"ถ้าไม่อยากโสด ก็ออกไปสังคมบ้างซิ!" >> ถูก.. แต่ถูกแค่ครึ่งเดียว

ก่อนอื่น นี่เป็นกระทู้ที่ 2 ของเรา ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยอีกครั้ง อมยิ้ม16

...วันนี้เราขออนุญาตนำโพสต์ที่เราเขียนไว้ในเพจมาแชร์ พอดีต้องเล่าก่อน ว่าเราทำวิทยานิพนธ์เรื่อง "การจีบกันบนสื่อออนไลน์" แล้วทีนี้เราเสียดายไม่อยากให้วิทยานิพนธ์ "ขึ้นคาน" ก็เลยตัดสินใจเขียนเพจ เพื่อนำเรื่องราวและข้อมูลจากธีสิส จากเปเปอร์งานวิจัยต่างๆ จากการสัมภาษณ์คู่รัก มาบอกเล่า ทีนี้ เราก็อยากลองเอามาแชร์ในพันทิปดูด้วยบ้าง เผื่อเพื่อนๆจะได้อ่าน หรือได้พอมีประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างก็ยังดี

ต้องฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้งด้วยนะคะ เริ่มเลยละกัน

**************

[ 2 สาเหตุที่ทำให้  'โสดสนิท' ]  ร้องไห้


หลายคนคงได้ยินคนแนะนำกันบ่อยๆว่า “ถ้าไม่อยากโสด ก็ออกไปสังคมบ้างซิ เก็บตัวแบบนี้ แล้วจะได้เจอใครมั้ยเล่า!!” แต่เชื่อเหอะ เชื่อว่าคงมีหลายคนที่พยายามเข้าสังคมแล้ว แต่ไม่ยักจะเจอใคร สุดท้ายก็โสดสนิทเหมือนเดิม ...แล้วสงสัยมั้ยว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?

ถ้าตัดเรื่องฟ้ากลั่นแกล้ง สาเหตุหลักที่ทำให้คนโสดสนิท มักเกิดจาก 2 อย่าง คือ ‘ขาดโอกาส’ กับ ‘ขาดเหตุ’

‘โอกาส’ ในที่นี้หมายถึง โอกาสที่จะได้เจอมนุษย์ ส่วน ‘เหตุ’ หมายถึง เหตุที่จะได้คุยกันกับมนุษย์

.............

จากการสัมภาษณ์คู่รัก หรือผู้ที่รอดพ้นจากการเป็นโสด พบว่า มีคู่รักอยู่ 2 แบบ

แบบแรก เป็นกลุ่มที่อาภัพมาก คือขาดโอกาส เป็นคนที่แต่ละวันมีโอกาสเจอมนุษย์น้อยมาก เช่น ทำงานอยู่ที่บ้าน หรือไม่ก็ฝังตัวอยู่แต่ในออฟฟิศจนไม่ได้ออกไปเจอผู้เจอคน ดังนั้น อย่าว่าแต่เหตุจะได้คุยเลย โอกาสเจอคนก็แทบจะไม่มี

แต่คนกลุ่มนี้ แม้จะอาภัพโอกาสที่จะได้เจอคน แต่พวกขาก็ “สร้าง” มันขึ้นมา เช่น ใช้ โซเชียลเน็ตเวิร์ก แทนการเข้าสังคม หรือไม่ก็ พยายามไปร่วมกิจกรรม เข้าค่าย ไปสัมมนา ไปอบรมบ่อยๆ (นี่อาจเป็นเหตุผลดีๆที่ HR บริษัท น่าจะใช้เพื่อจูงใจให้พนักงานไปร่วมสัมมนา หรือเข้าอบรมของออฟฟิศ)

...................................

::: ทำไม การเข้าสังคมถึงสำคัญ ? ::

คิดแบบนี้ละกัน ถ้าคุณเป็นผู้หญิง สมมติ ปีๆนึงคุณได้เจอมนุษย์ผู้ชาย อยู่แค่ 30 คน คู่ครองของคุณ ก็คงไม่คนใดคนหนึ่งใน 30 คนนั่นแหละ หรืออาจจะไม่อยู่ในนี้เลย (เตรียมขึ้นคาน)

บางคนอวดครวญว่า วันๆชั้นเจอแต่พวกลุงๆ หรือไม่ก็มีแฟนไปหมดแล้ว หรือไม่ก็เป็นเกย์ >> อันนี้ซิ ยิ่งไม่ควรหยุดอยู่กับที่เลย แต่ควรเพิ่มจำนวนมนุษย์เข้าไปอีก (เพิ่มโอกาส) เช่น จากเดิมมีมนุษย์ชายที่เข้าเกณฑ์(ไม่ลุง โสด ไม่ใช่เกย์) ประมาณ 30 คน แต่ถ้าคุณเข้าสังคมบ่อยขึ้น ตัวเลขอาจจะขยับมาที่ 40 คน ฉะนั้น 10 คน ก็จะเป็นโอกาสใหม่ๆที่เพิ่มเข้ามา

แต่ๆๆๆๆๆๆๆ ถ้าเพิ่มเข้ามา แล้วไม่มี ‘เหตุได้คุยกัน’ คนที่เพิ่มเข้ามาก็คงเป็นคนรู้จักของคุณต่อไป ...ไม่ใช่แฟน อยู่ดี

............

จึงเข้าสู่ คนกลุ่มที่ 2 หรือกลุ่มที่ ‘ขาดเหตุได้คุยกัน’

คนกลุ่มนี้ หมายถึง มีจำนวนคนที่เจอเยอะมากอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะหมายถึง เจอในชีวิตจริง หรือตามเฟซบุ๊กไลน์ (ก็นับนะ เพราะถือว่าได้สื่อสารเหมือนกัน) แต่แค่ไม่มีเหตุที่ทำให้ขยับจาก “คนรู้จัก” มาเป็น “คนรู้ใจ”

จากการสัมภาษณ์คู่รัก ทั้งหมด 15 คู่ มีถึง 9 คู่ ที่เป็นคนรู้จักกันมาก่อน (และพัฒนามาเป็นแฟน) โดยรู้จักกัน เพราะ 1. เรียนหรือเคยเรียนที่เดียวกัน 2. ทำงานที่เดียวกัน หรือโชคดีหน่อย 3. คือมีคนแนะนำให้รู้จักกัน

ดังนั้น จงคิดไว้ว่าคู่ครองในอนาคต ก็คงจะเป็นคนที่วนๆอยู่ไม่ไกลตัวคุณ นั่นแหละ เช่น เป็นเพื่อน เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องสมัยเรียน หรือไม่ก็คนที่ออฟฟิศ หรือเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที

............

แต่อย่างที่บอก ถึงรู้จักกัน แต่ไม่คุยกัน มันก็เท่านั้น เพราะ ‘ความรัก’ จะงอกเงยขึ้นได้ ต้องเกิดจากการคุยกันอย่างจริงจังก่อน เช่น ได้มาปรึกษางานกัน ได้มาคุยงานกัน ได้มาปลอบใจกัน บังเอิญได้คุยเรื่องที่ชอบเหมือนกัน ฯลฯ

และนี่คือ เหตุผลที่ว่าทำไม ผู้หญฺิงที่อ่อยผู้ชายเป็น หรือเพลบอยที่กล้าเข้าไปชวนผู้หญิงคุยด้วย ถึงนำหน้าพวกคุณ!!! ก็เพราะ พวกเขา “สร้างเหตุ(ให้ได้คุย)” ขึ้นมาได้

************************

ดังนั้น

ถ้าคุณยังโสดสนิท(แบบไร้วี่แวว) จงตอบคำถามต่อไปนี้

1. คุณคิดว่า ปกติคุณเจอคนเยอะอยู่แล้วหรือไม่ ?

ถ้าใช่ >>> ข้ามไปข้อ 2
ถ้าไม่ใช่ >>> แนะนำว่าคุณควรเข้าสังคม เพื่อเพิ่มจำนวนคนรู้จัก เช่น ไปสัมมนา ไปอบรมของบริษัทให้บ่อยๆ มีค่ายอะไรก็ไปให้หมด เพราะกิจกรรมแบบนี้แหละที่จะทำให้คุณได้เจอคนเยอะขึ้น แถมมีเหตุได้คุยกับคนมากขึ้นด้วย (โดยที่ไม่ต้องอ่อยหรือด้านหน้าเข้าไปคุย)

หรือถ้าคุณเป็นคนกล้าเสี่ยง กล้าจะลองคุยกับคนแปลกหน้า(ที่ไม่รู้จักกันเลย) ก็ลองใช้ โซเชียลเน็ตเวิร์ก หรือแอบฯ เว็บบอร์ดอะไรก็ได้ที่ทำให้คุณได้รู้จักคนมากขึ้น แต่แนะนำว่าคุณเองก็ต้องระมัดระวังในการสกรีนคนมากขึ้นตาม

จากนั้น มาที่ข้อ 2

......................................

2. ตอนนี้ คุณมีคนที่แอบชอบแล้วใช่หรือไม่ ?

ถ้าใช่ >>> ก็ต้องคุย เพราะมันคือหนทางเดียว

ถ้าไม่ใช่ >> แนะนำว่าควรสร้างเหตุให้ได้คุยกับคนมากขึ้น ไม่ใช่เก็บเนื้อเก็บตัวไม่ยอมคุยกับใคร ซึ่งคำว่า “คุย” ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าคุยแบบชอบนะ แต่คุยกันแบบคนรู้จักทั่วไป แบบธรรมชาตินี่แหละ

และไอ้การคุยแบบธรรมชาตินี่แหละ.....ตัวดีเลย ที่ทำให้หลายคนได้เจอคู่ครองที่แฝงตัวมาในมาดคนรู้จัก เพราะการคุยกันทำให้รู้จักกันและเห็นตัวตนกันมากขึ้นและเกิดการตกหลุมรักอารมณ์ว่า ...ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเป็นคนน่ารักแบบนี้

ดังนั้น จงคุยกับคน คุยไปเถอะ คุยไปเรื่อยๆ ขอแค่อย่าเงียบๆ หรือมัวแต่คุยกับเพื่อนฝูงอย่างเดียว เพราะในทางกลับกัน ถ้าไม่คุย ก็ไม่มีทางรู้ว่า ใครสักคนในบรรดาคนรู้จักของคุณ อาจเป็น “ว่าที่แฟนในอนาคต” เพราะคุณอาจจะพลาด จากการใช้แค่สายตาสกรีนหน้าตา(ตามสเปก) และทึกทักจากสิ่งที่เห็นไปเองว่า เขาเป็นคนแบบนี้แบบนั้น ไม่เหมาะกับชั้นหรอก โดยที่ไม่เคยได้รู้จักตัวจริงเลย

----------------------
เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ออกไปสังคม และไม่ยอมเริ่มคุยกับใครเลย
ก็แปลว่า ตัวคุณนั่นแหละ ที่ทำให้ตัวคุณยังโสด(สนิท)เอง หรือไม่ เนื้อคู่คุณก็ดันคิดเหมือนกับกับคุณ


ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้จ้า ^^

by เพจ ธีสิสมุ้งมิ้ง เยี่ยม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่