เข้ามาอ่านกระทู้ผีๆ ใน Pantip มานาน อ่านทุกเรื่องก็จะพาลนึกถึงเรื่องผีที่คุณแม่ชอบล้อมวงเล่าให้ฟังตั้งแต่เด็กจนโตทุกครั้ง วันนี้มีโอกาสก็อยากจะลองมาถ่ายทอดประสบการณ์ผีจากคุณแม่ให้ได้เสพกันบ้างครับ
เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องเล่าจากคุณแม่ เป็นประสบการณ์ตรงที่คุณแม่เจอเอง จริงๆแล้วมีอยู่หลายเรื่อง แต่เรื่องที่ฝังใจผมและเป็นภาพจำมีอยู่ 2 เรื่อง วันนี้ขอเล่าเรื่องอันดับ 1 ในใจก่อนนะครับ
ในช่วงตั้งแต่เด็กจนสาว แม่ผมอาศัยอยู่กับยาย ตา (คุณทวดของผม) และแม่(คุณยายของผม) ที่อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม แถวนั้นเรียกว่าวัดแก่นจันทร์เจริญ ที่บ้านทำอาชีพทำสวนผลไม้ หลักๆคือสวนส้มโอ ทุกบ้านก็จะมีการขุดท้องร่องเชื่อมต่อกันเพื่อให้น้ำจากคลองหลักหรือแม่น้ำผ่านเข้ามา ง่ายต่อการดูแลรดน้ำต้นไม้ รวมถึงการเดินทางก็จะใช้เรือเป็นหลัก ทุกบ้านก็จะมีเรืออย่างน้อย 1 ลำ ลักษณะภูมิประเทศก็จะเป็นเหมือนตารางสี่เหลี่ยม มีท้องร่องล้อมรอบเป็นบล็อกๆ ไป แล้วก็จะมีต้นไม้ ผลไม้ ปลูกเว้นระยะกัน ตามแต่ละบ้านว่าปลูกอะไรบ้าง ทุกวันก็จะมีการเก็บผลไม้จากสวนเพื่อเตรียมไว้ ไปขายในตอนเช้า ซึ่งต้องพายเรือออกไปขายที่แม่น้ำแม่กลอง เป็นอย่างนี้ประจำทุกวัน
แม่เล่าว่าต้องตื่นตั้งแต่ตี 3 และเนื่องจากบ้านแม่ผมมีแต่ผู้หญิง ฉะนั้นก็จะออกไปกันหมดทั้งบ้าน ซึ่งมีกันอยู่ 4 คน คือตาของคุณแม่ ซึ่งเป็นคนจีน มาจากเมืองจีนเลย แล้วก็ยายของคุณแม่เป็นคุณดุ ใจนักเลง ไม่กลัวอะไร แล้วก็แม่ของคุณแม่ผม ตอนนั้นน่าจะยังสาวอยู่ แล้วก็คุณแม่ผมอายุตอนนั้นประมาณ 13 -14 ก็พายเรือกันออกจากบ้านไปตั้งแต่ตี 3 จุดตะเกียงดวงนึงไว้หัวเรือ พร้อมผลไม้เกือบเต็มลำ แม่เล่าให้ฟังว่าเนื่องจากยังเด็ก ง่วงก็ง่วง ก็จะนั่งๆ นอนๆ หนุนตักแม่ไป แม่บอกว่ายังไม่ทันจะงีบหลับ เรือกำลังจะพ้นหัวโค้งออกคลองหลัก ก็มีเสียงดังแก๊กที่หัวเรือ เหมือนคนเอาก้อนหินปา แต่ที่นี้มันไม่ได้ปามาครั้งเดียว พายๆ ไปก็ปามาอีก ลงหัวเรือดังแก็กๆ จนคุณยายของแม่เริ่มโมโห มองหาก็ไม่เห็นตัวคนปา (วันนั้นน่าจะเป็นคืนเดือนหงาย เพราะคุณแม่ค่อนข้างเห็นรายละเอียดต่างๆชัดเจน - ผมวิเคราะห์เอง) หนักเข้าก็เริ่มปาเฉียดหัวยายบ้าง เฉียดหัวแม่ผมไปบ้าง จนแม่ของคุณแม่ผมต้องกดหัวแม่ผมลงไปกับตัก แล้วบอกให้หลับตา อย่ามอง แต่แม่ผมก็แอบมองตลอด แม่บอกว่าตอนนั้นกลัวก็กลัว แต่อยากรู้ก็อยาก
ยายโมโหก็เริ่มตะโกนด่า ตามประสาชาวบ้านใจนักเลง เิงเป็นใคร มาแกล้งกันทำไม คนจะทำมาหากิน ด่าไปก็ท้าไปว่าแน่จริงให้ออกมา แม่บอกว่าได้ผลครับ หลังจากยายด่าไปเสียงปาหินก็หยุดไป แต่ที่นี้มาเป็นตัวเลยครับ แม่บอกว่ามันมานั่งอยู่ที่หัวเรือเอาเท้าจุ่มน้ำ แม่ชำเลืองมองเห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ แต่รู้ว่าเป็นผู้หญิงเพราะเสียงหัวเราะแหลมๆ คิก คิก เหมือนดีใจที่หลอกคนได้สำเร็จ ยายเห็นยังงั้นก็ปรี๊ดแตกเลยครับ ด่าไม่เป็นศัพท์เลย ด่าไม่พอแกเอาไม้กระดานที่ใช้ลองนั่งในเรือเขวี้ยงใส่ ตาแกเป็นคนนิ่งๆ อยู่แล้วก็พยายามบอกยายว่าปล่อยมันไป อย่าไปยุ่งกับมัน อย่าไปให้มันหลอกได้ นี่ผีมันกำลังหลอกจริงๆ ยายแกก็ไม่ฟังแล้วครับ เลือดขึ้นหน้าแล้ว ตะโกนด่าไป แช่งไป มือก็หาของปาไป สักแว่บมันก็หายไปจากหัวเรือไปโผล่ยืนอยู่ริมตลิ่งน้ำ แลบลิ้นปลิ้นตาหลอก แม่บอกนาทีนั้นชัดเลย เป็นผู้หญิงผมยาวถึงตาตุ่ม นุ่งกางเกงขาก๊วยสีเขียว ไม่ใส่เสื้อ ตัวเหลืองอ๋อย แลบลิ้น หลอกยายอยู่ริมตลิ่ง ยายแกก็คว้าไม้พายกระโดดตามเลยครับ วิ่งด่าไป เอาไม้พายไล่ตีมันไปด้วย พอไปถึงตัวจะฟาดโดนมัน มันก็แว่บหายไปโผล่อีกที่นึงใกล้ๆ แล้วก็ปลิ้นตาหลอกพร้อมหัวเราะคิก ๆ แม่บอกว่าเห็นยายวิ่งหายเข้าไปในสวน ตาก็ตะโกนเรียกบอกให้กลับมา เหนื่อยปล่าว อย่าไปยุ่งกับมัน สักพักยายถึงเดินหอบกลับมาพร้อมบ่นอุบแล้วแช่งผีไม่หยุด สรุปว่ายกนี้ผีชนะครับ มันหลอกจนยายเหนื่อยแล้วมันก็หายไป
มาคิดว่าผีตนนี้คงจะเป็นอีเขียว เป็นคนอยู่ในละแวกนั้น เป็นผู้หญิงสติไม่ดี มาผูกคอตายอยู่ใต้ต้นไม้ตรงคุ้งน้ำตรงนั้น เพราะลักษณะตรงกับตอนที่เจอศพคือใส่กางเกงขาก๊วยสีเขียว ไม่ใส่เสื้อ ส่วนตัวเหลืองๆนั้น น่าจะมาจากสมัยก่อนตอนทำศพเค้าจะนิยมทาขมิ้นให้คนตาย ช่วงนั้นน่าจะเป็นช่วงที่เพิ่งตายไม่นาน เห็นว่ามีคนเจอหลอกอยู่บ่อยๆ แล้วพักนึงก็หายไปครับ
ก็เป็นประสบการณ์ที่ผมจำฝังใจเลย และเวลาคุณแม่เล่าเรื่องนี้ทุกครั้งก็จะรายละเอียดเหมือนเดิม ตาแกจะสุกใสมีแววตื่นเต้นทุกครั้งที่พูดถึง ก็คงเป็นประสบการณ์ที่คุณแม่จำฝังใจเหมือนกัน เรื่องนี้ก็คงแล้วแต่วิจารณญานนะครับ สำหรับผมผมคงเชื่อคุณแม่ 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่แกจะมาหลอกผม
ขอให้สนุกในการอ่านนะครับ ถ้าพิมพ์ผิดหรือตกหล่นอะไร ขออภัยด้วยนะครับ ถือเป็นกระทู้ยาวกระทู้แรก ไว้ผมจะมาเล่าอีกเรื่องที่เหลือ คงตั้งเป็นอีกกระทู้นึง เพื่อสะดวกในการอ่านนะครับ
ขอบคุณครับ
เรื่องเล่าประสบการณ์วัยเด็กจากคุณแม่ : ผีอีเขียว
เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องเล่าจากคุณแม่ เป็นประสบการณ์ตรงที่คุณแม่เจอเอง จริงๆแล้วมีอยู่หลายเรื่อง แต่เรื่องที่ฝังใจผมและเป็นภาพจำมีอยู่ 2 เรื่อง วันนี้ขอเล่าเรื่องอันดับ 1 ในใจก่อนนะครับ
ในช่วงตั้งแต่เด็กจนสาว แม่ผมอาศัยอยู่กับยาย ตา (คุณทวดของผม) และแม่(คุณยายของผม) ที่อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม แถวนั้นเรียกว่าวัดแก่นจันทร์เจริญ ที่บ้านทำอาชีพทำสวนผลไม้ หลักๆคือสวนส้มโอ ทุกบ้านก็จะมีการขุดท้องร่องเชื่อมต่อกันเพื่อให้น้ำจากคลองหลักหรือแม่น้ำผ่านเข้ามา ง่ายต่อการดูแลรดน้ำต้นไม้ รวมถึงการเดินทางก็จะใช้เรือเป็นหลัก ทุกบ้านก็จะมีเรืออย่างน้อย 1 ลำ ลักษณะภูมิประเทศก็จะเป็นเหมือนตารางสี่เหลี่ยม มีท้องร่องล้อมรอบเป็นบล็อกๆ ไป แล้วก็จะมีต้นไม้ ผลไม้ ปลูกเว้นระยะกัน ตามแต่ละบ้านว่าปลูกอะไรบ้าง ทุกวันก็จะมีการเก็บผลไม้จากสวนเพื่อเตรียมไว้ ไปขายในตอนเช้า ซึ่งต้องพายเรือออกไปขายที่แม่น้ำแม่กลอง เป็นอย่างนี้ประจำทุกวัน
แม่เล่าว่าต้องตื่นตั้งแต่ตี 3 และเนื่องจากบ้านแม่ผมมีแต่ผู้หญิง ฉะนั้นก็จะออกไปกันหมดทั้งบ้าน ซึ่งมีกันอยู่ 4 คน คือตาของคุณแม่ ซึ่งเป็นคนจีน มาจากเมืองจีนเลย แล้วก็ยายของคุณแม่เป็นคุณดุ ใจนักเลง ไม่กลัวอะไร แล้วก็แม่ของคุณแม่ผม ตอนนั้นน่าจะยังสาวอยู่ แล้วก็คุณแม่ผมอายุตอนนั้นประมาณ 13 -14 ก็พายเรือกันออกจากบ้านไปตั้งแต่ตี 3 จุดตะเกียงดวงนึงไว้หัวเรือ พร้อมผลไม้เกือบเต็มลำ แม่เล่าให้ฟังว่าเนื่องจากยังเด็ก ง่วงก็ง่วง ก็จะนั่งๆ นอนๆ หนุนตักแม่ไป แม่บอกว่ายังไม่ทันจะงีบหลับ เรือกำลังจะพ้นหัวโค้งออกคลองหลัก ก็มีเสียงดังแก๊กที่หัวเรือ เหมือนคนเอาก้อนหินปา แต่ที่นี้มันไม่ได้ปามาครั้งเดียว พายๆ ไปก็ปามาอีก ลงหัวเรือดังแก็กๆ จนคุณยายของแม่เริ่มโมโห มองหาก็ไม่เห็นตัวคนปา (วันนั้นน่าจะเป็นคืนเดือนหงาย เพราะคุณแม่ค่อนข้างเห็นรายละเอียดต่างๆชัดเจน - ผมวิเคราะห์เอง) หนักเข้าก็เริ่มปาเฉียดหัวยายบ้าง เฉียดหัวแม่ผมไปบ้าง จนแม่ของคุณแม่ผมต้องกดหัวแม่ผมลงไปกับตัก แล้วบอกให้หลับตา อย่ามอง แต่แม่ผมก็แอบมองตลอด แม่บอกว่าตอนนั้นกลัวก็กลัว แต่อยากรู้ก็อยาก
ยายโมโหก็เริ่มตะโกนด่า ตามประสาชาวบ้านใจนักเลง เิงเป็นใคร มาแกล้งกันทำไม คนจะทำมาหากิน ด่าไปก็ท้าไปว่าแน่จริงให้ออกมา แม่บอกว่าได้ผลครับ หลังจากยายด่าไปเสียงปาหินก็หยุดไป แต่ที่นี้มาเป็นตัวเลยครับ แม่บอกว่ามันมานั่งอยู่ที่หัวเรือเอาเท้าจุ่มน้ำ แม่ชำเลืองมองเห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ แต่รู้ว่าเป็นผู้หญิงเพราะเสียงหัวเราะแหลมๆ คิก คิก เหมือนดีใจที่หลอกคนได้สำเร็จ ยายเห็นยังงั้นก็ปรี๊ดแตกเลยครับ ด่าไม่เป็นศัพท์เลย ด่าไม่พอแกเอาไม้กระดานที่ใช้ลองนั่งในเรือเขวี้ยงใส่ ตาแกเป็นคนนิ่งๆ อยู่แล้วก็พยายามบอกยายว่าปล่อยมันไป อย่าไปยุ่งกับมัน อย่าไปให้มันหลอกได้ นี่ผีมันกำลังหลอกจริงๆ ยายแกก็ไม่ฟังแล้วครับ เลือดขึ้นหน้าแล้ว ตะโกนด่าไป แช่งไป มือก็หาของปาไป สักแว่บมันก็หายไปจากหัวเรือไปโผล่ยืนอยู่ริมตลิ่งน้ำ แลบลิ้นปลิ้นตาหลอก แม่บอกนาทีนั้นชัดเลย เป็นผู้หญิงผมยาวถึงตาตุ่ม นุ่งกางเกงขาก๊วยสีเขียว ไม่ใส่เสื้อ ตัวเหลืองอ๋อย แลบลิ้น หลอกยายอยู่ริมตลิ่ง ยายแกก็คว้าไม้พายกระโดดตามเลยครับ วิ่งด่าไป เอาไม้พายไล่ตีมันไปด้วย พอไปถึงตัวจะฟาดโดนมัน มันก็แว่บหายไปโผล่อีกที่นึงใกล้ๆ แล้วก็ปลิ้นตาหลอกพร้อมหัวเราะคิก ๆ แม่บอกว่าเห็นยายวิ่งหายเข้าไปในสวน ตาก็ตะโกนเรียกบอกให้กลับมา เหนื่อยปล่าว อย่าไปยุ่งกับมัน สักพักยายถึงเดินหอบกลับมาพร้อมบ่นอุบแล้วแช่งผีไม่หยุด สรุปว่ายกนี้ผีชนะครับ มันหลอกจนยายเหนื่อยแล้วมันก็หายไป
มาคิดว่าผีตนนี้คงจะเป็นอีเขียว เป็นคนอยู่ในละแวกนั้น เป็นผู้หญิงสติไม่ดี มาผูกคอตายอยู่ใต้ต้นไม้ตรงคุ้งน้ำตรงนั้น เพราะลักษณะตรงกับตอนที่เจอศพคือใส่กางเกงขาก๊วยสีเขียว ไม่ใส่เสื้อ ส่วนตัวเหลืองๆนั้น น่าจะมาจากสมัยก่อนตอนทำศพเค้าจะนิยมทาขมิ้นให้คนตาย ช่วงนั้นน่าจะเป็นช่วงที่เพิ่งตายไม่นาน เห็นว่ามีคนเจอหลอกอยู่บ่อยๆ แล้วพักนึงก็หายไปครับ
ก็เป็นประสบการณ์ที่ผมจำฝังใจเลย และเวลาคุณแม่เล่าเรื่องนี้ทุกครั้งก็จะรายละเอียดเหมือนเดิม ตาแกจะสุกใสมีแววตื่นเต้นทุกครั้งที่พูดถึง ก็คงเป็นประสบการณ์ที่คุณแม่จำฝังใจเหมือนกัน เรื่องนี้ก็คงแล้วแต่วิจารณญานนะครับ สำหรับผมผมคงเชื่อคุณแม่ 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่แกจะมาหลอกผม
ขอให้สนุกในการอ่านนะครับ ถ้าพิมพ์ผิดหรือตกหล่นอะไร ขออภัยด้วยนะครับ ถือเป็นกระทู้ยาวกระทู้แรก ไว้ผมจะมาเล่าอีกเรื่องที่เหลือ คงตั้งเป็นอีกกระทู้นึง เพื่อสะดวกในการอ่านนะครับ
ขอบคุณครับ