จุดเริ่มต้นและจุดจบของดรีมทีม ยุคบิ๊กหอย ธวัชชัย สัจจกุล

กระทู้สนทนา
กระแสดรีมทีมฟีเวอร์เกิดขึ้นหลังทีมชาติไทยชุด B ที่ผู้เล่นส่วนใหญ่เป็นดาวรุ่ง ซึ่งเกิดจากการปลุกปั้นของบิ๊กหอย
ธัชชัย สัจจกุล นักธุรกิจร่ำรวยและหลงใหลในฟุตบอลไทย จับเอานักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดีส่วนใหญ่ไม่ได้เล่นถ้วย ก หรือลีกสูงสุดขณะนั้น

มาเข้าแคมป์ฝึกซ้อมและเก็บตัวแบบโรงเรียนประจำ มีเงินเดือนให้เดือนละ 50,000 บาท ในสมัยนั้นราวๆปี 2536-37
ทองบาทละ 5,000 ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินที่สูงมากในสมับนั้น

นัดชิงคิงคัพท์ปี 2537 ทีมชาติไทยชุดบี ซึ่งนำโดย เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง สมาน ดีสันเที๊ยะ สุชิน พันธ์ประภาส
3 ประสานในแดนหน้า สามารถถล่ม ทีมสโมรสรจากเยอรมัน ซึ่งสวมเสื้อทีมชาติเยอรมันชุดใหญ่
ไปได้ 4-0 คว้าแชมป์คิงคัพได้อย่างสะใจแฟนบอลทั่วประเทศ

สมัยนั้นเยอรมันคว้าแชมป์บอลโลก 1990 ที่อิตาลี และเป็นทีมที่ดีที่สุดในโลกขณะนั้น
ดังนั้นการที่ทีมชาติไทยชนะ ทีมตัวแทนจากเยอรมัน ซึ่งสวมเสื้อทีมชาติชุดใหญ่
ก็เเหมือนกับเราเอาชนะทีมระดับโลกได้ นักเตะ โค้ช แฟนบอล ก็รู้สึกแบบนั้น

บิ๊กหอยเองคุยโวโอ้อวดและมโนไปไกลว่า ทีมชุดนี้คือทีมชาติไทยที่จะไปเล่นบอลโลกเป็นครั้งแรกในผระวัติศาสตร์

ในขณะที่ทีมชาติไทยชุดใหญ่หรือชุด A ความหวังสูงสุดของคนไทย ที่มีปิยะพงษ์ ผิวอ่อน วิทูรย์ กิจมงคลศักดิ์ นที ทองสุขแก้ว
ตกรอบรองชนะเลิศไปเสียก่อน ไปไม่ถึงฝั่งฝัน

ดังนั้นพอมีนักเตะสายเลือดใหม่ เกิดขึ้นมาและทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจึงเกิดกระแสดรีมทีมฟีเวอร์ขึ้นมา
ในตอนนั้น เพราะเชื่อว่า นักเตะชุดนี้คือแห่งความฝันที่จะพาทีมชาติไทยไปบอลโลกได้เป็นครั้งแรก

คิงคัพปี 2537 เราฝันไปไกลว่าเราจะไปบอลโลก ฝันอยู่ได้ 2 ปี หลังจากเอเชี่ยนเกมส์ ที่ฮิโรชิม่า ปี 37
เราตกรอบแรก ฟุตบอลปรีโอลิมปิค ปี 2538 เราตกรอบแรก แพ้ญี่ปุ่น 0-5 ที่สุพรรณ
เอเชียนคัพ ปี 2539 ที่UAE เราตกรอบแรก แพ้ซาอุ 0-6 แพ้อิหร่าน 1-3 แพ้ อิรัก 1-4

ผลงานทั้ง 3 รายการระดับเอเชีย ทำให้เราตื่นขึ้นจากความฝัน ^___^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่