส่วนการศึกษาจำนวนผู้ซื้อสิ่งพิมพ์นั้นได้สำรวจหลายๆ ปัจจัยของระบบส่งสินค้าและราคา การศึกษาการบริหารจัดการนั้นเพื่อตรวจสอบโครงสร้างและผลกระทบจากการรวมบริษัทต่อเนื้อหาและคุณภาพของหนังสือพิมพ์และนิตยาสาร
การศึกษาความสามารถในการอ่านเพื่อสำรวจองค์ประกอบของข้อความที่ส่งผลต่อความเข้าใจข้อความ และขอบข่ายในการศึกษาวิจัยล่าสุดนั้นเพื่อสำรวจการอ่านหนังสือพิมพ์และนิตยาสารบนเว็บไซต์
---
ขอบคุณอีกครั้งค่าาาา
ใครใจดีช่วยแปลให้หน่อยค่า (เอามาจากบทความเกี่ยวกับวิจัยด้านสื่อสิงพิมพ์)
ปล. ใครมีรวมรวมคำศัพท์ ตัวอย่างงานวิจัย เกี่ยวกับสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ รบกวนขอคำแนะนำหน่อยนะคะ
ขอบคุณมากค่าา
Magazine and newspaper research began in the 1920s and for much of its early existence was qualitative in nature. Typical research studies dealt with law, history, and international press comparisons. During the 1930s and 1940s, readership surveys and studies of the effectiveness of print media advertising were frequently done by private firms. By the 1950s, quantitative research techniques became common in print media research. The continuing competition between television and radio for advertisers and audiences during the past three decades has spurred the growth of private-sector research.
Research done by newspapers and magazines encompasses readership studies, circulation studies, management studies, readability studies, and online usability studies. Readership research is the most extensive area; it serves to determine who reads a publication, what items are read, and what gratifications the readers get from their choices. Circulation studies examine the various aspects of the delivery and pricing systems. Management studies look at management structure, and the impact of consolidation of ownership on newspaper and magazine content and quality.
Readability studies investigate the textual elements that affect comprehension of a message. A more recent research area examines the usability of newspaper and magazine websites.
แปล
การวิจัยนิตยาสารและหนังสือพิมพ์เริ่มมีมาตั้งแต่ช่วงปี 1920 และในช่วงแรกส่วนใหญ่เป็นงานเชิงคุณภาพในตัวของมันเอง ซึ่งโดยทั่วไปเกี่ยวข้องกับกฏหมาย ประวัติศาสตร์ และการเปรียบเทียบสื่อระหว่างประเทศ จากนั้นช่วงปี 1930-1940 บริษัทเอกชนต่างๆ ก็ได้ทำการสำรวจจำนวนผู้อ่านและการศึกษาถึงความคุ้มค่าจากการโฆษนาทางสื่อสิ่งพิมพ์ ต่อมาช่วงปี 1950 กลวิธีการวิจัยเชิงปริมาณเกี่ยวกับสื่อสิงพิมพ์ก็ปรากฏให้เห็นมากขึ้น การแข่งขันอย่างต่อเนื่องระหว่างโทรทัศน์และวิทยุในกลุ่มนักโฆษนาและผู้ชมตลอดเวลา 30 ปีที่ผ่านมายิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้การวิจัยภาคเอกชนเติบโตขึ้น
งานวิจัยหนังสือพิมพ์และนิตยาสารประกอบไปด้วย การศึกษาจำนวนผู้อ่าน การศึกษาจำนวนผู้ซื้อสิ่งพิมพ์ การศึกษาการบริหารจัดการ การศึกษาความสามารถในการอ่าน และการศึกษาการอ่านทางออนไลน์ โดยการศึกษาจำนวนผู้อ่านนั้นเป็นมีขอบข่ายกว้างที่สุด เพื่อมุ่งค้นหาว่าคนกลุ่มไหนเป็นผู้อ่าน อ่านอะไรบ้าง และผู้อ่านมีความพึงพอใจแบบใดจากการเลือกอ่าน ส่วนการศึกษาจำนวนผู้ซื้อสิ่งพิมพ์นั้นได้สำรวจหลายๆ ปัจจัยของระบบส่งสินค้าและราคา การศึกษาการบริหารจัดการนั้นเพื่อตรวจสอบโครงสร้างและผลกระทบจากการรวมบริษัทต่อเนื้อหาและคุณภาพของหนังสือพิมพ์และนิตยาสาร
การศึกษาความสามารถในการอ่านเพื่อสำรวจองค์ประกอบของข้อความที่ส่งผลต่อความเข้าใจข้อความ และขอบข่ายในการศึกษาวิจัยล่าสุดนั้นเพื่อสำรวจการอ่านหนังสือพิมพ์และนิตยาสารบนเว็บไซต์
---
ขอบคุณอีกครั้งค่าาาา